ในสายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงเห็นได้ชัดว่าชิงหลงเริ่มต้นโดยไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้กับพวกเขา หากไม่เช่นนั้น พวกเขาคงจะไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย นั่นหมายความว่าเขาสามารถเอาชนะพวกเขาได้สิบคนอย่างแน่นอน ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริงเลยชิงหลงมองไปที่พวกเขาด้วยความเย็นชา แล้วพูดว่า "ประมุขมู่หรงอิน ฉันจะให้โอกาสสุดท้ายแก่คุณ บอกเหตุผลที่เข้ามาฆ่าเย่ไป๋ชวน วันนี้ฉันจะไม่ฆ่าคุณ แต่จะจับคุณไป""ไม่มีเหตุผล"มู่หรงอินตอบอย่างเย็นชา การถูกจับกลับไปยังดีกว่าการตายเสียอีกจริง ๆ ไม่ได้คาดคิดว่าพลังของชิงหลงจะน่าหวาดกลัวขนาดนี้โชคดีที่เธอได้เตือนหลิวหลีว่าอย่าให้เทียนหยู่เข้ามาที่นี่ ไม่เช่นนั้นลูกชายอาจจะต้องพบกับภัยพิบัติอ้อ ยังไม่รู้หลิวหลีหนีออกไปได้จริงหรือไม่"ดีมาก นี่คือการหาตายของคุณเอง" ชิงหลงส่ายหน้า ยกมือขวาขึ้นเพื่อจะโจมตีแต่ในขณะนั้น ก็มีเสียงร้องที่เร่งรีบดังมาจากระยะไกล "หยุด หยุด!" ไม่นานนัก สาวงามผู้หนึ่งก็วิ่งมาด้วยความเร็วนั่นคือจูเก่อหลิวหลีเมื่อเห็นจูเก่อหลิวหลีกลับมา มู่หรงอินโมโหมาก เธอให้หลิวหลีไปเพราะต้องการให้เธอมีชีวิตอยู่ประการแร
"ฮ่า ๆ คุณกำลังถ่วงเวลาอยู่หรือเปล่า?" ชิงหลงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา"แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาจะมาถึงเร็ว ๆ นี้แน่" จูเก่อหลิวหลีปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอไม่ต้องการให้ชิงหลงลงมือทันที"ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ตาม ฉันไม่มีเวลาเหลือเฟือในการรอคุณอยู่ที่นี่ ถ้าเช่นนั้นให้เวลาแค่สามนาที ถ้าเขายังไม่ปรากฏตัว ฉันจะฆ่าพวกคุณแล้วกลับไปรายงาน"ชิงหลงพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจูเก่อหลิวหลียังอยากพูดอะไรอีก แต่เมื่อชิงหลงมองไปที่เธอ สายตาของเขาทำให้เธอสั่นสะเทือน รู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างกดทับเข้าจับตัวเธอไว้ต้องรู้ว่าความสามารถของเธอนั้นเด่นชัด ร่างกายของเธอก็อยู่ในระดับเชี่ยวชาญ ถ้าแม้จะไม่ใช่ผู้ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ แต่ก็ถือว่าเป็นระดับที่สูงมากแล้วในที่สุด เธอก็ได้แต่ภาวนาในใจว่า นายน้อยของเธอจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ ไม่เช่นนั้นทั้งพวกเขาและแม่แต่เธอก็ต้องตายมู่หรงอินมีสีหน้าที่มืดมนอย่างมาก ไม่สามารถอดกลั้นได้จึงถามไปว่า "หลิวหลี คุณหาใครมากันแน่ เกี่ยวข้องกับเขาหรือเปล่า?"แม้ว่าคุณนายจะไม่พูดชื่อออกมา แต่จูเก่อหลิวหลีก็เดาได้ถึงความหมายที่มู่หรงอินถาม สับสนเล็กน้อยแล้วพยักหน้า"คุณ!"มู
