เช้าวันต่อมา.. และเป็นวันเดียวกับงานเลี้ยงสโมสร
งานเลี้ยงจัดขึ้นแทบจะทุกเดือน เพราะส่วนใหญ่มีแต่คนมียศมีศักดิ์มีหน้ามีตาในสังคม
แกร็ก..
"คุณผู้หญิงรออยู่ที่รถค่ะ"
สโรชาไม่ได้พูดอะไรแค่เดินตามลงมาเงียบๆ
"ดูหน้าสิโทรมหมดแล้ว" มือที่ผ่านการดูแลมาอย่างดี ไม่ยอมปล่อยให้กาลเวลาทำร้ายผิวหนังของตัวเองได้ เอื้อมไปลูบคลำใบหน้างามของผู้หญิงที่นางเรียกว่าลูก "วันนี้คงได้ทำหลายอย่าง ขึ้นรถสิจ๊ะ"
"ค่ะ" หญิงสาวตามขึ้นไปบนรถ แล้วก็นั่งอยู่แบบเงียบๆ จนรถคันนั้นวิ่งมาจอดที่ร้านเสริมความงามสุดหรูแห่งหนึ่ง
"ฉันโทรมาจองคิวไว้แล้วไม่ใช่เหรอ"
"แต่ทางคุณกรองแก้วก็โทรมาจองเหมือนกันค่ะ"
"ฉันไม่เอาช่างตาสีตาสานะ หาช่างที่เก่งที่สุดมาดูแลความงามของลูกสาวฉัน"
"ได้ค่ะ..ทางร้านของเราคัดสรรแต่ช่างที่มีฝีมือทั้งนั้นค่ะ"
"อ้าวนึกว่าเสียงใคร เสียงคุณผกาแก้วนี่เอง..ดูใจเราจะตรงกันจังเลยนะคะ"
"เรียกว่าคิดเหมือนกันจะไม่ดีกว่าเหรอ..คะ" ผกาแก้วดูท่าทางไม่อยากเจรจากับอีกฝ่ายเลย
"เชิญคุณทั้งสองนั่งก่อนค่ะ" เจ้าของร้านเสริมความงามแห่งนี้รู้ดีว่าทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน
"ยังไงลูกสาวฉันต้องสวยที่สุดนะคะ"
"ลูกสาวฉันก็เหมือนกัน"
"รับรองเลยค่ะ คุณหนูทั้งสองต้องสวยเริ่ดแน่นอนค่ะ"
"ยืนทำอะไรอยู่ล่ะเข้าไปสิลูก" ผกาแก้วเห็นว่าสโรชายืนมองออกไปด้านนอกแบบลุกลี้ลุกลน กลัวว่าจะหนีงานเย็นนี้ ก็เลยเป็นคนพามาเสริมความงามเอง
"ค่ะ" เธอแค่มองดูว่าร้านขายยาแถวนี้มีไหม ถ้าเขาป้องกันสักนิด เธอคงไม่คิดมากขนาดนี้
พอนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ สโรชาก็ส่งยิ้มหวานเพื่อทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อน เธอคนที่นั่งอยู่ก่อนกำลังจะยิ้มตอบ แต่พอมองกระจกเห็นสายตาของผู้เป็นแม่มองมาก็เลยต้องได้หุบยิ้มไว้
สโรชาก็เลยต้องยิ้มแห้งๆ เพราะ คนข้างๆ ไม่ยอมทักทายกลับ
"สงสัยต้องไปงานเดียวกันแน่เลยใช่ไหมคะเนี่ย" ช่างเสริมสวยเริ่มชวนคุย
ทั้งสองที่นั่งอยู่หันหน้ามองกันแบบไม่ได้นัดหมาย แต่ก็ไม่มีใครตอบ
"พี่อยากไปแบบนี้บ้าง หนุ่มๆ ในงานคงหล่อๆ ทั้งนั้น" เพราะเป็นงานไฮโซ คนด้านนอกไม่ได้เข้าไปสัมผัสหรอก นอกจากแวดวงเดียวกัน
กว่าทุกอย่างจะออกมาเลิศหรู Perfect ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง
"คุณแม่คะ โรสขอไปทำธุระแถวนี้แป๊บหนึ่งได้ไหมคะ"
"ธุระอะไร" ผกาแก้วไม่ค่อยสบอารมณ์ที่ลูกสาวของอีกฝ่ายแต่งตัวออกมาได้สวยไม่แพ้กันเลย
"ไม่มีอะไรค่ะ" เห็นอารมณ์นั้นของนางแล้วเธอก็เลยต้องได้เงียบ
[หน้าโรงแรมหรูที่ใช้จัดงาน]สโรชาและคนที่เธอเรียกว่าแม่นั่งรออยู่หน้ารถมาได้สักพักแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ถามว่าทำไมถึงยังไม่ลงรถ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นอีกนั่นแหละ เหตุผลของนางคือยิ่งเข้าไปในงานช้าก็ยิ่งเป็นจุดสนใจ"ได้เวลาแล้ว จำไว้นะ ตอนที่เดินเข้าไปต้องทำตัวให้มั่นเข้าไว้""ค่ะ" เธอร่ำเรียนมาทุกอย่าง แม้แต่การเดินเข้างานนักข่าวที่รอทำข่าวอยู่หน้างานต่างก็รีบกรูกันเข้ามาเก็บภาพ หญิงสาวใบหน้าสวยหวานเดินเชิดหน้าเข้ามาพร้อมกับภรรยาของพลโทพงศธร