มิรินเดินตามร่างของมะเฟืองและลุงน้อยมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขกที่เปิดกว้างเอาไว้ ความประหม่ากำลังกัดกินไปทั่วทั้งหัวใจและความรู้สึกอย่างอำมหิต สองมือเล็กที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ ความจริงหล่อนไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้เลย เพราะผู้ชายที่อยู่ในห้องเบื้องหน้าก็คงจะเป็นแค่ลุงหรือไม่ก็คุณตาแก่ๆ วัยใกล้เคียงกับคุณย่าผู้ล่วงลับของตัวเอง และที่หล่อนเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อนำจดหมายมาให้เท่านั้น
แล้วทำไม? ทำไมจะต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากหน้าอก
หล่อนกำลังเป็นอะไรไปนะ?
ร้องถามตัวเองซ้ำอยู่หลายครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่มีคำตอบใดเกิดขึ้นภายในสมองเลย
“เชิญค่ะคุณมิริน”
มะเฟืองรีบหันมาหา หลังจากที่เดินเข้าไปรายงานเจ้าของไร่ชาอีเมอร์สันเรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจจ้ะมะเฟือง ขอบคุณคุณลุงน้อยด้วยค่ะ”
มิรินหันไปยกมือไหว้ลุงน้อยอีกครั้ง ซึ่งชายวัยกลางคนก็ยกมือขึ้นรับไหว้ในทันที
“ผมทำตามหน้าที่เท่านั้นครับ ขอตัวครับ ไปนังมะเฟือง คุณฟิกซ์เรียกค่อยกลับมา”
“แต่ว่า...” มะเฟืองทำท่าจะอยู่ยาว แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของลุงน้อยก็จำต้องพยักหน้า และเดินตามออกไป
ในที่สุดก็เหลือมิรินคนเดียวที่หน้าห้องรับแขก หญิงสาวก้มหน้าลงมองเนื้อตัวของตัวเอง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจให้ฮึกเหิมขึ้น
“เอาน่า เขาจะต้องใจดีแน่ๆ”
บอกตัวเองอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะตัดสินใจก้าวผ่าวเข้าไปภายในห้องรับแขกกว้าง ความหรูหราที่ถูกตกแต่งด้วยงานไม้เสียส่วนใหญ่ ทำให้อดมองอย่างชื่นชมไม่ได้ รอยยิ้มจึงเกลื่อนใบหน้า จนไม่ทันได้เห็นสายตาเย็นชาจากผู้ชายที่นั่งตัวตรงรออยู่ที่โซฟาด้านริมของห้อง
“คุณมาพบผม หรือว่าเข้ามาเพื่อดูความโอ่อ่าของรับแขกของผมกันแน่ครับคุณผู้หญิง”
ความตื่นตาตื่นใจของมิรินจางหายไปในทันที หล่อนยืนนิ่งตั้งสติ ก่อนจะค่อยๆ หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงห้าวไม่เป็นมิตร เสียงที่บอกให้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนอายุเกินห้าสิบปีอย่างที่หล่อนพยายามเข้าใจมาตลอด
แต่นั่นก็ยังไม่ตลกเท่ากับว่าผู้ชายที่หล่อนสู้อุตส่าห์เดินทางมาหานับพันกิโลเมตรจะเป็นเขา ไอ้ผู้ชายไร้มารยาทที่ขับรถเฉี่ยวหล่อนจนหัวเข่ายังไม่คลายระบมเมื่อตอนเย็นของวันนี้
“นี่คุณ...”
ฟีนิกซ์ก็คาดไม่ถึงว่ายายผู้หญิงปากร้ายที่เดินทะเล่อทะล่ามาขวางทางรถวิ่งภายในอาณาจักรของตัวเองจะเป็นคนที่มาขอพบ
“นี่เธอ...”
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสะอาดผุดลุกขึ้นยืนตะหง่าน จ้องมองดวงหน้าซีดสลับแดงของมิรินอย่างแปลกใจ
“เธอคือคนที่มาขอพบฉันหรือ”
“แล้ว... แล้วคุณคือ...”
