ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดหมาย ซึ่งเป็นคฤหาสน์หลังงามที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่หลายร้อยไร่ แขกภายในงานนั้นล้วนแล้วแต่สวมใส่ชุดราตรีสีขาวสะอาดตาตามคอนเซปต์ แต่ยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธได้ว่าหญิงสาวข้างกายของกล้องภพในตอนนี้นั้นดูโดดเด่นมากกว่าใคร ๆ และเขาก็ไม่ค่อยจะชอบใจนักที่ได้เห็นหนุ่มในงานพากันจ้องมองเธอกันตาเป็นประกาย “ต๊าย! ยัยรุ้ง ฉันนึกว่าแกจะไม่มาแล้วซะอีก ว่าแต่นี่ใครกันยะหล่อเชียว”เจ้าของงานวันเกิดที่อยู่ในชุดเจ้าหญิงฟูฟ่องร้องถามทันทีที่รุจิราเดินนำกล้องภพเข้าไปในงาน ก่อนจะไปหยุดลงตรงหน้าเพื่อนรักที่บริเวณสระว่ายน้ำเข้า คำถามที่ได้รับมานั้นทำเอาเธอเริ่มหายใจไม่สะดวก เพราะไม่ได้เตรียมรับกับคำถามตรง ๆ จากเพื่อนเอาแบบนี้ หากจะบอกว่าเขาคือว่าที่คู่หมั้น ก็กลัวว่าฝ่ายนั้นจะว่าเอาอีก “เอ่อ…คือ...” “ผมกล้องภพครับ เป็นว่าที่คู่หมั้นของรุ้ง คุณคงจะเป็นเจ้าของวันเกิด นี่ครับ ของขวัญจากเราสองคน” คำตอบที่เขาชิงตอบกลับไปนั้นไม่เพียงแต่บรรดาเพื่อน ๆ ของรุจิราเท่านั้นที่ตกใจ ตัวของเธอเองก็ตกใจจนพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าตอบอ
รุจิราเป็นคนแรกที่ตื่นขึ้นมาพร้อม ๆ กับความบอบช้ำจากร่างกายที่ถูกกระทำอย่างรุนแรงป่าเถื่อนมาตลอดทั้งคืน หญิงสาวนอนหันหลังสะอื้นไห้จนตัวโยน โดยมีคนใจร้ายที่แทบจะสะดุ้งตื่นตามทันทีที่เธอเริ่มขยับกายถอยห่างออกจากอ้อมกอดของเขา ที่ตอนนี้มันไม่ให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอีกต่อไป “หนูรุ้ง” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้นพร้อม ๆ กับอ้อมแขนที่วาดมากอดกระชับกันเอาไว้เบา ๆ จากทางด้านหลัง แต่แค่เพียงสัมผัสนั้นก็ทำให้หญิงสาวแทบจะออกแรงดิ้นรนขัดขืนขึ้นมาแทบจะทันที “ปล่อยฉัน อย่ามาถูกตัวฉัน ฉันเกลียดคุณ ปล่อย!” “ไม่ปล่อย! แล้วอย่ามาเที่ยวพูดว่าเกลียดผัวให้ได้ยินอีก ห้ามเกลียดผัวรู้ไหม” กล้องภพตวาดลั่นพร้อมทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเสียงโวยวายของคนในอ้อมแขนด้วยการกอดรัดร่างของเธอแน่นยิ่งขึ้นเข้าไปอีก ให้มันรู้กันไปเลยว่าแรงเท่าลูกแมวอย่างเธอจะมาสู้อะไรกับเขาได้ “ฉันจะพูด! คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน ฉันจะไปจากที่นี่จะบอกให้คุณพ่อยกเลิกงานหมั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ด้วย!” “ไม่ได้! พี่ไม่ยอมให้หนูรุ้งไปไหนทั้งนั้น งานหมั้นจะยังคงมี
