เช้าวันต่อมา.. และเป็นวันเดียวกับงานเลี้ยงสโมสร
งานเลี้ยงจัดขึ้นแทบจะทุกเดือน เพราะส่วนใหญ่มีแต่คนมียศมีศักดิ์มีหน้ามีตาในสังคม
แกร็ก..
"คุณผู้หญิงรออยู่ที่รถค่ะ"
สโรชาไม่ได้พูดอะไรแค่เดินตามลงมาเงียบๆ
"ดูหน้าสิโทรมหมดแล้ว" มือที่ผ่านการดูแลมาอย่างดี ไม่ยอมปล่อยให้กาลเวลาทำร้ายผิวหนังของตัวเองได้ เอื้อมไปลูบคลำใบหน้างามของผู้หญิงที่นางเรียกว่าลูก "วันนี้คงได้ทำหลายอย่าง ขึ้นรถสิจ๊ะ"
"ค่ะ" หญิงสาวตามขึ้นไปบนรถ แล้วก็นั่งอยู่แบบเงียบๆ จนรถคันนั้นวิ่งมาจอดที่ร้านเสริมความงามสุดหรูแห่งหนึ่ง
"ฉันโทรมาจองคิวไว้แล้วไม่ใช่เหรอ"
"แต่ทางคุณกรองแก้วก็โทรมาจองเหมือนกันค่ะ"
"ฉันไม่เอาช่างตาสีตาสานะ หาช่างที่เก่งที่สุดมาดูแลความงามของลูกสาวฉัน"
"ได้ค่ะ..ทางร้านของเราคัดสรรแต่ช่างที่มีฝีมือทั้งนั้นค่ะ"
"อ้าวนึกว่าเสียงใคร เสียงคุณผกาแก้วนี่เอง..ดูใจเราจะตรงกันจังเลยนะคะ"
"เรียกว่าคิดเหมือนกันจะไม่ดีกว่าเหรอ..คะ" ผกาแก้วดูท่าทางไม่อยากเจรจากับอีกฝ่ายเลย
"เชิญคุณทั้งสองนั่งก่อนค่ะ" เจ้าของร้านเสริมความงามแห่งนี้รู้ดีว่าทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน
"ยังไงลูกสาวฉันต้องสวยที่สุดนะคะ"
"ลูกสาวฉันก็เหมือนกัน"
"รับรองเลยค่ะ คุณหนูทั้งสองต้องสวยเริ่ดแน่นอนค่ะ"
"ยืนทำอะไรอยู่ล่ะเข้าไปสิลูก" ผกาแก้วเห็นว่าสโรชายืนมองออกไปด้านนอกแบบลุกลี้ลุกลน กลัวว่าจะหนีงานเย็นนี้ ก็เลยเป็นคนพามาเสริมความงามเอง
"ค่ะ" เธอแค่มองดูว่าร้านขายยาแถวนี้มีไหม ถ้าเขาป้องกันสักนิด เธอคงไม่คิดมากขนาดนี้
พอนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ สโรชาก็ส่งยิ้มหวานเพื่อทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อน เธอคนที่นั่งอยู่ก่อนกำลังจะยิ้มตอบ แต่พอมองกระจกเห็นสายตาของผู้เป็นแม่มองมาก็เลยต้องได้หุบยิ้มไว้
สโรชาก็เลยต้องยิ้มแห้งๆ เพราะ คนข้างๆ ไม่ยอมทักทายกลับ
"สงสัยต้องไปงานเดียวกันแน่เลยใช่ไหมคะเนี่ย" ช่างเสริมสวยเริ่มชวนคุย
ทั้งสองที่นั่งอยู่หันหน้ามองกันแบบไม่ได้นัดหมาย แต่ก็ไม่มีใครตอบ
"พี่อยากไปแบบนี้บ้าง หนุ่มๆ ในงานคงหล่อๆ ทั้งนั้น" เพราะเป็นงานไฮโซ คนด้านนอกไม่ได้เข้าไปสัมผัสหรอก นอกจากแวดวงเดียวกัน
กว่าทุกอย่างจะออกมาเลิศหรู Perfect ก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง
"คุณแม่คะ โรสขอไปทำธุระแถวนี้แป๊บหนึ่งได้ไหมคะ"
"ธุระอะไร" ผกาแก้วไม่ค่อยสบอารมณ์ที่ลูกสาวของอีกฝ่ายแต่งตัวออกมาได้สวยไม่แพ้กันเลย
"ไม่มีอะไรค่ะ" เห็นอารมณ์นั้นของนางแล้วเธอก็เลยต้องได้เงียบ
[หน้าโรงแรมหรูที่ใช้จัดงาน]สโรชาและคนที่เธอเรียกว่าแม่นั่งรออยู่หน้ารถมาได้สักพักแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ถามว่าทำไมถึงยังไม่ลงรถ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเคยเกิดขึ้นอีกนั่นแหละ เหตุผลของนางคือยิ่งเข้าไปในงานช้าก็ยิ่งเป็นจุดสนใจ"ได้เวลาแล้ว จำไว้นะ ตอนที่เดินเข้าไปต้องทำตัวให้มั่นเข้าไว้""ค่ะ" เธอร่ำเรียนมาทุกอย่าง แม้แต่การเดินเข้างานนักข่าวที่รอทำข่าวอยู่หน้างานต่างก็รีบกรูกันเข้ามาเก็บภาพ หญิงสาวใบหน้าสวยหวานเดินเชิดหน้าเข้ามาพร้อมกับภรรยาของพลโทพงศธร ซึ่งตอนนี้ผู้เป็นสามีอยู่ในงานนั้นแล้วพอเดินพ้นด่านของนักข่าวเข้ามาในงาน