หญิงสาวอึกอัก อึดอัด และไม่อยากคิดว่ามันจะเป็นความจริง
“คุณคงไม่ใช่... เจ้าของไร่ชาอีเมอร์สันใช่ไหมคะ”
มิรินภาวนาอย่างหนักหน่วงภายในใจ ให้สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้าเป็นแค่ความเข้าใจผิด แต่ว่า...
“ฉันคือเจ้าของไร่ชาอีเมอร์สัน”
ต่อให้ล้มลงแล้วหัวฟาดลงไปบนพื้นยังไม่รู้สึกมึนงงเท่ากับสิ่งที่ได้ยินในตอนนี้เลย มิรินอ้าปากพะงาบตกใจ
“คุณคือ...”
“ฟีนิกซ์ อีเมอร์สัน”
เขาประกาศชื่อเสียงกึกก้องดังใส่หน้าของหล่อน
“ฟีนิกซ์ อีเมอร์สัน...”
มิรินทวนชื่อของพ่อรูปหล่อตรงหน้าซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนไร้สติ ฟีนิกซ์เห็นแล้วก็แค่นยิ้มหยัน
“และก็เป็นเจ้าของรถคันที่เธอเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาขวางทางด้วย”
พอถูกเขาหยิบยกประเด็นร้อนขึ้นมา หล่อนก็ได้สติและอารมณ์ก็เริ่มเดือดปุดๆ อย่างไม่อาจจะห้ามได้
“ฉันเนี่ยนะเดินทะเล่อทะล่า คุณต่างหากที่ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ ในเขตชุมชนแบบนี้ขับเร็วได้ยังไงกัน มันผิดกฎหมายนะคะ”
มิรินโต้แย้งอย่างไม่ยอมแพ้
ฟีนิกซ์แค่นยิ้มหยันอีกครั้ง พลางยกมือขึ้นกอดอก ท่าทางเย่อหยิ่งถือเนื้อถือตัวพุ่งเข้าใส่คู่สนทนาสาวจนเจ้าหล่อนแสบตา
“ต่อให้ผมเหยียบเป็นร้อยในอาณาจักรของตัวเอง ก็คงไม่ผิดกฎหมายหรอกมั้ง คุณต่างหากที่บุกรุกเข้ามา”
“ฉันไม่ได้บุกรุก บอกแล้วไงล่ะว่าฉันมาขอพบเจ้าของไร่ชาอีเมอร์สันนะ”
“ก็ผมไง เจ้าของไร่ชาอีเมอร์สัน”
จะโต้แย้งออกไปอีกก็ต้องรีบหุบปากลงในทันที เพราะตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ฉันก็ไม่อยากจะเข้ามาที่นี่นักหรอก ถ้าไม่มีธุระน่ะ”
ฟีนิกซ์ระบายยิ้ม พลางกวาดสายตามองร่างอรชรมอมแมมตรงหน้าด้วยสายตาประเมินราคา
“ปกติผู้หญิงที่เดินทางเข้ามาหาผมที่ก็คงมีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ”
คนถูกมองหน้าแดงก่ำ ด้วยความอับอาย และแน่นอนว่าเข้าใจความหมายของพ่อเจ้าประคุณดี
ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะหลงตัวเองแบบนี้ ในเมื่อพ่อคุ๊ณพ่อทูนหัวหล่อลากไส้ลากตับเหลือเกิน เทพบุตรยังหล่อน้อยกว่านี้เลย โอ้ พระเจ้านี่หล่อนกำลังตกหลุมเสน่ห์หมอนี่อย่างนั้นหรือ
ไม่ ไม่ ไม่... หล่อนก็แค่มา... มาส่งจดหมายของคุณย่าให้กับเขาเท่านั้น และก็จะจากไป
มิรินปฏิเสธลั่นอก แต่กระนั้นก็รู้ดีว่าหัวใจของตัวเองเริ่มจะไม่เหมือนเดิมอีกแต่ไปแล้ว
“ฉันรู้นะว่าคุณกำลังหมายถึงอะไร แต่ฉันไม่ใช่แบบนั้น”
“คุณจะบอกผมว่า คุณไม่ได้มาที่นี่เพราะต้องการให้ผมลากขึ้นเตียงอย่างนั้นน่ะหรือ”
