ท้ายทอยของฟู่เซียวหานไม่ได้มีตา คราวนี้หมอนขว้างมาโดนเขาเต็มๆ แต่ฝีเท้าของเขากลับไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลย เพียงเดินจากไปอย่างนั้นซังหนี่รู้สึก......น่าเบื่อขึ้นมาทันทีแม้ว่าเธอจะอยู่ต่อหน้าเขา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยเหมือนกับหมอนที่ขว้างใส่ฟู่เซียวหาน ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแรง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย—— มีแต่ทำให้ตัวเองยิ่งดูน่าขำเท่านั้น……ซังหนี่สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาลระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้นก็เห็นแถลงการณ์ที่จี้อวี้หยวนโพสต์ออกมาเขาไม่ได้พูดตรงๆ ว่ายกเลิกงานแต่งงานกับเธอ เพียงแค่บอกว่าเลื่อนออกไป ส่วนจะเลื่อนออกไปถึงเมื่อไหร่นั้น ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุไว้แต่หลายคนรู้ดีว่า การเลื่อนออกไปเป็นเพียงคำพูดให้ดูดีเท่านั้น พอเวลาผ่านไปนานเข้า แม้แต่เรื่องการเลื่อนออกไปก็จะถูกลืมไปเอง แล้วสุดท้ายงานแต่งงานนี้ก็จะถูกยกเลิกไปอย่างเงียบ ๆซังหนี่อ่านแถลงการณ์นั้นอยู่หลายนาที จากนั้นก็ดูความคิดเห็นข้างล่างอีกสักพัก ก่อนจะปิดโทรศัพท์ไปอย่างเงียบๆพอดี กับที่มาถึงโรงพยาบาลหลังจากข่าวเมื่อวานแพร่ออกไป บริเวณรอบๆ โรงพยาบาลก
เห็นได้ชัดว่าพยาบาลพิเศษไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนที่สำคัญกว่านั้นคือซังหลินเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ซึ่งนับว่าเข้าเป็นคนที่เพิ่งรอดตายกลับมา ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรกระตุ้นเขารุนแรงแต่เมื่อพยาบาลเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้ กลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดโน้มน้าวอะไรซังหนี่กลับดูนิ่งมากหลังจากอดทนกับความแสบร้อนที่ขาของตัวเองได้แล้ว เธอก็ค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าวซังหลินไม่คิดว่าเธอจะยังกล้ามีหน้าเดินเข้ามาอีก ขณะที่เขาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาเตรียมขว้างใส่เธอ ซังหนี่กลับกดมือของเขาลงไปจากนั้น เธอก็หันไปมองพยาบาลพิเศษข้างๆ “คุณออกไปก่อนเถอะ”พยาบาลที่เดิมทีก็รู้สึกว่าการอยู่ตรงนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก พอได้ยินซังหนี่พูดแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และรีบเดินออกไปซังหนี่มองไปที่ซังหลิน “เรื่องของบริษัทคุณรู้หมดแล้วสินะ?”“แกคิดว่ายังไงล่ะ!? ฉันว่าแล้ว......ฉันรู้อยู่แล้ว! ฟู่เซียวหานเป็นคนยังไง? ตอนนั้นที่ยอมให้แกดูแลโครงการรู่โจว มันก็เป็นแค่กับดัก! นี่เป็นแผนที่พวกแกสองคนรวมหัวกันวางแผนไว้ใช่ไหม เพื่อวันนี้......”“ที่ซังอวี๋ตกอยู่ในสภาพนี้ในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะโครงการรู่โจวทำให้ล่มจมหรอ
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า…...ก่อนที่การเจรจาของพวกเขาจะพังทลายลง ฟู่เซียวหานนั้นได้วางแผนที่จะทำเช่นนี้ไว้ก่อนแล้วและยังคิดใช้โอกาสนี้…กลืนกินซังอวี๋กรุ๊ปทั้งหมดทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซังหนี่เลยแม้แต่น้อย การที่สั่งให้เธอก้มศีรษะขอร้องเขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เขาถือโอกาสทำไปพร้อม ๆ กันเลยก็เท่านั้นกระบวนความคิดของซังหนี่มีสติชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็…เป็นคนเช่นนี้มาโดยตลอดแต่ในขณะนี้ ซังหนี่อดคิดถึงช่วงเวลานั้นที่เขานอบน้อมประจบสอพลอต่อหน้าตนไม่ได้และเป็นเพราะท่าทีเช่นนั้นของเขาทำให้ซังหนี่เกิดภาพลวงตาว่าเธอสามารถแก้แค้นและปฏิบัติต่อเขาได้อย่างสบาย ๆทว่าตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเสแสร้งของเขาเท่านั้นการขาดความตระหนักรู้นี้ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจ สิ่งที่น่าขำก็คือ ในเวลานี้เธอก็ยังคงรู้สึก…เศร้าแต่หากจะพูดว่าเจ็บ ก็ไม่ได้เจ็บปวดมากขนาดนั้นเพียงรู้สึกว่าผิวหนังโดนกรีดไปหนึ่งแผลเท่านั้นบาดแผลไม่ได้ลึก แต่รอยกรีดนั้นกลับกรีดซ้ำลงไปบนแผลที่เคยสมานตัวมาก่อน จึงทำ
ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าเธอออกจากโรงพยาบาลมาได้อย่างไรตอนนี้เมืองถงยังคงอยู่ในฤดูร้อนแต่เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบลงบนร่างกายของเธอ ซังหนี่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเหงื่อเย็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลท่วมแผ่นหลังของเธอ จนทำให้ฟันของเธอสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้!รถแท็กซี่ขับมาถึงเถาหรานจวีอย่างรวดเร็วเมื่อเหม่อมองไปยังสถานที่ที่คุ้นชินแต่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงถ้อยคำที่ซังหลินเพิ่งกล่าวกับเธอ —— นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเขาบางทีซังหลินอาจแค่ต้องการหลักฐานชิ้นนั้นมาเพื่อข่มขู่ฟู่เซียวหาน และบังคับให้เขาประนีประนอมต่อกันแต่สิ่งที่ซังหนี่คิดมีมากกว่านั้นเพราะเธอรู้ว่าหากตามความคิดของฟู่เซียวหาน แม้ว่าจะเป็นการประนีประนอมเพียงชั่วคราว แต่เขาก็จะหาโอกาสชดเชยสิ่งที่ตนได้สูญเสียไปในอนาคตอย่างแน่นอนสำหรับคนอย่างเขา ไม่สามารถใจอ่อนด้วยได้เช่นเดียวกับการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายบนทุ่งหญ้า บาดแผลธรรมดาทั่วไปอาจแค่ทำได้เพียงให้เขารู้สึกหงุดหงิด หากต้องการเอาชนะ ต้องเฝ้ามองหาโอกาสที่เหมาะสม —— โจมตีให้สิ้นถึงชีวิต!ซังหนี่ลงจากรถไม่ว่าอย่างไร เธอเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มา
อาจเป็นเพราะใจฝ่อและความกังวลใจ เวลานี้เมื่อซังหนี่รอไปสักพักก็ยังไม่ได้ยินคำตอบกลับมาของเขา คิ้วของเธอก็ขมวดอย่างอดไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังจะถามต่อ เขาก็บอกรหัสยืนยันและรหัสผ่านให้เธอเขาไม่ได้ถามเธอเลยด้วยซ้ำว่าเธอจะใช้คอมพิวเตอร์ทำอะไรซังหนี่อดไม่ได้ที่จะชะงัก แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงเอ่ยตอบรับในลำคอและวางสายไปเธอรีบใส่ตัวเลขรหัสผ่านลงไปทันทีตัวเลขรหัสผ่านชุดนี้นั้นเธอไม่คุ้นเคยกับมันเลยแม้แต่น้อย ซังหนี่ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไรและไม่ได้เอ่ยถามเครื่องคอมพิวเตอร์เปิดอย่างรวดเร็วจากนั้นเธอก็เห็นภาพหน้าจอบนหน้าจอเดสก์ท็อปของเขามันเป็น…ภาพถ่ายงานแต่งงานของพวกเขาซังหนี่ตกตะลึงในตอนแรก แต่เธอก็คิดถึงเรื่องระหว่างเขากับเกาต๋าขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อคิดถึงท่าทีที่ระลึกในห้วงรักอย่างลึกซึ้งของเขาแล้ว เธอเพียงรู้สึกว่าไม่มีเรื่องใดน่าขำไปกว่านี้อีกดังนั้นก่อนที่เธอจะค้นเอกสารชุดนั้น เธอจึงช่วยเขาเปลี่ยนภาพหน้าจอเสียก่อนเมื่อมองภาพหน้าจอเป็นรูปวิวทิวทัศน์ที่มาติดตั้งมาพร้อมกับตัวคอมพิวเตอร์ อารมณ์ของซังหนี่ถึงนับว่าดีขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็ค้นพบปัญหาอี
หลังจากที่ฟู่เซียวหานจบ ซังหนี่ก็เงียบไปอย่างเห็นได้ชัดหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็หันไปมองฟู่เซียวหานอีกฝ่ายไม่ได้มองเธออีกต่อไป เขาเพียงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสั่งคนให้ส่งอาหารเย็นมาที่นี่“คุณอยากทานอะไร?”