ซึ่งตอนนี้ผู้เป็นสามีอยู่ในงานนั้นแล้วพอเดินพ้นด่านของนักข่าวเข้ามาในงาน ก็เริ่มมีสายตาของไฮโซหลายคู่ที่จับจ้องมา"ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้น วันนี้รามสูรมา หนูต้องเป็นคู่เต้นรำของเขาให้ได้""อะไรนะคะ?!" จากที่ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่รอยยิ้มนั้นได้หายไปอย่างรวดเร็ว"อย่าทำให้แม่ผิดหวัง รู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น""ค่ะ""มางานนี้ด้วยเหรอ"พอเสียงนี้ดังขึ้นหญิงสาวที่กำลังยืนคุยอยู่กับแม่รีบหันกลับไปมองด้านหลัง"รันเวย์?""สวยแทบจำไม่ได้เลยนะเนี่ย ทีแรกคิดว่าทักคนผิดซะอีก""นายก็มางานนี้เหรอ""มาส่งคุณแม่ เดี๋ยวก็กลับแล้ว" ขณะที่กำลังคุยกับสโรช
ทำยังไงดี แล้วเขาจะคิดว่าเราเป็นผู้หญิงแบบไหน ..ถ้าไม่เพราะถูกขู่เรื่องแม่ แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีตอนนี้เลย"ยังจะอยู่อีก เห็นไหมลูกแม่นั่นไปนู่นแล้ว" ผกาแก้วหมายถึงลูกสาวของกรองแก้ว ทั้งสองเคยชิงรักหักสวาทกันมาตั้งแต่สมัยเป็นสาวแล้ว แต่คนที่ชนะก็คือผกาแก้วอีกนั่นแหละ เพราะนางได้พลโทพงศธรมาครอง ถึงแม้จะได้มาแค่ตัวนางก็ไม่แคร์เท้าเรียวที่อยู่บนรองเท้าส้นสูงราคาแพง ได้ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า เพื่อให้ถึงผู้ชายคนนั้นก่อนผู้หญิงอีกคน"สวัสดีค่ะ"ชายหนุ่มที่กำลังยืนจิบไวน์อยู่มุมหนึ่งของงาน หันมามองเมื่อได้ยินเสียงทักทายสายตาเขามองดูผู้หญิงสองคนพร้อมกัน ไม่แน่ใจว่าเมื่อสักครู่ใครเป็นคนทัก"เห็นว่าคุณยืนอยู่คนเดียว ก็เลยอยากมาเป็นเพื่อนคุยค่ะ""ผมเหรอครับ" เขาเข้าไปคุยกับพ่อแล้วก็ขอตัวออกมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะรามสูรไม่ค่อยชอบเจรจากับคนมีอายุเท่าไร"ดิฉันชื่ออลิสค่ะ" ผู้หญิงหนึ่งในสองรีบชิงแนะนำตัวก่อน"ครับ" ตอบแค่นี้แล้วชายหนุ่มก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง สายตาคมมองไปดูผู้หญิงอีกคน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนี่อะไรกันเขาจำเราไม่ได้เหรอ? ที่สโรชาคิดว่ารามสูรจำไม่ได้ เพราะถ้าจำได้สายตาเขาต้องหยุดอยู่ที่
"อุ๊ย คุณ?" ขณะที่เธอกำลังรีบเดินออกมาหวังจะไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงแรม แต่ก็ถูกมือของชายหนุ่มที่เดินตามมากระชากตัวไว้ก่อน "ปล่อยนะฉันมีธุระต้องไป""ธุระของเธอคือฉันไม่ใช่เหรอ""คุณอย่าสำคัญตัวเองผิดนักเลย""แล้วสิ่งที่เธอทำมันคืออะไรล่ะ""ฉันมีเหตุผล""เหตุผล?""ฉันบอกแล้วไงว่าจะรีบไปทำธุระ""เธอรู้ไหมว่าผลกระทบที่เธอทำ มันจะเกิดอะไรขึ้น" เขาหมายถึงที่เธอจูบในงานเมื่อสักครู่ เพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่แทบจะทุกคน"ใครให้คุณปฏิเสธฉันเองทำไม""ผู้ชายปฏิเสธหมายถึงเขาไม่ต้องการ เธอไม่เข้าใจเลยเหรอ"ถึงแม้ว่าจะรีบมากแค่ไหนแต่พอได้ยินประโยคแบบนี้ออกมา มันดูเหมือนถูกตบหน้าชัดๆ มือเรียวยกขึ้นมาหวังจะเอาคืน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้ามือของเธอไว้ได้ทัน"ฉันเจ็บนะ" เขาไม่ได้จับไว้เฉยๆ แต่ยังใช้แรงบีบ"เธอดูละครมากไปหรือเปล่า ที่คิดว่าตบแล้วฉันจะจูบ""คุณ!" สโรชาไม่รู้จะเปรียบผู้ชายคนนี้กับอะไรดีแล้ว ในเมื่อเขาไม่ชอบหน้าเธอแล้วทำไมต้องมารั้งตัวไว้ด้วย "ช่วยด้วยค่ะ" หญิงสาวหันมองไปรอบข้างแล้วตะโกน ยังไงเธอก็ต้องไปจากที่นี่ก่อนที่แม่จะออกมาจากงาน"เธอจะเรียกคนมาช่วยหาพระแสงอะไร อ๋อ..หรือจะบอกว่าฉันลวนลาม""ฉั