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะน้าวิน” เสียงหวานใสของเด็กสาวลูกครึ่งนัยน์ตาสีฟ้าที่ดังถามกลางห้องโถงของบ้านทำให้กวินภพเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันจากคนรอบ ๆ ข้างที่ส่งมาให้อย่างไม่ขาดสาย เบื้องหน้าของเขาตอนนี้นั้นคือเด็กหญิงแอนนา หรือแอนนาเบล ลูกสาวของคุณป้า ผู้ซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของเขาที่ได้สามีเป็นชาวอังกฤษจึงได้โยกย้ายครอบครัวไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เด็กน้อยยังอยู่ในครรภ์ของมารดา เพราะได้ไปเรียนอยู่ที่นั่นนานหลายปีจึงไม่แปลกอะไรที่เขาจะได้มีโอกาสไปมาหาสู่กับครอบครัวของคุณป้าอยู่บ่อยครั้ง แต่ปัญหาที่หนักหนาและกำลังทำให้เขาคิดไม่ตกอยู่ในตอนนี้นั้นเห็นทีจะหนีไม่พ้นคำสัญญาปลอม ๆ ที่เขาได้เคยลั่นบอกยัยหนูตัวน้อยที่ป่วยหนัก และไม่ยอมไปหาหมอนั่นเสียมากกว่า “นี่มัทนาครับแอนนา เธอเป็น...ภรรยาของน้าวินเอง” คำตอบที่ได้รับทำเอาเด็กสาววัยแปดขวบแทบจะลุกพรวดขึ้นจากตักมารดาพุ่งเข้าหาหญิงสาว ที่คุณน้าสุดที่รักเพิ่งจะแนะนำให้รู้จักในฐานะที่น่าตกใจอย่างรวดเร็ว “ไหนน้าวินสัญญากับแอนนาแล้วยังไงล่ะคะว่าจะรอให้แอนนาโตเป็นสาวแล้วเราสองคนจะแต่งงานกัน น้าวินโกหก ผู้หญิงนิสัยแย่ ออกไปให้ห่าง ๆ น้าวินขอ
“คุณวินอย่าคิดมากเลยนะคะ มัทเชื่อค่ะว่าสักวันแกจะเข้าใจและผ่านเรื่องนี้ไปได้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คงมีแต่คอยดูแลและให้กำลังใจแกให้แกผ่านเรื่องยาก ๆ พวกนี้ไปได้ และมัทก็ยังเชื่ออีกนะคะว่าคุณวินจะเป็นคนที่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะดูจากท่าทางของแกในวันนี้ มันทำให้มัทรู้ว่าแกคงจะรักคุณมาก”“ผมเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับ” ทั้งสองส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกันก่อนจะหันเหความสนใจทั้งหมดไปยังเด็กน้อยบริสุทธิ์ที่ต้องมารับกรรมจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่ ภาพนั้นถูกจ้องมองจากสายตาอีกคู่ของหญิงชราที่ได้แต่ยืนยิ้มเมื่อเห็นกวินภพและมัทนาเข้าใจกันและกันได้มากถึงเพียงนี้ เธอคงทำได้แค่หวังว่าขอให้ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งคู่นั้นต้องเจอกับปัญหาเข้าอีก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือของใครก็ตามสองสามีภรรยาทำตามคำสัญญาที่ได้ให้เอาไว้กับแอนนาเบลเป็นอย่างดี ทั้งสามนั้นร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้านก่อนมัทนาจะพาตัวยัยหนูจอมป่วนขึ้นไปอาบน้ำด้านบน ปล่อยให้หน้าที่ล้างจานเป็นของคุณพ่อบ้านจำเป็นไป ไม่นานกวินภพก็เดินขึ้นตามมาติด ๆ ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อได้เห็นสองสาว ที่กำลังผลัดกันเช็ดตัวให้อีกฝ่ายก
“คุณเล่นพูดออกมาแบบนี้ระวังจะหมดตัวเอาได้ง่าย ๆ นะคะ” แม้ในใจจะพร่ำบอกว่าสิ่งเดียวที่เธออยากจะได้คือเขาเท่านั้นออกไปแค่ไหน แต่เมื่อใจรู้ดีว่าสิ่งนั้นเขาคงไม่มีวันมอบให้จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเก็บมันเอาไว้ในใจเหมือนกับทุกที “ผมยอมครับ ถ้ามันจะทำให้คุณออกไปจากชีวิตผมกับครอบครัว คุณไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมอยากให้คุณได้มีโอกาสเจอคนดี ๆ ที่เขาพร้อมจะรักและดูแลคุณไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่” “น่าเสียดายนะคะที่คน ๆ นั้นเป็นคุณไม่ได้” “ผมขอโทษครับลิน ในใจของผมตอนนี้มีแค่มัทนาคนเดียว และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นใครได้อีก” กวินภพย้ำชัดเจนถึงความต้องการภายในใจของเขาที่อยากจะให้คนที่อยู่ข้างกายคือมัทนาภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่เธอ เขาก็ไม่ต้องการใครอื่นมาอยู่เคียงข้างเช่นกัน “คุณรักแม่นั่นเหรอคะ! คนอย่างคุณน่ะเหรอคะจะรักใครเป็น คุณอย่าคิดว่าลินไม่รู้นะคะว่าที่คุณแกล้งทำดีกับนังนั่นก็เพราะว่าคุณอยากให้เธอตายใจ เพื่อที่ถึงเวลาคุณก็จะได้ฮุบเอาสมบัติอีกครึ่งที่มันสมควรจะเป็นของคุณตั้งแต่แรกกลับมา”เสียงใส ๆ ตวาดขึ้นสู้พร้อมเอ
มัทนายังคงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องจนเมื่อคุณหญิงลัดดาวัลย์ทนต่อความเป็นห่วงไม่ไหวถึงได้มาหาหญิงสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับนวลแจ่มที่ทั้งห่วงและสงสารมัทนามากกว่าใคร ๆหลังจากทั้งคู่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของกวินภพแล้วจึงยิ่งรู้สึกเห็นใจทั้งสองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงลัดดาวัลย์ที่ทั้งเข้าใจและรู้ดีว่ามัทนาในตอนนี้นั้นคงจะกำลังสับสน และไม่อยากจะเชื่อใจใครที่ไหนอีก “มัท เปิดประตูให้แม่หน่อยได้ไหมลูก” เสียงที่ดังจากทางด้านนอกห้องทำให้คนที่กำลังเติมแป้งอยู่หน้ากระจกชะงักค้างไปชั่วครู่ แต่พอจำได้ว่าเสียงที่เรียกอยู่นั้นเป็นใครหญิงสาวจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องต้อนรับคนสองคนที่ยืนรออยู่ “นี่มันอะไรกัน” คุณหญิงลัดดาวัลล์อุทานขึ้นเมื่อเห็นสภาพของลูกสะใภ้ที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาแปลงโฉมตัวเองเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พาลทำให้ลืมมัทนาคนเก่าที่เคยชื่นชอบการแต่งตัวด้วยชุดเดรสง่าย ๆ เรียบหรูไปจนหมดสิ้น เมื่ออีกฝ่ายหันมาสวมใส่ชุดเดรสสั้นรัดรูปบวกกับการเปลี่ยนสไตล์การแต่งหน้าใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยว เปลี่ยนจากสาวหวานกลายเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันได้อย่างสวยสง่า
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
กวินภพและมัทนาเดินทางมาร่วมงานแต่งงานระหว่างกล้องภพกับรุจิราตามคำเชิญของทั้งคู่ที่โรงแรมหรูใจกลางเมือง แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะของพ่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวภาพของทั้งสองที่เดินจูงมือเข้ามาหาทำให้มัทนาอดยิ้มอย่างมีความสุขกับทั้งสองไม่ได้ ในที่สุดแล้วกล้องภพก็ยอมรับหัวใจตัวเองได้เสียทีแต่อย่างไรลึก ๆ ในใจหญิงสาวก็ยังคงอุตริอิจฉารุจิราไม่ได้ตรงที่ว่าเธอได้มีงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ หนำซ้ำยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าบ่าวที่แทบไม่ยอมปล่อยให้มือของเขาหลุดออกไปจากมือของเธอเลย “กำลังคิดว่าถ้างานแต่งงานของเราเป็นแบบนี้บ้างก็ดีอยู่ใช่ไหมครับ”เสียงของคนรู้ทันที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจ้องมองสามีที่กำลังจ้องกันอยู่ก่อนหน้า “เปล่าซะหน่อยค่ะ” เสียงหวานว่ากลับไปแทบจะทันที ก่อนจะจ้องมองคนที่ไม่ว่าจะเมื่อไรก็รู้ทันความคิดของเธอไปเสียตลอดเวลาอย่างเคือง ๆ จะมีสักครั้งไหมที่เธอจะสามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองกับเขาได้จริง ๆ คงไม่มีแน่ ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจตัวเองที่เสียเปรียบกวินภพมาตลอด “อย่าโกหกเลย แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามัทคิดอะไร
เกาะตาล เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลใต้ ถูกรอบล้อมไปด้วยหาดทรายสีขาว แต่บรรยากาศสวยงามรอบด้านนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยืนประจัญหน้ากับเจ้าของเกาะอยู่ในขณะนี้รู้สึกคลายความกดดันที่มีอยู่ ล้อมรอบตัวเองไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว “สวัสดีครับท่านเจ้าสัว ผมชื่อกล้องภพครับ” กล้องภพตัดสินใจเอ่ยแนะตัวออกไปช้า ๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าสัวบัณณ์ พ่อของรุจิราด้วยสายตานอบน้อมถ่อมตัวเมื่อกล่าวจบ “ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ที่อยากรู้มากกว่าคือคุณมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของผม” เสียงก้องกังวาลจากผู้อาวุโสกว่าดังตอบ ก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรสักเท่าไร เพราะนอกจากจะรู้ว่ากล้องภพเป็นใครแล้วนั้นยังรู้ด้วยว่าเขาคือคนที่ทำให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบได้ดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองต้องพาตัวเองกลับมาที่นี่พร้อมกับความโศกเศร้าอย่างหนักหน่วง “ผมมาตามลูกกับเมียกลับบ้านครับท่าน” “ไหนล่ะลูกเมียที่คุณว่า” “หนูรุ้ง...ลูกสาวของท่านครับ เธอเป็นภรรยาของผม และตอนนี้ในท้องของเธอก็ยังมีลูกของผมอยู่” คำบอกเล่าจากปากของชายหนุ่มสร้างค
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ฉันเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว หรือถ้าอาย จะให้ฉันถอดเป็นเพื่อนเอาไหม ฉันเองก็ชอบนะแบบนั้น มันจะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเธอจนเกินไป” คนอะไรพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย มัทนาส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ไม่รู้จะปากตรงกับใจไปไหนก่อนจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาชิดใกล้ “เอาไงครับที่รัก สรุปฉันต้องถอดเป็นเพื่อนมัทด้วยไหม” “ไม่ต้องค่ะ ฉันไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” “น่าเสียดายจัง ไอ้เรารึอุตส่าห์คิดว่ามีคนอยากจะเห็นของดี