เขาหันมามองซังหนี่ด้วยรอยยิ้มกว้างแต่ฝ่ายหลังกลับนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ฟู่เซียวหานก็หรี่ตาลงเช่นกันจู่ ๆ ซังหนี่ก็หัวเราะออกมา “อะไรก็ได้ค่ะ แค่รสชาติเบาหน่อยก็พอ”หลังจากพูดจบ เธอก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปฟู่เซียวหานมองตามแผ่นหลังของเธอ แล้วเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “คุณกำลังหาอะไร บอกผมได้นะ”—— เป็นไปตามคาดตั้งแต่เขาพูดเรื่องกล้องวงจรปิดเมื่อกี้นี้ ซังหนี่ก็สามารถเดาได้แล้วแต่ในเวลานี้เขาเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาจนเธออดไม่ได้ที่จะชะงักฝีเท้าลง มือที่ห้อยระนาบอยู่ข้างลำตัวเองก็กำแน่นเป็นเพราะออกแรงมาก เธอกระทั่งรู้สึกเจ็บปวดบริเวณข้อต่อนิ้วมือจากนั้นเธอก็ค่อย ๆ หันกลับมาก่อนจะตอบว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นเป็นหลักฐานการสมรู้ร่วมคิดระหว่างคุณกับเกาต๋า”ทันทีที่เธอกล่าวจบ ฟู่เซียวหานพลันหัวเราะออกมาอีกครั้ง “โอ้? คุณจะหาสิ่งเหล่านั้นไปทำไม?”“คุณ
“ใช่”“แต่ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เชื่อก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรไปได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วหลักฐานชิ้นนั้น…คุณก็ไม่มีทางได้มันมา”“ใช่ค่ะ”ซังหนี่ผงกศีรษะ “แต่อย่างน้อยฉันก็สามารถทำให้คุณใช้ชีวิตอย่างไม่สบายใจได้”หลังจากพูดจบเธอก็วางกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วลงบนโต๊ะจากนั้นก็หยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะขึ้นมาแล้วสาดใส่หน้าฟู่เซียวหานโดยตรง!หยดน้ำไหลร่วงหล่นลงมาตามปลายผมของฟู่เซียวหาน แม้แต่บนขนตาก็ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่บ้างเล็กน้อยฟู่เซียวหานเพียงนั่งอยู่จุดเดิมโดยไม่ขยับไปไหน ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องใบหน้าของเขาดูซีดเผือดแต่ซังหนี่กลับไม่ปรายตามองเขาเลยแม้เพียงสักแวบเดียว เธอเพียงแค่ก้าวเท้าขึ้นพร้อมเดินออกไปข้างนอกแต่ฟู่เซียวหานก็รีบคว้ามือของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็วทันใดนั้น ทั้งตัวของเธอก็ถูกเขารั้งเข้ามาและกดให้นั่งลงบนขาของเขาทันที!“แค่นี้เองหรือ?” ฟู่เซียวหานมองเธอพลางยิ้ม “นี่คือวิธีที่คุณบอกว่าจะทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจงั้นหรือ? นี่มันจะ…เด็กน้อยเกินไปหรือเปล่า?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบเพียงแค่สบตากับเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หลังจากที่ฟู่เซียวหานเงียบไปสักพัก ทันใดนั้นเขาก็คว้าคางของเธอเอาไว้และ
เมื่อซังหนี่ตื่นขึ้นมา ฟู่เซียวหานก็หายไปแล้วเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เพียงลากร่างกายที่แข็งทื่อของตนไปอาบน้ำก็เท่านั้นตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องไปที่บริษัทอีกและในเวลานี้เองที่ซังหนี่ตระหนักได้ว่า จริง ๆ แล้วเขาได้เคยเจรจากับผู้ถือหุ้นรายอื่นมาก่อนหน้านี้แล้วในมือของเธอมีหุ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่มีคุณสมบัติที่แม้แต่คิดจะต่อต้านแต่ไม่ว่าอย่างไรซังหลินยังคงมีอำนาจในการพูดตัดสินอยู่ทว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการเข้าซื้อกิจการของฟู่เซียวหานจะถูกขัดขวางในเวลานี้ แต่อย่างน้อยก็สามารถยืดระยะเวลาออกไปได้สักพักหนึ่ง ตราบใดที่พวกเขาสามารถใช้เวลาเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ นำเรื่องราวระหว่างฟู่เซียวหานกับเกาต๋ามาเปิดเผยเสียก่อน พวกเขาก็จะยังมีโอกาสพลิกตัวจากจุดวิกฤติในครั้งนี้!ขณะที่เดินทางซังหนี่ได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว แต่เมื่อเธอมาถึงที่โรงพยาบาลกลับพบว่า…ฟู่เซียวหานกำลังนั่งอยู่ในนั้นเมื่อเขาเห็นเธอ ฟู่เซียวหานถึงกับกล่าวทักทายเธอด้วยรอยยิ้มมือของซังหนี่บีบกระชับขึ้นโดยพลันและในขณะนั้นเอง ฟู่เซียวหานก็กล่าวว่า “ถ้าประธานน้อยซังอยู่ที่นี่ด้วยก็คงดีไม่น้อยเลยทีเดียว พวก
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็