ซังหนี่พูดอะไรไม่ออกเธออยากจะบอกไปเหลือเกินว่า ตัวเองแค่ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูดออกไปยังไงก็เท่านั้นแต่เมื่อคำพูดใกล้จะหลุดออกมาริมฝีปาก เธอยังคงไม่พูดอะไรออกมา และกลืนเสียงของตนลงไปเงียบ ๆ เรื่องราวเหล่านี้…ฟู่เซียวหานคงลืมไปหมดแล้วไม่เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาคงไม่เสนอให้มาพักผ่อนยังที่แห่งนี้ดังนั้นซังหนี่จึงรู้ว่า ความสัมพันธ์ที่แสน ‘ร้อนแรง’ ระหว่างเขากับเธอนั้นก็เป็นความสัมพันธ์ที่แสนจอมปลอมมากเช่นกันเพราะหากเขาชอบเธอจริง ไม่มีทางที่เขาจะจำเรื่องนี้ไม่ได้ก็เหมือนกับตอนที่เธอชอบเขา เธออยากจะจดจำทุกเรื่องราว ทุกรายละเอียดที่มีต่อกันและกันสลักลึกเอาไว้ในสมองแต่เขากลับไม่แม้แต่จะคิดเลยสักนิดดังนั้น เขาไม่ได้ชอบเธอเลยแม้แต่น้อยที่เขากล่าวว่าเลือกเธอ ก็เป็นเพียงเพราะ…ความเข้ากันได้ระหว่างร่างกายของพวกเขาก็เท่านั้นเองครั้งนี้ซังหนี่มาประเทศ D ตามลำพัง แต่เธอได้วางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เธอยังหามัคคุเทศก์ท้องถิ่นมืออาชีพจากอินเทอร์เน็ตมาด้วยอีกฝ่ายเป็นนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ที่นี่ เป็นหญิงสาวผมสั้นที่มีนิสัยร่าเริงสดใส“พี่ซังหนี่ใช่ไหมคะ?”ซังหนี่เพิ่งหยิบกระเป๋าเดิ
“เมื่อกี้คือแฟนเก่าของพี่หรือคะ?”ทันทีที่เข้ามาในห้องส่วนตัว เซี่ยเข่อก็โพล่งถามซังหนี่ทันทีซังหนี่ตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะ“ไม่ใช่หรือคะ? แต่ฉันรู้สึกว่าพวกพี่…”“คนนั้นเป็นอดีตสามีของฉัน”ซังหนี่ตอบเสียงของเซี่ยเข่อโดนขัดไปทันทีหลังจากผ่านไปสักพัก เธอถึงจะปรบมือขึ้นมาครั้งหนึ่ง “ฉันจำได้แล้วค่ะ เขาคือคนจากถงเฉิงจื้อเหอกรุ๊ปใช่ไหมคะ?”“เธอรู้จักหรือ?”“อืม…นับว่ารู้จักแล้วกันค่ะ ยังไงเสียฉันก็เคยติดตามข่าวในประเทศมาบ้าง เมื่อเทียบกับผู้ชายปล่อยตัวที่พุงโตหัวโล้นพวกนั้นของบริษัทอื่นแล้ว เขาถือว่าโดดเด่นมากเลยล่ะค่ะ”ซังหนี่เพียงยิ้ม ๆ“ถ้าอย่างนั้นคนที่ยืนข้างเขาเมื่อกี้เป็นใครคะ? ทำไมเธอถึงเรียกพี่ว่าพี่สาวล่ะ?”“เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมที่พ่อแม่ฉันรับเลี้ยงน่ะ”ประโยคนี้ของซังหนี่แฝงไปด้วยข้อมูลมากมายริมฝีปากของเซี่ยเข่อค่อย ๆ อ้ากว้าง ความกว้างนั้นกว้างมากจนแทบจะยัดไข่ไก่ทั้งใบลงไปได้ซังหนี่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะชูแก้วเหล้าขึ้น “แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์อะไรที่เกี่ยวข้องกับฉันแล้วล่ะ ช่วงสองสามวันมานี้…ฉันเที่ยวเล่นอย่างมีความสุขมากจริง ๆ ขอ
