"เคยไปแลกกับใครแบบนี้มาก่อนไหม" อิฐอดที่จะถามไม่ได้ เพราะเอะอะเธอก็เอาจูบมาแลกจากที่หลับตาอยู่น้ำใจถึงกับเปิดตากว้างเมื่อถูกยิงคำถามนี้มา คนตัวเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้องอาหารไป เหมือนกับโกรธที่ถูกถามแบบนี้คนในห้องอาหารสามจะมองมากก็ไม่ได้ เพราะนั่นคือผู้จัดการ แต่ก็มีบ้างแหละที่ซุบซิบนินทากัน เพราะชุดที่เธอคนนั้นใส่ก็คือพนักงานในห้องอาหารหนึ่ง แต่ทั้งสองดูสนิทสนมกันมากอิฐไม่ได้เดินตามเธอออกไปและไม่ได้หันกลับไปมองเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มทานข้าวต่อเพราะเพิ่งจะทานแค่ไม่กี่คำก่อนที่จะเข้าห้องอาหาร น้ำใจแวะห้องน้ำก่อน ดวงตางามจ้องมองดูหน้าตัวเองในกระจกบานใหญ่ เขาถามแบบนั้นก็ไม่แปลก เธอคิดได้ยังไงเอะอะเอาจูบไปแลก ตกลงเธอแลกหรือว่าเธออยากจูบเขากันแน่ เพราะเธอไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน และวันนั้นที่เขาจูบ มันก็เป็นจูบแรกของเธอด้วยเธอมองอยู่แบบนั้นจนลืมเวลา น้ำใจต้องได้รีบสลัดความรู้สึกทุกอย่างออกไป และหาคำพูดที่จะบอกหัวหน้าว่าเธอทำไม่สำเร็จคนตัวเล็กค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาในห้องอาหารที่เธอทำงานอยู่ แล้วเดินตรงไปหาวิลาวัลย์"พี่วิคะ""น้องน้ำ" วิลาวัลย์หันมายิ้มให้พร้อมกับเอื้อมไปคว้
"??" หญิงสาวที่อยู่ด้านบนเริ่มหน้าแดงเมื่อถูกทวงจูบ ..จากที่คิดว่าจะขยับหนี..ใบหน้างามนั้นก็ค่อยๆ โน้มลงมาแนบริมฝีปากของอีกฝ่ายแต่เธอก็ทำแค่แนบชิดกันไว้แบบนั้น และลมหายใจของทั้งสองก็ประสานกันไปมา จนทำให้อิฐเริ่มทนไม่ไหว มือหนาจับร่างระหงให้นอนลงแทนที่ แล้วก็จูบลงไปแบบหิวกระหาย ลิ้นหนาแทรกเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่าย"อืมม" จูบกันอยู่แบบนั้นเพียงไม่นานน้ำใจถึงกับสะดุ้งเพราะในขณะที่จูบอยู่นั้นเมื่อของอิฐได้วางลงที่หน้าอกแบบลืมตัวเขารีบเอามือออกมาแล้วก็ปล่อยจูบ ..แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะลุกออก กลับถูกเธอคว้าไว้ก่อน ".....""เหลืออีกครั้งหนึ่ง" ว่าแล้วหญิงสาวก็หลับตาลงเพื่อให้เขาจูบอีกครั้ง"ครั้งนี้ผมไม่รับปากนะว่าจะหยุดตัวเองได้ไหม""คะ?" หญิงสาวลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่ก็ไม่ทันแล้วเพราะเขาแนบจูบลงมาและก็ดูดริมฝีปากบางของเธอ "อืมม" จูบครั้งนี้ของเขาเร่าร้อนมาก จนเธอเผลอลืมตัวไปเช่นกันลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปสำรวจความหวานในโพรงปากอีกฝ่าย เลือดในกายของชายหนุ่มเพิ่มสูงขึ้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้ มือแกร่งลูบคลำเรือนร่างระหงแล้วไปหยุดอยู่ที่เนินน้องสาวอิฐก็ชั่งใจอยู่เหมือนกันว่าเธอจะห้ามไห