"คุณนี่เหมือนมานั่งอยู่ในใจฉันเลยนะ""ดีเหมือนกันเราจะได้คุยกันรู้เรื่อง" เขาไม่รู้หรอกว่าที่เธอพูดมาเป็นการประชดหรือเรื่องจริง และไม่จำเป็นต้องไปรู้ด้วย เพราะเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงตรงหน้าอยู่แล้ว"จะคุยอะไรก็คุยมาแต่ปล่อยฉันก่อนได้ไหม"พอแขนของเธอเป็นอิสระหญิงสาวก็เอาอีกข้างมาลูบคลำ เพื่อบรรเทาความเจ็บที่ถูกเขารั้งไว้เมื่อสักครู่"เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้""เรื่องอะไร""เรื่องที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน""นั่นมันก็เรื่องของผู้ใหญ่""เธอไม่ต้องมาตีหน้าซื่อหรอก ฉันรู้ว่าผู้หญิงแบบเธอคิดอะไรอยู่"หญิงสาวไม่เถียงแต่เธอแอบสมเพช ชีวิตเขาคงจะเจอแต่ผู้หญิงประเภทนั้นสินะ ก็เลยเหมารวมไปหมดว่าผู้หญิงจะเป็นเหมือนกัน"เธอเตรียมตัวไว้ด้วยแล้วกัน อาจจะได้ทำตามผู้ใหญ่""ค่ะ""ค่ะ?" เขาคิดว่าเธอควรที่จะพูดอะไรมากกว่านอกจากคำนี้"ฉันไปได้หรือยังคะ""เรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย""คุณอยากจะคุยอะไรอีก"บนรถแท็กซี่..หึ..ดีเหมือนกัน ถ้าเราได้ย้ายออกไปอยู่ที่บ้านของเขา คงจะเป็นอิสระ เพราะยังไงเขาก็คงไม่มาสนใจใยดีอะไรในตัวเรา ..สโรชาคิดถึงคำที่เขาพูดก่อนออกมาส่งเธอขึ้นแท็กซี่เขาบอกทุกอย่างว่าตัวเขามีผู้หญิงที่รักอยู่
"แล้วผมเลือกอะไรได้บ้างล่ะครับ" นี่คือคำตอบที่เขาให้ไป"เลือกได้สิลูก ถ้าลูกไม่แต่งแม่ก็..""พอเถอะคุณ" สายตาของผู้เป็นสามีจ้องหน้าภรรยา นางก็เลยไม่พูดต่อ สามีคงจะบอกว่าได้คนนี้เป็นสะใภ้ยังดีกว่าคนที่ผ่านมา"เอาเป็นว่าเราจะจัดตามฤกษ์สะดวก ผมว่าเป็นสัปดาห์หน้าเลยดีกว่า""สัปดาห์หน้าเลยเหรอคะคุณพี่ น้องกลัวว่าจะไม่ทัน""ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวผมจะให้คนที่เขาถนัดจัดงานนี้รับหน้าที่ไป""ก็ได้ค่ะ"ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงได้แต่นั่งฟัง และตอบตกลงตามที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายเสนอมาทุกอย่างจนการคุยสู่ขอผ่านไปด้วยดี"ผมกลับได้แล้วใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าเขายันตัวลุกขึ้น พอผู้ใหญ่ไม่ห้ามปรามเขาก็รีบเดินออกมา"ฉันไปด้วยค่ะ""ดูจะติดกันตั้งแต่ยังไม่แต่งเลยนะคะเนี่ย" คนที่พูดตามไปก็คือผกาแก้วแม่ฝ่ายหญิง ..แต่ดูเหมือนว่าคู่สนทนาจะไม่อยากเจรจาด้วยอีกนั่นแหละ นางก็เลยทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ"คุณจะไปกับผมเหรอ" ออกมาถึงด้านนอกรามสูรหันกลับไปถามเธอที่เดินตามมา"คุณช่วยไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อย ฉันอยากไปเฝ้าแม่""โรงพยาบาลไหนล่ะ" ชายหนุ่มก็เลยเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ส่วนหญิงสาวรีบเดินอ้อมไปเปิดอีกข้าง[หน้าโรงพยาบาล]"คุ