ก็เริ่มมีสายตาของไฮโซหลายคู่ที่จับจ้องมา"ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้น วันนี้รามสูรมา หนูต้องเป็นคู่เต้นรำของเขาให้ได้""อะไรนะคะ?!" จากที่ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่รอยยิ้มนั้นได้หายไปอย่างรวดเร็ว"อย่าทำให้แม่ผิดหวัง รู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น""ค่ะ""มางานนี้ด้วยเหรอ"พอเสียงนี้ดังขึ้นหญิงสาวที่กำลังยืนคุยอยู่กับแม่รีบหันกลับไปมองด้านหลัง"รันเวย์?""สวยแทบจำไม่ได้เลยนะเนี่ย ทีแรกคิดว่าทักคนผิดซะอีก""นายก็มางานนี้เหรอ""มาส่งคุณแม่ เดี๋ยวก็กลับแล้ว" ขณะที่กำลังคุยกับสโรช
ทำยังไงดี แล้วเขาจะคิดว่าเราเป็นผู้หญิงแบบไหน ..ถ้าไม่เพราะถูกขู่เรื่องแม่ แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีตอนนี้เลย"ยังจะอยู่อีก เห็นไหมลูกแม่นั่นไปนู่นแล้ว" ผกาแก้วหมายถึงลูกสาวของกรองแก้ว ทั้งสองเคยชิงรักหักสวาทกันมาตั้งแต่สมัยเป็นสาวแล้ว แต่คนที่ชนะก็คือผกาแก้วอีกนั่นแหละ เพราะนางได้พลโทพงศธรมาครอง ถึงแม้จะได้มาแค่ตัวนางก็ไม่แคร์เท้าเรียวที่อยู่บนรองเท้าส้นสูงราคาแพง ได้ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า เพื่อให้ถึงผู้ชายคนนั้นก่อนผู้หญิงอีกคน"สวัสดีค่ะ"ชายหนุ่มที่กำลังยืนจิบไวน์อยู่มุมหนึ่งของงาน หันมามองเมื่อได้ยินเสียงทักทายสายตาเขามองดูผู้หญิงสองคนพร้อมกัน ไม่แน่ใจว่าเมื่อสักครู่ใครเป็นคนทัก"เห็นว่าคุณยืนอยู่คนเดียว ก็เลยอยากมาเป็นเพื่อนคุยค่ะ""ผมเหรอครับ" เขาเข้าไปคุยกับพ่อแล้วก็ขอตัวออกมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะรามสูรไม่ค่อยชอบเจรจากับคนมีอายุเท่าไร"ดิฉันชื่ออลิสค่ะ" ผู้หญิงหนึ่งในสองรีบชิงแนะนำตัวก่อน"ครับ" ตอบแค่นี้แล้วชายหนุ่มก็ยกไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง สายตาคมมองไปดูผู้หญิงอีกคน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนี่อะไรกันเขาจำเราไม่ได้เหรอ? ที่สโรชาคิดว่ารามสูรจำไม่ได้ เพราะถ้าจำได้สายตาเขาต้องหยุดอยู่ที่
"อุ๊ย คุณ?" ขณะที่เธอกำลังรีบเดินออกมาหวังจะไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงแรม แต่ก็ถูกมือของชายหนุ่มที่เดินตามมากระชากตัวไว้ก่อน "ปล่อยนะฉันมีธุระต้องไป""ธุระของเธอคือฉันไม่ใช่เหรอ""คุณอย่าสำคัญตัวเองผิดนักเลย""แล้วสิ่งที่เธอทำมันคืออะไรล่ะ""ฉันมีเหตุผล""เหตุผล?""ฉันบอกแล้วไงว่าจะรีบไปทำธุระ""เธอรู้ไหมว่าผลกระทบที่เธอทำ มันจะเกิดอะไรขึ้น" เขาหมายถึงที่เธอจูบในงานเมื่อสักครู่ เพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่แทบจะทุกคน"ใครให้คุณปฏิเสธฉันเองทำไม""ผู้ชายปฏิเสธหมายถึงเขาไม่ต้องการ เธอไม่เข้าใจเลยเหรอ"ถึงแม้ว่าจะรีบมากแค่ไหนแต่พอได้ยินประโยคแบบนี้ออกมา มันดูเหมือนถูกตบหน้าชัดๆ มือเรียวยกขึ้นมาหวังจะเอาคืน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายคว้ามือของเธอไว้ได้ทัน"ฉันเจ็บนะ" เขาไม่ได้จับไว้เฉยๆ แต่ยังใช้แรงบีบ"เธอดูละครมากไปหรือเปล่า ที่คิดว่าตบแล้วฉันจะจูบ""คุณ!" สโรชาไม่รู้จะเปรียบผู้ชายคนนี้กับอะไรดีแล้ว ในเมื่อเขาไม่ชอบหน้าเธอแล้วทำไมต้องมารั้งตัวไว้ด้วย "ช่วยด้วยค่ะ" หญิงสาวหันมองไปรอบข้างแล้วตะโกน ยังไงเธอก็ต้องไปจากที่นี่ก่อนที่แม่จะออกมาจากงาน"เธอจะเรียกคนมาช่วยหาพระแสงอะไร อ๋อ..หรือจะบอกว่าฉันลวนลาม""ฉั