"วันนั้นเราเห็นเมียของนายใส่ชุดพนักงานของโรงแรมไม่ใช่เหรอ" แอร์แค่อยากจะถามให้แน่ใจอีกครั้ง เพราะวันนั้นเธอตกใจที่เขาแนะนำผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นภรรยา ทั้งๆ ที่เธอเฝ้ามองเขามาตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันแล้ว"อืม..เธอทำงานในโรงแรมนี้""ทำไมเพื่อนๆ ถึงไม่รู้ข่าวนี้เลยล่ะ"อิฐไม่ตอบ เพราะเขาก็ยังงงในตัวเองอยู่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตั้งแต่วันนั้น..วันที่รรรรรรเล่าเรื่องของสันติให้ฟัง ผ่านมาแค่ไม่ถึงครึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ แต่เธอทำให้เขาสนใจได้มากถึงเพียงนี้ ทั้งที่เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้มาก่อน ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครเข้ามาในชีวิตของอิฐ แต่ผู้หญิงพวกนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลย ..ในขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่อิฐก็ได้พาแอร์เดินมาเรื่อยๆ พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ได้มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องอาหารหนึ่ง"สวัสดีค่ะผู้จัดการ"นี่เขาจะใจลอยไปถึงไหน ..เพราะอิฐไม่ได้คิดว่าจะพาแอร์มาทานอาหารที่ห้องอาหารนี้เลย แต่ในเมื่อขามันพาเดินมาแล้วเขาก็เลยเข้าไปนั่งโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ตรงที่ยืนอยู่นั้น"แฟนของอิฐทำงานที่ห้องอาหารนี้เหรอ" เห็นแค่ชุดพนักงานแอร์ก็จำได้แล้ว โรงแรมนี้ยูนิฟอร์มแบ่งเป็นสัดส่วน ว่าใครทำงานที่ส่วนไหน
ติ๊ง! ติ๊ก!! เสียงข้อความไลน์ดังขึ้นที่เครื่องของอิฐ ใช่แล้วมันเป็นไลน์กลุ่มของเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันหางตาน้ำใจแอบมองดูว่าเขามีธุระอะไรนักหนา เห็นพิมพ์คุยในไลน์ตั้งแต่ที่เธอกลับมาแล้ว จนตอนนี้อาบน้ำเสร็จก็ยังคุยไม่จบกว่าอิฐจะละสายตาออกจากโทรศัพท์ มองไปอีกทีเธอก็ปูผ้านอนที่พื้นข้างล่างและหลับไปแล้วเขามัวคุยกับเพื่อนเรื่องงานเลี้ยงรุ่นในวันพรุ่งนี้เช้าวันต่อมา..เมื่อคืนนี้เรานอนอยู่ข้างล่างไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เรามานอนบนเตียงได้ยังไง ..น้ำใจตื่นขึ้นมาด้วยความงง แต่พอคิดถึงคืนก่อนที่เขาอุ้มเธอขึ้นมาบนเตียง ต้องเป็นเขาแน่ที่อุ้มขึ้นมา..โอปป้า..กรี๊ดด (แค่กรี๊ดอยู่ในใจ) พอคิดขึ้นได้ว่าถ้าเป็นเขาที่อุ้มขึ้นมาแล้วเธอจะปลอดภัยไหม?น้ำใจรีบเปิดดูสิ่งที่เธอหวงแหนที่สุดว่ามีอะไรผิดปกติไหมแกร็ก~"??" คนที่เช็ดผมแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำถึงกับสตั้นเมื่อมองมาที่เตียง"คุณ!?" เธอก็ตกใจไม่แพ้กัน เพราะอะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนี้ "ทำให้คุณไม่เคาะประตูก่อน""หึอ?" เขามองกลับไปดู นี่เขาต้องเคาะประตูห้องน้ำก่อนที่จะเปิดออกมาใช่ไหม"ไอ้ผู้จัดการบ้า!!" ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอิฐก็พอจ
