“ประธานฟู่?”คนปลายสายยังรอคำตอบจากเขาอยู่ จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย“ผมเข้าใจแล้ว”เมื่อพูดจบ ฟู่เซียวหานก็วางสายทันที ก่อนหันมามองไปที่ซังหนี่แล้วถามว่า “คุณกำลังทำอะไร?”เสียงของเขาฟังดูนิ่ง ๆ แต่กลับแฝงความตึงเครียดเล็กน้อย“เก็บของกลับเมืองถง”ซังหนี่กลับดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร ตอบไปพร้อมกับก้มหน้าล็อกกระเป๋าเดินทางฟู่เซียวหานยังคงทำหน้าไร้อารมณ์ “หมายความว่ายังไง?”ซังหนี่จึงเงยหน้าขึ้นในที่สุด พร้อมส่งยิ้มให้เขา “ในเมื่อคุณถังมาแล้ว ถ้าฉันยังอยู่ต่อ...มันคงไม่เหมาะใช่ไหม?”คำพูดของเธอนี้ทำให้ฟู่เซียวหานหรี่ตาลงเล็กน้อย“เธอไม่ใช่คู่หมั้นของคุณเหรอ?” ซังหนี่ถามต่อหลังจากคำพูดเธอจบลง ฟู่เซียวหานจึงหัวเราะเบา ๆ “นี่คุณกำลังหึงอยู่เหรอ?”“เปล่า”ซังหนี่ก้มตาลง——เธอจะมีสิทธิ์อะไรแบบนั้นล่ะ?ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงโยนเสื้อคลุมที่ถอดออกทิ้งไว้ข้าง ๆ ก่อนก้มจุดบุหรี่ในมือควันบุหรี่ถูกพ่นออก ลอยขึ้นกลางอากาศอย่างช้า ๆ ก่อนค่อย ๆ จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่กลิ่นเย็นสดชื่นของมิ้นต์คละคลุ้งในอากาศซังหนี่เพียงยืนมองเขาอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ฟู่เซียวหา
“ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา...ต้องขอบคุณประธานฟู่สำหรับความช่วยเหลือ ฉันซาบซึ้งใจมาก แต่เพื่อไม่ให้คุณถังรับรู้และเข้าใจผิดในเรื่องนี้ พวกเรา...อย่าติดต่อกันอีกเลยดีกว่า”ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบอะไรทันที เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้น มองซังหนี่ด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์หลังจากเงียบไปพักใหญ่ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า "ซังหนี่ คุณอยากจะตัดขาดความสัมพันธ์กับผมใช่ไหม?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงเงียบแล้วลากกระเป๋าเดินทางขึ้นมา——ท่าทีนี้ ชัดเจนในตัวมันเองแล้วฟู่เซียวหานหัวเราะออกมา “ใช่ ที่คุณพูดเมื่อกี้มันถูกต้อง ถ้าผมต้องการ...ผมมีตัวเลือกอีกมากมาย ซังหนี่ อย่าคิดว่าคุณเป็นคนพิเศษอะไรนักเลย”“ฉันรู้ดีอยู่แล้ว” ซังหนี่ยิ้มตอบกลับ “ฉันก็รู้เหมือนกันว่า ในใจของคุณ...ฉันไม่เคยเป็นคนพิเศษคนนั้นเลย เพราะฉะนั้น เราอย่าเสียเวลากันอีกเลย”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรอีกซังหนี่ก็กล่าวลาตรง ๆ “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อน ขอให้คุณกับคุณถังโชคดีทุกอย่าง และขอให้คุณมีความสุขในชีวิตนะ”เมื่อพูดจบ ซังหนี่ก็ลากกระเป๋าเดินทางแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างเงียบ ๆฟู่เซียวหานไม่ได้ห้ามเธอไว้ เพียงนั่งสูบบุหรี่ต่อไปด้วยสีหน้