"คุณนี่เหมือนมานั่งอยู่ในใจฉันเลยนะ""ดีเหมือนกันเราจะได้คุยกันรู้เรื่อง" เขาไม่รู้หรอกว่าที่เธอพูดมาเป็นการประชดหรือเรื่องจริง และไม่จำเป็นต้องไปรู้ด้วย เพราะเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงตรงหน้าอยู่แล้ว"จะคุยอะไรก็คุยมาแต่ปล่อยฉันก่อนได้ไหม"พอแขนของเธอเป็นอิสระหญิงสาวก็เอาอีกข้างมาลูบคลำ เพื่อบรรเทาความเจ็บที่ถูกเขารั้งไว้เมื่อสักครู่"เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้""เรื่องอะไร""เรื่องที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน""นั่นมันก็เรื่องของผู้ใหญ่""เธอไม่ต้องมาตีหน้าซื่อหรอก ฉันรู้ว่าผู้หญิงแบบเธอคิดอะไรอยู่"หญิงสาวไม่เถียงแต่เธอแอบสมเพช ชีวิตเขาคงจะเจอแต่ผู้หญิงประเภทนั้นสินะ ก็เลยเหมารวมไปหมดว่าผู้หญิงจะเป็นเหมือนกัน"เธอเตรียมตัวไว้ด้วยแล้วกัน อาจจะได้ทำตามผู้ใหญ่""ค่ะ""ค่ะ?" เขาคิดว่าเธอควรที่จะพูดอะไรมากกว่านอกจากคำนี้"ฉันไปได้หรือยังคะ""เรายังไม่ได้คุยอะไรกันเลย""คุณอยากจะคุยอะไรอีก"บนรถแท็กซี่..หึ..ดีเหมือนกัน ถ้าเราได้ย้ายออกไปอยู่ที่บ้านของเขา คงจะเป็นอิสระ เพราะยังไงเขาก็คงไม่มาสนใจใยดีอะไรในตัวเรา ..สโรชาคิดถึงคำที่เขาพูดก่อนออกมาส่งเธอขึ้นแท็กซี่เขาบอกทุกอย่างว่าตัวเขามีผู้หญิงที่รักอยู่
"แล้วผมเลือกอะไรได้บ้างล่ะครับ" นี่คือคำตอบที่เขาให้ไป"เลือกได้สิลูก ถ้าลูกไม่แต่งแม่ก็..""พอเถอะคุณ" สายตาของผู้เป็นสามีจ้องหน้าภรรยา นางก็เลยไม่พูดต่อ สามีคงจะบอกว่าได้คนนี้เป็นสะใภ้ยังดีกว่าคนที่ผ่านมา"เอาเป็นว่าเราจะจัดตามฤกษ์สะดวก ผมว่าเป็นสัปดาห์หน้าเลยดีกว่า""สัปดาห์หน้าเลยเหรอคะคุณพี่ น้องกลัวว่าจะไม่ทัน""ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวผมจะให้คนที่เขาถนัดจัดงานนี้รับหน้าที่ไป""ก็ได้ค่ะ"ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงได้แต่นั่งฟัง และตอบตกลงตามที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายเสนอมาทุกอย่างจนการคุยสู่ขอผ่านไปด้วยดี"ผมกลับได้แล้วใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าเขายันตัวลุกขึ้น พอผู้ใหญ่ไม่ห้ามปรามเขาก็รีบเดินออกมา"ฉันไปด้วยค่ะ""ดูจะติดกันตั้งแต่ยังไม่แต่งเลยนะคะเนี่ย" คนที่พูดตามไปก็คือผกาแก้วแม่ฝ่ายหญิง ..แต่ดูเหมือนว่าคู่สนทนาจะไม่อยากเจรจาด้วยอีกนั่นแหละ นางก็เลยทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ"คุณจะไปกับผมเหรอ" ออกมาถึงด้านนอกรามสูรหันกลับไปถามเธอที่เดินตามมา"คุณช่วยไปส่งที่โรงพยาบาลหน่อย ฉันอยากไปเฝ้าแม่""โรงพยาบาลไหนล่ะ" ชายหนุ่มก็เลยเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ส่วนหญิงสาวรีบเดินอ้อมไปเปิดอีกข้าง[หน้าโรงพยาบาล]"คุ
