“ท่านมีอะไรก็พูดตรง ๆ เถอะ เราเป็นลูกผู้ชายเหมือนกัน คนตรงไม่อ้อมค้อม”“ดี เช่นนั้นข้าจะพูดตรง ๆ”“เชิญ แต่หากว่าเป็นเรื่องของม่านซีข้าบอกท่านคำเดียวได้เลยว่า ข้าไม่ถอยแน่”เจียงอี้หานวางจอกชาตรงหน้าและสบตาบุรุษหนุ่มฝั่งตรงข้าม แม้ใบหน้าที่เรียบเฉยนี้จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดัน แต่ว่านเนี่ยฟงเป็นรองแม่ทัพ เขาไม่มีทางอ่อนไหวด้วยเรื่องเพียงเท่านี้“ท่านจะถอยหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ที่รู้คืออยากจะบอกท่านว่าอย่าเสียเวลาเลยดีกว่าถึงอย่างไรม่านซีก็ไม่มีทางเป็นของท่าน”“ท่านดูมั่นใจมากว่านางจะเลือกท่าน”“หากไม่มั่นใจข้าคงไม่มานั่งอยู่ที่นี่”“คุณชายเจียง หากว่าท่านมั่นใจในตัวนางและรู้จักนางดีจริง ๆ ท่านคงไม่มานั่งกดดันข้าอยู่ตรงนี้ แต่ที่ท่านกำลังทำอยู่นี่ ข้าคิดว่าท่านกำลังกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจต่างหากเล่า”จวนสกุลกู้"เหตุใดยังไม่กลับอีกล่ะข้าก็กลับมาก่อนตั้งนานแล้วนี่นา นี่เสี่ยวจู เจ้าว่าข้าควรเดินไปรอเขาที่จวนหรือไม่ เสี่ยวจู!! เจ้าแมวขี้เกียจ ข้าถามว่า…"“คุณหนู ท่านขึ้นไปทำอะไรบนนั้นเจ้าคะ ลงมาเถอะเจ้าค่ะขนมและของว่างเตรียมเสร็จแล้ว”“รอเดี๋ยวก่อนแล้วก็เงียบเสียงด้วย”ม่านซีเกาะอยู่บนต้นไม้ใ
“คุณหนูเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ เจ้าเสี่ยวจู…”“ทำไม มีอะไรข้าจะงีบสักหน่อย”นางจำได้ว่าเสี่ยวจูโกรธและกระโดดออกจากห้องนอนของนางออกไป ส่วนนางก็โมโหจนเพลียและเผลอหลับก่อนจะตกใจกับเสียงเรียกของชุนหลินที่เดินเข้ามาปลุกในเวลาต่อมา“คุณหนูเจ้าคะ ครั้งนี้เรื่องใหญ่แน่เจ้าค่ะ”“เรื่องใหญ่อะไร เสี่ยวจูมันไปกระโดดทับใครหรือว่ามันตกสระอีกหรืออย่างไร เจ้าแมวหน้าเซ่อขี้โมโหนั่น…เจ้าแมวเจียงอี้หานจอมโหด…”“คุณหนู!! ข้าได้ยินเสียงของแตกในจวนคุณชายเจียง และได้ยินเสียงขององครักษ์ต้าจื่อของคุณชาย คิดว่าเสี่ยวจูต้องไปก่อเรื่องทำลายข้าวของในจวนคุณชายเจียงเป็นแน่ท่านรีบลุกไปตามมันกลับมาเถอะเจ้าค่ะ”คำว่าทำลายข้าวของทำเอากู้ม่านซีตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นมาและหันมามองสาวใช้อีกครั้ง“อะไรนะ!! เจ้าบอกว่า เสี่ยวจูมันทำอะไร”“ข้าว่ามันน่าจะโมโหก็เลยไปบุกทำลายจวนของคุณชายเจียงเจ้าค่ะ ท่านรีบไปเถอะเจ้าค่ะ”“เสี่ยวจู แย่ล่ะสิครั้งนี้ซวยแน่ ๆ ปิศาจเจียงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่เสี่ยวจู เร็ว ๆ เข้า”กู้ม่านซีรีบวิ่งออกมาพร้อมกับชุนหลินแต่เมื่อนางเดินออกไปจากเรือนก็พบว่าต้าจื่อเดินมาพร้อมกับเสี่ยวจูที่อยู่ในกรงหมูอย่างดีและต้าจื่อ
