แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเวลาที่เธอหลับใหลยาวนานขึ้น ความรู้สึกเพียงเล็กน้อยนี้ก็ค่อย ๆ ถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้นเมื่อรู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานคิดไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นวิธีที่จะทำให้ซังหนี่ไปหาเธอตอนที่สภาพจิตใจยังไม่มั่นคงพอ——เพื่อกระตุ้นความรู้สึกผิดของซังหนี่ฟู่เซียวหานรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความคิดของคนปกติควรมีแต่ตั้งแต่เด็กเขาก็ได้รับการสั่งสอนมาแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโต เธอสอนเขาเพียงแค่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ดีได้อย่างไร วิธีควบคุมอารมณ์ให้มั่นคงและเยือกเย็น เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในทุกสถานการณ์เธอทำสำเร็จแล้วและเขาก็กลายเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งแต่เธอไม่เคยสอนเขาเลยว่าจะเป็นลูกชายที่ปกติได้อย่างไรดังนั้นฟู่เซียวหานจึงไม่รู้ว่า หากเป็นคนทั่วไป เขาควรจะมีปฏิกิริยาแบบไหนรวมถึงในตอนนี้ด้วยคุณนายฟู่รีบเดินเข้ามาหาเขา “ลูกทำอะไรกับซังหนี่?”ฟู่เซียวหานเงยหน้ามองเธอคุณนายฟู่กัดฟันแน่น “นี่ลูกบังคับให้เธอแต่งงานกับลูกใช่ไหม? เรื่องวุ่นวายของซังอวี๋ในช่วงนี้ ก็เป็นฝีมือของลูกทั้งหมดใช่หรือเปล่า?”“อืม”คำตอบของฟู่เซียวหานเรียบง่าย
ซังหนี่ไม่ได้บอกฟู่เซียวหานว่าเธอพักอยู่ที่โรงแรมไหนแต่นี่คือเมืองถง ที่นี่แทบไม่มีเรื่องไหนที่เขาสืบหาไม่ได้เช้าวันถัดมา ทันทีที่ซังหนี่ตื่น เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นฟู่เซียวหานยืนอยู่หน้าประตู มองเธอพร้อมรอยยิ้ม “ไปเถอะ ไปสำนักงานเขตกัน”วันนี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อคลุม มีแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดเพียงตัวเดียว บวกกับเส้นผมที่นุ่มสลวย ทำให้ซังหนี่เผลอใจลอยไปชั่วขณะราวกับย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอแอบมองเขาอยู่ในมุมหนึ่งแต่ความคิดนี้ก็ถูกซังหนี่ตัดทิ้งไปอย่างรวดเร็วตอนนี้เธอรู้แล้ว ว่าเขาในตอนนั้นเป็นเพียงภาพลวงตา และตัวตนที่เธอเคยคิดว่ารู้จักก็เป็นแค่เรื่องโกหกเช่นกันคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ต่างหากที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา คนที่เจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน“ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้คุณแล้ว คุณเตรียมเอกสารพร้อมแล้วใช่ไหม?”เดิมทีซังหนี่อยากบอกว่าไม่มี แต่ฟู่เซียวหานเหมือนเดาความคิดของเธอได้ เขาพูดขึ้นก่อนว่า “คุณเซ็นสัญญาไปแล้ว ผมคิดว่าคุณคงไม่ถึงกับจะใช้ข้ออ้างว่าเอกสารไม่ครบเพื่อถ่วงเวลาใช่ไหม?'““มันไม่มีความหมายอะไรเลย ไม่ใช่เหรอ?”มือของซังหนี่กำแน่นโดยไม่ร
คุณนายฟู่ยื่นของให้ซังหนี่ “ถึงแม้พวกเราจะรู้จักกันมาก่อน แต่ในเมื่อเธอกับเซียวหานตัดสินใจจะเริ่มต้นใหม่แล้ว ก็ควรหาอะไรเป็นมงคลหน่อย นี่เป็นสินสอดที่ฉันนำติดตัวมาในวันแต่งงาน ให้เธอเป็นของขวัญในการพบกันอย่างเป็นทางการแล้วกัน”“มันมีค่ามากเกินไปค่ะ”“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเซียวหานก็ตัดสินใจเลือกเธอแล้ว ของพวกนี้สุดท้ายก็ต้องเป็นของเธออยู่ดี?”คุณนายฟู่พูดพลางยิ้มซังหนี่มองคนตรงหน้าเธอยังคงสง่างามและสุขุมเหมือนเดิม ไม่ต่างจากภาพจำของซังหนี่ที่มีต่อคุณนายฟู่เลยแต่สิ่งที่ซังหนี่จำได้ชัดเจนกว่านั้นก็คือ เธอเคยพยายามหนีออกจากกรงขังของตระกูลฟู่อย่างไม่คิดชีวิตถึงขั้นยอมทิ้งชีวิตของตัวเองแต่ตอนนี้ ผู้ชายคนนั้นตายไปแล้วเรื่องนี้ก็ถูกลืมเลือนไปจากสังคม แม้แต่คุณนายฟู่เอง ก็ทำเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นแต่ซังหนี่ยังจำได้ดังนั้นในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้ายังไงตอบกลับไปฟู่เซียวหานยื่นมือออกมาทันที รับของแทนซังหนี่แล้วพูดขึ้นว่า “ขอบคุณครับคุณแม่”คุณนายฟู่ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่หันไปมองฟู่เซียวหาน “คุณย่าของลูกป่วยอยู่ ขึ้นไปดูท่านหน่อยเถอะ ซังหนี่อยู่ที่นี่ แม่มีเรื่อง
หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ ซังหนี่กลับเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้น เธอก็หัวเราะเบา ๆรอยยิ้มนั้นทำให้คุณนายฟู่เผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวซังหนี่พูดขึ้นเบา ๆ “เพราะฉะนั้น คุณก็ยังรักเขามากสินะคะ”คำพูดเบา ๆ ประโยคนี้ ทำให้มือของคุณนายฟู่กำแน่นขึ้นทันที“ฉันไม่โทษคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่มีวันให้อภัยเขา” ซังหนี่วางถ้วยชากลับลงบนโต๊ะก่อนจะพูดต่อ “ถ้าไม่ใช่เพราะแรงกดดันทางธุรกิจของเขา รวมทั้งวิธีสกปรกเหล่านั้น... ตอนนี้ฉันคงได้เป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว”“คุณคิดว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ฉันยังจะหลอกตัวเองให้รักเขาได้อีกเหรอคะ?”อารมณ์ของซังหนี่สงบนิ่ง เช่นเดียวกับคำพูดของเธอแต่คุณนายฟู่กลับไม่สามารถตอบอะไรได้ตรงกันข้าม เธอกลับอยากให้ซังหนี่แสดงท่าทีแข็งกร้าวเสียมากกว่าอย่างน้อยนั่นก็หมายความว่า เธอยังมีความรู้สึกหวั่นไหวต่อฟู่เซียวหานอยู่แต่กลับไม่มีเลย“ฉันเข้าใจแล้ว” ในที่สุดคุณนายฟู่ก็พูดขึ้น “เขาชื่อจี้อวี้หยวนใช่ไหม? แต่ว่า เธอรักเขาหรือเปล่า?”“อืม”คำตอบของซังหนี่เรียบง่ายน้ำเสียงที่สงบนิ่ง แต่กลับเป็นคำพูดที่บาดลึกถึงใจฟู่เซียวหานยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันได แล้วจู่ ๆ ก็ลื
“นั่นมันไม่เหมือนกัน”“ไม่เหมือนกันยังไง?”ซังหนี่หันไปมองเขา “ทำไมต้องถามในเมื่อคุณก็รู้อยู่แล้ว?”ฟู่เซียวหานเงียบไป แต่มือที่จับตะเกียบพลันกำแน่น จนเส้นเลือดปูดขึ้นมาชัดเจน!ซังหนี่เบือนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง “อีกอย่าง เราแต่งงานกันเป็นครั้งที่สองแล้ว จะจัดงานไปทำไม?”ฟู่เซียวหานกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คุณนายฟู่ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ยังไงก็จดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว งานแต่งก็แค่พิธีเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น”“แต่เรื่องนี้ก็ควรประกาศให้คนอื่นรู้หน่อยนะ วางแผนให้ดี จัดเป็นงานเลี้ยงแทนดีไหม?”ซังหนี่ไม่ได้คัดค้านอะไรกับข้อเสนอของคุณนายฟู่แต่ฟู่เซียวหานกลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ ผมจะจัดงานแต่ง และผมก็สั่งให้คนดำเนินการไปแล้ว”คุณนายฟู่ขมวดคิ้วขึ้น แต่ฟู่เซียวหานไม่ได้สนใจเธอเลย เขาเพียงแค่หันไปมองซังหนี่ด้วยสายตาแน่วแน่แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับมาราวกับว่าอารมณ์ของฟู่เซียวหานคลายอารมณ์ลงอย่างกะทันหันเขาดูเหมือนลูกโป่งที่อัดแน่นไปด้วยลม แล้วจู่ ๆ แล้วจู่ ๆ ก็ถูกปล่อยให้ลอยคว้างในอากาศอย่างไร้ทิศทา