บทที่ 1 ที่นี่คือจังหวัดเชียงราย... เป็นหนึ่งในหลายสิบจังหวัดที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นหล่อนไม่เคยเยือนมาก่อน และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เหยียบลงบนพื้นดินของจังหวัดที่อยู่เหนือสุดแห่งสยามแห่งนี้ ‘ดินแดนแห่งขุนเขา’ กำลังต้อนรับการมาเยือนของสาวน้อยแห่งเหมือนกรุงเช่นหล่อน มิริน อนันตกาล หรือน้องหนู สาวสวยใบหน้าหวานปานน้ำผึ้ง หญิงสาวได้รับคำสั่งเสียสุดท้ายจากคุณย่าเพ็ญศรี อนันตกาลคุณย่าแท้ๆ ที่พึ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนให้เดินทางมาที่นี่...ไร่ชาอีเมอร์สัน ลมหายใจอ่อนล้าถูกผ่อนออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีแดงธรรมชาติแผ่วเบา ดวงตากลมโตที่หวานไม่แพ้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง คุณย่าเพ็ญศรีคือคนที่มีพระคุณอุปการะเลี้ยงดูหล่อนมาตั้งแต่แบเบาะ หลังจากที่พ่อแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางน้ำตั้งแต่หล่อนเกิดได้เพียงห้าเดือน ดังนั้นความต้องการสุดท้ายของท่าน หล่อนจะต้องทำให้สำเร็จ ท่านจะได้ไปสู่สุคติ จะได้ไม่ต้องมีห่วงเพราะหล่อนอีกแต่ถึงแม้จะพยายามเข้มแข็ง กระนั้นหยาดน้ำตาก็อดที่จะเอ่อซึมออกมาไม่ได้ ความสูญเสียทำให้หล่อนต้องพลัดพรากจา
บทที่ 2 ใบหน้าของผู้ชายคนนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ช่วงกรามที่มีไรหนวดขึ้นเล็กน้อยนั้นดูแข็งแกร่งเกินไปจนกระด้างเลยทีเดียว แถมตรงคางก็ยังมีรอยบุ๋มเล็กๆ อีกต่างหาก ดูแล้วไม่น่ามองเอาเสียเลย แต่ให้ตายเถอะ เวลามันมาอยู่รวมกันบนใบหน้าของเขา ทำไมมันถึงได้น่ามองแบบนี้หล่อราวกับไม่ใช่มนุษย์ หล่อเหลาราวกับเป็นเทพบุตรลงมาจุติ จมูกก็แสนจะโด่ง ดวงตาสีฟ้าอมเทาก็แสนจะคมกริบ หัวใจสาวอ่อนระทวยราวกับเป็นเทียนไขที่กำลังถูกไฟร้อนๆ แผดเผา ใช่... หล่อนคือเทียนไข ส่วนผู้ชายที่ยืนหน้าตาบูดบึ้งตรงหน้าคือไฟ... ไฟบรรลัยกัลป์เลยทีเดียว เพราะไม่เคยมีคนรักมาก่อนในชีวิต ทำให้มิรินรู้สึกรุนแรงกับผู้ชายตรงหน้าเหลือเกิน รู้สึกอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของ แต่กระนั้นก็รู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้มันไม่เอื้ออำนวย ศีรษะทุยสวยที่ตอนนี้เส้นผมสีดำขลับที่รวบตึงเอาไว้กลางกระหม่อมหลุดร่วงลงมาจนรกรุงสะบัดไปมา เพื่อเรียกสติให้กับตัวเอง และถึงมันจะเรียกยากเรียกเย็นแค่ไหน แต่หล่อนก็ทำสำเร็จ “นี่... คุณจะไม่ขอโทษฉันสักคำเลยเหรอคะ” “ผมไม่จำเป็นต้องขอโทษ...” ผู้