"เรายังมีอีกหนึ่งทางเลือกครับ คือผ่าคลอด" หมอก็เป็นผู้ชายเลยเข้าใจดี ว่าการห่วงลูกห่วงภรรยามันเป็นยังไง แต่ก็มีแค่นี้จริงๆ ถ้าไม่เบ่งคลอดเองก็คงต้องผ่า"ภรรยาของผมอยากจะคลอดธรรมชาติ" เขาได้คุยกับเธอก่อนนั้นแล้ว รรรรรรบอกว่าอยากจะให้ลูกออกมาแบบธรรมชาติ เพราะจะได้มีภูมิคุ้มกันมากกว่าผ่าคลอด เรื่องนี้ทางแพทย์ได้แนะนำมาแล้ว เธอก็เลยจะขอยอมเจ็บเพื่อให้ลูกได้มีภูมิคุ้มกันที่มากกว่าสามชั่วโมงผ่านไป..ตอนนี้รรรรรรได้เข้าไปรอในห้องคลอดแล้วส่วนทุกคนที่รอลุ้นการคลอดอยู่ข้างนอก ก็ต้องได้ลุ้นพ่อของเด็กไปในตัวด้วย เพราะตอนนี้คฑาได้เข้าไปอยู่ในห้องคลอดกับภรรยาโดยที่ไม่มีใครคอยห้ามศึก..[โรงแรมกัลยา] ในเวลาเดียวกันนั้น และก็ถึงเวลาที่พวกเพื่อนๆ ของอิฐจะเข้ามากินเลี้ยงสังสรรค์พบปะเพื่อนรุ่นเดียวกัน"ถ้าใหญ่กว่าผู้จัดการก็ต้องเป็นเจ้าของโรงแรมแล้วแหละ" พวกเพื่อนๆ กำลังพูดถึงอิฐ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ลงมาร่วมงาน เพราะกัลยาและสันติไม่อยู่โรงแรม เขาก็เลยต้องได้รับผิดชอบงานส่วนอื่นแทน"พูดถึงว่าอิฐนี่ก็ดีนะ อยากจะเจอคนอุปถัมภ์แบบนี้สักคน" และประโยคนี้พวกเพื่อนๆ ก็พูดกันทุกปี เพราะเพื่อนๆ ก็รู้เรื่องราวของอิ
"มึงชกกูทำไมวะ!!" เพื่อนๆ ที่อยู่ในนั้นต่างก็ห้ามไม่ทัน แต่พอเอล้มลงไปกองกับพื้นเพื่อนถึงได้เข้ามาห้ามไว้ เพราะกลัวว่าอิฐจะซ้ำอีกครั้ง"มึงจำไว้ ว่าอย่าทำแบบนี้กับผู้หญิงที่ไหนอีก" จริงๆ อิฐก็เคยห้าม แต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแบบนี้"มึงเป็นบ้าอะไรไอ้อิฐ แต่ก่อนกูไม่เห็นมึงเป็นแบบนี้เลย" เอพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดมุมปากที่ตอนนี้มีเลือดซิบออกมาให้เห็นแอร์มองอิฐแบบหมดแล้วทุกอย่าง เพราะดูอิฐจะหวงผู้หญิงคนนี้มาก ที่จริงแอร์ยังคิดว่าตัวเองพอมีหวัง เพราะเธอได้แอบถามคนในโรงแรมนี้ดูแล้ว ได้ความว่าเขาเพิ่งจะคบกับพนักงานหญิงคนนี้แค่ไม่กี่วัน นั่นแสดงว่า พวกเขาแค่คบกันคงยังไม่ถึงขั้นแต่งงานแอร์ก็เลยคิดว่าจะทำยังไงก็ได้ให้อิฐกลับมาสนใจตัวเอง เพราะตอนสมัยเรียนอิฐเทคแคร์แอร์ดีมาก"ก็แค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง มึงห่วงยังกับว่าจะเอาไว้กินเองอย่างนั้นแหละ" เอ..กรอกสายตามองไปทั่ว แล้วก็เริ่มอายเพื่อนๆ ที่อยู่ในนี้ ก็เลยต้องดึงประเด็นไหนก็ได้เข้ามาพูดเพื่อไม่ให้ตัวเองอายมากไปกว่านี้อิฐหันมองมาที่น้ำใจ ที่จริงเขากับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่ทุกคนคิด เพราะทั้งสองแค่เล่นละครต่อหน้ากัลยากับสันติเท่านั