เธอดื่มเหล้าเข้าไปทำให้ตอนนี้แก้มของเธอเจือสีแดงระเรื่อ แต่นัยน์ตาคู่นั้นกลับคลอไปด้วยน้ำตาราวกับสงสัยในภาพที่เห็นตรงหน้า ซังหนี่ส่ายศีรษะไปมาด้วยความไม่เชื่อ หลังจากยืนยันแล้วว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง เธอถึงจะขานชื่อเขาออกมา “ฟู่เซียวหาน”เขาไม่ตอบ ขณะที่มองเธออยู่นั้นแววตาของเขาไม่มีอารมณ์ใดเจือปนอยู่เลยแววตานั้นเหมือนกับตอนที่เขายืนมองเธอในร้านเหล้าสาเกเมื่อกี้ทุกประการ“หิมะตกล่ะ” ซังหนี่ราวกับไม่มีความสนใจในอารมณ์ของเขา เธอแค่ชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมกล่าวว่า “คุณดูสิคะ หิมะตกหนักมากเลย”“คุณพูดถูก หิมะของที่นี่สวยกว่าหิมะในเมืองถงมาก”“แต่ฉันก็ยังชอบหิมะในเมืองถงมากกว่าอยู่ดี”ซังหนี่พูดพร่ำกับตัวเองด้วยร่างกายที่ยังคงโซซัดโซเซไปมา หากฟู่เซียวหานไม่จับแขนเธอไว้แน่นแล้วล่ะก็ ตอนนี้เธอคงจะล้มลงไปตั้งนานแล้ว“แต่ว่าเมืองถงก็หนาวเกินไปเหมือนกัน” ซังหนี่ก้มหน้าลงแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “แน่นอนว่าที่นี่เองก็หนาว”“ฤดูหนาวนี้…ช่างแสนยาวนานนัก”เสียงของเธอค่อย ๆ เลือนรางหายไป ดวงตาคู่นั้นก็ปิดลงอย่างช้า ๆ หลังจากที่ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง เขาก็ก้มตัวลงก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาทั้งตัว!
ซังหนี่ยังคงไม่ชอบประเทศ D อยู่ดีถึงแม้ว่าที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าที่นี่จะมีทิวทัศน์สวยงามตระการตา แต่ซังหนี่ก็ยังคงไม่ชอบในตอนนี้เวลานี้ เธอแค่อยากกลับไปเมืองถงโดยเร็วที่สุด กลับไปยังห้องเช่าที่มีเพียงเธออยู่แค่คนเดียวแต่ทันทีที่เครื่องบินลงจอด คนจากตระกูลซังก็ประดาหน้าเข้ามา—— อาการของคุณนายซังอยู่ในขั้นวิกฤติแม้ว่าก่อนหน้านี้ซังหลินจะพยายามอย่างหนักในการช่วยเธอหาไตที่สามารถปลูกถ่ายเข้าคู่กันได้ แต่จนกระทั่งวันนี้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะสำเร็จยิ่งไปกว่านั้นคือซังหนี่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ หากมองในมุมของการรักษา แน่นอนว่าเธอเป็นตัวเลือกในการปลูกถ่ายที่ดีที่สุดซังหนี่แทบจะโดนผลักและบังคับให้ขึ้นรถหลังจากที่เห็นซังหลิน เธอก็ยิ้มเยาะออกมาทันที “ทำไมล่ะคะ หรือว่าพวกคุณคิดอยากจะผลักให้ฉันขึ้นเตียงผ่าตัดงั้นหรือคะ?”ซังหลินมองเธอ ก่อนจะโบกมือให้คนอื่นถอยออกไปจากนั้นเขาก็หันมามองซังหนี่ “แกอยากได้อะไร?”ซังหนี่สบตากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง “ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกภรรยาของคุณไปชัดเจนแล้วนะคะ ยกบริษัทของคุณให้ฉันแล้วฉันจะทำ”“บริษัทคือเลือดเนื้อของฉัน”
ทันทีที่ซังฉิงกล่าวจบ สีหน้าของซังหลินก็เปลี่ยนไปทันใด ดวงตาของเขาถลึงมองซังฉิงราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าความคิดที่เลวร้ายเช่นนี้จะหลุดออกมาจากปากเธอซังฉิงเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ จึงรีบร้อนกล่าวว่า “หนู…หนูก็แค่อยากให้หม่ามี๊มีชีวิตอยู่ต่อไป แด๊ดดี้ก็เห็นแล้วนี่คะว่าหม่ามี๊ถูกโรคนี้ทรมานจนถึงขนาดไหน หนู…ทนดูไม่ไหวแล้วจริง ๆ”ซังหลินเงียบแม้ว่าเขาจะคับแค้นใจที่ซังหนี่เห็นวี่แววของความตายแล้วยังทำเฉยเมย และเคยสาปแช่งให้เธอตายไปเสียให้พ้นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่คำพูดของซังฉิงก็ทำให้เขาตะลึงเป็นอย่างมาก!