กู้ซานหรงรู้สึกแปลก ๆ กับคำกล่าวนี้ยิ่งนักเมื่อมองไปยังใบหน้าของบุรุษหนุ่มตรงหน้าและสายตาที่มุ่งมั่นของเขาที่มองกลับมา เขาเริ่มรู้แล้วว่าคืนนี้เจียงอี้หานมิได้มาเพียงแค่เรื่องในราชสำนักเพียงอย่างเดียว“ท่านกล่าวเช่นนี้ ท่านกับน้องสามของข้า….”“พวกเราเป็นคนรักกัน ข้ารักน้องของท่านด้วยใจจริง ให้สัตย์สาบานกับนางว่าจะรักและดูแลนางไม่ให้นางต้องเสียใจ แต่เรื่องบางอย่างข้ายังบอกนางตอนนี้ไม่ได้ วันนี้ที่ข้ามาหาท่านก็เพื่อจะมาคุยกับท่านเพื่อให้เราเข้าใจกันก่อนที่จะเข้าเมือง”“อะไรนะ คนรักงั้นหรือ!! เหตุใดน้องสาม…ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ เนี่ยฟงเองก็… ไม่สิเดี๋ยวก่อนนะท่านพึ่งจะเดินทางมาที่นี่ ตลอดที่ผ่านมาท่านไม่เคยแตะต้องสตรีเลยนี่ เหตุใดจึงมาถูกใจคนอย่างซีเอ๋อร์ได้ นาง…น้องสาวของข้าคนนี้ไม่เหมือนสตรีเลยสักนิด”“ข้าเองก็บอกท่านไม่ถูกเพียงแต่ว่าตอนนี้ข้าขาดนางไม่ได้ และไม่มีทางยอมมอบนางให้กับผู้อื่น ผู้ที่จะปกป้องนางมีเพียงข้าและข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องนางแม้แต่ปลายเส้นผม”“ที่ท่านพูดเช่นนี้ ท่านคงรู้สินะว่ารองแม่ทัพของข้าก็หมายปองน้องสาวของข้าเช่นกัน ที่ท่านมาพบข้าในวันนี้ก็เพื่อจะแจ้งเรื่องนี้ก
วันถัดมา / จวนสกุลกู้“เสี่ยวจูอยู่ไหนนะ ไปไหนแต่เช้าละนี่ เสี่ยวจู!!”“ท่านหญิง”“เสี่ยว…. เอ่อ…ท่านคือ…”“ข้าน้อยหลิวเฟิ่งเทียน วันก่อนเราพบกันที่จวนคุณชายเจียงท่านพอจะจำได้หรือไม่”“อ้อ ที่แท้ก็เป็นท่านนี่เองเชิญนั่งก่อนสิ วันก่อนเกิดเรื่องวุ่นวายจนไม่ทันได้ขอบคุณท่าน เช่นนั้นวันนี้ใช้โอกาสนี้ขอบคุณท่านเลยก็แล้วกันเชิญนั่งก่อนสิ”หลิวเฟิ่งเทียนนั่งที่โต๊ะในสวนตามคำเชื้อเชิญของกู้ม่านซี พวกเขานั่งดื่มชากันพักใหญ่ ไม่นานต้าจื่อก็เข้ามาแจ้งกับเจียงอี้หานที่กำลังเดินออกมาพร้อมกับเสี่ยวจู“คุณชาย”“ยังไม่รีบไปเตรียมของอีกหรือ ข้าจะพาเสี่ยวจูไปส่ง”“คุณชายขอรับ ตอนนี้คุณชายหลิวมาพบท่านหญิงที่จวนขอรับ”“อะไรนะ คุณชายหลิวงั้นหรือ”“ขอรับ”“ต้าจื่อ เจ้าส่งเครื่องประดับนี่ไปที่ร้านเพื่อให้เขาซ่อมแซมที”“ขอรับแต่ว่าคุณชาย ท่านจะไป….”“ข้าทำไม”“แล้วเสี่ยวจู…”“ข้าจะพามันไปส่งเอง เจ้ารีบไปเถอะ"“ขอรับ”ต้าจื่อเดินออกไปแล้วพร้อมกับกล่องเครื่องประดับ ส่วนเขาแค่ตบที่โต๊ะสองสามทีเสี่ยวจูก็วิ่งมาเพราะปลาที่อยู่ตรงหน้าของเขานี่เอง“กินดี ๆ ล่ะ”แมวตัวอ้วนที่พึ่งตื่นเมื่อเห็นของโปรดอยู่ตรงหน้าก็รีบกิ
“อี้หาน เดี๋ยวก่อนสิท่านอย่าดึงข้า”“จะเดินเข้าไปดี ๆ หรือว่าจะให้ข้าอุ้มเจ้าเข้าไป เลือกเอาเองม่านซีเพราะข้าคงอดทนได้ไม่มากพอ”“เมื่อวานไม่ยอมพบข้า วันนี้กลับลากข้าเข้ามาในจวนท่านต้องการอะไรกันแน่ข้าตามอารมณ์ไม่ถูกแล้ว”เจียงอี้หานดึงนางเข้ามาข้างในจวน เขาเองก็ตกใจและทำอะไรไม่ถูกเมื่อแมวอ้วนจอมตะกละนั่นกินปลาที่เขาให้จนก้างไปติดคอ เกิดมาก็พึ่งจะเคยเห็นแมวที่กินปลาแล้วก้างติดคอ ช่างน่าสมเพชตัวเองยิ่งนักทั่วทั้งใต้หล้านี้มีคดีมากมายที่เขาจัดการได้ ปัญหาพวกขุนนางทรราชทั้งหลายกว่าครึ่งราชสำนัก ล้วนเป็นฝีมือเขาที่ไขคดีจนจับคนร้ายได้ แต่แค่ก้างติดคอแมวเขากลับช่วยมันไม่ได้จนต้องให้ชายอื่นแย่งความชอบไปแล้วมานั่งโมโหตัวเอง“โอ๊ย! ท่านทำไมพาข้าขึ้นมาที่นี่ ห้องนี้มัน…”“ห้องนอนข้าเอง”“อะไรนะ!”