ตกดึก บ้านพักเถาหรานจวีฟู่เซียวหานยังไม่กลับมาเลย ซังหนี่ก็ไม่ได้รอเขา เพียงแค่สั่งอาหารเดลิเวอรี่มาทานอย่างง่าย ๆไข่ที่โปะบนแก้มค่อย ๆ เย็นลง และรอยแดงก็จางลงตามไปด้วยตอนแรกซังหนี่กังวลว่าถ้าฟู่เซียวหานกลับมาเห็น เขาอาจไปหาเรื่องตระกูลจี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือน...เธอคงจะคิดมากไปเองซังหนี่เหลือบมองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง แล้วคิดว่า คืนนี้เขาคงไม่กลับมาแล้วเรื่องแบบนี้ เธอรู้สึกคุ้นเคยดี——ในบ้านหลังเดิม แต่ก็ยังคงอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเคย“สามี” ที่มีอยู่เพียงในนามเท่านั้นเพียงแค่ตอนนี้ ห้องที่เธอนอนจากห้องนอนเล็กกลายเป็นห้องนอนใหญ่แล้วบางทีอาจเป็นเพราะความแตกต่างเพียงเล็กน้อยนี้ ทำให้แม้จะนอนลงมานานแล้ว แต่เธอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะง่วงเลยบางช่วงขณะ เธอแทบอยากกลับไปยังห้องเล็กสุดทางนั้นเสียด้วยซ้ำอย่างน้อยที่นั่นก็เป็นที่ที่เธอคุ้นเคย ต่างจากที่นี่ กลิ่นยังเหมือนเดิม แต่รอบตัวกลับเต็มไปด้วยข้าวของของพวกเขาสองคน——ไม่เหมือนเดิมเลยสักนิดความรู้สึกแปลกแยกแต่คุ้นเคยนี้ ก็เหมือนมีมีดทื่อค่อย ๆ กรีดลงบนแขนของซังหนี่ทีละนิดแม้จะไม่ถึงตาย แต่ก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจนซั
ซังหนี่พลิกตัวไปมา พยายามบังคับตัวเองให้กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง แต่ทันทีที่หลับตาลง ความกระหายน้ำก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจลุกลงไปไปดื่มน้ำชั้นล่างมืดสนิทซังหนี่เปิดไฟตรงบันได ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในครัวทันทีที่น้ำเต็มแก้ว เสียงแหบพร่าก็ดังขึ้นจากข้างหลัง “เทให้ผมแก้วหนึ่งด้วยสิ”เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ซังหนี่สะดุ้ง มือสั่นจนแก้วร่วงลงพื้นทันทีฟู่เซียวหานตอบสนองไว รีบคว้าแขนเธอดึงเข้าหาตัว ทำให้เธอไม่โดนเศษแก้วที่กระเด็นบาดแต่ซังหนี่รีบสะบัดมือของเขาออกทันทีฟู่เซียวหานจ้องมองฝ่ามืออันว่างเปล่าของตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือกลับมาอย่างช้า ๆจากนั้น เขาก็เดินไปข้างหน้า หยิบแก้วน้ำใหม่รินน้ำ แล้วยื่นให้ซังหนี่ก่อนแต่เธอกลับไม่รับ เพียงแค่เดินอ้อมตัวเขาไปเพื่อจะรินน้ำเองทั้งเหตุการณ์นี้ จะบอกว่าเธอเมินเขาไปเลยก็ไม่ผิดฟู่เซียวหานกำแก้วน้ำไว้แน่น สีหน้าของเขาค่อย ๆ จางหายไป แต่ซังหนี่ไม่สนใจเขาเลย หลังจากดื่มน้ำเสร็จ เธอก็เตรียมจะกลับขึ้นห้องไปนอนต่อแต่พอเธอเดินไปได้แค่สองก้าว ฟู่เซียวหานก็จับมือเธอไว้ทันที
ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าตัวเองกลับขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไงตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เธอหลับอย่างสะลึมสะลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น รับรู้ถึงสัมผัสแปลก ๆ บนร่างกาย ราวกับมีลูกสุนัขตัวหนึ่งกำลังซุกไซ้อยู่ซังหนี่ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย แล้วก็พบว่ามีใครบางคนอยู่บนร่างของเธอจริง ๆพอเห็นว่าเธอตื่นแล้ว ฟู่เซียวหานก็ไม่คิดจะเก็บอาการอีกต่อไป คว้าข้อเท้าของเธอไว้แล้วกดลงอย่างแรงซังหนี่กัดฟันแน่น อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นข่วนใบหน้าของเขาแต่การกระทำของเธอช้าไป ฟู่เซียวหานคว้าข้อมือของเธอไว้ได้ทัน ก่อนจะกดมือลงบนหน้าอกของตัวเองเมื่อดิ้นไม่หลุด ซังหนี่ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจแต่ในสายตาของฟู่เซียวหาน ท่าทีนี้กลับเหมือนการยอมจำนน ทำให้เขายิ่งได้ใจมากขึ้น เขาจับเธอพลิกไปมา จนซังหนี่สบโอกาสในจังหวะที่เขาเผลอ ยกขาถีบเข้าที่หน้าท้องของเขาเต็มแรง!“คุณจะให้ฉันได้พักหายใจบ้างได้ไหม?!”ทันทีที่เธอพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมาซังหนี่รู้สึกว่าตอนนี้เขาคงเป็นบ้าไปแล้วแต่เธอขี้เกียจจะคิดว่าเขาหัวเราะเรื่องอะไร จึงผลักเขาออกแล้วพลิกตัวจะนอนต่อ แต่ฟู่เซียวหานกลับคว้าเธอจากด้านหลังแล้วกอดไว้แน่นซังหนี่พยายาม
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็