ซังฉิงที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาเองก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก เธอแค่ช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยความกระวนกระวายใจทันใดนั้น น้ำเสียงรีบร้อนของนางพยาบาลก็ดังขึ้นพอดี “ทำไมญาติคนไข้ถึงได้มาอยู่ที่นี่กันหมด? รีบไปเถอะค่ะ อาการของผู้ป่วยไม่ค่อยสู้ดีแล้ว!”ทันทีได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของซังหลินพลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพุ่งตัววิ่งออกไปด้วยความเร่งรีบ!คุณนายซังถูกเข็นเข้าห้องไอซียูไปแล้วขณะที่ซังหลินมาถึง เขาก็ได้รับเพียงเอกสารแจ้งอาการป่วยขั้นวิกฤติจากแพทย์เท่านั้นซังหลินทำได้เพียงลงนามของตนด้วยมือสั่นเ
ดูเหมือนซังหนี่จะถูกคนสะกดรอยตามเข้าเสียแล้วงานของเธอคือการวาดภาพอยู่ที่บ้าน ดังนั้นปกติจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกไปข้างนอกมากนักแต่ในหนึ่งสัปดาห์ ก็มักจะมีวันสองวันที่เธอต้องออกไปซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเหตุผลที่ว่าวันเวลาในการเดินทางของเธอไม่แน่นอน ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะตกเป็นเป้าหมายของใครเลยและเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยบวกกับการไม่พบอะไรในทุกครั้งที่ซังหนี่หันไปมอง ดังนั้นเธอจึงไม่ได้นำเรื่องนี้มาใส่ใจจนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอกำลังจะไปซูเปอร์มาร์เก็ต จู่ ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์ขับพุ่งเข้ามาตรงหน้าเธอ!เป้าหมายของมอเตอร์ไซค์คันนั้นชัดเจนมาก และพุ่งเข้ามาชนเธอโดยตรง!ซังหนี่ตกใจมาก ขณะที่เธอก้าวกระเถิบถอยหลังไปหลายก้าว ข้างถนนนั้นก็พลันมีคนอื่นเดิมผ่านมาพอดีมอเตอร์ไซค์คันนั้นเลยขับเลยผ่านเธอไปด้วยท่าทีของการวางมาดเหนือกว่าสายลมหวีดหวิวที่พัดผ่านไปราวกับกำลังก้องอยู่ในหูของซังหนี่ ร่างกายของเธอแข็งค้างไม่กล้าที่จะขยับเขยื้อนสิ่งที่ทำให้เธอจำได้อย่างชัดเจนมากกว่าคือสายตาที่คนคนนั้นใช้มองตนนัยน์ตาแห่งความอำมหิตนั้นราวกับคิดจะกัดกลืนเธอทั้งเป็นแต่ซังหนี่รู้
ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ จู่ ๆ ซังหนี่ก็พลันยกเท้าขึ้นเตะตรงจุดที่อยู่ด้านล่างท้องน้อยของเขาอย่างแรง!ซังหนี่ออกแรงไปสุดตัว บวกกับจุดนั้นเป็นจุดที่เปราะบางที่สุดบนร่างกายของผู้ชาย จวงโหย่วเหวยจึงปล่อยมือและด่าทอออกมาทันทีด้วยความเจ็บ“บ้าเอ๊ย! นังนี่กล้าลงมือกับฉันเหรอ? ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”ขณะที่กล่าว จวงโหย่วเหวยก็พุ่งตัวเข้ามาอีกครั้งครั้งนี้เขาไม่เปิดโอกาสใดอีก และบีบคอซังหนี่ด้วยมือโดยตรง!