ไม่อยากเห็นแน่เหรอครับ” จบคำพูดกำกวมมือบางก็ยกขึ้นฟาดไหล่ของเขาเบา ๆ หนึ่งทีอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้ คนอะไรไม่รู้จักอายเอาเสียเลย คิดจะพูดก็พูด ไม่ได้เห็นใจคนฟังอย่างเธอเสียบ้างเลย “หยุดพูดจาลามกกับฉันได้แล้วค่ะ คนอะไรหน้าไม่อาย!” “คนที่เป็นพ่อของลูกเธอไง ใช่ไหมครับลูกพ่อ” กวินภพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เขาจะจัดการเช็ดตัวให้คนหน้าบูดอย่างตั้งอกตั้งใจ สัมผัสที่อ่อนโยนไม่แข็งกระด้างหยาบคายเหมือนอย่างที่ผ่านมานั้นทำให้มัทนาสุขใจ และอยากจะเก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาเหล่านี้เอาไว้นาน ๆ เพราะเดาไม่
“จริงเหรอ นี่แม่ไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม มัทท้อง! หลานของแม่อยู่ในนี้จริง ๆ ใช่ไหมลูก” ไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้วที่จะทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์สุขใจไปมากกว่าการกลับมาของคนสองคนพร้อมกับข่าวดีที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้และเพราะมัวแต่ดีอกดีใจกับข่าวดีที่เพิ่งจะได้ยินเลยทำให้คุณหญิงลัดดาวัลย์แทบจะลืมคำต่อว่าที่กะจะเทศนาพ่อลูกชายตัวดีตรงหน้าไปจนหมดสิ้นเมื่อทราบเรื่อง “ครับคุณแม่ ตอนนี้มัทท้องได้สองเดือนแล้วครับ แถมเด็กในท้องก็แข็งแรงปกติดีทุกอย่าง” กวินภพเอ่ยตอบผู้เป็นแม่พร้อมกับจ้องมองหน้าท้องของมัทนาไปพลาง ๆ แม้ว่าตอนนี้มันจะยังคงแบนราบอยู่ แต่ภายในนั้นกลับมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทำให้เขายิ้มไม่ยอมหุบ “แม่ดีใจกับเราสองคนจริง ๆ แล้วมัทล่ะลูก ดีใจหรือเปล่า” คำถามจากแม่สามีทำให้มัทนายิ้มรับ พร้อมให้คำตอบอีกฝ่ายไปตามที่รู้สึกโดยไม่คิดปิดบัง “ดีใจค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้มัทรู้สึกเหนื่อย ๆ ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ” “เอาสิ พาน้องไปพักก่อนเถอะตาวิน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาไปฝากท้องที่โรงพยาบาลของอาหมอนะ เขาเป็นญาติของเรานี่ล่ะ รับรองว
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคุณวิน ปล่อย”มัทนายืนยันหนักแน่นพร้อมทั้งออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ไม่อยากจะไปไหนกับเขาทั้งนั้น แล้วก็ไม่ชอบที่เขามาตีหน้ามึนใส่กันเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะยิ่งเขาทำแบบนี้มันก็ยิ่งจะทำให้เธอรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังถูกตบหัวแล้วลูบหลังไม่มีผิด “อย่าดิ้นได้ไหม อยากตกลงไปรึไง” เสียงเข้มเอ่ยดุพร้อมกับก้าวเดินออกไปนอกห้องทำงานของตัวเอง และไม่ลืมตะโกนสั่งเลขาฯ หน้าห้อง ที่กำลังจ้องมองมาด้วยความสงสัยเสียงแข็ง “โทร.