“ทำไมงั้นหรือ เจ้าคิดว่าคนพลุกพล่านข้างล่างนั่นคงไม่เหมาะที่จะคุยกันเท่าไหร่ ข้าเลยพาเจ้าขึ้นมาคุยข้างบนนี้”“แต่ว่าเสี่ยวจู”“เจ้าพาหลิวเฟิ่งเทียนมาช่วยมันแล้วนี่ ไม่ไว้หน้าข้าเลยสักนิดตอนนี้คิดจะเป็นห่วงมันขึ้นมางั้นหรือ”“ไว้หน้าเรื่องใด ก้างติดคอมันก็เป็นเพราะท่าน เขามาช่วยแทนที่จะขอบใจแต่ท่านเอาแต
เจียงอี้หานลูบศีรษะนางเบา ๆ เพราะเขาจดจำเหตุการณ์นั้นได้ดีเช่นกัน ราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองตอนที่นางกระโดดข้ามรถม้าของเขา ที่แท้ก็เพราะรีบพาเจ้าแมวอ้วนที่บังอาจแย่งตักนางอยู่ตอนนี้นี่เอง “ที่แท้เจ้าก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันหรอกหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ ข้าจะไปรู้หรือว่าแมวที่ชอบกินปลาจะทำก้างติดคอได้ แต่เจ้าแมวอ้วนตัวนี้กลับทำก้างติดคอตัวเองได้ถึงสองครั้งภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน แมวโง่เอ๊ย…โอ๊ย!”“ม่านซี!”“เจ้าเสี่ยวจูตัวร้าย นี่เจ้ากล้ากัดนิ้วข้าเชียวหรือ!”“ไหนเอามือมาดูสิ เลือดออกหรือไม่”“ไม่เป็นไรข้าแค่ตกใจเท่านั้น เสี่ยวจูไม่ชอบให้ใครว่ามันว่าโง่ ไม่อย่างนั้นอะไรอยู่ใกล้ตัว มันจะทำลายไม่เหลือเลย”“เฮ้อ… เสี่ยวจูนะเสี่ยวจูเจ้านี่มันดื้อกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก ไม่ต้องมามองหน้าข้าเมื่อคืนนี้ผู้ใดแบ่งผ้าห่มให้แมวอ้วน ๆ อย่างเจ้ากัน ยังไม่เรียกข้าว่าพ่ออีกหรือ”“ม้าว…!!”ม่านซีอดขำไม่ได้ที่เจียงอี้หานมองเสี่ยวจูอย่างคาดโทษ “นี่ท่านพาลแม้กระทั่งกับแมวงั้นหรือ ช่างเผด็จการยิ่งนัก”“ข้าน่ะหรือเผด็จการ เมื่อคืนนี้ลูกชายเจ้าหนีมาหาข้าตอนดึกแล้วยังปล้นปลาของข้าไปตั้งหลายตัว ลำบากต้าจื่อใ
วันถัดมา / จวนสกุลกู้ในตอนเช้ากู้ม่านซีที่ตื่นแต่เช้าก็รีบลุกขึ้นมาพร้อมกับแต่งตัวเมื่อสาวใช้มาแจ้งนางว่าคุณชายใหญ่ “กู้ซานหรง” จะเดินทางเข้ามาที่สกุลกู้“พี่ใหญ่! ท่านกลับมาแล้ว”“น้องสาม”กู้ม่านซีวิ่งไปกอดพี่ชายที่ไม่ได้พบกันเกือบสี่ปี หลังจากที่ซานหรงได้ไปประจำการที่แดนใต้เขาก็ไม่ค่อยได้กลับมาที่จวน เสี่ยวจูที่วิ่งตามนางมาพยายามวิ่งให้ทัน แต่เพราะตัวที่ทั้งอ้วนและขาสั้นมันจึงได้แค่แวะไปนั่งที่เก้าอี้เท่านั้น“ไหนดูสิ เจ้าโตขึ้นมากเลยนี่ยอดไปเลย”“พี่ใหญ่ท่านตัวสูงมากแต่ว่าผิวของท่านเหตุใดจึงคล้ำเช่นนี้ แต่ก็ดีถึงอย่างไรท่านก็ยังดูหล่อเหลาแม้จะผิวเข้มไปหน่อยแต่ก็ดูแข็งแรงสมเป็นชายชาตรี”“เจ้านี่นะ ช่างพูดเสียจริงได้ข่าวว่ามีเทียบเชิญทั้งงานเลี้ยงแล้วยังเทียบสู่ขออีกมากที่ส่งมาให้มิใช่หรือ”“อะแฮ่ม…แคก แคก”กู้ม่านซีพึ่งสังเกตว่าพี่ชายของนางมิได้มาคนเดียว ข้าง ๆ ใต้เท้ากู้ยังมีเจียงอี้หานที่นั่งลูบเสี่ยวจูอยู่ มันกระโดดขึ้นไปนอนที่ตักของเขา เมื่อม่านซีเห็นจึงได้ตกใจก่อนจะหันมามองพี่ใหญ่ของตัวเอง“พี่ใหญ่นี่ท่าน… มากับเขางั้นหรือแล้วพี่เนี่ยฟงเล่าเจ้าคะเหตุใดจึงไม่มากับท่านด้วย”“เอ