“นังสารเลว! นังหมาป่าตาขาวเลี้ยงไม่เชื่อง! นังดาวอับโชค! วันนี้แหละที่ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”เขายังคงด่าทอพร้อมออกแรงบีบคอขัดขวางการหายใจของซังหนี่ไม่หยุดหย่อน ในไม่ช้า ใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงก่ำ เล็บจิกไปบนต้นแขนของเขาโดยไม่รู้ตัวด้วยความพยายามที่จะดิ้นรน แต่นอกจากจิกจนมีคราบเลือดทิ้งไว้บนนั้นแล้วเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก“ฉันรู้ว่าแกรังเกียจที่ฉันน่าอับอาย คิดไม่ใช่เหรอว่าฉันเก่งไม่เท่าพ่อแท้ ๆ ของแก แต่พ่อแท้ ๆ ที่แสนร่ำรวยจะดีกับแกเท่าไหร่กันเชียว? พวกเขาแทบไม่อยากนับญาติแกด้วยซ้ำ มากกว่านั้นคือตอนนี้ยังต้องการให้แกไปตายเพื่อชดใช้เมียเขาด้วยชีวิต!”คำพูดประโยคหลังของจวงโหย่วเหวยทำให้สติของซัง
“ก็พ่อของเธอคนนั้นไง! เธอปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ฉันจะไปโรงพยาบาล! ฉันจะตายแล้ว!”จวงโหย่วเหวยยังคิดที่จะดิ้นรน แต่ซังหนี่กลับกดปลายกรรไกรลงบนคอเขาลึกลงไปอีกระดับ!“คุณกำลังโกหก” เธอกล่าว “ฉันไม่เชื่อ”“จริง ๆ นะ! ฉันไม่ได้โกหกเธอนะเยว่เยว่ ฉันไม่ได้โกหกเธอจริง ๆ ”“เดิมทีพวกเขาอยากให้ฉันจับตัวเธอไว้แล้วค่อยวางแผนให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์” จวงโหย่วเหวยเอ่ยบอกแผนการกับเธอ “พวกเขาบอกว่าเธอไม่ยินยอมเข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะให้แม่ของเธอ แต่เธอเซ็นเอกสารบริจาคร่างกายและอวัยวะนั่นแล้ว ดังนั้นตราบใดที่เธอตายด้วยอุบัติเหตุ แม่เธอก็จะได้รับโอกาสในการปลูกถ่ายอวัยวะ!”“แต่เป็นฉันเองที่เห็นแก่ตัว คิดว่ายังไงเสียเธอก็ต้องตายอยู่แล้ว ให้ฉันได้มีความสุข…”จวงโหย่วเหวยยังไม่ทันกล่าวจบ ฝ่าเท้าของซังหนี่ก็เหยียบลงบนแผลที่ท้องน้อยของเขาทันทีโลหิตจากบาดแผลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ทำให้จวงโหย่วเหวยกรีดร้องออกมาไม่หยุดหย่อน!สิ่งที่ทำให้แผ่นหลังของเขาหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาอย่างต่อเนื่องคือ—— สายตาของซังหนี่ที่มองมายังเขาตอนนี้เห็นได้ชัดว่ามือของเธอยังคงสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว
ซังหนี่ลืมไปแล้วว่าเธอออกจากโรงพยาบาลมาได้อย่างไรตอนนี้เมืองถงยังคงอยู่ในฤดูร้อนแต่เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบลงบนร่างกายของเธอ ซังหนี่ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเหงื่อเย็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลท่วมแผ่นหลังของเธอ จนทำให้ฟันของเธอสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้!รถแท็กซี่ขับมาถึงเถาหรานจวีอย่างรวดเร็วเมื่อเหม่อมองไปยังสถานที่ที่คุ้นชินแต่ไม่คุ้นเคยตรงหน้า จู่ ๆ ซังหนี่ก็นึกถึงถ้อยคำที่ซังหลินเพิ่งกล่าวกับเธอ —— นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกเขาบางทีซังหลินอาจแค่ต้องการหลักฐานชิ้นนั้นมาเพื่อข่มขู่ฟู่เซียวหาน และบังคับให้เขาประนีประนอมต่อกันแต่สิ่งที่ซังหนี่คิดมีมากกว่านั้นเพราะเธอรู้ว่าหากตามความคิดของฟู่เซียวหาน แม้ว่าจะเป็นการประนีประนอมเพียงชั่วคราว แต่เขาก็จะหาโอกาสชดเชยสิ่งที่ตนได้สูญเสียไปในอนาคตอย่างแน่นอนสำหรับคนอย่างเขา ไม่สามารถใจอ่อนด้วยได้เช่นเดียวกับการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายบนทุ่งหญ้า บาดแผลธรรมดาทั่วไปอาจแค่ทำได้เพียงให้เขารู้สึกหงุดหงิด หากต้องการเอาชนะ ต้องเฝ้ามองหาโอกาสที่เหมาะสม —— โจมตีให้สิ้นถึงชีวิต!ซังหนี่ลงจากรถไม่ว่าอย่างไร เธอเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มา
กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า…...ก่อนที่การเจรจาของพวกเขาจะพังทลายลง ฟู่เซียวหานนั้นได้วางแผนที่จะทำเช่นนี้ไว้ก่อนแล้วและยังคิดใช้โอกาสนี้…กลืนกินซังอวี๋กรุ๊ปทั้งหมดทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซังหนี่เลยแม้แต่น้อย การที่สั่งให้เธอก้มศีรษะขอร้องเขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงเรื่องที่เขาถือโอกาสทำไปพร้อม ๆ กันเลยก็เท่านั้นกระบวนความคิดของซังหนี่มีสติชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอันที่จริงนี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็…เป็นคนเช่นนี้มาโดยตลอดแต่ในขณะนี้ ซังหนี่อดคิดถึงช่วงเวลานั้นที่เขานอบน้อมประจบสอพลอต่อหน้าตนไม่ได้และเป็นเพราะท่าทีเช่นนั้นของเขาทำให้ซังหนี่เกิดภาพลวงตาว่าเธอสามารถแก้แค้นและปฏิบัติต่อเขาได้อย่างสบาย ๆทว่าตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเสแสร้งของเขาเท่านั้นการขาดความตระหนักรู้นี้ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจ สิ่งที่น่าขำก็คือ ในเวลานี้เธอก็ยังคงรู้สึก…เศร้าแต่หากจะพูดว่าเจ็บ ก็ไม่ได้เจ็บปวดมากขนาดนั้นเพียงรู้สึกว่าผิวหนังโดนกรีดไปหนึ่งแผลเท่านั้นบาดแผลไม่ได้ลึก แต่รอยกรีดนั้นกลับกรีดซ้ำลงไปบนแผลที่เคยสมานตัวมาก่อน จึงทำ
เห็นได้ชัดว่าพยาบาลพิเศษไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนที่สำคัญกว่านั้นคือซังหลินเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ซึ่งนับว่าเข้าเป็นคนที่เพิ่งรอดตายกลับมา ทุกคนรู้ดีว่าไม่ควรกระตุ้นเขารุนแรงแต่เมื่อพยาบาลเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้ กลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดโน้มน้าวอะไรซังหนี่กลับดูนิ่งมากหลังจากอดทนกับความแสบร้อนที่ขาของตัวเองได้แล้ว เธอก็ค่อยๆ เดินเข้าไปทีละก้าวซังหลินไม่คิดว่าเธอจะยังกล้ามีหน้าเดินเข้ามาอีก ขณะที่เขาคว้าแก้วน้ำขึ้นมาเตรียมขว้างใส่เธอ ซังหนี่กลับกดมือของเขาลงไปจากนั้น เธอก็หันไปมองพยาบาลพิเศษข้างๆ “คุณออกไปก่อนเถอะ”พยาบาลที่เดิมทีก็รู้สึกว่าการอยู่ตรงนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก พอได้ยินซังหนี่พูดแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที และรีบเดินออกไปซังหนี่มองไปที่ซังหลิน “เรื่องของบริษัทคุณรู้หมดแล้วสินะ?”“แกคิดว่ายังไงล่ะ!? ฉันว่าแล้ว......ฉันรู้อยู่แล้ว! ฟู่เซียวหานเป็นคนยังไง? ตอนนั้นที่ยอมให้แกดูแลโครงการรู่โจว มันก็เป็นแค่กับดัก! นี่เป็นแผนที่พวกแกสองคนรวมหัวกันวางแผนไว้ใช่ไหม เพื่อวันนี้......”“ที่ซังอวี๋ตกอยู่ในสภาพนี้ในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะโครงการรู่โจวทำให้ล่มจมหรอ