{"ตอนนี้ผมยังไม่ว่าง"} พูดแค่นี้ปลายสายก็ตัดสายไป"เขากำลังติดธุระอยู่ค่ะแม่" ถึงแม้จะรู้สึกเสียหน้ามากแค่ไหน เธอก็ต้องยิ้มไว้"วันหลังชวนเขามาค้างที่บ้านเราสิ" นางชักจะเริ่มสงสัย ตกลงรักกันจริงหรือแค่เล่นละครตบตา"ชวนมาค้างที่บ้านหรือคะ""เห็นไปค้างอ้างแรมด้วยกันที่อื่นมาแล้วไม่ใช่เหรอ""ก็ใช่ค่ะแต่ว่า..""ทำไม? หรือว่าไม่ได้ไปค้างกับเขา" สายตานางเริ่มจับพิรุธ"แต่โรสเป็นผู้หญิงนะคะแม่" ถ้าชวนเขามาค้างที่บ้านแล้วเขาจะคิดยังไง"นิ่มนวล""เออ..คุณแม่คะ ก็ได้ค่ะโรสจะลองชวนดู" ถ้านางใช้เสียงแบบนี้เรียกคนสนิท นั่นหมายถึงว่าให้มาลากตัวเธอไปกักบริเวณ หญิงสาวก็เลยต้องได้แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน[ห้องประชุมที่บริษัท]"ถ้าไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร เดี๋ยววันแต่งงานผมจะเข้ามาดูอีกที""ผมว่าวันแต่งงานท่านไม่ต้องเข้ามาหรอกครับ ที่เหลือเดี๋ยวพวกผมจะจัดการกันเอง""ผมมาได้" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องนั้นไปก่อนหลายคนที่มองตามคิดว่าเขาคงจะรีบไปจัดการเรื่องว่าที่ภรรยาโทรมาแน่เลยแต่ไม่ใช่หรอกเรื่องนั้นเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ[สถานบันเทิง]โต๊ะประจำที่รามสูรเคยมานั่งกับหญิงคนรัก ได้ถูกเก็บไว้ให้ถ้าเขาโท
"โอ๊ย!" ด้วยความที่เขาไม่ระวังทำให้เล็บเสียดสีกับช่องคลอดจนเธอรู้สึกเจ็บ แต่เขากลับคิดว่าเธอใกล้แล้ว ก็เลยชักนิ้วออกมา เพื่อที่จะเอาความเป็นชายใส่เข้าไปแทน "อื้ออ"คนตัวเล็กได้แต่กัดฟันปล่อยให้เขาทำไป ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้แม่ไม่อยู่หน้าห้องแล้วก็ตาม เพราะยังไงคงหยุดอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว"อื้อ อื้อ อ " เธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปพอถูกเสียดสีหนักเข้าก็เริ่มมีอารมณ์ แต่ความเจ็บปวดก็ไม่ได้จางหายไป"ซี๊ดด" ชายหนุ่มกระแทกซ้ำอีกหลายทีแล้วก็หยุดลงพร้อมน้ำที่หลั่งออกจากร่างกายพอทุกอย่างผ่านไปร่างหนาก็ทิ้งตัวลงนอนแบบไม่ใยดีคนที่เพิ่งจะถูกเขาสำเร็จความใคร่ไปเลยเช้าวันต่อมา.."โอ้ยย" คนตัวเล็กเริ่มเจ็บเสียดช่องทางที่ถูกของแข็งเมื่อคืนนี้ พอรู้สึกตัวเต็มที่หญิงสาวก็ลุกขึ้นมามองรอบข้างหึ.. เริ่มรู้สึกสมเพชตัวเอง ตื่นมาทีไรก็เจอแต่ความว่างเปล่า ครั้งนี้ก็คงเหมือนครั้งแรก สิ่งที่เขาได้ไปคงไม่น่าจดจำอะไรก๊อกๆ "คุณผู้หญิงบอกให้ลงไปทานข้าวค่ะ""ฉันไม่หิว""แต่คุณผู้หญิงบอกว่าให้คุณลงไปให้ได้"มันคงเป็นคำสั่งสินะ "เดี๋ยวฉันตามลงไป""ให้ไวเลยนะคะ""โอ๊ย" พอลุกขึ้นยิ่งเจ็บเสียด แต่ต้องได้ทำตามคำสั่ง ผ
สบายตัวจัง ..ได้นอนแช่น้ำนมแบบนี้แทนที่จะมีความสุข แต่กลับกระวนกระวาย ไม่รู้ว่า Comment ที่พิมพ์ไว้บน IG ของเขาจะถูกลบหรือยัง เพราะเธอไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้จากทางไหนนอกจากโทรศัพท์ แต่เธอไม่มีเวลาโทรหาเขาเลยเพราะช่างอยู่ติดตัวตลอดเวลา ก็เลยต้องได้ใช้การพิมพ์ข้อความทิ้งไว้อีกสถานที่หนึ่ง.. คนที่เธอกำลังให้ความหวังว่าเขาจะมาหาพอขับรถมาถึงบ้านของตัวเขาเอง ชายหนุ่มก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดดูว่าเสียงข้อความอะไร"??" หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่อเห็น comment นั้น ที่จริง comment ไม่ได้ทำให้เต้นแรงหรอก account ที่กด Like comment นั้นต่างหาก ในที่สุดเธอก็เข้ามาส่อง IG ของเขาจนได้ แถมยังไปกดถูกใจประโยคที่ผู้หญิงอีกคนพิมพ์ไว้ว่ามาหาที่บ้านหน่อยทีแรกว่าจะลบข้อความนั้นออก แต่รามสูรเปลี่ยนใจเก็บไว้แบบนี้แหละ"?" ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่เห็น เธอก็เห็นเหมือนกันว่ามีคนมากดถูกใจ commentสโรชาอดไม่ได้ที่จะเข้าไปส่องว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหญิงสาวต้องรีบแอบเก็บโทรศัพท์ไว้ เมื่อกดเข้าไปเห็นรูปชายหญิงคู่หนึ่งถูกตั้งไว้เป็นภาพโปรไฟล์ เพราะมันคือผู้ชายคนที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าวเธอในวันพรุ่งนี้ และที่ต้องได้รีบซ่อนโ
"เข้าข้างในกัน" เกษมราษฎร์เอื้อมมือมาให้อีกฝ่ายจับมือท่านไว้ เพื่อจะได้ก้าวเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน"ท่านทำอะไรคะ" นางยอมเดินตามแรงที่อีกฝ่ายจูง แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้"บอกแล้วไงว่าไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ แต่งงานกันนะ""อู๊วววว" เสียงโห่แสดงความยินดีดังขึ้นเมื่อเกษมราษฎร์คุกเข่าลงต่อหน้าผู้หญิงที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวในคืนนี้ ท่านเคยพูดไว้แล้วถึงแม้ว่าจะพูดแค่กับตัวเอง ถ้ามีโอกาสได้ทำเพื่อเธอ..จะทำให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ต้องอิจฉาเธอ"ลุกขึ้นเถอะค่ะท่าน""คุณตอบตกลงมาก่อนสิ""ท่านเพิ่งขอหมั้นไปวันก่อนเองนะคะ""ถ้าคุณไม่ตกลงผมก็จะอยู่แบบนี้""ตกลงก็ได้ค่ะ" จากเสียงโห่ร้องกลายเป็นเสียงกรี๊ดลั่นจนโรงแรมแทบจะแตก เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วยเกษมราษฎร์ลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ถึงแม้จะอายุและเยอะแล้วแต่ร่างกายของท่านก็ยังแข็งแรง เพราะการเป็นทหารต้องได้ฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา"ดีใจด้วยนะครับ" รามสูรเข้ามาแสดงความยินดี เขาดีใจมากที่จะเห็นแม่มีความสุขสักที ตั้งแต่จำความได้เลยมั้งที่เห็นแม่ต้องเฝ้ารอพ่อกลับบ้านทุกวันและลูกๆ คนที่เหลือก็เข้ามาแสดงความยินดี รวมทั้งแขกในงาน วันนี้ท่าน
เย็นวันเดียวกันนั้น.. พุดตาลเรียกลูกชายและลูกสะใภ้มาทานข้าวเย็นร่วมกัน"สวัสดีครับท่าน" รามสูรมาพร้อมกับภรรยา และลูกชาย พอมาถึงก็เห็นว่าท่านพลเอกเกษมราษฎร์ ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วย"มาครบกันแล้วใช่ไหม นั่งก่อนสิลูก"พอลูกชายนั่งลงเกษมราษฎร์ก็ขอเป็นคนพูดเอง ท่านบอกทุกคนว่าขอเข้ามาอยู่ร่วมครอบครัวด้วย ทีแรกเกษมราษฎร์ก็ช่างใจอยู่ กลัวลูกๆ ของพุดตาลจะไม่ชอบใจ เพราะถึงยังไงพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะกลับมา"ยินดีต้อนรับครับ ผมเองต่างหากที่ต้องฝากคุณแม่ไว้กับท่าน" พี่ชายคนโตเป็นคนเอ่ยพูดก่อน"ขอบใจมากนะลูก" ใจจริงพุดตาลก็อยากจะอยู่กับลูกและหลานแบบนี้ไปจนแก่เฒ่า แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เมื่อสามีหย่าขาดจากผู้หญิงคนนั้น ยังไงท่านก็ต้องกลับมาวนเวียนจนทำให้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขแน่ นางก็เลยตัดสินใจตัดกรรมกันไปแต่เพียงแค่นี้"ผมจะประกาศให้สังคมรับรู้เรื่องของเราในเร็ววันนี้""เรื่องนี้แล้วแต่ท่านค่ะ" นางคิดว่าให้คนรับรู้ไว้ก็ดี เรื่องถูกนินทาหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ใครจะนินทาก็ช่าง ขอให้ตัวเองอยู่แบบสบายใจก็พอร่วมทานข้าวเย็นกันเสร็จ ลูกชายทั้งสองก็ขอตัวกลับเพราะมันดึกแล้ว ส่วนเพลิงไม่อยากจะกลับก็ต้องได