“ม่านซี เจ้าเป็นอะไรไป”กู้ม่านซีหันมามองหน้าของเจียงอี้หานอีกครั้ง นางกำลังจะเรียบเรียงคำพูดเพราะตอนนี้เหมือนกับว่าลิ้นนางแข็งจนพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าเขา นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันจนเสียงของกู้ซานหรงดังขึ้น“ซีเอ๋อร์! เจ้าเป็นอย่างไรบ้างได้ข่าวว่าเจ้าไม่ค่อยสบาย”ม่านซีพยายามจะอ้าปากพูดแต่เหมือนกับเสียงจะไม่ออก เจียงอี้หานตกใจและแปลกใจไม่น้อย เขาเอื้อมมาจับมือนางเอาไว้แน่น“ม่านซีเจ้าไม่ต้องกลัวนะ มีข้าอยู่จะไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้”ม่านซีรู้สึกเหมือนกับได้อาบแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าของวันใหม่ เพียงแค่คำพูดเดียวของเขาก็ทำให้นางเริ่มดีขึ้น “พี่ใหญ่ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านด้วย”“เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ เหตุใดหน้าเจ้ายังซีดอยู่เล่า”“ข้าไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะเพียงแต่เกิดเหตุนิดหน่อยข้าปวดท้องพระชายาก็เลยรีบให้คนมาส่ง”ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะพยายามเข้าใจความเร่งด่วนของม่านซีซึ่งบุรุษเช่นพวกเขาคงไม่เคยพบเจอ พวกเขาจึงไม่ถามนางต่อ แต่สีหน้าของม่านซียังทำให้เจียงอี้หานยังไม่วางใจ“เช่นนั้นเจ้าก็…เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปคุยกับท่านพ่อสักหน่อย”“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะท
จวนองค์ชายห้า “พระชายาอยู่ที่ใด”“ทูลองค์ชาย พระชายายังทรงบรรทมอยู่เพคะ”“เช่นนั้นเองหรือ จริงสิชุนหลิน”“เพคะ”“เจ้าไปเอาเสี่ยวจูกลับมาที่นี่เถอะ แล้วก็หาสาวใช้ที่พอรู้ความมาช่วยอีกสักสองสามคนคอยระวังพระชายาให้ข้าระหว่างที่ข้าไม่อยู่ด้วย”“เพคะองค์ชาย ขอบพระทัยเพคะ”ชุนหลินดีใจและรีบออกไปรับเสี่ยวจูกลับมา นางรู้ว่ากู้ม่านซีเอาแต่นอนเพราะนางไม่มีจิตใจอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรทั้งนั้น อีกอย่างตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายจนไม่มีผู้ใดเข้าหน้าติด แม้ว่าจะไม่แพ้ท้องแต่ก็ทำให้ทั้งจวนวุ่นวายไปไม่น้อย ห้องบรรทม องค์ชายเดินมานั่งข้าง ๆ พระชายาที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง ใบหน้านางยามหลับเป็นสิ่งที่เขาชอบมองมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นขนตางอนยาวเป็นแพ ริมฝีปากที่อวบอิ่มที่เขามักจะใช้เวลากับมันนานที่สุดก่อนจะนอนทุกค่ำคืน แต่ตั้งแต่ที่รู้ว่านางตั้งครรภ์เขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องนางเลย เพราะอยากให้ม่านซีได้พักผ่อนอย่างเต็มที่“ท่านกลับมาแล้วหรือเพคะ”“อย่าพึ่งรีบลุกสิเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา เจ้าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่”“ไม่แล้วเพคะ หม่อมฉันนอนนานเกินไปเดี๋ยวตอนค่ำจะนอนไม่ได้ นี่กี่ยามแล