{"ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง"} พูดแค่นี้ปลายสายก็ตัดสายไป"เขากำลังติดธุระอยู่ค่ะแม่" ถึงแม้จะรู้สึกเสียหน้ามากแค่ไหน เธอก็ต้องยิ้มไว้"วันหลังชวนเขามาค้างที่บ้านเราสิ" นางชักจะเริ่มสงสัย ตกลงรักกันจริงหรือแค่เล่นละครตบตา"ชวนมาค้างที่บ้านหรือคะ""เห็นไปค้างอ้างแรมด้วยกันที่อื่นมาแล้วไม่ใช่เหรอ""ก็ใช่ค่ะแต่ว่า..""ทำไม? หรือว่าไม่ได้ไปค้างกับเขา" สายตานางเริ่มจับพิรุธ"แต่โรสเป็นผู้หญิงนะคะแม่" ถ้าชวนเขามาค้างที่บ้านแล้วเขาจะคิดยังไง"นิ่มนวล""เออ..คุณแม่คะ ก็ได้ค่ะโรสจะลองชวนดู" ถ้านางใช้เสียงแบบนี้เรียกคนสนิท นั่นหมายถึงว่าให้มาลากตัวเธอไปกักบริเวณ หญิงสาวก็เลยต้องได้แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน[ห้องประชุมที่บริษัท]"ถ้าไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร เดี๋ยววันแต่งงานผมจะเข้ามาดูอีกที""ผมว่าวันแต่งงานท่านไม่ต้องเข้ามาหรอกครับ ที่เหลือเดี๋ยวพวกผมจะจัดการกันเอง""ผมมาได้" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องนั้นไปก่อนหลายคนที่มองตามคิดว่าเขาคงจะรีบไปจัดการเรื่องว่าที่ภรรยาโทรมาแน่เลยแต่ไม่ใช่หรอกเรื่องนั้นเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ[สถานบันเทิง]โต๊ะประจำที่รามสูรเคยมานั่งกับหญิงคนรัก ได้ถูกเก็บไว้ให้ถ้าเขาโท
"โอ๊ย!" ด้วยความที่เขาไม่ระวังทำให้เล็บเสียดสีกับช่องคลอดจนเธอรู้สึกเจ็บ แต่เขากลับคิดว่าเธอใกล้แล้ว ก็เลยชักนิ้วออกมา เพื่อที่จะเอาความเป็นชายใส่เข้าไปแทน "อื้ออ"คนตัวเล็กได้แต่กัดฟันปล่อยให้เขาทำไป ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้แม่ไม่อยู่หน้าห้องแล้วก็ตาม เพราะยังไงคงหยุดอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว"อื้อ อื้อ อ " เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปพอถูกเสียดสีหนักเข้าก็เริ่มมีอารมณ์ แต่ความเจ็บปวดก็ไม่ได้จางหายไป"ซี๊ดด" ชายหนุ่มกระแทกซ้ำอีกหลายทีแล้วก็หยุดลงพร้อมน้ำที่หลั่งออกจากร่างกายพอทุกอย่างผ่านไปร่างหนาก็ทิ้งตัวลงนอนแบบไม่ใยดีคนที่เพิ่งจะถูกเขาสำเร็จความใคร่ไปเลยเช้าวันต่อมา.."โอ้ยย" คนตัวเล็กเริ่มเจ็บเสียดช่องทางที่ถูกของแข็งเมื่อคืนนี้ พอรู้สึกตัวเต็มที่หญิงสาวก็ลุกขึ้นมามองรอบข้างหึ.. เริ่มรู้สึกสมเพชตัวเอง ตื่นมาทีไรก็เจอแต่ความว่างเปล่า ครั้งนี้ก็คงเหมือนครั้งแรก สิ่งที่เขาได้ไปคงไม่น่าจดจำอะไรก๊อกๆ "คุณผู้หญิงบอกให้ลงไปทานข้าวค่ะ""ฉันไม่หิว""แต่คุณผู้หญิงบอกว่าให้คุณลงไปให้ได้"มันคงเป็นคำสั่งสินะ "เดี๋ยวฉันตามลงไป""ให้ไวเลยนะคะ""โอ๊ย" พอลุกขึ้นยิ่งเจ็บเสียด แต่ต้องได้ทำตามคำสั่ง ผ
สบายตัวจัง ..ได้นอนแช่น้ำนมแบบนี้แทนที่จะมีความสุข แต่กลับกระวนกระวาย ไม่รู้ว่า Comment ที่พิมพ์ไว้บน IG ของเขาจะถูกลบหรือยัง เพราะเธอไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้จากทางไหนนอกจากโทรศัพท์ แต่เธอไม่มีเวลาโทรหาเขาเลยเพราะช่างอยู่ติดตัวตลอดเวลา ก็เลยต้องได้ใช้การพิมพ์ข้อความทิ้งไว้อีกสถานที่หนึ่ง.. คนที่เธอกำลังให้ความหวังว่าเขาจะมาหาพอขับรถมาถึงบ้านของตัวเขาเอง ชายหนุ่มก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดดูว่าเสียงข้อความอะไร"??" หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่อเห็น comment นั้น ที่จริง comment ไม่ได้ทำให้เต้นแรงหรอก account ที่กด Like comment นั้นต่างหาก ในที่สุดเธอก็เข้ามาส่อง IG ของเขาจนได้ แถมยังไปกดถูกใจประโยคที่ผู้หญิงอีกคนพิมพ์ไว้ว่ามาหาที่บ้านหน่อยทีแรกว่าจะลบข้อความนั้นออก แต่รามสูรเปลี่ยนใจเก็บไว้แบบนี้แหละ"?" ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่เห็น เธอก็เห็นเหมือนกันว่ามีคนมากดถูกใจ commentสโรชาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปส่องว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหญิงสาวต้องรีบแอบเก็บโทรศัพท์ไว้ เมื่อกดเข้าไปเห็นรูปชายหญิงคู่หนึ่งถูกตั้งไว้เป็นภาพโปรไฟล์ เพราะมันคือผู้ชายคนที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวเธอในวันพรุ่งนี้ และที่ต้องได้รีบซ่อนโ
"แม่ว่าเราอย่าเพิ่งตามไปดีกว่า" พอลูกสะใภ้เข้าไปในห้องของคุณย่า รามสูรกำลังจะตามเธอกับลูกเข้าไป"ผมควรทำยังไงดีครับแม่" ครั้งแรกที่เขายอมเปิดใจคุยกับแม่เรื่องนี้ ซึ่งมันผิดวิสัยของเขามาก ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่เรื่องการเรียนเขายังไม่ปรึกษาใคร"เรากลับไปถามใจตัวเอง ว่ามีใจให้กับหนูสโรชาไหม ถ้าคำตอบที่ได้คือไม่ ลูกก็ปล่อยให้เธอไปมีชีวิตของเธอเอง" ที่นางพูดแบบนี้เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเจอวิบากกรรมเหมือนนางอีกแล้ว อย่างที่รู้กันอยู่ว่าสามีเป็นยังไง ถ้าไม่มีใจให้ภรรยา ก็คือต้องไปหานอกบ้าน และพุดตาลก็รู้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน การที่รอชายคนรักกลับมาหา ทั้งๆ ที่รู้ว่าตอนนี้เขานอนกอดอยู่กับผู้หญิงคนอื่น"แม่ครับ""ลูกอย่าเพิ่งตอบแม่ตอนนี้ ลูกต้องให้แน่ใจก่อนค่อยตอบ""ผมแน่ใจแล้วครับ" เขาไม่รู้ว่ามีใจให้กับเธอตั้งแต่เมื่อไร ตั้งแต่มะปรางกลับมา ในใจของเขายังคงคิดวนเวียนถึงเธออยู่เสมอ ทั้งๆ ที่มะปรางก็อยู่ข้างกาย แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้วจึงยอมปล่อยเธอไปนี่แหละมันคือสิ่งที่คนเป็นแม่อยากได้ยิน นางเป็นแม่ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกชายไม่ได้เจ้าชู้เหมือนพ่อ แต่คนที่ลูกชายมอบใจให้ กลับเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าจะได้รับสิ
สายตาคมมองต่ำลงไปดูที่พื้นทันทีที่เห็นผ้าม่านขยับได้ พอแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่อยู่หลังผ้าม่านคืออะไร ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับเดินไปที่ประตูแกร็ก.. มันคือเสียงล็อกประตู เพราะตอนเข้ามาแค่ปิดไว้เฉยๆพอเดินกลับมารามสูรก็เริ่มถอดเสื้อผ้าใหม่อีกครั้งคนที่แอบอยู่หลังผ้าม่านคิดว่าถ้าเขาถอดเสื้อผ้าเสร็จต้องเข้าไปอาบน้ำแน่ เธอจะใช้จังหวะนั้นรีบออกจากห้องนี้แต่พอถอดผ้าออกหมดรามสูรก็หยิบกางเกงลำลองมาสวมใส่แบบง่ายๆ แล้วเดินไปเอนตัวนั่งพิงหมอนที่เตียงนอน"??" คนบ้าอะไรทำงานมาทั้งวันไม่คิดอยากจะอาบน้ำเลยหรือไง แล้วเราจะออกไปได้ยังไงล่ะสโรชาขยับผ้าม่านเล็กน้อยเพื่อจะมองดูว่าคนที่เธอได้ยินเสียงนั่งลงที่เตียงเมื่อสักครู่กำลังทำอะไรอยู่ ..คงกำลังคุยแชทกับผู้หญิงอยู่ล่ะสิ มองไปก็เห็นว่าเขากำลังทำอะไรสักอย่างกับโทรศัพท์"ถ้าเหนื่อยยืนแล้วก็มานั่ง" สายตาของคนที่พูดยังคงมองดูหน้าจอโทรศัพท์อยู่"???" เขาคุยวีดีโอคอลเหรอ? ถ้ารามสูรมองมาทางนี้สักนิดคงคิดว่าเขาเห็นเธอ แต่นี่เขายังคงมองโทรศัพท์อยู่"จะยืนอยู่แบบนั้นทั้งคืนเลยหรือไง" ประโยคนี้ชายหนุ่มค่อยๆ มองไปที่ผ้าม่าน พร้อมกับวางโทรศัพท์ลงบนหัวเ