อีกสองเดือนต่อมาซังหนี่ได้พบกับฟู่เซียวหานอีกครั้งฉินเหยาพาเธอไปร่วมในงานประมูลแห่งหนึ่งด้วยตอนนั้น เธอกำลังอยู่ในสวนหลังบ้าน และคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือเย่จื่อหลาน ซึ่งไม่ได้พบกันมาหลายเดือนเช่นกันเมื่อเทียบกับครั้งก่อนที่พบกัน เย่จื่อหลานดูเหมือนจะซึมเศร้าลงไปมาก ใบหน้าก็ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับซังหนี่ เขายังคงพยายามยิ้มออกมาและพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”ในใจซังหนี่บ่นฉินเหยาหลายครั้งที่พาตัวเองมาที่นี่แต่ภายนอกยังคงรักษารอยยิ้มไว้ “ใช่ค่ะ ไม่เจอกันนานเลย”“ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ?” เย่จื่อหลานถามต่อ“ก็ดีค่ะ”“คุณกับประธานฟู่...ไม่ได้กลับมาคืนดีกันเหรอครับ?”ทันทีที่เย่จื่อหลานพูดจบ ความทรงจำอันเลวร้ายในรถคืนนั้นก็พุ่งเข้ามาในหัวของซังหนี่ทันทีมือที่ห้อยอยู่ข้างตัวของเธอเผลอกำแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ไม่ได้คืนดีค่ะ”เย่จื่อหลานไม่พูดอะไรอีกซังหนี่ทนไม่ได้กับบรรยากาศเงียบงันแบบนี้ จึงพูดออกมาตรง ๆ ว่า “ฉันกลับก่อนนะคะ”หลังจากพูดจบเธอกำลังจะเดินไปข้างหน้า แต่เย่จื่อหลานกลับยื่นมือมาจับข้อมือของเธอไว้“ถ้าอย่างนั้นคุณมาคบกับผมไหมค
เย่จื่อหลานชะงักนิ่งอยู่กับที่อยู่ตรงนั้นขณะที่มือของหญิงสาวก็ชี้ไปที่ซังหนี่ทันที“เพราะนังผู้หญิงไร้ค่าคนนี้ใช่ไหม? รู้ไหมว่าทำไมฟู่เซียวหานถึงหย่ากับมัน? ก็เพราะมันถูกผู้ชายทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี! ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบก็ไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับพ่อเลี้ยงของมัน นายไม่กลัวติดโรคจากมันบ้างหรือยังไง!?"เสียงของหญิงสาวดังก้องไปทั่ว ทุกคนในห้องโถงด้านหน้าต่างพากันมารวมตัวที่นี่คำพูดที่รวดเร็วและหนักแน่นของเธอดังเข้าหูของทุกคนอย่างชัดเจนซังหนี่ชะงักค้างอยู่กับที่ ราวกับถูกแช่แข็งไว้ในทันทีรวมทั้งคำพูดที่เธอตั้งใจจะพูด ก็พลันหายวับไปในพริบตาสีหน้าของเย่จื่อหลานเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หันมามองซังหนี่แววตาอันเต็มไปด้วยความตกตะลึง และเสียงซุบซิบที่ดังระเบิดขึ้นรอบตัว ราวกับคลื่นยักษ์ที่โหมกระหน่ำโดยไม่ทันตั้งตัว กลืนกินซังหนี่จนจมดิ่งทั้งร่างซังหนี่เคยคิดว่าตัวเองจะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วเพราะเมื่อหลายเดือนก่อน เธอได้เปิดเผยเรื่องราวในอดีตนี้ด้วยตัวเองต่อหน้าผู้คนมากมายในร้านอาหารแห่งนั้นแล้วตอนนั้นเธอก็พอจะคาดเดาได้ว่า เรื่องราวเหล่านี้เมื่อถูกเล่าต่อจากปากคนอื่น ย่อมถ