"ยังเจ็บอยู่ไหมครับคนดีของผม" มือหนาของสามีเอื้อมไปลูบผมภรรยาเบาๆ เขาอยู่กับเธอตลอดเวลา ไม่ยอมห่างไปไหน และเห็นทุกอิริยาบถ ตอนที่เธอเจ็บและเบ่งคลอด นี่เหรอที่เขาเรียกว่าความเจ็บปวดที่สวยงาม แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังเจ็บตามไปด้วย"เจ็บสิคะ" ถ้าเป็นบางคนอาจจะบอกสามีว่าไม่เจ็บแล้ว แต่เธอขอไม่โกหกดีกว่า เขาจะได้มีความรู้สึกนั้นไปกับเธอด้วย เพราะตอนนี้มันเจ็บแทบไม่อยากขยับตัวไปไหนเลย แต่พอมองดูเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด ของคนที่พวกเขาไว้ใจที่สุด ความเจ็บปวดนั้นก็บรรเทาลงได้มาก"ขอบใจนะที่คลอดลูกของพี่ออกมาแบบปลอดภัย ไหนๆ ก็คลอดเขาแล้ว พี่ฝากเลี้ยงด้วยเลยแล้วกัน" กัลยาพูดพร้อมกับยื่นเด็กส่งคืนให้กับน้องชาย"...." รรรรรรยิ้มออกมาแบบมีความสุข เพราะเธอกลัวว่าตัวเองจะไม่ได้เลี้ยงลูก"ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกพี่มา""ค่ะ" มือเรียวเอื้อมไปเขี่ยแก้มป่องของลูกชายเบาๆ แบบรักใคร่ที่กัลยาพูดไปแบบนั้นก็เพราะรู้ดี ถ้าเธอยึดเด็กมาเลย แล้วหัวอกพ่อแม่แท้ๆ จะคิดยังไง ถึงแม้พวกเขาจะบอกว่ายกให้แล้ว แต่ในใจลึกๆ ก็คงเศร้าโศกมาก"ขอบคุณนะครับพี่"กัลยาพยักหน้าให้น้องชายเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองสามีที่ยืนอยู่ข้างๆ สันติ
น้ำใจกลับลงมาที่แผนก ถึงแม้เขาบอกให้กลับไปพักผ่อนที่ห้อง แต่เธอคิดว่าทำงานก่อนดีกว่า เพราะยังไงก็จะเดินทางพรุ่งนี้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแหละ เธอก็เลยเลือกที่จะไม่โทรไป ป่านนี้ทางนั้นคงไม่อะไรกับเธอแล้วมั้ง เพราะหนีมาได้เกือบสามเดือนแล้วนี่"ผู้จัดการว่ายังไงเหรอทำไมถึงกลับมาทำงาน" วิลาวัลย์เห็นน้ำใจเดินเข้ามาก็เลยถามดู"พรุ่งนี้ถึงจะลาค่ะ วันนี้ทำงานปกติ"ในขณะที่ทำงานอยู่..เธอก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะบอกเรื่องบ้านกับเขาไปก็ไม่ได้ ถ้าเขาไม่เข้าใจแล้วจะทำยังไง ให้ไปเจอเองเลยแล้วกันน้ำใจทำงานอยู่แบบนั้นจนใกล้เที่ยง และเธอก็ไม่รู้ว่าใครสั่งอาหารจานที่เธอกำลังจะไปบริการ พอเห็นว่าเป็นโต๊ะห้าเธอก็เลยถือไปวางลงไว้"นั่งก่อนสิ" ที่จริงอิฐกลับไปดูเธอที่ห้องมาแล้ว แต่ไม่เจอ เขาคิดว่าเธอต้อง อยู่ที่นี่แน่ ก็เป็นแบบที่คิดไว้จริงๆ"คะ?" หญิงสาวใจลอยแบบนี้ครึ่งค่อนวันมาแล้ว จนได้ยินเสียงของเขา "ผู้จัดการทานเถอะค่ะ""ผมสั่งมาให้คุณด้วย" เพราะว่าเขาสั่งมาสองที่"นี่มันเวลางานของฉัน ทานไม่ได้หรอกค่ะ""ใครบอกว่าทานไม่ได้ล่ะ หรือจะให้แก้กฎอีกสักข้อ""คะ?" เธอนึกถึงกฎที่ถูกแก้ในวันนั้น..อย่าบอกนะว่
เช้าวันต่อมา.."ขอบพระคุณคุณปู่คุณย่ามากนะคะ""ถ้าอยากมาค้างที่นี่ก็มาได้ตลอดเวลาเลยนะ ปู่กับย่ายินดีต้อนรับเสมอ""ขอบคุณมากเลยนะครับ ส่วนเรื่องประตู เดี๋ยวผมจะให้ช่างมาดูให้""ไม่เป็นไรหรอก แค่เปลี่ยนลูกบิดเฉยๆ ก็ใช้งานได้เหมือนเดิมแล้ว""ให้ช่างมาดูดีกว่าค่ะคุณปู่" รักนรินทร์เกรงใจ มาขออาศัยอยู่บ้านท่านแท้ๆ ยังมาทำของท่านเสียหายอีก"ถ้างั้นก็เอาที่พวกเราสบายใจเลยแล้วกัน เดินทางปลอดภัยนะลูก""ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ทั้งสองไหว้ร่ำลาพวกท่านแล้วก็ออกมา[บ้านภูมิฐาน]ชายหนุ่มพาเธอกลับมาที่บ้านก่อน