พอเลขาออกมาจากห้องของท่านประธาน ก็อดมองไปดูผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ตั้งแต่พิมพ์เข้ามาทำงานก็ไม่เคยเห็นบอสสนใจใครนอกจากเลขาที่เพิ่งออกไป เพราะได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟังอยู่บ้างว่าเป็นคนพิเศษสำหรับท่านประธานแต่แทนที่จะสนใจสาวๆ ทำไมถึงไปสนใจแม่ลูกอ่อนอยู่ได้ใกล้เที่ยงวันเดียวกัน.."เราไปทานข้าวที่ไหนกันดี" เกวลินถามรุ่นน้องทั้งสองคน"วันนี้ท่านประธานไม่เลี้ยงข้าวเราอีกเหรอ" เอวาถามกลับ"พอเลย อาหารก็อร่อยอยู่หรอก แต่ดูบรรยากาศยังไงไม่รู้""ถ้างั้นเราก็ไปกินหน้าบริษัทนี้แหละ ฉันเห็นร้านอาหารตามสั่งอยู่ แล้วโรสว่าไง""คะ?" สโรชามัวคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ เธอไม่น่าพลาดท่าให้เขาเลย "เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะคะ""พี่ถามว่าเราจะไปกินข้าวเที่ยงที่ไหนกันดี ใกล้เที่ยงแล้วเนี่ย""โรสยังไม่หิวค่ะ""จะไม่หิวได้ยังไง""พวกพี่ไปกินเถอะค่ะ""เราไม่หิวจริงเหรอ""น้องโรสอาจจะกินข้าวก่อนมาแล้วก็ได้" เพราะวันนี้สโรชามาสาย"เอาแบบนั้นก็ได้ ถ้างั้นพวกพี่ไปก่อนนะ" พวกเธอไม่ต้องรูดบัตรเหมือนพนักงานที่นี่ จะลงไปก่อนก็ไม่มีใครว่า"ทำไมน้องไม่ไปกินข้าวกับเพื่อนล่ะคะ" เลขาก็แอบมองอยู่ว่าพวกเพื่อนๆ ไปแล้ว ทำไมเธอยังคงนั่งอยู่
ฝนยังคงตกตลอดเวลา เพราะตอนนี้ย่างเข้าฤดูฝนแล้ว แถมยังมีข่าวว่าพายุพัดผ่านที่สโรชาไม่ออกไปนอนข้างนอก เพราะกลัวลูกตื่นมาหิว หรือกลัวพ่อที่กอดลูกอยู่เผลอทับ ขนาดจะหลับยังคงเป็นกังวล แอบมองไปดูเล็กน้อยว่าลูกอึดอัดไหมที่ถูกพ่อกอดอึบ! จังหวะที่กำลังจะเอื้อมมือไปขยับแขนเขาออกเล็กน้อย เพราะมันอยู่ตรงหน้าอกลูก แต่มือที่ค้ำยันร่างไว้ดันพลาด คนตัวเล็กก็เลยล้มลงไปทับจนคนที่หลับสนิทลืมตาขึ้น"...." ดวงตาของทั้งสองสบกันเข้าโดยมีเธออยู่ด้านบนสโรชาไม่รู้จะพูดอะไร อุตส่าห์ค่อยๆ ทำกลัวว่าเขาจะตื่น หญิงสาวกำลังจะยันตัวออกจากตรงนั้น แต่ถูกมืออีกฝ่ายรวบตัวไว้ก่อน"ฉะ.. ฉันแค่จะ.." ตกใจมากจนลืมว่าตอนนี้ตัวเองถูกกอดอยู่รามสูรไม่พูดพร่ำ ใบหน้าคมยื่นขึ้นมาหาริมฝีปากของคนที่อยู่ด้านบน"ไม่นะคุณรามสูร" จะพูดแรงก็ไม่ได้เพราะกลัวลูกตื่น เดี๋ยวก็ตื่นมากลัวเสียงฟ้าอีกแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจปฏิกิริยาที่เธอกำลังห้ามปรามเลย"คุณราม!" หญิงสาวตกใจอยู่ดีๆ ก็ถูกจับให้นอนหงายลงกับพื้นเตียง "คุณอืมม!" เธอไม่มีมือผลักเขาไว้เพราะมือถูกล็อคริมฝีปากหนาแนบจูบลงมาแบบห้ามใจตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ลิ้นสากแหย่เข้าไปในโพรงปากของอี