"ใจเย็นก่อนสิคะมาเหนื่อยๆ น้ำก็ยังไม่อาบ""ขอชื่นใจก่อน" ริมฝีปากหนากระซิบพูดในขณะที่จมูกยังสูดดมคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด"คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ" รักครั้งแรกของเธอมันช่างสวยงามนัก แต่เมขลาหวังว่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไว้ได้แค่เธอ เพราะถ้าเขามีตำแหน่งที่สูงขึ้น เขาจะเป็นเหมือนคนที่ให้กำเนิดเธอไหม"เป็นอะไร" เพลิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเธอไม่เหมือนตอนที่เรียกเขาขึ้นมาข้างบนเลย"อนาคตข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่นอนค่ะ เผื่อคุณก้าวไปในตำแหน่งที่สูงกว่านี้..""อย่าคิดอะไรที่มันจะไม่เกิดขึ้น" แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าเธอคงกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนพ่อ"คุณรู้เหรอคะว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่""ผมรักคุณ คำนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้ฟังมันจากปากผม และผมก็จะพูดให้คุณฟังเพียงคนเดียว""ขอบคุณนะคะ" ขอบคุณเขาทั้งน้ำตา แต่ก่อนตอนที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังมีความสุขมากกว่านี้เลย แต่พอรู้ว่าพ่อมีนิสัยยังไง เมขลาก็เริ่มกลัวผู้ชายรอบข้าง[โรงแรมหรู]ที่พลเอกเกษมราษฎร์พาพุดตาลมาทานข้าวที่โรงแรม เพราะรู้แล้วว่านางคงไม่กลับไปหาอะไรเดิมๆอีก ท่านต้องทำให้นางเห็นว่าท่านสามารถที่จะพานางก้าวไปในทุกๆที่ได้"ทำไมคุณรู้ว่าฉันชอบกิน เออ..
"ทำอะไรกัน"คนที่กำลังโอบกอดกันถึงกับตกใจปล่อยมือออก"ท่าน?""นายคงไม่อยากจะอยู่ในกรมแล้วใช่ไหม""อย่าทำอะไรผู้กองนะคะ" ถึงแม้เธอจะตัวเล็กกว่ามาก แต่หญิงสาวก็ใจกล้าก้าวออกมายืนบังชายคนรักไว้"เรารู้ไหมว่ามันไม่สมควร""จะสมควรหรือไม่ มันอยู่ที่เราสองคนค่ะ""อย่าลืมสิว่าเราเป็นลูกของใคร""หึ.. แล้วฉันเป็นลูกของใครล่ะคะ""มันสมควรแล้วเหรอที่จะมาพูดต่อล้อต่อเถียงกับพ่อ""พ่อ?" เมขลาอยากจะพูดอะไรอีกตั้งมากมาย แต่มันจุกในอกเสียก่อน"มีอะไรกัน" แม่บ้านรีบเข้าไปตามคุณผู้หญิงออกมาดู กลัวว่าจะมีเรื่อง"คุณมาก็ดีแล้ว ผมจะเร่งเรื่องให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ""เรียนต่อต่างประเทศ?" เพลิงพูดพร้อมกับมองหน้าเมขลา แล้วมองไปที่ท่านพลเอกเรวทัต"ฉันไม่ไปค่ะ""ลูกไม่อยากเรียน" พุดตาลคิดว่านางคงต้องได้ออกหน้าเองแล้วล่ะ"อายุแค่นี้ยังเรียนได้อีกตั้งเยอะ ทำไมถึงคิดสั้น""อะไรคือการคิดสั้นคะ""ก็ที่เห็นอยู่นี่ไง""คนนี้ผู้กองเพลิงท่านก็คงจะรู้จักแล้ว เขาเป็นคนรักของฉัน ไม่สิ.." ถ้าพูดแค่คนรักมันคงไม่จบตรงนี้แน่ เมขลาก็เลยให้สถานะใหม่กับเพลิง "เขาเป็นพ่อของลูกในท้องฉันเองค่ะ""???" ไม่ใช่แค่พลเอกเรวทัตและพุดตา