สามเดือนถัดมา“ไม่ได้นะ ท่านจะเอามันไปไว้กับท่านพ่อทำไมกัน”“ไม่ได้! หากยังอยู่เช่นนี้สักวันเจ้าต้องเดินสะดุดมันล้มแน่นอน เจ้าดูสิมันอยู่เฉยเสียที่ไหน ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”“ต้าจื่อ!”“พ่ะย่ะค่ะพระชายา”“เอาเสี่ยวจูไปฝากท่านพ่อเอาไว้”“ห้ามเอามันกลับไปนะ หากว่าเสี่ยวจูกลับ ข้าก็จะไม่อยู่กับท่าน!!”“ม่านซี! เหตุใดเจ้าจึงดื้อนัก หมอหลวงก็บอกแล้วว่าช่วงนี้เจ้าอารมณ์แปรปรวน ครรภ์แรกสำคัญมากและห้ามอยู่ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง อีกอย่างหากเจ้ายังเดินเหินไม่ระวังเช่นนี้สักวัน…”“ท่านไม่เข้าใจข้าเลยสักนิด ท่านเอาแต่ทำงานในราชสำนัก ออกจวนไปตั้งแต่เช้ากลับมาก็ดึกดื่นข้ามีเพียงเสี่ยวจูอยู่เป็นเพื่อน วันนี้ท่านก็จะเอามันกลับไปอีก เจียงอี้หานท่านว่ามาว่าจะให้ข้าทำเช่นไร!!”จวนสกุลกู้ “เฮ้อ… ดูท่าองค์ชายคงต้องรับศึกหนักอีกแล้วสินะ”“งานนี้น้องเขยคงกินข้าวเช้าไม่อร่อยเป็นแน่ขอรับ ตั้งแต่ซีเอ๋อร์ตั้งครรภ์ก็อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ลูกเห็นใจน้องเขยยิ่งนัก”“ครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเสียงดังกว่าทุกครั้ง เป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่ แต่ว่าในเมื่อนางแยกครอบครัวไปแล้วเราก็ไม่สมควรจะไปวุ่นวาย”“ขอรับ ลูกแอบถามองค์ชายแล้วพระอ
“เจียงอี้หานคนขี้โกง….”ริมฝีปากเย็นประกบลงไปเพื่อปิดปากคู่หมั้นสาวทันที ม่านซีมิอาจหลีกหนีสัมผัสแห่งรักนี้ได้เลย ทุกครั้งที่ถูกเขาจู่โจมนางมักจะพ่ายแพ้ราวกับถูกหลอมละลายไปด้วยไฟปรารถนาที่พร้อมจะเผาไหม้นางทั้งตัวเช่นนี้“อื้อ อี้หานเราอย่าพึ่ง…อ๊าา”“ไม่ทันแล้ว เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการเจ้าเพียงใด”“อื้อ…แน่นมาก อี้หาน อ๊าา!!”ลิ้นของเขาดูดดึงยอดอกสีหวานพร้อมกับกายท่อนล่างที่กระหน่ำกระแทกถี่ ๆ เพื่อส่งทั้งคู่ไปแตะทางสวรรค์ เหลืออีกกว่ายี่สิบวันที่จะเข้าพิธีแต่งงาน แต่คนที่พระทัยร้อนอย่างองค์ชายห้าก็ยังรอไม่ไหวจนต้องหาเรื่องเข้าหอกับนางเสียก่อน“อ๊ะ อี้หานข้าต้องกลับจวน อ๊าา….”“หากกล้าพูดอีกคืนนี้ก็อย่าได้หวังจะได้เดินลงจากเตียงข้าได้”“อื้อ อ๊าา…ท่านเบาหน่อยสิ อ๊าา!!!”“เจ้าทั้งหอม หวานและน่ากินไปทั้งตัวเช่นนี้ คิดว่าค่ำคืนนี้ข้าคงไม่อิ่มเป็นแน่ ม่านซีเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเจ้า พี่ชายหรือแม้แต่สาวใช้และองครักษ์ มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”“อ๊าา อย่าพึ่งพูดข้าจะ…อ๊าา อี้หาน!!”เขารู้ว่านางเริ่มทนไม่ไหวเขาจึงจับนางขึ้นมาจูบ ปากที่บดขยี้รุนแรงพอ ๆ กับแรงกร