ท้ายทอยของฟู่เซียวหานไม่ได้มีตา คราวนี้หมอนขว้างมาโดนเขาเต็มๆ แต่ฝีเท้าของเขากลับไม่หยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลย เพียงเดินจากไปอย่างนั้นซังหนี่รู้สึก......น่าเบื่อขึ้นมาทันทีแม้ว่าเธอจะอยู่ต่อหน้าเขา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยเหมือนกับหมอนที่ขว้างใส่ฟู่เซียวหาน ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยแรง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย—— มีแต่ทำให้ตัวเองยิ่งดูน่าขำเท่านั้น……ซังหนี่สุดท้ายก็ไปโรงพยาบาลระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้นก็เห็นแถลงการณ์ที่จี้อวี้หยวนโพสต์ออกมาเขาไม่ได้พูดตรงๆ ว่ายกเลิกงานแต่งงานกับเธอ เพียงแค่บอกว่าเลื่อนออกไป ส่วนจะเลื่อนออกไปถึงเมื่อไหร่นั้น ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุไว้แต่หลายคนรู้ดีว่า การเลื่อนออกไปเป็นเพียงคำพูดให้ดูดีเท่านั้น พอเวลาผ่านไปนานเข้า แม้แต่เรื่องการเลื่อนออกไปก็จะถูกลืมไปเอง แล้วสุดท้ายงานแต่งงานนี้ก็จะถูกยกเลิกไปอย่างเงียบ ๆซังหนี่อ่านแถลงการณ์นั้นอยู่หลายนาที จากนั้นก็ดูความคิดเห็นข้างล่างอีกสักพัก ก่อนจะปิดโทรศัพท์ไปอย่างเงียบๆพอดี กับที่มาถึงโรงพยาบาลหลังจากข่าวเมื่อวานแพร่ออกไป บริเวณรอบๆ โรงพยาบาลก
ซังหนี่ตบไปเต็มแรงโดยสัญชาตญาณเพราะฟู่เซียวหานอยู่ใกล้เธอมากเกินไปแต่ความจริงแล้วซังหนี่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขาต้องการหยุดการกระทำนั้น เขาสามารถจับมือของเธอไว้ได้แน่นอนแต่เขากลับไม่ทำรอยฝ่ามือจากเมื่อคืนยังไม่ทันจาง ตอนนี้กลับมีอีกรอยใหม่เพิ่มมาอีกพูดเรื่องน่าขำที่ไม่ขำคือ —— ตอนนี้หน้าของเขาดูสมดุลกันแล้ว“ฝันร้ายเหรอ?” ฟู่เซียวหานถาม ราวกับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดซังหนี่ไม่ได้ตอบ“ไม่เป็นไร แค่ฝันไปเท่านั้น” ฟู่เซียวหานพูดเองเออเอง พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย “วันนี้ผมยุ่งมาก คงไม่ได้กินข้าวด้วยนะ คุณไปเยี่ยมพ่อคุณที่โรงพยาบาลได้ อ้อ แล้วก็ บอกเรื่องยกเลิกงานแต่งงานของคุณกับจี้อวี้หยวนกับเขาด้วย”“ส่วนเรื่องบริษัททางนั้น รอให้ผมจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วผมจะไปอธิบายกับเขาด้วยตัวเอง”เสียงของฟู่เซียวหานสั้นกระชับมาก ทำให้มีไม่ข้อสงสัยในคำพูดของเขา“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” ซังหนี่ถามฟู่เซียวหานที่กำลังติดกระดุมข้อมือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเธอ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ซังอวี๋ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมไปอีกแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ปฏิกิริยาของพวกผู้ถือหุ้นค
