เธอไม่อยากจะมองเขาอีก จึงเบนหน้าหนีไปโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับท่าทีเช่นนี้ เขาเพียงยิ้มและหันหลังเดินจากไป“สิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไร? ตอนนี้พวกเธอสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันหรือ?” ซังหลินกลับมองตรงไปที่ซังหนี่ทันที “อีกอย่าง มีเรื่องอะไรกับจี้อวี้หยวนหรือ?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำพูดของเขา เอ่ยเพียงว่า “เดิมทีฉันคิดที่จะปรึกษาเรื่องของซังอวี๋กรุ๊ปกับคุณ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า… มันจะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ฉันยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ ขอตัวก่อนนะคะ”“รอเดี๋ยวก่อน! สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้เธอยังไม่ได้อธิบายให้ฉันฟัง! เธออาศัยอยู่กับเขาจริง ๆ งั้นหรือ? ดังนั้นเรื่องทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่พวกเธอสมรู้ร่วมคิดกันใช่ไหม? ฉันว่าอยู่แล้วเชียว ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าเขาได้บอกมาแล้วว่าจะผ่อนปรนระยะเวลาให้อีกสักพัก แต่วันนี้จู่ ๆ ก็กลับดำเนินการเร็วขึ้น ต้องเป็นเธอแน่ ๆ ที่เปิดเผยความลับให้แก่เขา…”“ช่างมันเถอะค่ะ”ซังหนี่กล่าวขึ้นอย่างกะทันหันเสียงของเธอเปลี่ยนไปด้วยความอ่อนล้าจนถึงที่สุด“เธอพูดว่าอะไรนะ!?” “เขารู้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ซังหนี่แค่นหัวเราะเสียงต่ำ “ตั้งแต่ต้นจนจบ พว
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ในรถก็เงียบสงัดลงในทันทีซังหนี่กำเอกสารไว้แน่น ข้อต่อนิ้วมือของเธอซีกเผือดลงเนื่องจากแรงนั้นฟู่เซียวหานเพียงนั่งมองเธออยู่ด้านข้าง ราวกับกำลังตั้งใจมองว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นใดหากเธอกรีดร้องร่ำไห้หรือแม้กระทั่งกัดลงไปบนตัวเขา บางทีเขาอาจจะมีความสุขมากกว่าอย่าให้พูดเชียว ซังหนี่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ฟู่เซียวหานคิด——เขามันบ้าไปแล้ว ดังนั้นจึงคิดอยากจะลากให้คนอื่นเป็นบ้าไปกับเขาด้วยซังหนี่ไม่อยากให้เขาได้สมปรารถนา เธอขบฟันแน่น ในที่สุดก็กดอารมณ์ของตนลงพร้อมถามว่า “ถ้าหากฉันไม่ตกลงล่ะคะ?”“อืม ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันก็แค่เป็นการปล่อยให้ซังอวี๋กรุ๊ปเละเทะต่อไปเรื่อย ๆ เช่นนี้ ส่วนเรื่องย่ำแย่ของจี้อวี้หยวน คุณก็อย่าคิดหวังที่จะให้ผมช่วยเขาแอบซ่อนมันไว้”น้ำเสียงในการพูดของฟู่เซียวหานเรียบนิ่งแต่คำพูดเพียงสั้น ๆ นั้น กลับกลายเป็นเค้าโครงสรุปของความโกลาหลทุกอย่างเอาไว้แล้วใบหน้าของซังหนี่ทวีความย่ำแย่ขึ้นอีกระดับเธอรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่ผู้จัดการใหญ่ของกลุ่มบริษัทใด แต่เป็นโจรผู้ร้ายที่กำลังผูกเนคไทอยู่เสียมากกว่า!ซ้ำเติมผู้ที่กำลังปร
ท่าทีที่เธอแสดงออกดูสงบนิ่ง แต่เมื่อจรดปากกาเส้นสุดท้ายลง ปลายปากกาที่ยากจะควบคุมนั้นก็ทะลุกระดาษลงไปอย่างช่วยไม่ได้เธอเองก็ไม่ใส่ใจ เพียงแค่โยนเอกสารที่ลงนามเรียบร้อยแล้วไปให้เขาสำหรับปฏิกิริยาของฟู่เซียวหานจะเป็นเช่นไรนั้นเธอไม่มีความตั้งใจที่จะหันไปมองเลยสักนิด หลังจากที่โยนเอกสารไปให้เขาแล้วเธอก็หันหลังเตรียมจะลงจากรถเสียงของฟู่เซียวหานพลันดังมาจากข้างหลัง “คุณจะไปที่ไหน ให้ผมไปส่งคุณเถอะ”“อ้อ อีกอย่างเอกสารคุณก็เซ็นไปแล้ว พรุ่งนี้พวกเราก็แวะไปจดทะเบียนสมรสเลยดีกว่า ผมไปรับคุณพรุ่งนี้เช้า?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำพูดของเขาแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน เพียงแค่ปิดประตูรถด้วยความเด็ดขาดเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น รถกลับมาสู่ความเงียบสงัดอีกครั้งมือของฟู่เซียวหานจับที่พวงมาลัย สายตามองจ้องไปที่แผ่นหลังของซังหนี่สักพัก ก่อนจะหยิบเอกสารที่ถูกโยนลงบนตัวเขาขึ้นมาเอกสารทั้งหมดมีสองฉบับ ซังหนี่ได้ลงชื่อเรียบร้อยในทั้งสองฉบับแล้วแต่เธอไม่ได้เอาเอกสารฉบับที่เป็นของเธอไปบางทีเธออาจจะลืม หรือบางที… ก็อาจเป็นเพราะเธอไม่อยากเห็นมันอีกแต่ไม่ว่าอย่างไรขอแค่เธอยอมตกลงก็ดีแล้วหลังจากที่ฟู่เซียว