เพื่อจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอมาถึงก็เจอพ่อกับแม่ของเขาอยู่ที่บ้านพอดี"คุณพ่อจะออกไปไหนหรือครับ" เดินเข้ามาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังจะออกจากบ้าน"ก็เข้าบริษัทน่ะสิ ที่บริษัทโทรมาบอกว่าตามตัวผู้บริหารไม่เจอ""ขอโทษครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอง แต่ขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ" เขามัวแต่ยุ่งตามหาเธออยู่ ก็เลยปล่อยปละละเลยเรื่องบริษัทไป"ฉันรออยู่ข้างล่างได้ค่ะ" หญิงสาวชักมือออกเมื่อเขายื่นมาจะจูงเธอขึ้นไปด้วย"จะรออยู่ข้างล่างทำไม..ไม่อาบน้ำก่อนหรือไง""คุณก็ไปอาบเองสิ""ไปด้วยกัน แล้วก็เข้าบริษัทด้วยกัน""ฉ
"ใครเขาจะให้คุณนอนด้วย" หญิงสาวรีบเก็บของบนโต๊ะอาหาร พอเก็บเสร็จก็เดินไปที่ประตูบ้าน "คุณกลับไปเลยนะ ฉันจะล็อกบ้านแล้ว""บอกแล้วไงว่าจะนอนที่นี่ด้วย""แต่นี่มันไม่ใช่บ้านฉันนะ""งั้นก็กลับบ้านสิ""ไม่"จากที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ชายหนุ่มก็ก้าวเดินไปที่บันได"นี่คุณ!" รักนรินทร์รีบหันไปล็อกบ้านไว้แล้วก็เดินตามเขาขึ้นมา"คุณพักอยู่ห้องไหน""ไม่บอก"ไม่บอกก็ไม่เห็นจะยาก เพราะชั้นบนมีห้องนอนแค่สองห้อง ภูมิฐานเดินไปหน้าห้องนอนหนึ่งในสองนั้น"คุณภูมิหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" รักนรินทร์รีบเดินเข้าไปรั้งตัวเขาไว้ก่อนที่จะเปิดประตูห้องนั้น "นี่มันห้องของคุณปู่คุณย่า""คุณก็ไม่บอกแต่ทีแรก" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เอื้อมไปเปิดอีกห้องที่อยู่ข้างกัน หญิงสาวก็เลยรีบตามเข้าไป"ก็ได้แต่ฉันให้คุณค้างแค่คืนนี้คืนเดียวนะ"เขาไม่ตอบ..ให้พ้นคืนนี้ไปก่อนแล้วกัน ถ้ายังรับไหวอยู่ภูมิฐานเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วก็เข้าห้องน้ำ ทำเหมือนบ้านของตัวเองยังไงยังงั้นรักนรินทร์ได้แต่ยืนทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่หัวใจกลับเต้นแรงสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกมาเพียงไม่นานภูมิฐานก็ออกมาจากห้องน้ำ เธอก็เลยเข้าไปใช้ต่อพรึบ! "กรี๊ดด" หญิงสาวที่กำลังอา
[คอนโด]เพียงไม่นานรถของภูมิฐานก็มาถึงคอนโด ชายหนุ่มลงจากรถได้ก็รีบตรงขึ้นไปก๊อก ก๊อกแกร็ก! แกร็ก!! เขาไม่มีคีย์การ์ดของห้องนี้ ก็เลยต้องได้เคาะประตูแล้วลองเปิด แต่ข้างในก็ยังเงียบอยู่"รักนรินทร์..คุณมาถึงหรือยังเปิดประตูให้ผมหน่อย" ขณะที่เรียกเขาก็ยังคงเคาะประตู แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆชายหนุ่มเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเธอ หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังคงเหมือนเดิม[ร้านขายของชำ]"ผมก็ได้ยินคุณแม่บอกว่า ได้ฤกษ์ยามแล้วไม่ใช่หรือครับพี่" เมื่อเกียร์เห็นพี่สาวมาหา ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็เลยถามเอาความจริง"สงสัยเขาจะยังไม่พร้อม""พี่จะไปสนใจอะไร" เกียร์ของขึ้นทันทีเมื่อได้ยินว่าฝ่ายชายไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับพี่สาว"เรื่องนี้เราอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ" ที่รักนรินทร์ต้องเล่าให้เกียร์ฟังก็เพราะอยากจะมาขออาศัยอยู่ที่นี่ก่อน ในระหว่างที่รอให้เขาตัดสินใจ พอคิดแล้วดูเหมือนไม่มีค่า ต้องให้ผู้ชายตัดสินใจว่าอยากจะแต่งงานด้วยไหม"ถ้างั้นพี่ก็ค้างที่ห้องผมเลยแล้วกัน..เพราะผมต้องกลับไปค้างที่บ้านของคุณแม่" ข้าวฟ่างไม่ได้มาด้วย เกียร์แค่แวะมาดูร้านช่วยปู่กับย่า"แล้วคุณปู่คุณย่าของเกียร์จะไม่ว่าพี่เหรอ""
"ปล่อยค่ะนี่มันห้องทำงานนะ" พอเป็นอิสระหญิงสาวก็รีบห้ามปรามกลัวว่าเขาจะเลยเถิด"คุณทำเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย" ยอมรับว่าไม่เป็นอันทำการทำงานเลย เพราะตั้งแต่ได้สัมผัสร่างกายของเธอมา เขาก็โหยหาเธอโดยตลอด"ทำเสน่ห์? อะไรคือทำเสน่ห์คะ" อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเธอเติบโตที่ต่างประเทศ เรื่องแบบนี้ที่นั่นเขาไม่เชื่อกันอยู่แล้ว และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่พ่อและแม่ สื่อโซเชียลก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"ผมแค่ล้อเล่น มันเป็นเสน่ห์จากตัวคุณเอง""คุณรักฉันจริงเหรอ" รักนรินทร์ถามอีกครั้ง เพราะคิดว่าเขาคงอยากจะพูดแค่ต่อหน้าผู้ใหญ่"รักสิ ผมรักคุณ ว่าแต่คุณคิดยังไงกับผม""คิดยังไง?" ใช่แล้วเราคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่พอได้ยินเขาบอกรักทำไมถึงดีใจมาก ดีใจจนห้ามน้ำตาของตัวเองไม่ได้"ผมไม่ได้บังคับให้คุณพูดหรอก เรื่องแบบนี้ต้องพูดออกมาจากใจ เหมือนที่ผมบอกคุณไง""คุณพูดจากใจจริงหรือคะ" ก็มันยากที่จะเชื่อนี่ วันนั้นยังทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธออยู่เลย"ถ้าพูดแล้วคุณยังไม่เชื่อ งั้นผมทำให้คุณเชื่อเลยแล้วกัน""ทำอะไรคะ"คนตัวโตเดินมาที่ประตู แล้วก็จัดการล็อกมันไว้ แถมไม่ได้ล็อกแค่ลูกบิด เขายังล็อกก
"กระดาษอะไรแปะอยู่ด้านหลัง" รรินธรที่ยืนอยู่ห่างหน่อยมองไปเห็นตอนที่สามียกแพทเทิร์นขึ้นมาดูหมั่บ รักนรินทร์รีบดึงมันออกมา แล้วก็ขยำไว้ในมือ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่เจ้านายเขียนโน้ตแก้งานไว้ค่ะ"ภูมิฐานมองที่มือของเธอแบบยิ้มๆ "คุณพ่อกับคุณแม่ทานข้าวมาหรือยังครับ" แล้วเขาก็หันมาชวนพวกท่านคุย"ยังไม่ได้ทานเลย ก็นัดทานข้าวกับพ่อเรานั่นแหละ ไม่รู้ป่านนี้มาหรือยัง""อ้าวหรือครับ พอดีเลยผมกำลังหิว ขอไปร่วมทานด้วยคนนะครับ"ในขณะนั้นโทรศัพท์ของคริสก็ได้ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือภูสิษฐ์รับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งคริสก็หันมาหาภูมิฐาน"ถ้าจะไปทานด้วยกันก็ป่ะ ตอนนี้พ่อกับแม่เราอยู่ข้างล่างแล้ว" ว่าแล้วคริสก็เอื้อมไปจูงแขนภรรยาให้เดินตามมา ส่วนภูมิฐานก็รีบเดินนำหน้าไป เพื่อเปิดประตูห้องให้"แล้วเราไม่ไปเหรอลูก" รรินธรเห็นว่าลูกสาวไม่เดินตาม"ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวรักหาอะไรทานแถวโรงอาหารนี้ก็ได้"ภูมิฐานถึงกับหันกลับมามอง เพราะเขาเดินนำพวกท่านจะออกนอกห้องอยู่แล้ว..