สั่งให้ใครก็ได้มาช่วยขับรถให้ผมหน่อยครับ!” “ได้ค่ะ แล้วไม่ทราบว่าคุณวินจะไปไหนคะ แล้วคุณมัท...” “มัทนาไม่ค่อยสบายครับ ผมจะพาเธอไปหาหมอ” กิ่งแก้วแทบไม่อยากจะเชื่อหูกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินมันออกจากปากของเจ้านายหนุ่ม แต่ถึงกระนั้นเธอก็มีเวลาตกใจไม่มาก เพราะสายตาเอาเรื่องของกวินภพที่กำลังจ้องมองมาทำให้หญิงสาวต้องรีบคว้าเอาโทรศัพท์โทร. ออกไปทำตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบจะทันที โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง “ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณผู้หญิงตั้งท้องได้สองเดือนแล้
“ครับ เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้เวลามีใครสักคนมาบอกว่ารักผู้หญิงของตัวเอง เขารักคุณมากนะครับ และผมไม่อยากให้คุณสองคน เชื่ออะไรในคำพูดของผู้หญิงคนนั้นเท่าไหร่” “แต่ที่มัทได้ยิน มันมาจากปากของคุณวินเองเลยนะคะ” “ถ้าผมเป็นคุณวิน ผมก็จะทำแบบนั้นเหมือนกันครับ เพราะมันจะทำให้ฝ่ายนั้นยอมตัดใจ คุณมัทยังไม่ต้องเชื่อผมในตอนนี้ก็ได้นะครับ ผมว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างให้เราเห็นเอง” “ค่ะ มัทขอบคุณคุณกล้องมากนะคะที่บอกความจริงกับมัททั้งหมด” มัทนาตอบรับพร้อมส่งยิ้มหวานละมุนอย่างเป็นมิตรกลับให้ไป “ผมไม่อยากให้คุณมัทต้องเสียคนดี ๆ ไป เหมือนกับผม” “คุณกล้อง มีอะไรที่มัทพอจะช่วยได้บ้างไหมคะ บอกมัทมาได้เลยนะคะ มัทยินดีช่วยค่ะ คิดเสียว่ามัทเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้ค่ะ” เพราะสังเกตได้หลายต่อหลายครั้งถึงสีหน้าที่ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มัทนาจึงเอ่ยขึ้น เผื่อว่าเธอจะสามารถช่วยอะไรเขาบ้างได้ไม่มากก็น้อย “ผมเผลอไปทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเอามาก ๆ ครับ และตอนนี้เธอก็คงจะเกลียดผมไปแล้ว” สีหน้าและแววตาของเขาช่างดูเศร้าจนมั
มัทนายังคงเก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องจนเมื่อคุณหญิงลัดดาวัลย์ทนต่อความเป็นห่วงไม่ไหวถึงได้มาหาหญิงสาวด้วยตัวเอง พร้อมกับนวลแจ่มที่ทั้งห่วงและสงสารมัทนามากกว่าใคร ๆหลังจากทั้งคู่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของกวินภพแล้วจึงยิ่งรู้สึกเห็นใจทั้งสองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงลัดดาวัลย์ที่ทั้งเข้าใจและรู้ดีว่ามัทนาในตอนนี้นั้นคงจะกำลังสับสน และไม่อยากจะเชื่อใจใครที่ไหนอีก “มัท เปิดประตูให้แม่หน่อยได้ไหมลูก” เสียงที่ดังจากทางด้านนอกห้องทำให้คนที่กำลังเติมแป้งอยู่หน้ากระจกชะงักค้างไปชั่วครู่ แต่พอจำได้ว่าเสียงที่เรียกอยู่นั้นเป็นใครหญิงสาวจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องต้อนรับคนสองคนที่ยืนรออยู่ “นี่มันอะไรกัน” คุณหญิงลัดดาวัลล์อุทานขึ้นเมื่อเห็นสภาพของลูกสะใภ้ที่จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมาแปลงโฉมตัวเองเสียใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พาลทำให้ลืมมัทนาคนเก่าที่เคยชื่นชอบการแต่งตัวด้วยชุดเดรสง่าย ๆ เรียบหรูไปจนหมดสิ้น เมื่ออีกฝ่ายหันมาสวมใส่ชุดเดรสสั้นรัดรูปบวกกับการเปลี่ยนสไตล์การแต่งหน้าใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยว เปลี่ยนจากสาวหวานกลายเป็นสาวเปรี้ยวเข็ดฟันได้อย่างสวยสง่า