จวนองค์ชายห้า “เสี่ยวจู!!”ม่านซีวิ่งกระหืดกระหอบไปที่จวนขององค์ชายห้าโดยมีกู้ซานหรงและจิ่วหลงวิ่งตามมา เมื่ออี้หานเห็นนางจึงรีบเดินเข้ามารับเพราะสีหน้าของคู่หมั้นสาวทั้งซีดเซียวและหวาดกลัว“ม่านซีเจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อย ๆ พูดนะ”“อี้หาน…ไม่สิ องค์ชาย เสี่ยวจูก่อเรื่องแล้ว”“เรื่องนั้นเจ้าอย่าตกใจไป องค์รัชทายาทก็แค่อยากจะเล่นกับมันเท่านั้น”“แต่ว่าวันถึงกับ…”“เอาน่า ๆ พวกเจ้าเข้ามานั่งก่อนเถอะ ตอนนี้องค์ชายกำลังอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ข้างใน เข้ามาแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”“องค์ชายครั้งนี้เสี่ยวจูล่วงเกินองค์รัชทายาท โทษหนักถึงตายเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”“ซานหรงเจ้าก็พูดเกินไปแล้วไม่มีอะไรหนักหนาขนาดนั้น เข้ามาก่อนแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง ค่อย ๆ เดินนะม่านซี”“แต่ว่าตอนนี้เสี่ยวจู”“ไม่ต้องห่วง ต้าจื่อเอามันไปอาบน้ำน่ะ”“แต่ว่ามันยอมหรือเพคะ”“เข้ามานั่งพักก่อนดูเจ้าสิวิ่งหอบมาเป็นลูกแมวเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่ง”“ท่านยังจะมาพูดเช่นนี้อีก ล่วงเกินองค์รัชทายาทถึงกับโดนตัดหัวได้เชียวนะแต่นี่มันถึงกับ…”เจียงอี้หานยิ้มและพานางเดินมานั่งที่ระเบียงซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขาเวลามานั่งจิบชาชมสวนที่นี่ ซานหรงน
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“ดูเจ้าสิ ตั้งแต่มาจิ่งโจวเจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเปลี่ยนไปมากเพียงใด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยอมแพ้สตรีเช่นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดความคาดหมายของข้านัก”เจียงอี้หานหันไปมองกู้ม่านซีที่มีท่านชายรองคอยพยุงอยู่ไกล ๆ เมื่อพวกเขาหันไปสังสรรค์กันที่อีกโต๊ะหนึ่ง เพียงแค่รอยยิ้มของน้องชายห้าที่ปรากฏองค์รัชทายาทก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่น้องชายเลือกในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง“ในตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าจะยอมรับเงื่อนไขแต่งงานกับท่านหญิงแคว้นจ้าวเป็นเขยแดนเหนือเสียแล้ว”“ข้าเข้าใจความปรารถนาดีของพี่หญิงรองดี แต่ข้ากับท่านหญิงผู้นั้น… ข้าไม่ได้มองนางเป็นเช่นนั้น”“เจ้าทำให้ท่านหญิงซู่หรงเยี่ยนเสียใจถึงกับต้องไปแต่งกับแม่ทัพแคว้นจ้าวเลยล่ะ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดเหมือนเจ้านะเห็นน้องหญิงรองบอกว่านางไม่ยอมกลับเข้าวังหลังจากทราบข่าวว่าเจ้าออกจากแดนเหนือและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่กองทัพหลังจากอภิเษก”“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้า บัดนี้คนที่ข้าต้องดูแล มีเพียงสตรีแสนซนตรงนั้น…เอ๊ะ! ท่านดูสิ นางซนขนาดไหน”ทั้งสองพระองค์หันไปเพราะตกใจเสียงของอี้หานที่มองไปที่ม่านซีตลอด นางเกือบจะล้มเพราะลืมนึกว่าต้องใช้ท