หน้าประตูลิฟต์.."ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีงานด่วน คงไปร่วมทานข้าวด้วยไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้านะครับคุณพ่อคุณแม่" เขาพูดในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิดอ
แกร็ก! แกร็ก!!"ทำไมประตูเปิดไม่ได้ล่ะคะคุณ หรือคีย์การ์ดใช้ไม่ได้แล้ว" คีย์การ์ดเคยเป็นของรรินธรสมัยที่พักอยู่ที่คอนโดนี้ ตอนนั้นเธอไม่ได้คืนให้กับคฑา แต่ก็ไม่ได้ทิ้งยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี"ก็เปิดได้อยู่นะ..แต่เหมือนถูกปิด" คริสใช้คีย์การ์ดเปิดอีกครั้งลองดู"ใครคะ" เสียงคนที่อยู่ด้านในดังออกมา เมื่อได้ยินว่าคนข้างนอกจะเปิดลองดูอีกครั้ง"อ้าวหนูยังไม่นอนเหรอลูก เปิดประตูให้พ่อกับแม่หน่อย" ที่ไม่เคาะเรียกเพราะกลัวจะรบกวนลูกสาว"แป๊บหนึ่งนะคะพ่อ"ที่คริสเปิดประตูเข้ามาไม่ได้ ก็เพราะตอนนั้นภูมิฐานอุ้มรักนรินทร์ยืนอยู่ใกล้ประตู พอได้ยินเสียงแกร๊กเท่านั้นแหละเขาก็รีบใช้มือดันประตูปิดไว้เหมือนเดิม ด้านในมันก็เลยล็อกอีกที ..และตอนนี้ทั้งสองกำลังมัววุ่นใส่เสื้อผ้ากันอยู่แกร็ก~"อ้าวนี่หนูยังไม่อาบน้ำเลยเหรอลูก แม่นึกว่าหนูหลับไปแล้วเสียอีก""ยังค่ะมัวเคลียร์งานอยู่" โกหกแม่จะบาปไหมเรา"ถ้างั้นหนูก็ไปทำงานต่อเถอะลูก ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่หรอก""คุณพ่อจะทำอะไรคะ" รักนรินทร์เห็นพ่อกำลังจะเดินไปเปิดประตูห้องนอน"หนูจะให้พ่อกับแม่นอนห้องไหนล่ะ" คริสถึงกับตกใจแล้วหันกลับมาถามลูกสาว"อีกห้องค่ะพ่อ"
[ร้านอาหารหรู]"ว่าไงเสือ""ใครเสือ เรียกให้ถูกหน่อยสิ" ดวงตาภูสิษฐ์ กรอกมองไปดูภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าจำกันได้สมัยก่อนภูสิษฐ์ก็ไม่ใช่เบาๆ และคนที่กล้าเรียกเขาว่าเสือก็คือ.. "นายก็ไม่เบาเหมือนกันแหละไอ้คุณคริส"ใช่แล้วคนที่คริสมาทานข้าวด้วยก็คือภูสิษฐ์ ทั้งสองรู้จักกันที่ต่างประเทศ หลายสิบปีผ่านมาแล้ว"อุ๊ย" เมื่อได้ยินเพื่อนเอาคืนคริสก็ได้มองมาที่ภรรยาบ้าง พอเห็นสายตาพิฆาตแล้วถึงกับเสียวสันหลังวูบ"แล้วเมื่อไรเด็กๆ จะมากันเนี่ย" สามีทั้งสองยกนาฬิกาขึ้นมาและพูดพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย"ไม่มีพิรุธเลยนะคะ""แหะๆ เมียจ๋าา อย่าไปเชื่อไอ้ภูมันเลย""นั่นไงมาแล้ว" เหมือนกรรมการตีระฆังเพื่อพักยก เมื่อเห็นภูมิฐานเดินเข้ามาพอมองเห็นแล้วว่าพ่อกับแม่นั่งอยู่โต๊ะไหนภูมิฐานก็เดินตรงเข้ามา สายตาคมมองดูชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน"สวัสดีครับ" เขายังไม่รู้หรอกว่าทั้งสองท่านเป็นใครแต่ด้วยมารยาทพอมาถึงก็ยกมือไหว้"หล่อกว่าพ่อเยอะเลยนะเนี่ย" คริสพูดพร้อมกับรับไหว้"ขอบคุณครับ" ชายหนุ่มมองไปที่พ่อ เพื่ออยากจะถามว่าเพื่อนของท่านทำไมเขาถึงไม่รู้จัก"เพื่อนพ่อเพิ่งเดินทางมาจากต่างปร