เห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เรวทัตก็เลยยังไม่พูดอะไรอีก เพราะคดีเก่ายังไม่เคลียร์"อยู่พร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว พ่อจะย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ"เรวทัตพูดจบ ลูกๆ ต่างก็มองดูหน้าคนเป็นแม่มันคงเป็นเวรกรรมของนางที่เคยสร้างไว้กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้ก็เลยต้องได้ตามมาชดใช้กรรม หนีไปไหนก็คงจะหนีไม่พ้นแล้ว"บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณ คุณจะมาอยู่ใครจะว่าอะไรได้ล่ะคะ"เรวทัตอยากได้ยินคนตรงหน้าเรียกว่าคุณพี่เหมือนเดิม แต่คงต้องใช้เวลา เพราะตัวเองทำไว้กับนางเยอะ"หือ รามิล" มองเข้าไปด้านในก็เห็นลูกสะใภ้คนโตกำลังอุ้มหลานชายเดินออกมา เรวทัตก็เลยเดินเข้าไปหาหลานพอคนเป็นพ่อไปแล้ว ลูกๆ ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็มองดูหน้าแม่อีกครั้ง นาทีนี้ไม่มีใครน่าสงสารเท่าท่านอีกแล้ว"แม่ไม่เป็นอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ" แค่นี้นางก็รู้แล้วว่าสามีคงจะหย่าจริง เพราะถ้าไม่งั้นคงไม่บอกว่าจะกลับมานอนบ้านหลังนี้ นางรนหาที่เอง คิดว่าท่านจะไม่กล้าหย่าดาราสาวสวยคนนั้นทุกคนเข้าไปแล้ว เมขลาก็หันกลับมากุมมือเพลิงไว้ "เรายังจะเป็นเหมือนเดิม อย่าคิดมากนะคะ" เมขลารู้ดีว่าเพลิงคิดว่าตัวเองต่ำต้อย"ผมจะไม่ถอ
"ผมมาคิดทบทวนเรื่องของเราดูแล้ว""ท่านไม่สบายหรือเปล่าคะ" แพรวพราวเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ยังคงส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้ แบบใจดีสู้เสือ"เราหย่ากันเถอะ""คุณพี่!!""ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณอยากได้ ผมขอแค่ให้คุณเซ็นใบหย่า""ไม่มีทางค่ะ กว่าเราจะฝ่าฟันความรักของเรามาด้วยกันได้ ทำไมคุณพี่ถึงทำแบบนี้กับแพรวคะ""ผมให้เกียรติคุณถึงได้มาคุยก่อน หรืออยากจะคุยผ่านทนายของผมล่ะ""แพรวรักท่าน ยอมอุ้มท้องลูกของท่าน ถึงแม้จะถูกใครตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี""เรื่องลูกผมก็ยังจะส่งเสียเลี้ยงดู""แพรวไม่ได้ต้องการแบบนั้นสักหน่อย ใครคะ..ท่านมีใครใหม่อีกเหรอคะ""เรื่องนั้นไม่เกี่ยว เรามาคุยเรื่องของเราก่อน""เรื่องของเรา แพรวไม่หย่า!""ผมมาคุยกับคุณดีๆ แล้วนะ หลังจากนี้คุณก็คุยกับทนายของผมแล้วกัน และสิ่งที่คุณอยากได้ก็อย่าฝันว่าจะได้""ท่านอย่าบอกนะว่าจะกลับไปหามันอีก""ผมเพิ่งรู้ว่ารักภรรยา""รักภรรยาอย่างนั้นเหรอคะ แล้วที่ผ่านมาล่ะผู้หญิงนับสิบนับร้อยยังจะเรียกว่ารักภรรยาได้อยู่อีกเหรอคะ!" แต่ดูเหมือนเรวทัตจะไม่ฟังอะไรอีก เพราะตอนนี้เดินไปที่รถแล้ว "กรี๊ดดดด!!""คุณแม่เป็นอะไรคะ" มโนราห์ได้ยินเสียงร้องก็รีบลงมาดู"
"??" เมขลาได้ยินทุกคำพูดของแม่ใหญ่ที่พูดกับ.. แม้แต่คิดยังไม่กล้าเอ่ยชื่อในใจเลย คนที่ไม่ต้องการเธอ..เธอก็ไม่ต้องการคนแบบนั้นเช่นกัน"หนูเมย์" ยืนมองตามสามีเก่าไปครู่หนึ่ง พอหันกลับมาก็เจอเมขลาอยู่ตรงมุมบันได"คุณแม่ทำแบบนั้นทำไมคะ""บางทีมันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราก็ได้""น้องเมย์ไม่เห็นด้วยค่ะ""แต่เขาคือ..." นางกำลังจะพูดว่าแต่นั่นคือพ่อแท้ๆ ของเมขลาเลยนะ"น้องเมย์ไม่อยากให้คุณแม่กลับไปเจอวังวนเก่าๆ อะไรที่เราสลัดทิ้งไปได้แล้ว ก็ปล่อยมันไปเถอะค่ะ"ทำไมเด็กอายุยังไม่ถึง 20 ถึงคิดได้กว่านาง ถ้านางใช้แค่หัวใจคิดก็คงจะกลับมาในวังวนเดิม แต่ถ้าใช้สมอง ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านไป มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้"แล้วแม่ต้องทำยังไง"เมขลามองใบหน้าผู้หญิงที่กาลเวลาไม่สามารถทำร้ายนางได้ เพราะถ้าเดินไปกับเธอทุกคนคงคิดว่าพี่กับน้อง ดวงตาของนางคลอไปด้วยม่านน้ำตาที่บดบัง ถึงแม้เธอจะอายุยังน้อย แต่ก็พอดูออกว่าท่านยังคงรักผู้ชายคนนั้นอยู่"ถ้าเขาคนนั้นกลับมา ทำให้คุณแม่ต้องทุกข์ใจอีก คุณแม่จะรับได้ไหมล่ะคะ" เพราะยังไงคนเดิมก็คงทำอะไรเหมือนเดิม ถ้าไม่งั้นคงไม่ออกไปไข่ไว้นอกบ้านจนทั่วแบบนี้"แม่ขออยู่คน
คฤหาสน์พลเอกเรวทัต"ดีใจจังเลยค่ะที่คุณผู้หญิงกลับมา""สบายดีกันไหม" กลับมาที่นี่ถึงสองครั้ง แต่ไม่ได้ถามสารทุกข์สุขดิบกันเลย เพราะแค่เห็นหน้าสามีเก่าก็ไม่มีอารมณ์ถามใครแล้ว"ไม่สบายก็ตรงที่คิดถึงคุณผู้หญิงนั่นแหละค่ะ""ปากหวานเหมือนเดิมนะพวกเราเนี่ย ช่วยกันเอาของเข้ามาข้างในก่อน""เดี๋ยวผมทำเองครับ" เพลิงซึ่งทำหน้าที่ขับรถรีบเดินไปเปิดกระโปรงหลัง"ฉันช่วยค่ะ" เมขลากำลังจะไปช่วยยกของแต่ถูกเพลิงห้ามไว้"เอาของขึ้นไปไว้ข้างบนเลย แม่ให้คนจัดห้องให้แล้ว""ครับ" ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าขึ้นไปที่ชั้นบน โดยมีหญิงคนรักเดินตามไป ส่วนของที่เหลือพวกแม่บ้านช่วยกันคนละไม้คนละมือกึก.."อืม" หญิงสาวตกใจเดินพ้นประตูเข้ามาเขาก็ปิดแล้วล็อกมันไว้ ไม่ได้ทำแค่นั้นเพลิงยังหันมาจูบพอหายตกใจเมขลาก็จูบกลับ คิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้ เพราะของที่เหลือเป็นของแม่ใหญ่คิดว่าจะจูบไม่นานพอให้หายคิดถึง ถ้าได้แยกกันอยู่จริง แต่นี่ขนาดจูบอยู่ยังคิดถึง"ผมรักคุณนะ" นิ้วแกร่งเขี่ยแก้มของหญิงคนรักเบาๆ "อยู่ที่นี่ห้ามดื้อเข้าใจไหม""คุณก็ห้ามแอบไปเที่ยวที่ไหนนะคะ""ไม่ไปไหนหรอก"ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็ลงมา.."พี่
"คุณไม่มีพันธะ แต่คุณไม่คิดเหรอกว่าเกษมอาจจะมีพันธะอยู่ก็ได้"พุดตาลเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากสามีเก่า มันก็มีส่วนอยู่บ้าง พลเอกเกษมราษฎร์ตำแหน่งใหญ่โตขนาดนั้น แถมภรรยาก็ตายจากไปนานแล้ว"เรื่องนั้นฉันคงไม่ให้ท่านต้องมาลำบากใจด้วยหรอกค่ะ..กลับกันเถอะลูก"พลเอกเรวทัตได้แต่มองตามหลังนางไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้"คนนี้ใช่ไหม ที่เป็นลูกของนวล" เรวทัตรีบเดินตามทั้งสองมาที่รถจากที่กำลังจะเปิดประตูพุดตาลถึงกับชะงัก"ผมจะรับลูกคนนี้กลับมาเลี้ยงเอง""??" พอประโยคนี้ออกจากปากพลเอกเรวทัต ทั้งสองที่ยืนหันหลังให้ ก็ได้หันกลับมามองพร้อมกัน "คุณหมายความว่ายังไง""ในเมื่อเด็กคนนี้เป็นลูกอีกคนของผม มันก็ไม่แปลกที่ผมจะรับลูกกลับมาเลี้ยงเอง"พุดตาลรีบจับเมขลาหลบไว้ด้านหลังของตัวเองก่อน "เสียใจด้วยค่ะ แต่ตอนนี้เมขลาเป็นลูกของดิฉันแล้ว""คุณแน่ใจเหรอว่าจะพูดเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูเด็กคนนี้กับผม"เมขลาส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกกับแม่พุดตาลว่าเธอไม่ไป"แม่ไม่ยอมให้หนูไปอยู่แล้ว เรากลับบ้านกัน" นางรีบหันกลับไปเปิดประตูรถ เพื่อให้เมขลาได้ขึ้นไปนั่งก่อน"ถ้าคุณชอบขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่เป็นไรนะผมจัดให