สำหรับเรื่องที่คุณนายมีลูกชายอยู่ข้างนอกนั้น ทูตทั้งสองยังไม่ทราบเรื่องชิงหลงมีสีหน้าที่ยิ่งเย็นชา ขนาดกี่ปีแล้ว ยังไม่มีใครกล้าทำตัวเหลวไหลต่อหน้าเขาแบบนี้ แม้ว่าเสียงจะบ่งบอกว่ามีพลังที่แข็งแกร่งมากน่าจะเป็นผู้ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์สูงสุดอีกคนถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าผู้ที่มีพลังระดับนี้มาจากที่ไหน แต่การกล้าพูดกับเขาแบบนี้ ผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือการตายในที่สุดแต่เขาก็รู้สึกอยากรู้ว่าใครกันที่กล้าทำตัวแบบนี้ต่อหน้าเขา เย่เทียนหยู่วิ่งมาด้วยความเร็วสูง และในไม่ช้าเขาก็มาถึงสถานที่ เหวี่ยงตัวลงข้างมู่หรงอิน ที่นั่นมีเพียงมู่หรงอินที่เหมาะสมในฐานะคุณนายทุกสายตาเบนไปที่เขา เห็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบกว่าปีปรากฏตัวขึ้นในที่นั้น รูปร่างสง่าผ่าเผย เปี่ยมไปด้วยอำนาจ รัศมีเปล่งประกายจับตาจูเก่อหลิวหลีมองตะลึงอยู่กับภาพนั้น เธอไม่เคยเห็น เย่เทียนหยู่ในลักษณะนี้มาก่อนแน่นอน เขานั่นแหละคือผู้ที่เธอชื่นชอบ หล่อเหลาเหลือเกิน!ชิงหลงขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ เด็กหนุ่มคนนี้กลับดูอ่อนวัยขนาดนี้ แต่กลับมีพลังเช่นนี้ บอกได้ว่ามันเกินความคาดหมายของเขาไปแล้วหรือว่าได้รับยาให
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงเด็กหนุ่มคนนี้กล้าที่จะพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าชิงหลงโดยเฉพาะมู่หรงอินที่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบพูดว่า "อย่า! คุณกลับไปเถอะ! ให้ฉันไปเอง ไม่ต้องการให้คุณมาปกป้องฉัน!""แม่ ท่านอย่ากังวล ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่สามารถทำอะไรผมได้" เย่เทียนหยู่พูดซ้ำอีกครั้ง มองไปที่ชิงหลงด้วยสายตาเย็นชา"เด็กน้อย อายุน้อยจริง ๆ แต่กลับมีความกล้าหาญอยู่ไม่น้อย" ชิงหลงหายใจออกมาเบา ๆ ที่แท้แล้วอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับมีความสามารถขนาดนี้ ทำให้เขาประหลาดใจไม่คิดว่าจะเป็นแค่คนโง่เขลาและหัวร้อน"ไม่ใช่การหยิ่งดูหมิ่น แต่เป็นความจริง!""ได้ยินมานานแล้วว่าชิงหลงเป็นผู้มีพลังอันดับหนึ่งในโลก วันนี้ถือว่ามีโอกาสได้เห็นว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า!" เมื่อเย่เทียนหยู่พูดจบ พลังของเขาก็กระจายออกมาอย่างบ้าคลั่งอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังไม่มีใครเชื่อมั่นในเขาทูตใหญ่ล่าว พลางกัดฟันแล้วพูดว่า “ประมุข เดี๋ยวผมกับน้องจะใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดสู้กับชิงหลง เพื่อล่อเขา ส่วนท่านก็หาวิธีพานายน้อยออกไปจากที่นี่”ในสายตาของพวกเขา เย่เทียนหยู่ถือว่าเป็นประมุขของสำนักเงาใน