คุณนายใหญ่โกรธมากจนแทบจะเป็นลมหมดสติไปแต่ท่าทีของฟู่เซียวหานกลับดูสงบนิ่งเป็นอย่างมากเขาแม้กระทั่งหยิบยกถ้วยชาที่อยู่ข้างมือขึ้นมาจิบช้า ๆ แล้วกล่าวว่า “คุณย่าครับ ผมโตแล้วนะครับ นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องจวบจนบั้นปลายชีวิตของผม ผมก็มีข้อพิจารณาของตัวเอง”“เรื่องของหลานงั้นหรือ? หลานคิดว่าย่าไม่รู้หรือว่าหลานกำลังทำอะไรข้างนอกนั่น? ย่าจะบอกให้หลานฟัง ตราบที่ตอนนี้นามสกุลของหลานยังเป็นสกุลฟู่ ยังเป็นหลานชายของย่าอยู่ ย่าก็มีสิทธิ์ที่จะจัดการชีวิตของหลาน!”“หลานเองก็อย่าลืมไปเสียสิว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่หลานมีในตอนนี้ใครเป็นคนมอบให้ ถ้าหลานยังกล้าทำอะไรไม่ประสีประสา ย่าก็สามารถ…”จู่ ๆ คุณนายใหญ่ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ดังนั้นท้ายที่สุดจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นและกลืนคำพูดที่เหลือของตนลงไปฟู่เซียวหานกลับยิ้มออกมา “คุณย่าหมายถึงคนที่อยู่ด้านนอกนั่นหรือครับ? ไม่จำเป็นต้องปิดบังไปหรอกครับ ผมรู้อยู่แล้ว”หลังจากที่คำพูดนี้ของเขาหลุดออกจากปาก สายตาที่คมปราดดั่งมีดของหญิงชราพลันเหลือบมองไปยังคุณนายฟู่ที่อยู่ด้านข้างเธอทันที!คุณนายฟู่เพียงขมวดคิ้วโดยไม่พูดสิ่งใดฟู่เซียวหานกล่าวค
แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเวลาที่เธอหลับใหลยาวนานขึ้น ความรู้สึกเพียงเล็กน้อยนี้ก็ค่อย ๆ ถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้นเมื่อรู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานคิดไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นวิธีที่จะทำให้ซังหนี่ไปหาเธอตอนที่สภาพจิตใจยังไม่มั่นคงพอ——เพื่อกระตุ้นความรู้สึกผิดของซังหนี่ฟู่เซียวหานรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความคิดของคนปกติควรมีแต่ตั้งแต่เด็กเขาก็ได้รับการสั่งสอนมาแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโต เธอสอนเขาเพียงแค่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ดีได้อย่างไร วิธีควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงและเยือกเย็น เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในทุกสถานการณ์เธอทำสำเร็จแล้วและเขาก็กลายเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งแต่เธอไม่เคยสอนเขาเลยว่าจะเป็นลูกชายที่ปกติได้อย่างไรดังนั้นฟู่เซียวหานจึงไม่รู้ว่า หากเป็นคนทั่วไป เขาควรจะมีปฏิกิริยาแบบไหนรวมถึงในตอนนี้ด้วยคุณนายฟู่รีบเดินเข้ามาหาเขา “ลูกทำอะไรกับซังหนี่?”ฟู่เซียวหานเงยหน้ามองเธอคุณนายฟู่กัดฟันแน่น “นี่ลูกบังคับให้เธอแต่งงานกับลูกใช่ไหม? เรื่องวุ่นวายของซังอวี๋ในช่วงนี้ ก็เป็นฝีมือของลูกทั้งหมดใช่หรือเปล่า?”“อืม”คำตอบของฟู่เซียวหานเรียบง่าย
ซังหนี่ไม่ได้บอกฟู่เซียวหานว่าเธอพักอยู่ที่โรงแรมไหนแต่นี่คือเมืองถง ที่นี่แทบไม่มีเรื่องไหนที่เขาสืบหาไม่ได้เช้าวันถัดมา ทันทีที่ซังหนี่ตื่น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นฟู่เซียวหานยืนอยู่หน้าประตู มองเธอพร้อมรอยยิ้ม “ไปเถอะ ไปสำนักงานเขตกัน”วันนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อคลุม มีแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดเพียงตัวเดียว บวกกับเส้นผมที่นุ่มสลวย