“ท่านพูดอะไรน่ะ”เจียงอี้หานเดินมานั่งใกล้ ๆ และดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่น นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ยังเต้นแรงรัวถี่อยู่ข้างในชัดเจนมากกว่าครั้งไหน ๆ“เจ้าฟังสิ ได้ยินหรือไม่”“ข้าได้ยินชัดแล้ว”“ข้าออกศึกเหนือใต้มานับครั้งไม่ถ้วน สืบคดีตามหัวเมืองทั่วหล้า ไม่มีเรื่องใดที่นึกกลัวเท่ากับวันนี้มาก่อน กู้ม่านซีเจ้าจะช่วยทำให้ข้าคลายกังวลลงได้หรือไม่ นับจากนี้ให้ข้าดูแลเจ้าอยู่กับเจ้าตลอดไปได้หรือไม่ อย่าทำตัวห่างเหิน อย่าจากข้าไปอีกเลยนะข้าขอร้อง”เขาสบตากับนางด้วยความจริงใจ วันนี้นางเองก็รู้ดีว่าในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นางก็เห็นเพียงใบหน้าของเขา ที่จริงแล้วนางเหมือนจะได้ยินเสียงของเขาก่อนที่จะปรากฏตัวด้วยซ้ำ นางจึงมั่นใจว่าไม่อาจขาดเจียงอี้หานได้เช่นกัน“ข้าขอโทษ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังและเป็นคู่หมั้นที่ดี จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจอีกแล้วองค์ชาย”“เจ้าหายโกรธข้าได้หรือยัง”“ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธท่าน”“เช่นนั้นจะเลิกทำตัวห่างเหินได้หรือยัง”“เลิกแล้ว”“เช่นนั้นอย่าได้คิดหลีกหนีข้าอีกได้หรือไม่”“ไม่หนีแล้ว”“ถ้าอย่างนั้น… แต่งงานกันนะ”“เจ้าค่ะ ข้าจะรีบแต่งงานกับท่านให้เร็วที่สุด”
เจียงอี้หานเร่งควบอาชาเข้าไปในสายหมอกที่เริ่มปกคลุมพื้นที่ป่า เขาเริ่มใช้การฟังเสียงจากระยะไกล ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกคนไม่ได้ยินเสียงแต่เพราะวิชาหูแปดทิศเขาจึงได้ยินเสียงตกใจของม้า“ม่านซี!! อยู่ที่ไหน”เสียงธนูที่พุ่งไปตรงเป้าหมายทำให้เจียงอี้หานเริ่มจับทิศทางอีกครั้ง เขาค่อย ๆ ควบอาชาเข้าไปใกล้ ๆ และสั่งให้กำลังทั้งหมดถอยออกไปเพราะเสียงฝีเท้าของม้าหลาย ๆ ตัวทำให้เขาแยกเสียงไม่ออก“จิ่วหลง ต้าจื่อ พวกเจ้าล้อมป่านี้ให้หมดอย่าให้สิ่งใดหลุดออกไปได้ ข้าจะเข้าไปหาม่านซี”""ขอรับ""เจียงอี้หานควบอาชามุ่งหน้าไปทางทิศที่เขาได้ยินเสียงธนู ทั้งเสียงสายน้าวและแรงดึงเขามั่นใจว่าต้องเป็นกู้ม่านซี เพราะเขาจดจำเสียงและน้ำหนักมือของนางได้ดี “ม่านซี!!”“อี้หาน!”ในที่สุดเขาก็เห็น ม่านซีที่ถูกล้อมด้วยหมาป่าสี่ตัว มันน่าจะทำให้ม้าของนางตกใจจนสลัดนางตกลงมา บัดนี้เหมือนกับว่าม่านซีบาดเจ็บที่ขาจึงไม่สามารถหนีจากดงหมาป่าได้ “ฉึก!!”“กรี๊ด!!”“ม่านซี!”นางยิงธนูดอกสุดท้ายที่มีไปที่หมาป่าหัวหน้าฝูงที่ก้าวเข้ามา ทำให้หมาป่าอีกตัวกระโจนเข้าหานาง เจียงอี้หานดึงมีดสั้นที่พกมาพุ่งไปที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำ หมาป่าตั