แต่ตอนนี้ดอกไม้ได้เหี่ยวเฉาและตายไปแล้ว แสงแดดและการดูแลที่มาถึงช้าเกินไป จะมีความหมายอะไรอีก?ซังหนี่เตรียมจะหลับตาลงอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอีกฝั่งชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้นถ้าเธอจำไม่ผิด มันเป็นยี่ห้อที่เธอใช้เป็นประจำจากนั้นก็เป็นสายรัดม่านที่หน้าต่าง ถัดมาเป็นห้องเสื้อฝั่งตรงข้าม ในประตูกระจกใสบานนั้น มีเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตาแขวนอยู่และตอนนี้เองซังหนี่ถึงได้เข้าใจว่า เขาขนของที่เธอเคยทิ้งไว้ที่นี่ย้ายกลับมาทั้งหมดจริงๆ แล้วของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเลยเสื้อผ้าพวกนั้นคุณนายฟู่เป็นคนจัดหาให้เธอ เพื่อให้เวลาออกไปข้างนอกจะดูคู่ควรกับตำแหน่ง “คุณนายฟู่” ไม่ได้ใช้เงินของเธอซื้อเอง ดังนั้นตอนนั้นซังหนี่จึงไม่ได้เอามันไปด้วยส่วนชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น......บางทีอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้?ขณะที่ซังหนี่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงน้ำจากในห้องน้ำก็หยุดลงซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพียงแค่พยายามหลับตาลงเท่านั้นในความมืด เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของฟู่เซียวหานค่อยๆ เดินใกล้เข้ามาใกล้ จากนั้นเขาก็นอนลงข้างๆ เธอร่างกายของเขามีกลิ่นสะอาดสดช
ซังหนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะกลับมาที่เถาหรานจวีจะเป็นภาพแบบนี้หรือจะพูดอีกอย่างคือ ในวันที่เธอจากไป เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับมาอีกดูเหมือนว่าคนรับใช้ในคฤหาสน์จะถูกฟู่เซียวหานไล่ออกไปหมดแล้ว ตอนที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ภายในบ้านมืดสนิทฟู่เซียวหานพาซังหนี่ขึ้นไปที่ชั้นบนประตูห้องนอนใหญ่ถูกผลักเปิดไว้แล้วดูเหมือนว่าข้าวของข้างในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ซังหนี่ยังไม่ทันจะได้สังเกตว่าอะไรเปลี่ยนไป ฟู่เซียวหานก็กดเธอลงบนเตียงแล้วตลอดทางเขาไม่ได้พูดอะไรเลย มีเพียงใบหน้าที่เคร่งขรึมและในตอนนี้การกระทำของเขาก็ไม่ได้มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่ซังหนี่ก็คาดเดาเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเธอเองก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน เพียงแค่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเป็นเพราะท่าทีตอบกลับที่เฉยเมยของเธอนั้นทำให้ฟู่เซียวหานไม่พอใจอย่างมาก เขาก้มหน้าลง แล้วกัดเข้าที่คอของเธอทันที!—— เขากัดจริงๆซังหนี่รู้สึกได้เลยว่าปลายฟันของเขาทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อของเธอ จนเลือดไหลซึมออกมา!ซังหนี่เผลอร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะยกมือขึ้น แล้วต