“ฉิงฉิง! นี่เธอ...”เมื่อรถกำลังจะออกตัว ก็มีใครบางคนรีบวิ่งเข้ามา ราวกับต้องการเตือนอะไรบางอย่างกับซังฉิงแต่ซังฉิงกลับส่ายหัวเบา ๆ พร้อมตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “นี่คือพี่สาวของฉัน ฉันปล่อยเธอไว้แบบนั้นไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่เป็นไร”ในตอนนั้น ท่าทางอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความห่วงใยของเธอ ในสายตาคนภายนอกดูราวกับเธอเป็นนางฟ้าหลังจากพูดจบ ซังฉิงก็ปิดกระจกรถทันทีในเวลาไม่นาน ภายในรถก็เหลือเพียงเธอ ซังหนี่ และคนขับรถเดิมทีซังฉิงตั้งใจจะเล่นบทบาทนี้ต่อไปอีกสักพัก แต่ในวินาทีถัดมา ซังหนี่กลับพูดขึ้นตรง ๆ ว่า“เธอเป็นคนบอกเรื่องนี้กับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม?”ในตอนนี้ สติของซังหนี่ค่อย ๆ กลับคืนมาอีกครั้ง เธอยังคงก้มหน้าอยู่ แม้จะพยายามควบคุมน้ำเสียงให้สงบนิ่งมากที่สุด แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความสั่นไหวเล็กน้อยซังฉิงมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม “ใช่แล้ว”ซังหนี่เงยหน้าขึ้นสบตาเธอ“เพื่อฉากนี้ในวันนี้ ฉันลงทุนลงแรงไม่น้อยเลยนะ” ซังฉิงกระพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนพูดต่อว่า “แต่พี่คะ ก็ต้องโทษพี่เองที่ซื่อเกินไป ผู้ชายอย่างเย่จื่อหลานน่ะ พี่คิดว่าไว้ใจได้งั้นเหรอ?”“หรือบางที พี่อา
“เธอพูดเหลวไหล!”ซังฉิงพูดออกมาโดยไม่คิด ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย “ซังหนี่ เธออย่าพยายามสร้างความขัดแย้งที่นี่เลย ฉันรู้ว่าเธอก็แค่อิจฉา...”“จริงอยู่ ตอนนั้นแม่ของเขาขอให้เขาแต่งงานกับฉัน แต่ปัญหาคือฟู่เซียวหานเองก็ไม่ได้โต้แย้ง อาจเพราะว่าสำหรับเขาแล้ว...จะแต่งงานกับใครก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ”“เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ถ้าเขาชอบเธอจริงๆ เขาจะยอมให้เธอหมั้นกับฉินม่อได้ยังไง ซังฉิง เธออย่าประมาทความเสน่หาของผู้ชายเกินไป” “ดังนั้นทั้งหมดนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่า...เขาไม่ได้ชอบเธออย่างที่เธอคิด” “ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ฉันกับเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่เธอทำอยู่ตอนนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย” ซังหนี่พูดทุกอย่างออกมาจนจบสีหน้าของซังฉิงกลับดูแย่มาก!เธอนั่งจ้องมองซังหนี่อยู่อย่างนั้น ด้วยความรู้สึกเหมือนอกแทบจะระเบิดออกมาซังหนี่ไม่พูดอะไรกับเธออีก เพียงแค่พูดกับคนขับรถด้านหน้าว่า “จอดรถค่ะ” คนขับรถไม่ได้ตอบกลับ แต่ก็ค่อยๆ หยุดรถลงอย่างช้าๆขณะที่ซังหนี่กำลังเตรียมจะลงจากรถ เสียงของซังฉิงก็ดังขึ้น “แม้ว่าสิ่งที่เธอพูดจะเป็นความจริง แล้วยังไง ซังหนี่ ต
“ผมเป็นคนจัดการให้คุณไปพบกับเย่จื่อหลานเอง” ฉินเหยากล่าว “แต่ผมไม่รู้ว่าจู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นจะโผล่มา และก็ไม่รู้ว่า...เธอจะพูดอย่างนั้น” “ซังหนี่ ไม่ว่ายังไง เราก็เป็นเพื่อนกัน ผม...ยังไม่ถึงขั้นต้องวางแผนร้ายกับคุณขนาดนั้น” ซังหนี่ไม่พูดอะไรแต่สายตาของเธอกลับค่อยๆ ก้มมองลงไปอย่างช้า ราวกับกำลังพิจารณาคำพูดของเขาว่าจริงหรือเท็จฉินเหยาพูดต่ออีกว่า “แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นความประมาทของผมเอง ผมต้องขอโทษคุณด้วย ต่อไป...” “ไม่ต้องหรอกค่ะ” ซังหนี่พูดแทรกคำพูดของเขา “ฉันคิดว่าต่อไปพวกเรา ไม่จำเป็นต้องพบกันอีกแล้ว” “หมายความว่ายังไง?” น้ำเสียงของฉินเหยาตึงเครียดขึ้นมา “คุณยังไม่เชื่อผมอีกเหรอ?”