นางยังไม่ยอมหันมาคุยกับเขา เจียงอี้หานไร้หนทางจึงได้แค่กอดนางจากด้านหลังและสารภาพกับนางด้วยความจริงใจเพื่อมิให้กู้ม่านซีเดินหนีเขาไปอีกครั้ง“ครั้งแรกที่มาที่นี่ ข้าเองก็มิได้ต้องการอยากจะผูกมิตรกับผู้ใดเลยจริง ๆ คิดเพียงว่าจิ่งโจวก็ไม่ต่างกับหัวเมืองอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยขุนนางที่มากเล่ห์กล ข้าไม่เคยชอบเลย”ม่านซีได้แต่พ่นลมหายใจเป็นคำตอบ แต่เจียงอี้หานยังไม่คิดจะยอมแพ้ เขากอดนางแน่นขึ้นแต่ก็ไม่กล้าจะทำอะไรมากกว่านี้“เจ้าก็รู้ว่าครั้งแรกที่เราพบกัน ข้าเองก็มิได้ใส่ใจเจ้ารวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย ข้าไม่เคยมีเรื่องอื่นให้คิดจนกระทั่งมีเจ้าเข้ามาในชีวิต เริ่มเปลี่ยนหัวใจที่แห้งแล้งของข้า… ทีละนิด พอรู้ตัวก็เอาแต่มองหาเจ้าไม่หยุด ไม่ได้ยินเสียงก็เริ่มกระสับกระส่าย พอเห็นเจ้ามีคนอื่นมาติดพันก็เริ่มหงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ม่านซีเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นบ้าเป็นแน่”“ปล่อยข้าเถอะ ข้าอึดอัด”“ไม่! ข้ายังพูดไม่จบนะ เจ้าช่วยฟังข้าสักหน่อยเถอะเรื่องแบบนี้ใช่ว่าข้าจะพูดออกมาได้ง่าย ๆ ข้านั่งคิดทั้งคืนแต่ก็ยอมเสียเจ้าไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องบอกเจ้า ม่านซีข้าขอโทษแต่เพราะตำแหน่งองค์ชายกับอ๋องแม่ทัพแดนอุด
วันถัดมา จวนสกุลกู้ เจียงอี้หานเดินทางกลับมาจากวังหลวงพร้อม ๆ กับใต้เท้ากู้และกู้ซานหรงที่เข้าไปถวายรายงานและส่งมอบรายงานการจับกุมพร้อมกับสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นทูลท่านอ๋องให้ทรงทราบ ตอนนี้ดูเหมือนว่าไป๋รั่วเวยจะยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่สาหัสราวกับตายทั้งเป็น“ครั้งนี้หากไม่ได้คุณชายเจียง ไม่สิองค์ชายห้าช่วยคลี่คลายคดี การสอบคงจะวุ่นวายมากกว่านี้ อีกทั้งเราอาจจะได้ขุนนางที่เป็นโจรปะปนเข้ามาในราชสำนักโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่”“ใต้เท้ากู้กล่าวเกินไปแล้ว ข้าเองก็มีความผิดซึ่งเดิมทีที่ข้าเลือกจะมาพักที่นี่เป็นเพราะสงสัยท่านเป็นคนแรก ขออภัยด้วยจริง ๆ ขอรับ”“มิได้ ๆ กระหม่อมย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าเมืองอื่น ๆ ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องใดขึ้น เพียงแต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้ที่จะมาอยู่ข้างจวนจะเป็นเพชฌฆาตไร้เงาผู้เลื่องชื่อคนนั้น อีกอย่างตอนนี้…เอ่อ”กู้ซานหรงหันไปมองหน้าขององค์ชายห้าที่ทำหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย ที่จริงพวกเขาก็สังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนออกจากวังแล้วว่าเจียงอี้หานมีสีหน้าที่ดูไม่ดีนัก ซึ่งซานหรงพอจะเดาเหตุการณ์ออก“ซีเอ๋อร์รู้ฐานะที่แท้จริงขององค์ชายแล้วใช่หรือไม่”“อะไรนะ! หรือว่าเมื่อคืนนี้…”