“คุณเล่นพูดออกมาแบบนี้ระวังจะหมดตัวเอาได้ง่าย ๆ นะคะ” แม้ในใจจะพร่ำบอกว่าสิ่งเดียวที่เธออยากจะได้คือเขาเท่านั้นออกไปแค่ไหน แต่เมื่อใจรู้ดีว่าสิ่งนั้นเขาคงไม่มีวันมอบให้จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเก็บมันเอาไว้ในใจเหมือนกับทุกที “ผมยอมครับ ถ้ามันจะทำให้คุณออกไปจากชีวิตผมกับครอบครัว คุณไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมอยากให้คุณได้มีโอกาสเจอคนดี ๆ ที่เขาพร้อมจะรักและดูแลคุณไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่” “น่าเสียดายนะคะที่คน ๆ นั้นเป็นคุณไม่ได้” “ผมขอโทษครับลิน ในใจของผมตอนนี้มีแค่มัทนาคนเดียว และมันจะไม่มีวันเปลี่ยนเป็นใครได้อีก” กวินภพย้ำชัดเจนถึงความต้องการภายในใจของเขาที่อยากจะให้คนที่อยู่ข้างกายคือมัทนาภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่เธอ เขาก็ไม่ต้องการใครอื่นมาอยู่เคียงข้างเช่นกัน “คุณรักแม่นั่นเหรอคะ! คนอย่างคุณน่ะเหรอคะจะรักใครเป็น คุณอย่าคิดว่าลินไม่รู้นะคะว่าที่คุณแกล้งทำดีกับนังนั่นก็เพราะว่าคุณอยากให้เธอตายใจ เพื่อที่ถึงเวลาคุณก็จะได้ฮุบเอาสมบัติอีกครึ่งที่มันสมควรจะเป็นของคุณตั้งแต่แรกกลับมา”เสียงใส ๆ ตวาดขึ้นสู้พร้อมเอ
“คุณวินอย่าคิดมากเลยนะคะ มัทเชื่อค่ะว่าสักวันแกจะเข้าใจและผ่านเรื่องนี้ไปได้ สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คงมีแต่คอยดูแลและให้กำลังใจแกให้แกผ่านเรื่องยาก ๆ พวกนี้ไปได้ และมัทก็ยังเชื่ออีกนะคะว่าคุณวินจะเป็นคนที่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะดูจากท่าทางของแกในวันนี้ มันทำให้มัทรู้ว่าแกคงจะรักคุณมาก”“ผมเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับ” ทั้งสองส่งยิ้มให้กำลังใจกันและกันก่อนจะหันเหความสนใจทั้งหมดไปยังเด็กน้อยบริสุทธิ์ที่ต้องมารับกรรมจากการกระทำของพวกผู้ใหญ่ ภาพนั้นถูกจ้องมองจากสายตาอีกคู่ของหญิงชราที่ได้แต่ยืนยิ้มเมื่อเห็นกวินภพและมัทนาเข้าใจกันและกันได้มากถึงเพียงนี้ เธอคงทำได้แค่หวังว่าขอให้ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้ความสัมพันธ์อันดีงามของทั้งคู่นั้นต้องเจอกับปัญหาเข้าอีก ไม่ว่าจะด้วยฝีมือของใครก็ตามสองสามีภรรยาทำตามคำสัญญาที่ได้ให้เอาไว้กับแอนนาเบลเป็นอย่างดี ทั้งสามนั้นร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันที่บ้านก่อนมัทนาจะพาตัวยัยหนูจอมป่วนขึ้นไปอาบน้ำด้านบน ปล่อยให้หน้าที่ล้างจานเป็นของคุณพ่อบ้านจำเป็นไป ไม่นานกวินภพก็เดินขึ้นตามมาติด ๆ ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อได้เห็นสองสาว ที่กำลังผลัดกันเช็ดตัวให้อีกฝ่ายก