ซังหนี่ยิ้มอ่อน “ฉันต้องขอตัวก่อนค่ะ ลาก่อน” พูดจบ เธอก็ก้าวเท้าเดินจากไปแต่เมื่อเธอเดินผ่านฉินเหยา จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้“พวกเราแต่งงานกันเถอะ” เขากล่าวจู่ๆ ประโยคนั้นก็ทำให้ซังหนี่ตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ค่อยๆ หันไปมองเขาแววตานั้น ราวกับว่ากำลังมองคนบ้ายังไงยังงั้นแต่ฉินเหยากลับไม่สนใจเลยสักนิด พร้อมกับพูดต่อว่า “คำพูดข
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเหยามาบ้านตระกูลฟู่เธอเตรียมของขวัญให้คุณนายใหญ่กับแม่ของเขาอย่างใส่ใจจะเห็นได้ว่า พวกเขายินดีต้อนรับการมาเยือนของถังเหยาเป็นอย่างมาก ในวันนี้บ้านหลังนี้ที่เงียบเหงามานานหลายเดือน ในที่สุดก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งฟู่เซียวหานค่อนข้างประหลาดใจกับปฏิกิริยาของแม่ของเขาเพราะก่อนหน้านี้เขาเข้าใจมาตลอดว่า เธอชอบซังหนี่มาก และให้เกียรติความปรารถนาสุดท้ายของพ่อของเขามากแต่วันนี้เขาเพิ่งรู้ว่า...มันไม่ใช่เลยดูเหมือนว่าเธอเพียงแค่ไม่ชอบซังฉิงก็เท่านั้น ดังนั้นก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เธอเคยพูดกับฟู่เซียวหาน นอกจากซังฉิงแล้ว จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นดังนั้นรอยยิ้มที่เธอมีให้กับซังหนี่ในตอนนั้น วันนี้เปลี่ยนมาเป็นถังเหยาแทนขณะที่กำลังทานข้าวอยู่นั้น จู่ๆ คุณนายใหญ่ก็พูดถึงเรื่องงานประมูลเมื่อคืนขึ้นมา“ได้ยินว่ามีคนเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย?” การเคลื่อนไหวของฟู่เซียวหานหยุดนิ่งไปอย่างช้าๆถังเหยาเหลือบมองไปที่เขาก่อน แล้วค่อยยิ้มตอบ “คุณย่า รู้ได้ยังไงคะ?” “วันนี้ข่าวกระจายไปทั่วในแวดวงแล้ว ย่าจะไม่รู้ได้ยังไง?” คุณนายใหญ่ขมวดคิ้ว “ซังหนี่คนนี้ เดิมทีย่าย
แน่นอนว่าฟู่เซียวหานรู้ดีว่านางแพศยาที่พวกเขาเอ่ยถึงคือใครนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลขับไล่พวกเขาออกไปโดยตรงผู้เฒ่าทั้งสองคนที่มองดูแล้วอ่อนแรงไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อพวกเขาโดนลากออกไปกลับพ่นถ้อยคำด่าทอที่แสนก้าวร้าวออกมาเสียงดังสนั่น และยังกล่าวอีกว่าพวกเขาจะไปหานักข่าว จะให้ทุกคนรับรู้ว่าลูกชายของพวกเขานั้นเสียชีวิตลงเพราะตระกูลฟู่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานเพียงตอบรับด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ไปหาสิ”ท่าทางที่ไม่มีแม้แต่จะหวั่นเกรงนั้นพวกเขารู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาในใจ!ทว่าฟู่เซียวหานไม่ได้เหลือบมองมายังพวกเขาอีกหลังจากนั้นไม่นาน สวีเหยียนก็รีบเร่งมาที่นี่ พร้อมบอกกับเขาว่าข้าวของจากถนนหมินเหอไปถูกส่งกลับไปที่บ้านพักป๋อซีหยวนเรียบร้อยแล้วฟู่เซียวหานเพียงตอบรับในลำคอ เป็นเชิงว่ารับรู้สวีเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “วันนี้ผมเห็นสีหน้าของคุณนาย…คุณหนูซังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูเหมือนจะป่วยเอาเสียแล้วล่ะครับ”ฟู่เซียวหานไม่ปริปากกล่าวอะไรออกมา“ประธานฟู่ครับ ที่จริงแล้วเรื่องนี้คุณหนูซังเองก็ไม่ได้ผิด คุณไประบายอารมณ์โกรธใส่เ