“ซัง......”ซังหนี่ไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงเดินไปตรงหน้าของฟู่เซียวหานแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”เสียงของเธอแหบพร่าฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ซังหนี่ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น จึงเอื้อมมือไปดึงเขาโดยตรงฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แต่ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินไป จู่ๆ จี้อวี้หยวนที่ดูเหมือนเพิ่งได้สติกลับมา ก็คว้ามืออีกข้างของซังหนี่เอาไว้!การกระทำนั้นทำให้สีหน้าของฟู่เซียวหานเคร่งขรึมทันที เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายหันไปมองจี้อวี้หยวนก่อน แล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”“เพราะ......ฉันก็ไม่ได้เลือกคุณเหมือนกัน” เธอพูดอีกว่า “ด้วยสถานการณ์ของซังอวี๋ในตอนนี้ ฉันต้องเลือกเส้นทางที่เป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด”“เดิมทีฉันยังคิดอยู่ว่าจะพูดกับคุณยังไงดี แต่ตอนนี้ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรา......คงไม่ต้องรู้สึกผิดต่อกัน งานแต่งงาน......ก็ยกเลิกไปเถอะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็สะบัดมือของจี้อวี้หยวนที่จับตัวเองออกจากนั้น เธอก็จับมือฟู่เซียวหานแล้วเดินจากไปคลับแห่งนี้บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักเสียงหัวเราะพูดคุยดังไม่หยุด หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มสุ
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่โยนซองเอกสารในมือไปให้จี้อวี้หยวนอีกฝ่ายก้มลงมองซองเอกสารนั้นครู่หนึ่ง ดวงตาเหมือนมีบางอย่างวูบผ่านไป แต่สุดท้ายก็ยื่นมือรับเอกสารมาแค่ดูเนื้อหาในสองสามหน้าแรก สีหน้าของจี้อวี้หยวนก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดลงทันที!มือที่ถือเอกสารนั้นก็กำแน่นขึ้นมาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงมองไปที่ฟู่เซียวหาน “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”ฟู่เซียวหานหัวเราะเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ?”“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหน?” จี้อวี้หยวนดึงสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วถามต่อ“นั่นไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องสนใจ”“แล้วยังไง? คุณต้องการอะไร?”ฟู่เซียวหานนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ เอื้อมมือมารินเหล้าให้ตัวเอง แล้วก้มลงจิบไปหนึ่งครั้งตลอดทั้งกระบวนการ เขายังคงรักษาความสง่าและความสูงส่งตามแบบฉบับของเขาแต่สีหน้าของจี้อวี้หยวนกลับยิ่งดูแย่ลงกว่าเดิมฟู่เซียวหานเอ่ยขึ้น “ผมต้องการอะไร……ผมคิดว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว”“ประธานฟู่ เราต่างก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน คุณใช้วิธีแบบนี้ ไม่คิดว่ามันขี้ขลาดไปหน่อยเหรอ?” จี้อวี้หยวนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “รวมถึงเรื่องของซังอวี๋ก็เช่นกัน คุณก็แค่พึ่งพาตำแหน่งสูงของคุณใน