บทที่ 3 “เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณฟิกซ์” พ่อบ้านวัยกลางคนรีบวิ่งมารับหน้า เมื่อเห็นรถคันงามของเจ้านายใหญ่ขับเข้ามาจอดด้วยความเร็วสูงต่างจากทุกวัน ฟีนิกซ์ อีเมอร์สัน หนุ่มหล่อวัยฉกรรจ์ผู้เป็นเจ้าของไร่ชาอีเมอร์สันกว้างใหญ่ ชายหนุ่มบินตามคุณตาที่มีภรรยาเป็นผู้หญิงไทยมาอยู่ที่เชียงรายตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน ตราบจนสิ้นบุญคุณตาและภรรยาของท่าน เขาจึงเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่จะสืบต่อเจตนารมณ์ของผู้มีพระคุณ คุณตารักไร่ชาอีเมอร์สันมากแค่ไหน เขาก็จะรักให้เท่ากับที่ท่านเคยรัก เขาจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้ไร่ชาอีเมอร์สันกว้างใหญ่ไพศาลมากยิ่งขึ้น และเขาจะไม่มีวันทิ้งที่นี่กลับไปยังอเมริกาแน่นอน “มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เดินทะเล่อทะล่ามาขวางทางน่ะครับ” “ที่ไหนเหรอครับ” ลุงน้อยได้ยินเข้าก็หน้าเสีย รีบชะเง้อคอมองหน้า “หน้าไร่น่ะ แต่ช่างเถอะ ป่านนี้คงไปแล้วล่ะ” ฟีนิกซ์ถอนใจออกมา ก่อนจะก้าวเข้าไปในตัวตึกใหญ่ที่ทำจากไม้สัก ลุงน้อยรีบเดินตามเข้าไปติดๆ “ประชุมเป็นยังไงบ้างครับคุณฟิกซ์”
บทที่ 4 ภาพเลือนรางในกระจกเงาตรงหน้าค่อยๆ จางหายไปเมื่อมือหนาพยายามจะคว้าเอาไว้ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจทุกข์ทรมานกับการทรยศของผู้หญิงที่เคยบอกว่ารักกันจนหมดหัวใจ ขวัญตา แอนเดอร์สัน ภรรยาสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่เลือกจะทิ้งเขาไปเพียงเพราะว่าหล่อนต้องการอยู่ในความศิวิไลย์มากกว่าจมปลักอยู่ในไร่ชาที่เต็มไปด้วยสีเขียวกับเขา หล่อนไม่ได้ผิดเลยที่ทำแบบนี้ เพราะการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ความชื่นชอบที่ไปกันคนละเส้นทาง ทำให้ชีวิตรักที่เฝ้าประคับประคองมาร่วมห้าปีต้องพังทลายลง เจ็บ...ใช่ เขายอมรับว่าในปีแรกๆ ที่ถูกขวัญตาทิ้งไปนั้น เขาเจ็บปวดมาก เจ็บจนบ้างครั้งต้องพึ่งน้ำเมา แต่ตอนนี้แผลนั้นค่อยๆ ทุเลาและจางลงไปแล้ว ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมามันช่วยกลืนกินความรักที่เคยมีต่อขวัญตาให้ค่อยๆ สลายหายไป เหลือไว้แต่เพียงความทรงจำเท่านั้นมือหนายกขึ้นลูบใบหน้าที่เปียกชื้นของตัวเองสองสามครั้ง ก่อนจะจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่นิ่งณ ตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อขวัญตานั้นไม่ใช่ความรักอีกต่อไปแล้ว นกไฟที่เคยบาดเจ็บเพราะพิษรัก ยามนี้สามารถสยา
บทที่ 5 มิรินเดินตามร่างของมะเฟืองและลุงน้อยมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขกที่เปิดกว้างเอาไว้ ความประหม่ากำลังกัดกินไปทั่วทั้งหัวใจและความรู้สึกอย่างอำมหิต สองมือเล็กที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ ความจริงหล่อนไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้เลย เพราะผู้ชายที่อยู่ในห้องเบื้องหน้าก็คงจะเป็นแค่ลุงหรือไม่ก็คุณตาแก่ๆ วัยใกล้เคียงกับคุณย่าผู้ล่วงลับของตัวเอง และที่หล่อนเดินทางมาที่นี่ก็เพื่อนำจดหมายมาให้เท่านั้น แล้วทำไม? ทำไมจะต้องรู้สึกแบบนี้ด้วย หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากหน้าอก หล่อนกำลังเป็นอะไรไปนะ? ร้องถามตัวเองซ้ำอยู่หลายครั้ง แต่กระนั้นก็ไม่มีคำตอบใดเกิดขึ้นภายในสมองเลย “เชิญค่ะคุณมิริน” มะเฟืองรีบหันมาหา หลังจากที่เดินเข้าไปรายงานเจ้าของไร่ชาอีเมอร์สันเรียบร้อยแล้ว “ขอบใจจ้ะมะเฟือง ขอบคุณคุณลุงน้อยด้วยค่ะ” มิรินหันไปยกมือไหว้ลุงน้อยอีกครั้ง ซึ่งชายวัยกลางคนก็ยกมือขึ้นรับไหว้ในทันที “ผมทำตามหน้าที่เท่านั้นครับ ขอตัวครับ ไปนังมะเฟือง คุณฟิกซ์เรียกค่อยกลับมา”
บทที่ 4 ภาพเลือนรางในกระจกเงาตรงหน้าค่อยๆ จางหายไปเมื่อมือหนาพยายามจะคว้าเอาไว้ มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจทุกข์ทรมานกับการทรยศของผู้หญิงที่เคยบอกว่ารักกันจนหมดหัวใจ ขวัญตา แอนเดอร์สัน ภรรยาสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่เลือกจะทิ้งเขาไปเพียงเพราะว่าหล่อนต้องการอยู่ในความศิวิไลย์มากกว่าจมปลักอยู่ในไร่ชาที่เต็มไปด้วยสีเขียวกับเขา หล่อนไม่ได้ผิดเลยที่ทำแบบนี้ เพราะการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ความชื่นชอบที่ไปกันคนละเส้นทาง ทำให้ชีวิตรักที่เฝ้าประคับประคองมาร่วมห้าปีต้องพังทลายลง เจ็บ...ใช่ เขายอมรับว่าในปีแรกๆ ที่ถูกขวัญตาทิ้งไปนั้น เขาเจ็บปวดมาก เจ็บจนบ้างครั้งต้องพึ่งน้ำเมา แต่ตอนนี้แผลนั้นค่อยๆ ทุเลาและจางลงไปแล้ว ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมามันช่วยกลืนกินความรักที่เคยมีต่อขวัญตาให้ค่อยๆ สลายหายไป เหลือไว้แต่เพียงความทรงจำเท่านั้นมือหนายกขึ้นลูบใบหน้าที่เปียกชื้นของตัวเองสองสามครั้ง ก่อนจะจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่นิ่งณ ตอนนี้ความรู้สึกที่มีต่อขวัญตานั้นไม่ใช่ความรักอีกต่อไปแล้ว นกไฟที่เคยบาดเจ็บเพราะพิษรัก ยามนี้สามารถสยา
บทที่ 3 “เกิดอะไรขึ้นหรือครับคุณฟิกซ์” พ่อบ้านวัยกลางคนรีบวิ่งมารับหน้า เมื่อเห็นรถคันงามของเจ้านายใหญ่ขับเข้ามาจอดด้วยความเร็วสูงต่างจากทุกวัน ฟีนิกซ์ อีเมอร์สัน หนุ่มหล่อวัยฉกรรจ์ผู้เป็นเจ้าของไร่ชาอีเมอร์สันกว้างใหญ่ ชายหนุ่มบินตามคุณตาที่มีภรรยาเป็นผู้หญิงไทยมาอยู่ที่เชียงรายตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน ตราบจนสิ้นบุญคุณตาและภรรยาของท่าน เขาจึงเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่จะสืบต่อเจตนารมณ์ของผู้มีพระคุณ คุณตารักไร่ชาอีเมอร์สันมากแค่ไหน เขาก็จะรักให้เท่ากับที่ท่านเคยรัก เขาจะทำทุกอย่างเพื่อทำให้ไร่ชาอีเมอร์สันกว้างใหญ่ไพศาลมากยิ่งขึ้น และเขาจะไม่มีวันทิ้งที่นี่กลับไปยังอเมริกาแน่นอน “มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เดินทะเล่อทะล่ามาขวางทางน่ะครับ” “ที่ไหนเหรอครับ” ลุงน้อยได้ยินเข้าก็หน้าเสีย รีบชะเง้อคอมองหน้า “หน้าไร่น่ะ แต่ช่างเถอะ ป่านนี้คงไปแล้วล่ะ” ฟีนิกซ์ถอนใจออกมา ก่อนจะก้าวเข้าไปในตัวตึกใหญ่ที่ทำจากไม้สัก ลุงน้อยรีบเดินตามเข้าไปติดๆ “ประชุมเป็นยังไงบ้างครับคุณฟิกซ์”