มันย่ำแย่ยิ่งกว่าจิบแรกเมื่อกี้นี้เสียอีกเรียวคิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้จากนั้น เขาก็มองเห็นเงาร่างสีขาวร่างนั้นเพราะยืนอยู่บนตึกชั้นสูง ดังนั้นแท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างด้านล่างจึงล้วนหลงเหลือเพียงจุดที่แสนเลือนรางแต่ในเวลานี้ ฟู่เซียวหานยังคงจำเธอได้ในทันทีเขายังเห็นแม้กระทั่งว่าเธอยืนอยู่ข้างถังขยะ และนำอะไรบางอย่างทิ้งขว้างลงไปมือของฟู่เซียวหานจับแก้วเหล้าในมือแน่นขึ้นโดยพลันผ่านไปสักพัก เขาถึงจะค่อย ๆ ผ่อนแรงมือลงฟู่เซียวหานรู้ดีว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ลึกล้ำในห้วงอารมณ์มากนักส่วนนี้เป็นเพราะการสอนที่คุณแม่สอนเขามาตั้งแต่เด็กในเวลานี้เมื่อคิดถึงเธอ สิ่งแรกที่ฟู่เซียวหานนึกถึงคือน้ำเสียงราบเรียบและรอยยิ้มที่ผิวเผินแต่ไปไม่ถึงดวงตาของเธอฟู่เซียวหานเคยคิดว่า เขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลยสักนิดจนกระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอฟู่เซียวตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งทันที ——เธอคือคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับเขามากที่สุดในโลกใบนี้แล้วเขาเคยอยู่ในกายของเธอด้วยซ้ำสายสะดือเส้นน้อย ที่คอยเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ด้วยกันและความรู้สึกนี้ ก็พลันพุ่ง
หลังจากฟู่เซียวหานพูดจบ ซังหนี่ก็นิ่งเงียบอยู่นานประตูด้านหลังยังไม่ได้ปิดสนิท ลมหนาวที่พัดเข้ามากับความอบอุ่นภายในห้องช่างแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนซังหนี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตกลงตอนนี้ร่างกายของเธอเย็น หรือว่าร้อนเธอรู้สึกเพียงว่าในสมองมันว่างเปล่าหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “แสดงว่า คุณไม่อยากฟังคำอธิบายจากฉันใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานมองเธอและพูดว่า “ซังหนี่ หลายๆ เรื่องบนโลกนี้ มันดูแค่ผลลัพธ์เท่านั้น”หลังจากพูดจบ ซังหนี่ก็ก้มหัวลงแล้วหัวเราะออกมาผลลัพธ์?อะไรคือผลลัพธ์?ผลลัพธ์คือตอนนี้แม่ของเขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล ผลลัพธ์จดหมายลาตายฉบับนั้น ถูกส่งจากมือของเธอ ให้กับมือของเขาผลลัพธ์ก็คือ เขาบอกว่าพวกเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีกแล้วแม้กระทั่งคำบอกเลิก ก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอซังหนี่มองดูคนตรงหน้า จู่ๆ ก็นึกถึงช่วงเวลาที่อบอุ่นที่พวกเขาเคยใช้เวลาร่วมกันมาคำพูดที่เขาเคยพูดกับเธอ สายตาที่เขามองเธอ รวมถึงภาพที่พวกเขาคลอเคลียอยู่บนเตียงด้วยกันภาพของฟู่เซียวหานในตอนนั้น ค่อยๆ ซ้อนทับกับภาพของเขาที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้แต่ในตอนนี้ สายตาของเ