เขาไม่ได้ขยับมือเธอออก แต่ริมฝีปากหนาแนบจูบลงมาหลังฝ่ามือเรียวของอีกฝ่ายที่ปิดปากตัวเองอยู่แต่พอสัมผัสถึงร่างกายของเธอ ชายหนุ่มก็เลยยอมปล่อยแล้วถอยออกมา"เรื่องงานถ้าไม่เสร็จ ก็ทำเท่าที่ไหว" ว่าแล้วคนร่างสูงก็เดินกลับไปนั่งลงเก้าอี้ ที่เขายอมปล่อยเพราะสัมผัสถึงร่างกายที่สั่นกลัวของอีกฝ่าย รามสูรก็รู้ตัวดีว่าที่ผ่านมาทำกับเธอไว้เยอะ จนเธอไม่ยอมเปิดใจและอภัยให้เย็นวันเดียวกัน..สโรชากับเพื่อนลงมาถึงข้างล่าง ก็มีรถตู้รอรับพาไปที่พัก เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจัดหาที่พักที่ไหนให้ ในใจอยากจะบอกรถกลับไปส่งที่บ้าน เพราะคิดถึงลูกใช้เวลาไม่นานเท่าไร รถตู้ก็วิ่งเข้ามาจอดในคฤหาสน์หลังใหญ่"อย่าบอกนะว่าเราจะพักกันที่นี่" และเป็นอีกครั้งที่ทำให้รุ่นพี่แปลกใจมาก ส่วนสโรชาก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะให้พวกเธอมาพักในบ้านของเขาเองแบบนี้"เชิญลงรถได้เลยครับ ห้องของทุกคนถูกจัดเตรียมไว้แล้ว""จะให้พวกเราพักที่นี่กันจริงเหรอคะ" เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น"ใช่แล้วครับ แต่ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่นะครับเป็นโซนด้านหลัง"โซนด้านหลังที่บอกก็คือห้องที่มีไว้สำหรับรับแขก เวลาอยากเป็นส่วนตัว เพราะข้างๆ ห้องนั้นก็คือสระว่ายน้ำ"ว๊าวว" พอเห็
มือเรียวหยิบช้อนแล้วก็ตักอาหารที่อยู่ตรงหน้ามาใส่ปาก แล้วเคี้ยวเหมือนว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น"ทานกันตามสบายเลยนะครับ" รามสูรเห็นว่าทุกคนกำลังงงกับสิ่งที่เขาพูด"เออ..ค่ะ" ถึงแม้เพื่อนร่วมงานจะสงสัยมาก แต่ก็ต้องได้เก็บความสงสัยนั้นไว้ถามตอนที่อยู่กันตามลำพังสายตาคมของท่านประธานยังคงจ้องมองเธอทานอาหารแบบไม่สนใจใครอีกจนคนที่อยู่ร่วมห้องอาหารทำอะไรไม่ถูก จะคุยกันก็ไม่กล้า เอาไปเอามาก็เลยไม่รู้รสชาติของอาหารเลยว่ามันอร่อยไหม เพราะความอยากรู้อยากเห็น"ทะ..ท่านประธานไม่ทานอะไรหน่อยเหรอคะ" ชวนกินข้าวเที่ยงแต่เล่นมานั่งมองเฉยๆ แบบนี้เนี่ยนะ"เห็นพวกคุณทานผมก็อิ่มแล้วครับ ต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม" สายตานั้นมองไปดูคนที่ถามแค่เล็กน้อยแล้วก็หันกลับมามองเธออีกครั้ง"ไม่แล้วค่ะ" จนเพื่อนอดมองมาที่สโรชาด้วยไม่ได้ทานไปจนรู้สึกว่าตัวเองอิ่มแล้วเธอก็วางช้อนลง ..พวกเพื่อนๆ ต่างก็วางลงพร้อมกัน ใครจะกล้ากินต่อล่ะ"อิ่มกันแล้วหรือคะ" เลขาซึ่งยืนรอรับคำสั่งเจ้านายอยู่เดินเข้ามาใกล้"ใช่ค่ะ""จะมีชุดของหวานเข้ามาบริการอีกค่ะ ถ้างั้นขอเก็บตรงนี้ก่อนนะคะ""มีของหวานอีกเหรอ" เอวาและเกวลินกระซิบถามกันเ
"เอาไงดีล่ะทีนี้ ใครจะเข้าไปรับงาน""เดี๋ยวเอวาไปเองค่ะ" ใครบ้างไม่อยากจะเข้าหาท่านประธานบริษัทที่ใหญ่โตขนาดนี้"ดีเลยถ้างั้นพี่ฝากด้วยนะ"ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ สโรชาก็จัดโต๊ะทำงานแบบไม่สนใจ แต่จริงๆ แล้วแค่ทำตัวเป็นไม่ว่างก๊อก ก๊อก เอวาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเดินมาเคาะประตูห้องนี้ ถ้ามีเลขานั่งอยู่หน้าห้องคงไม่เสียมารยาทแบบนี้หรอกแกร็ก.. พอส่งสัญญาณประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก"สวัสดีค่ะ เราเป็นแผนกบัญชีที่เข้ามารับทำบัญชี""อ้าวพวกคุณมาแล้วเหรอคะ" คนที่เปิดประตูออกมาก็คือผู้หญิง"ใช่ค่ะ""เข้ามาข้างในเลยค่ะ""ค่ะ""ท่านประธานบริษัทนี้เป็นผู้หญิงเหรอ" เกวลินอดหันไปคุยกับสโรชาไม่ได้ "แต่ทำไมชื่อเป็นผู้ชายล่ะ" เพราะคงไม่มีผู้หญิงที่ไหนจะมาชื่อรามสูร"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ" คนที่ตอบเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีแล้ว ..