ภูมิฐานรีบตามออกมา คิดว่าที่เธอรีบออกไปคงเพราะเรื่องดินสอแท่งนั้นแน่แกร็ก! ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้าไปแบบถือวิสาสะ รักนรินทร์คิดว่าไอรยาคงยังอยู่ในห้องประชุมเพราะต้องได้คุยเรื่องแบบต่อทุกคนที่ยังอยู่ในห้องประชุมต่างก็หันมองมาที่ประตู"ฉันได้ยินท่านประธานบอกว่าคุณได้ดินสอด้ามนี้ที่ถังขยะ" รักนรินทร์เดินตรงเข้าไปแล้ววางดินสอลงตรงหน้าของไอรยา"ค่ะ" ไอรยาตอบรับเมื่อเห็นว่าภูมิฐานเดินตามเข้ามาด้วย"ถังไหนคะ""เออ..ถัง? ถังไหนแล้วทำไมคะ""มันวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉันแล้วมันจะไปอยู่ข้างถังขยะได้ยังไง ฉันก็เลยอยากรู้ว่าถังไหน""ถังหน้าห้อง" ถ้าจะบอกว่าถังขยะที่ไกลกว่านั้น กลัวจะไม่น่าเชื่อถือ"คุณเจอตอนไหน""นี่คุณ ฉันไม่มีเวลามานั่งจำเวลาหรอกนะ""ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดเองแล้วกัน""??" ไอรยาลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยคนที่อยู่ในห้องประชุมได้แค่นั่งฟัง เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน"ออกไปก่อนครับ" ภูมิฐานเป็นคนสั่ง เพราะเห็นแล้วว่าศึกครั้งนี้คงไม่สงบง่าย"ไม่ต้องหรอกค่ะ อยู่ฟังด้วยกันนี่แหละ"คนที่กำลังเก็บของจะลุกขึ้นต่างก็นั่งลงที่เดิม เมื่อได้ยินรักนรินทร์สั่งอี
แกร็ก~ "??" พอรู้ว่าใครมาเคาะประตูเท่านั้นแหละ รักนรินทร์ก็รีบปิด..แต่ก็ไม่ทัน"คุณออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"แต่ดูเหมือนว่าภูมิฐานจะไม่สนใจที่เธอไล่ เขายังคงดันประตูแล้วก็แทรกตัวเข้ามา"คุณดื่มเหล้ามาเหรอ?""ขอค้างด้วยหน่อยสิ""คุณเห็นฉันเป็นอะไร""ผมยังไม่รู้ เราคบกันดูก่อนไหม" มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้ ในระหว่างที่เขายังไม่รู้ใจตัวเองอยากจะอยู่ใกล้เธอให้มากที่สุด"อะไรนะ?""ในระหว่างนี้เราก็คบกันไปก่อน""ฟังดูดีนะ คนเห็นแก่ตัว" ถ้าเขาขอเป็นแฟนเธออาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่นี่แค่มาขอคบ แถมยังคบกันดูก่อนอีก"แล้วคุณต้องการแบบไหนก็บอกมาสิ""ต้องการให้คุณออกไปจากห้องนี้""คำก็ไล่สองคำก็ไล่ คุณจะให้ผมคิดยังไง""คิดว่าฉันไม่สนใจคุณไง ถ้าสนใจคุณแล้วฉันจะไล่เหรอ""ถ้างั้นแสดงว่าผมคิดกับคุณอยู่ฝ่ายเดียวหรอกหรือ"หญิงสาวทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่คิดเหรอว่าเธอต้องเล่นตัวไว้บ้าง ถ้ารีบตกลงไป ก็จะดูเหมือนไม่มีค่าไม่มีราคาอะไรเลย"อืม?!" ในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้นก็ถูกอีกฝ่ายจู่โจมโดยการจูบมือเรียวแนบลงที่แผ่นอกกว้าง นี่เธอโหยหาจูบจากเขาขนาดนี้เลยเหรอ เพราะแรงจะผลักออกก็ยังไม่มีเมื่