ทำให้ซังหนี่เผลอใจลอยไปชั่วขณะราวกับย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอแอบมองเขาอยู่ในมุมหนึ่งแต่ความคิดนี้ก็ถูกซังหนี่ตัดทิ้งไปอย่างรวดเร็วตอนนี้เธอรู้แล้ว ว่าเขาในตอนนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา และตัวตนที่เธอเคยคิดว่ารู้จักก็เป็นแค่เรื่องโกหกเช่นกันคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ต่างหากที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา คนที่เจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน“ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้คุณแล้ว คุณเตรียมเอกสารพร้อมแล้วใช่ไหม?”เดิมทีซังหนี่อยากบอกว่าไม่มี แต่ฟู่เซียวหานเหมือนเดาความคิดของเธอได้ เขาพูดขึ้นก่อนว่า “คุณเซ็นสัญญาไปแล้ว ผมคิดว่าคุณคงไม่ถึงกับจะใช้ข้ออ้างว่าเอกสารไม่ครบเพื่อถ่วงเวลาใช่ไหม?'““มันไม่มีความหมายอะไรเลย ไม่ใช่เหรอ?”มือของซังหนี่กำแน่นโดยไม่ร
คุณนายฟู่ยื่นของให้ซังหนี่ “ถึงแม้พวกเราจะรู้จักกันมาก่อน แต่ในเมื่อเธอกับเซียวหานตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่แล้ว ก็ควรหาอะไรเป็นมงคลหน่อย นี่เป็นสินสอดที่ฉันนำติดตัวมาในวันแต่งงาน ให้เธอเป็นของขวัญในการพบกันอย่างเป็นทางการแล้วกัน”“มันมีค่ามากเกินไปค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเซียวหานก็ตัดสินใจเลือกเธอแล้ว ของพวกนี้สุดท้ายก็ต้องเป็นของเธออยู่ดี?”คุณนายฟู่พูดพลางยิ้มซังหนี่มองคนตรงหน้าเธอยังคงสง่างามและสุขุมเหมือนเดิม ไม่ต่างจากภาพจำของซังหนี่ที่มีต่อคุณนายฟู่เลยแต่สิ่งที่ซังหนี่จำได้ชัดเจนกว่านั้นก็คือ เธอเคยพยายามหนีออกจากกรงขังของตระกูลฟู่อย่างไม่คิดชีวิตถึงขั้นยอมทิ้งชีวิตของตัวเองแต่ตอนนี้ ผู้ชายคนนั้นตายไปแล้วเรื่องนี้ก็ถูกลืมเลือนไปจากสังคม แม้แต่คุณนายฟู่เอง ก็ทำเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นแต่ซังหนี่ยังจำได้ดังนั้นในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้ายังไงตอบกลับไปฟู่เซียวหานยื่นมือออกมาทันที รับของแทนซังหนี่แล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณครับคุณแม่”คุณนายฟู่ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่หันไปมองฟู่เซียวหาน “คุณย่าของลูกป่วยอยู่ ขึ้นไปดูท่านหน่อยเถอะ ซังหนี่อยู่ที่นี่ แม่มีเรื่อง
หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ ซังหนี่กลับเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้น เธอก็หัวเราะเบา ๆรอยยิ้มนั้นทำให้คุณนายฟู่เผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวซังหนี่พูดขึ้นเบา ๆ “เพราะฉะนั้น คุณก็ยังรักเขามากสินะคะ”คำพูดเบา ๆ ประโยคนี้ ทำให้มือของคุณนายฟู่กำแน่นขึ้นทันที“ฉันไม่โทษคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่มีวันให้อภัยเขา” ซังหนี่วางถ้วยชากลับลงบนโต๊ะก่อนจะพูดต่อ “ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกดดันทางธุรกิจของเขา รวมทั้งวิธีสกปรกเหล่านั้น... ตอนนี้ฉันคงได้เป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว”“คุณคิดว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ฉันยังจะหลอกตัวเองให้รักเขาได้อีกเหรอคะ?”อารมณ์ของซังหนี่สงบนิ่ง เช่นเดียวกับคำพูดของเธอแต่คุณนายฟู่กลับไม่สามารถตอบอะไรได้ตรงกันข้าม เธอกลับอยากให้ซังหนี่แสดงท่าทีแข็งกร้าวเสียมากกว่าอย่างน้อยนั่นก็หมายความว่า เธอยังมีความรู้สึกหวั่นไหวต่อฟู่เซียวหานอยู่แต่กลับไม่มีเลย“ฉันเข้าใจแล้ว” ในที่สุดคุณนายฟู่ก็พูดขึ้น “เขาชื่อจี้อวี้หยวนใช่ไหม? แต่ว่า เธอรักเขาหรือเปล่า?”“อืม”คำตอบของซังหนี่เรียบง่ายน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่กลับเป็นคำพูดที่บาดลึกถึงใจฟู่เซียวหานยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันได แล้วจู่ ๆ ก็ลื
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็