แม้จะได้รับการสั่งสอนจากผู้เฒ่าราชามังกร การมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวในวัยเยาว์เช่นนี้ก็ยังถือว่าหาได้ยากยิ่ง"ใช่ครับ!""ศิษย์คนนี้ของท่านมีพรสวรรค์โดดเด่นจริงๆ และมีพลังด้วย แต่ดูเหมือนจะหลงตัวเองมากเกินไป ยังต้องฝึกฝนอีกมาก" ชิงหลงกล่าวตำหนิอย่างเรียบ ๆ"ฮ่าๆ ก็เขายังหนุ่มนี่ คนหนุ่มก็ต้องมีความกล้าของคนหนุ่ม ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นคนแก่อย่างฉันนี่สิ"ผู้เฒ่าราชามังกรหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า "ชิงหลง เห็นแก่หน้าฉันคนแก่คนนี้ เรื่องวันนี้ก็ให้จบแค่นี้เถอะ ว่าไง?"ไม่คาดคิดว่าชิงหลงจะส่ายหน้าแล้วพูดอย่างจนปัญญา "ถ้าเป็นเรื่องอื่น ที่คุณขอมา ฉันย่อมไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ แต่เรื่องนี้ ไม่ได้!""จำเป็นต้องลงมือจริง ๆ หรือ?""ใช่ คุณเป็นผู้เฒ่าราชามังกร คงรู้เรื่องของเย่ไป๋ชวนใช่ไหม""รู้สิ มันสมควรตายแล้ว""โอ้? คุณก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน""ใช่ เหตุผลที่แท้จริง เรามาหาที่ที่คุยกันอย่างละเอียดดีกว่า ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขาไปก่อน ถ้าคุณฟังเหตุผลแล้วยังไม่พอใจ ค่อยกลับมาฆ่าพวกเขาก็ไม่สาย"ผู้เฒ่าราชามังกรกล่าว"ฟังดูมีเหตุผลอยู่"ชิงหลงพยักหน้าพูดว่า "ดี เห็นแก่หน้าคุณ ฉันจะให้โอก
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงหลง มู่หรงอินรู้สึกตกใจมากเด็กโง่คนนี้ ทำไมถึงโง่ขนาดนี้!ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรแล้ว ทำไมต้องดึงดันเอาชนะด้วยเล่าแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้มู่หรงอินสงบลงมาก ส่วนใหญ่เป็นเพราะผู้เฒ่าราชามังกรอยู่ที่นี่ เธอเชื่อว่าผู้เฒ่าราชามังกรจะไม่ยอมให้เทียนหยู่เป็นอันตรายแน่นอนเมื่อได้ยินคำพูดของชิงหลง เย่เทียนหยู่แค่นเสียงหึหนึ่งที พูดด้วยเสียงเย็นชา "ฮึ ไม่นึกว่าเทพสงครามชิงหลงผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจะเป็นคนปากมากขนาดนี้""อยากตายรึไง!"ชิงหลงโกรธจัดในทันที ดาบชิซิงหลงหยวนในมือขวาสว่างวาบขึ้น ใบไม้ กิ่งไม้ และเศษวัสดุต่าง ๆ รอบ ๆ ถูกดึงดูดขึ้นมาทั้งหมดสิ่งเหล่านี้รวมตัวกับพลังดาบอันทรงพลัง พุ่งเข้าใส่ด้วยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวจูเก่อหลิวหลีรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าตกใจทันที เธอพ่นเลือดออกมาคำหนึ่งในทันที โชคดีที่แรงกดดันนี้หายไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเป็นเพราะเย่เทียนหยู่ขัดขวางไว้ผู้เฒ่าราชามังกรยิ้มขื่น ๆ เด็กคนนี้ทำให้ชิงหลงโกรธจัดเสียแล้วตอนนี้ แม้ว่าตนเองจะช่วยเหลือในภายหลัง ก็คงจะลำบากมากแต่เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ได้แต่ดูสถานการณ์ไปทีละขั้น เ