บทที่ 2 ใบหน้าของผู้ชายคนนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ช่วงกรามที่มีไรหนวดขึ้นเล็กน้อยนั้นดูแข็งแกร่งเกินไปจนกระด้างเลยทีเดียว แถมตรงคางก็ยังมีรอยบุ๋มเล็กๆ อีกต่างหาก ดูแล้วไม่น่ามองเอาเสียเลย แต่ให้ตายเถอะ เวลามันมาอยู่รวมกันบนใบหน้าของเขา ทำไมมันถึงได้น่ามองแบบนี้หล่อราวกับไม่ใช่มนุษย์ หล่อเหลาราวกับเป็นเทพบุตรลงมาจุติ จมูกก็แสนจะโด่ง ดวงตาสีฟ้าอมเทาก็แสนจะคมกริบ หัวใจสาวอ่อนระทวยราวกับเป็นเทียนไขที่กำลังถูกไฟร้อนๆ แผดเผา ใช่... หล่อนคือเทียนไข ส่วนผู้ชายที่ยืนหน้าตาบูดบึ้งตรงหน้าคือไฟ... ไฟบรรลัยกัลป์เลยทีเดียว เพราะไม่เคยมีคนรักมาก่อนในชีวิต ทำให้มิรินรู้สึกรุนแรงกับผู้ชายตรงหน้าเหลือเกิน รู้สึกอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของ แต่กระนั้นก็รู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้มันไม่เอื้ออำนวย ศีรษะทุยสวยที่ตอนนี้เส้นผมสีดำขลับที่รวบตึงเอาไว้กลางกระหม่อมหลุดร่วงลงมาจนรกรุงสะบัดไปมา เพื่อเรียกสติให้กับตัวเอง และถึงมันจะเรียกยากเรียกเย็นแค่ไหน แต่หล่อนก็ทำสำเร็จ “นี่... คุณจะไม่ขอโทษฉันสักคำเลยเหรอคะ” “ผมไม่จำเป็นต้องขอโทษ...” ผู้
บทที่ 1 ที่นี่คือจังหวัดเชียงราย... เป็นหนึ่งในหลายสิบจังหวัดที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นหล่อนไม่เคยเยือนมาก่อน และครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เหยียบลงบนพื้นดินของจังหวัดที่อยู่เหนือสุดแห่งสยามแห่งนี้ ‘ดินแดนแห่งขุนเขา’ กำลังต้อนรับการมาเยือนของสาวน้อยแห่งเหมือนกรุงเช่นหล่อน มิริน อนันตกาล หรือน้องหนู สาวสวยใบหน้าหวานปานน้ำผึ้ง หญิงสาวได้รับคำสั่งเสียสุดท้ายจากคุณย่าเพ็ญศรี อนันตกาลคุณย่าแท้ๆ ที่พึ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนให้เดินทางมาที่นี่...ไร่ชาอีเมอร์สัน ลมหายใจอ่อนล้าถูกผ่อนออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีแดงธรรมชาติแผ่วเบา ดวงตากลมโตที่หวานไม่แพ้ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง คุณย่าเพ็ญศรีคือคนที่มีพระคุณอุปการะเลี้ยงดูหล่อนมาตั้งแต่แบเบาะ หลังจากที่พ่อแม่บังเกิดเกล้าเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางน้ำตั้งแต่หล่อนเกิดได้เพียงห้าเดือน ดังนั้นความต้องการสุดท้ายของท่าน หล่อนจะต้องทำให้สำเร็จ ท่านจะได้ไปสู่สุคติ จะได้ไม่ต้องมีห่วงเพราะหล่อนอีกแต่ถึงแม้จะพยายามเข้มแข็ง กระนั้นหยาดน้ำตาก็อดที่จะเอ่อซึมออกมาไม่ได้ ความสูญเสียทำให้หล่อนต้องพลัดพรากจา