ซังหนี่โทรศัพท์หาฟู่เซียวหาน แต่เขา ติดสายอยู่ตลอดไม่มีทางเลือก เธอจึงทำได้เพียงติดต่อทางสวีเหยียนเท่านั้น“ประธานฟู่ยังประชุมอยู่ครับ แต่วันนี้เขาคงไม่มีเวลาพบคุณ เอายังงี้...”น้ำเสียงของสวีเหยียนพูดอย่างอ้อมค้อม แต่ซังหนี่กลับเข้าใจได้ทันทีถึงความหมายของเขาจะไม่มีเวลาพบ...ได้ยังไง?ซังหนี่จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาก็ยุ่งมากแต่ตอนนั้นไม่ว่าฟู่เซียวหานจะยุ่งมากแค่ไหน เขาก็หาเวลามาพบเธอได้เสมอ บางครั้งเดินทางไปต่างเมือง เขานั่งเครื่องบินกลับมาช่วงกลางดึกก็ตรงไปหาเธอทันทีแต่ตอนนี้ แม้แต่โทรศัพท์ของเธอก็ไม่มีเวลารับสายความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของเธอ แต่สุดท้ายซังหนี่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงตอบไปว่า “ฉันรู้แล้วค่ะ”พูดจบ เธอก็หันกลับไปแต่เมื่อคนขับแท็กซี่ถามสถานที่กับเธอ เธอกลับเปลี่ยนเป็นตอบว่า “ไปที่บ้านพักป๋อซีหยวน”เธอไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วเมื่อก่อนตอนที่ฟู่เซียวหานไม่ชอบที่พักของเธอ เขาก็มักจะพูดคำหนึ่งคือ ขอให้เธอกลับมาอยู่ที่นี่กับเขาซังหนี่ไม่เคยเห็นด้วยเลยเวลานี้เธอก็ไม่ได้เข้าไป แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตู และส่งข้อความถึงฟู่เซียวหาน“ฉันจะรอคุณอยู่ที่บ้านพักป
ตอนที่ซังฉิงพบเธอ ซังหนี่เพิ่งกลับออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในมือของเธอถือถุงอยู่ และทันทีที่เธอเห็นซังฉิง มือของเธอก็กำแน่นขึ้นมาทันทีซังฉิงยืนอยู่บนบันได และยิ้มเยาะมองเธอ "เธอกลับมาแล้วเหรอ?"ซังหนี่ไม่ตอบอะไร เพียงสบตาเธออย่างนิ่งเฉยเท่านั้นซังฉิงยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง "เห็นฉัน คงแปลกใจมากใช่ไหม?"“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าตอนนี้เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ซังฉิงกระพริบตา แล้วพูดว่า “ช่วงนี้พี่เซียวหานยุ่งมาก คงไม่มีเวลาดูแลเธอ ฉันในฐานะน้องสาว ตอนนี้เธอไม่มีใคร ฉันเป็นห่วงเธอเลยต้องมาดูสักหน่อย”“งั้นเธอก็ไปได้แล้ว”ซังหนี่ตอบ พร้อมกับเดินอ้อมเธอไปถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ ซังฉิงเป็นปฏิกิริยาของเธอแบบนี้ต้องโกรธมากแน่ๆแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย ตรงกันข้าม เวลานี้ที่เธอมองซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ซังหนี่ เธอคิดว่าตอนนี้ยังมีฟู่เซียวหานคอยให้ท้ายเธออยู่งั้นเหรอ?”“เธอไม่รู้สึกเหรอว่า? เธอกับพี่เซียวหาน...มันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”เธอพูดจบ ซังหนี่ก็หยุดนิ่งไปจากนั้น เธอก็หันกลับไปมองซังฉิงอีกฝ่ายยิ้มเยาะมองดูเธอ “เกิดเรื่องใหญ่กับแม่ของเขาขนาดนนั้น เธอคิดว่าเขาจะไม่โ
จากนั้น ผู้ช่วยของฟู่เซียวหานก็เดินเข้าไป และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยสีหน้าจริงจังใบหน้าของฟู่เซียวหานไม่แสดงอาการใดๆ และก็ไม่ได้ตอบสนอง“ประธานฟู่ หากเรื่องพวกนี้พรุ่งนี้เป็นกระแสขึ้นมา...”“ติดต่อคนให้ปิดข่าว แล้วก็ ติดต่อครอบครัวของเฉินเฟิงด้วย” น้ำเสียงของฟู่เซียวหานนิ่งมาก ราวกับว่าเขากำลังจัดการทำธุระในเรื่องที่ง่ายดายมาก“ส่วนทางบ้านตระกูลฟู่ ฉันจะไปคุยด้วยตัวเอง”ขณะที่พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินออกไปแต่เมื่อเขาเดินผ่านซังหนี่ ดูเหมือนว่าจู่ๆ เขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมจะพาคุณไปส่งก่อน”“ฉัน…คืนนี้จะเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล?”แม้ว่าซังหนี่จะรู้ว่า คุณนายฟู่อยู่ในห้องICUตัวเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ตอนนี้...เธอกลับรู้สึกกลัวการที่ต้องอยู่กับฟู่เซียวหาน เพราะจากสิ่งที่ซังฉิงเพิ่งพูดไป เธอไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เลยแต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่า...คุณนายฟู่จะตัดสินใจแบบนี้เธอคิดว่า คุณนายฟู่แค่ต้องการตามหาความสุขของตัวเองเท่านั้นแต่ตอนนี้...“ไปกับผม”ฟู่เซียวหานไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก หลังจากพูดประโยคนั้นจบ เขาก็เดินไปเลยหลังจากซังหนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็
โรงพยาบาลในช่วงกลางดึกมักจะให้ความรู้สึกประหลาดไฟฉุกเฉินที่สว่างไสวตรงปลายทางเดินนั้นราวกับเลือดแดงสด ทำให้คนเกิดความประหม่า!และสิ่งที่ทำให้ซังหนี่ประหลาดใจก็คือ เวลานี้คนที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉินนอกจากผู้ช่วยของฟู่เซียวหานแล้ว ก็ยังเป็นซังฉิงอีกด้วยบนร่างกายของเธอดูเหมือนว่าจะเปื้อนเลือด สีหน้าซีดเซียวเมื่อเห็นฟู่เซียวหาน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปทันที “พี่เซียวหาน!”ราวกับว่าอารมณ์ที่ตึงเครียดนั้นได้รับการผ่อนคลาย ทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา “ฉัน...ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ทำยังไงดีคะ? คุณป้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พี่ว่าคุณป้าจะ...”ฟู่เซียวหานเหลือบมองเธอ แล้วหันไปมองผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ เขา“ตอนนี้เรื่องอุบัติเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์...บอกว่าตอนนั้นบนถนนไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย และจู่ๆ รถของคุณนายก็เสียหลักพุ่งชนอย่างกะทันหัน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดูลังเล “บนรถยังมี...คุณเฉิน เมื่อครู่คุณหมอเพิ่งแจ้งว่า ได้พยายามช่วยคุณเฉินอย่างสุดความสามารถแล้วแต่เป็นผล คุณเฉินเสียชีวิตแล้ว”คำพูดของผู้ช่วยพูดได้อย่างละเอียดอ่อนมากสีหน้าของฟู่เซียวหานกลับดูแย่มาก
แต่เวลานี้ซังหนี่กลับรู้สึกว่าสิ่งนั้นร้อนมาก ราวกับว่าวางไว้ตรงไหน...ก็ไม่ปลอดภัยสุดท้าย เธอก็หยิบซองจดหมายนั้นออกมา แล้ววางรวมกับกองหนังสือบนโต๊ะของเธอดูแล้ว...มันก็เด่นชัดมากแต่เมื่อฟู่เซียวหานกลับมาในตอนเย็น เขากลับไม่พบอะไรดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ดี หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาช่วยซังหนี่ปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาเนื่องจากซังหนี่ไม่ยอมย้ายออกไปจากที่นี่ และฟู่เซียวหานก็ไม่สามารถบังคับได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเช่าห้องข้างๆ แทนตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่มีใครมารบกวนพวกเขาแล้วคืนนี้ เมืองถงมีหิมะแรกของฤดูหนาวในปีนี้ซังหนี่ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับหิมะ แต่ฟู่เซียวหานกลับดูเหมือนจะชอบมากไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กอดเธอไว้ที่หน้าต่างและชื่นชมอยู่ครึ่งค่อนคืน?จนสุดท้าย ขาทั้งสองข้างของซังหนี่เริ่มอ่อนแรงลง จึงอ้อนวอนเขาอยู่นานด้วยดวงตาสีแดง จนกระทั่งฟู่เซียวหานได้ยินคำว่าสามีจากเธออยู่หลายครั้งจนพอใจ เขาถึงได้อุ้มเธอกลับไปรอหลังจากเขาเสร็จภารกิจ ซังหนี่ก็เกือบจะหลับไปแล้วฟู่เซียวหานเห็นเธออ่อนล้าจนไม่อยากขยับตัว เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ“อีกสองวันเราไ
สองวันต่อมาซังหนี่ได้พบกับคุณนายฟู่อีกครั้งเธอเป็นคนโทรศัพท์หาซังหนี่ก่อน และขอนัดพบเธอที่ร้านกาแฟซังหนี่ไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ฉันตัดสินใจจะไปจากเมืองถง”เมื่อมาถึงร้านกาแฟ คุณนายฟู่ก็พูดกับซางหนี่ตรงๆเธอพูดออกมาอย่างนั้น ทำให้ซังหนี่ถลึงตาโตชั่วขณะ “หมายความว่า...อะไรคะ?”“ก็หมายความอย่างที่พูด”“เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วนั้นเหรอคะ? คุณโกรธฟู่เซียวหาน...”“ไม่ใช่” คุณนายฟู่รีบพูดขึ้นมาทันที “และฉันบอกเธอก็ได้ว่า ฉันอยากไปเพราะ...เขาทนกับการทดสอบที่เซียวหานมอบให้เขาไม่ไหวแล้ว”หลังจากที่คุณนายฟู่พูดจบ รูม่านตาของซังหนี่ก็หดตัวลงเล็กน้อย“ดังนั้นคุณก็เลยอยาก...”ในเมืองถงมีคนรู้จักพวกเรามากเกินไป และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันรู้สึกอึดอัดกับตำแหน่งคุณนายฟู่จนแทบจะหายใจไม่ออก และฉันก็ไม่ต้องการที่จะ...เป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว”“ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจดีแล้วว่า พวกเราจะไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”“หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราตัดสินใจที่จะหนีตามกันไป”ขณะที่คุณนายฟู่พูด บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มซังหนี่รู้มาตล