คนหนึ่งไปอีกคนก็มาเลยเหรอเพียงไม่นานเอวาก็หอบเอกสารออกมาจากห้องนั้น เกวลินรีบเดินไปช่วยยก ..และก็อดไม่ได้ที่จะสอบถามเรื่องท่านประธาน"เปล่าหรอกคนนั้นเป็นเลขาหน้าห้อง" ได้ยินรุ่นพี่ถามเอวาก็รีบตอบไป"พี่ก็ว่าแล้ว ผู้หญิงที่ไหนจะชื่อรามสูร.. ว่าแต่ท่านประธานหล่อไหม""ฉันไม่รู้ห
"คุณผู้หญิงทำไมวันนี้กลับเร็วคะ" เสียงนี้ดังขึ้นเพื่อเป็นการส่งสัญญาณให้คนข้างในได้ยินด้วย"พอดีเสร็จงานเร็วค่ะ ทางบริษัทก็เลยปล่อยกลับก่อนเวลา" เห็นแค่สีหน้าแม่บ้านเธอก็พอจะเดาได้แล้ว"อ๋อเหรอคะ""วันนี้โรสเหนื่อยขอเข้าบ้านก่อนนะคะ" ยังไงก็ต้องเจอคงเลี่ยงไม่ได้แล้ว หญิงสาวก็เลยเดินเข้าไปข้างในบ้านหลังนี้พอเข้าไปก็เป็นห้องโถง ส่วนห้องนอนจะเรียงกันอยู่มีทั้งของแม่บ้านและของคุณย่า"หนูโรสกลับมาแล้วเหรอลูก" พุดตาลก็กลัวจะถูกลูกสะใภ้ต่อว่า เพราะตอนนี้ลูกชายของนางยังคงเล่นกับหลานอยู่"วันนี้เสร็จงานเร็วค่ะ เจ้านายก็เลยให้กลับมาก่อน ว่าไงครับคนดี" จะไม่คุยกับลูกก็ไม่ได้เพราะตอนนี้มองแม่ตาแป๋วเลย "เราดื้อไหมครับ" ถ้าสังเกตดีๆ ตอนที่พูดกับลูก ดวงตาเธอคลอไปด้วยน้ำตา แต่หญิงสาวก็ยังยิ้ม เพราะไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ"แม่เอาของไปเก็บก่อนนะครับ เดี๋ยวแม่มาเล่นด้วย" ตั้งแต่เข้ามาเธอไม่ได้มองดูผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยเลย สโรชาทำเหมือนว่าในห้องนี้ไม่มีเขาอยู่ พอวางลูกชาย เธอก็เดินไปที่ตู้เย็นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น เพื่อที่จะเอานมออกจากกล่องเก็บอุณหภูมิ ทุกวันก็มีแม่บ้านมาช่วย แต่วันนี
สโรชาเล่นอยู่กับรามิลพักหนึ่งก็ปล่อยให้คุณย่าและพี่เลี้ยงดูแลไป เพราะพวกท่านก็คงจะยังไม่หายคิดถึงหลานพอได้อยู่คนเดียวความน้อยใจก็ค่อยๆ กลืนกินหัวใจเข้ามา มันเป็นแบบที่คิดไว้จริงๆ เขาไม่ได้ต้องการเธอเลย สิ่งที่เขาต้องการก็คือลูกว่าจะไม่คิดมากกับเรื่องพวกนี้แล้ว แต่มันก็อดคิดไม่ได้เช้าวันต่อมา.."แม่ออกไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นแม่จะซื้อขนมมาให้" สมัยนี้ขนมของเด็กทารกมีขายในห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป"แม่ว่าเราควรจะมีรถส่วนตัวได้แล้ว ไปมาจะได้สะดวกหน่อย" ในเมื่อลูกสะใภ้ไม่ต้องการให้มีคนรถไปส่ง นางก็เลยอยากจะให้เดินทางสะดวกหน่อย"โรสขอหาด้วยตัวเองนะคะคุณแม่" เธอรู้ดีว่าท่านร่ำรวยมาก แค่กดโทรออกก็มีคนเอามาส่งถึงที่พุดตาลก็เลยไม่พูดอะไรต่อ เด็กแบบนี้หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน ยิ่งลูกคุณหนูแบบสโรชาด้วยแล้ว คงมีน้อยมากที่อยากจะดิ้นรนด้วยตัวเองสโรชาโทรเรียกมอเตอร์ไซค์วินให้มารับหน้าบ้าน[บริษัทรับทำบัญชี]"เกิดอะไรขึ้นคะ" มาถึงบริษัทก็ดูวุ่นวายไปหมด เหมือนกำลังจัดเตรียมอะไรกันอยู่"พี่ไม่มีเวลาพูดให้เราฟัง ที่จริงพี่ก็ยังไม่ได้พูดให้ใครฟังหรอก เมื่อวานนี้มีผู้ร่วมหุ้นใหม่เ