แต่แม้ว่าหยางโป้จุนและนักฆ่าหมายเลขเจ็ดจะเร็วมาก แต่ถังวั่นหลี่ก็ไม่ต่างกันมากนัก ในเวลาอันสั้นเพียงชั่วครู่พวกเขาก็มาถึงบริเวณนั้นแล้วเมื่อยอดฝีมือของผู้อารักขาเฟยหลงเห็นมีปรมาจารย์ระดับสูงสามคนสวมหน้ากากปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเครียดเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนที่ชิงหลงยังต่อสู้อย่างสูสีกับเย่เทียนหยู่ พวกเขาแทบจะรับมือกับชิงหลงคนเดียวไม่ไหว หวังว่าชิงหลงจะไม่เสียสมาธิแต่ถ้ามีอีกหลายคนระดับปรมาจารย์มาก็จะยิ่งแย่ลงไปอีกจูเก่อยินและคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย พวกเขาสังเกตเห็นความเร็วและพลังของผู้มาใหม่ซึ่งน่ากลัวมาก แม้จะไม่เท่าพวกเขาโดยเฉพาะผู้เฒ่าราชามังกร ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่ธรรมดาของหยางโป้จุนทันที"พลังที่น่ากลัวจริง ๆ" นักฆ่าหมายเลขเจ็ดเพียงยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่เลย"ท่านถัง คุณชายกำลังต่อสู้กับใคร?" หยางโป้จุนยืนอยู่ข้าง ๆ ถามเบา ๆ ส่วนถังวั่นหลี่ก็มาถึงเพียงสักครู่หลังพวกเขาเมื่อถังวั่นหลี่มาถึงและเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นตกใจอย่างมากวิ้ย! เทพเจ้าของผม!อ้าว! นี่คือเทพสงครามชิงหลง!เมื่อหลายปีก่อน เขาเคยมี
เมื่อเสียงของชิงหลงเงียบลง ดาบในมือของเขาปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า ดาบมีพลังสูงส่ง จนถึงขั้นที่พลังดาบห่อหุ้มตัวเขาให้กลายเป็นดาบยักษ์ ร่างกายของเขาก็เข้าเป็นหนึ่งกับดาบยาวจากนั้นเขาได้รวมร่างกับดาบและพุ่งตรงไปทางเย่เทียนหยู่ ราวกับว่าพื้นที่รอบข้างได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แตกสลายไม่หยุดท่าต่อสู้นี้เรียกว่า “การทำลายจักรวาล” ได้รวมพลังทั้งหมดของเขาเข้าไว้ด้วยกัน และปล่อยออกมาหมายถึงการโจมตีที่น่ากลัวที่สุด ในโลกนี้ ไม่มีใครสามารถต้านทานได้!ในช่วงเวลานี้ สีหน้าของผู้เฒ่าราชามังกรงเปลี่ยนไปอย่างมาก ท่าที่ใหญ่โตเช่นนี้ แม้แต่เขาก็ไม่มีวิธีที่จะรับมือ หากเขาเผชิญหน้ากับมัน จะต้องตายแน่นอน“ถอย!” ผู้เฒ่าราชามังกรตะโกนเสียงดัง นำมู่หรงอินที่บาดเจ็บและคนอื่น ๆ ถอยกลับอย่างรวดเร็วจริง ๆ แล้วไม่ต้องรอให้เขาพูด ทุกคนที่มาชมก็ถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นนั้นน่ากลัวเกินไปพวกเขาไม่เพียงแค่ถอยกลับเล็กน้อย แต่ถอยไปมากถึงหลายสิบเมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เชี่ยวชาญจากผู้อารักขาเฟยหลง ที่ติดตามชิงหลงมาเย่เทียนหยู่ก็รู้สึกถึงพลังและแรงกดดันอันน่ากลัวนั้น ดูเหมือ
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย