ด้านเหอจิ้งเกาเองก็มีโคมไฟที่บอดี้การ์ดไม่รู้หามาจากไหนตั้งเอาไว้ให้สองพ่อลูกเพื่อดูการแสดงของนายหญิงของพวกเขาเช่นกัน เหอเสี่ยวหมิงที่ตื่นมาเพราะหิวข้าวได้แต่เคี้ยวขนมตุ้ย ๆ รองท้องแทน เขารู้ว่าแม่ยังไม่กินข้าวเย็น เขาจึงรอที่จะกินพร้อมกันกับพ่อและแม่ของเขาเหมือนตอนมื้อเที่ยง
เหอจิ้งเกาได้แต่ลูบหัวทุยของลูกชายที่กำลังกินขนมจนแก้มบวมตุ่ย เขาได้แต่สงสารภรรยาที่ยังคงเตรียมตัวแสดงทั้งที่ยังไม่ได้กินอาหารเย็น เหอจิ้งเกาได้แต่ส่งสายตาเย็นชาใส่ผู้กำกับ ทำเอาผู้กำกับที่ไม่ได้เห็นสีหน้าของเหอจิ้งเกาเสียวสันหลังวาบ ๆ พิกล
ผู้กำกับรีบสั่งเดินกล้องถ่ายทำทันทีเพื่อที่จะได้ให้นักแสดงเลิกกองกินอาหารเย็นก่อนกลับไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้พวกเขามีคิวถ่ายตอนบ่ายไปจนถึงกลางดึกอีกครั้ง วันนี้ผู้กำกับจึงเร่งให้จบฉากนี้เสียก่อน นับว่านักแสดงคนอื่น ๆ พัฒนาขึ้นมาก พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดรวมทั้งคิวการต่อสู้ของฟู่หยุนชิงก็ออกมาได้อย่างใจของผู้กำกั
เมื่อเหอจิ้งเกาเดินกลับมานั่งที่ระเบียงกับฟู่หยุนชิง เขาเห็นเธอกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ จึงได้แต่คาดเดาความคิดของเธอลองดู พอฟู่หยุนชิงเห็นว่าเหอจิ้งเกากลับมาแล้ว เธอก็สอบถามความเห็นของเขาอีกครั้ง“คุณแน่ใจเหรอว่าจะมีลูกอีกคน ฉันไม่อยากทำให้คุณลำบาก”“ลำบากอะไรกัน คุณก็คิดมากเกินไป นี่คุณอยู่กับผมมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ”“ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา คุณไม่เคยบอกอะไรฉันสักหน่อย” ฟู่หยุนชิงพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเขินอาย ความจริงเธอเห็นความน่ารักในการดูแลเอาใจใส่จากเขามาตลอดหลายปี เพียงแต่เธอไม่อยากคิดไปเองก็เท่านั้น เหอจิ้งเกาเห็นอาการเขินอายของภรรยาก็ได้แต่อมยิ้มแล้วเอื้อมมือยาวของเขาไปกอดฟู่หยุนชิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างถือสิทธิ์“ผมรักคุณกับ
เสียงกลองศึกดังไปทั่วสนามรบ ทหารมากมายของทั้งแคว้นเหอและแคว้นอู่ต่างสู้รบกันอย่างดุเดือดนานถึงสามวันสามคืนแล้ว พวกเขาเริ่มอ่อนล้าและหิว เพียงแต่หากพวกเขาเผลอแสดงออกว่าอ่อนแรงเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ศัตรูก็คงจะใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาเป็นแน่ ฟู่หยุนชิง แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า ตอนนี้นางกับหยางไป่เฉียวแม่ทัพของแคว้นอู่สู้รบกันมาโดยต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัวกันไปหมดแล้ว เพียงแต่พวกเขาสองคนเป็นผู้นำทัพ ต่างฝ่ายจึงต่างไม่ยอมที่จะเพลี่ยงพล้ำให้คนของตนเองหมดสิ้นกำลังใจ รองแม่ทัพของพวกเขาก็ต่อสู้กันใกล้ ๆ กับท่านแม่ทัพของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทกายใจใช้วรยุทธของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้รองแม่ทัพของแคว้นเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบรองแม่ทัพของแคว้นอู่แล้ว เขามาเป็นรองแม่ทัพโดยที่ทางบ้านไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักแว่นแคว้น เขาจึงอาสาฮ่องเต้ออกรบพร้อมกับฟู่หยุนชิงซึ่งเป็นแม่ทัพ ตัวเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นทหารจะต้องโหดร้ายกับศัตรูมากมายถึงขนาดนี้ เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างตัดคอศัตรูของตนเองจนตกตายไป มีน้อยคนนักที่ตายโดยร่างยังสมบูรณ์ บางคนขาขาดแขน
เทพแห่งดวงชะตาที่เมตตาสงสารโชคชะตาของฟู่หยุนชิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีแล้ว แต่กลับถูกเหล่าขุนนางที่ไม่ยอมรับนางถวายฎีกาให้สังหารนางอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้ เทพแห่งดวงชะตาจึงฝืนกฎของตนเองช่วยนำวิญญาณของฟู่หยุนชิงไปที่อีกภพหนึ่งซึ่งมีคนชื่อเดียวกับนางเพิ่งเสียชีวิตลงเช่นกัน ฟู่หยุนชิงที่เป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วได้แต่แปลกใจที่ได้ยินเสียงเหมือนผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดกับนางแต่นางมองไม่เห็นตัวเขา เขาบอกนางว่าจะพานางไปยังภพอื่นและยังขอให้นางใช้ชีวิตใหม่ในภพนั้นให้ดี อย่าได้คิดถึงเรื่องราวในภพนี้อีกเลย จากนั้นเสียงนั้นก็หายไปพร้อมกับสติของนาง ฟู่หยุนชิง นักแสดงปลายแถวที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นนักแสดงสมทบเพราะคนเก่าบาดเจ็บก็ซุ่มซ่ามจนตกลงไปในสระน้ำลึกสองเมตรทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นจนเธอต้องตายลง เธอได้แต่มองร่างไร้วิญญาณของตนเองที่ถูกคนช่วยขึ้นมาพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เธออย่างดี เธอรู้ดีว่าเธอหมดบุญในชาตินี้แล้วจึงไม่ได้เสียใจอะไร อย่างไรในภพนี้เธอก็ไม่มีครอบครัวให้กังวลแต่แรกแล้ว เธอต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่ยังเด็ก การตายของเธอครั้งนี้ทำให้เธอหลุดพ้นจากชีวิตที่ต้อ
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอทาครีมต่าง ๆ ที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมเพื่อรักษาผิวให้ดี ไม่แห้งกร้านเหมือนตัวเธอเองในภพชาติก่อน ฟู่หยุนชิงพยายามหาเสื้อผ้าที่มิดชิดที่สุดที่ร่างเดิมนำมา แต่เธอกลับพบว่าร่างเดิมนั้นมีแต่เสื้อผ้าเปิดหน้า เปิดหลังทั้งนั้น แถมรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่เมื่อวานนี้ก็เดินยากลำบากเสียเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอมีสิ่งของให้เลือกใช้เพียงเท่านี้ ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่สุ่มเสื้อผ้ามาสักตัวแล้วใส่รองเท้าพร้อมถือบทเตรียมลงไปทานอาหารเช้าที่ล็อบบี้โรงแรม วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าหนาเตอะอย่างที่ร่างเดิมทำ เพราะฟู่หยุนชิงรู้สึกว่าการปล่อยให้หน้าเธอเป็นธรรมชาติสวยกว่าการแต่งหน้าเป็นไหน ๆ ฟู่หยุนชิงปิดล็อคประตูก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์เหมือนกับเมื่อวานที่ทีมงานพาเธอมาส่ง เรื่องพวกนี้ร่างเดิมมีความทรงจำเก่าทำให้เธอไม่ลำบากในการใช้สิ่งของแปลก ๆ หลายอย่างในภพชาตินี้ เมื่อลงลิฟท์ไปถึงล็อบบี้แล้ว ฟู่หยุนชิงเห็นทีมงานไปตักอาหารมานั่งกินกันบ้างแล้ว นับว่าเธอไม่ได้ลงมาสายนัก ฟู่หยุนชิงคนเก่ามีนิสัยร่าเริง แต่เธอเป็นคนเงียบ ๆ ฟู่หยุนชิงท
เดินไปไม่นานนัก ฟู่หยุนชิงก็มาถึงสถานที่ถ่ายทำ เธอถูกทีมงานเรียกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ไหนเธอจะต้องทำผมและแต่งหน้าอีก กว่าจะเสร็จก็คงจะใช้เวลามากพอสมควร ฟู่หยุนชิงได้แต่พยักหน้ายิ้มรับและเดิมตามทีมงานคนนั้นไปอย่างช้าๆ ตามความเคยชิน ทีมงานที่นำทางเธอได้แต่คิดในใจว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไรกัน ปกติฟู่หยุนชิงจะเดินเร็ว ๆ เพื่อมาพูดคุยกับพวกเขาเรื่องต่าง ๆ บ่อย ๆ แต่วันนี้เธอกลับเดิมตามมาอย่างเรียบร้อยเหมือนกับผ้าพับไว้ จะไม่ให้เธอคิดว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปได้อย่างไรกัน เดินกันไม่นานนักก็ถึงห้องแต่งตัว ฟู่หยุนชิงสอบถามว่าจะให้เธอใส่ชุดไหน ทีมงานชี้และบอกว่าวันนี้ให้เธอใส่ชุดสีเหลืองที่แขวนอยู่ ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับแล้วเดินไปเอาชุดที่ว่าเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งทำเพียงใช้ฉากกั้นเอาไว้เท่านั้น ซึ่งการทำเป็นฉากกั้นเช่นนี้ตัวเธอเองเคยชินไปเสียแล้วกับชาติภพก่อน นับว่าเรื่องนี้ไม่แตกต่างจากการอยู่ในภพเดิมของเธอมากนัก หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ไปนั่งรอให้ทีมงานมาแต่งหน้าและทำผมให้เธอ อีกไม่นานเธอจะต้องเข้าร่วมแสดงฉากใน
ผู้กำกับสั่งให้นักแสดงเริ่มฉากแรกในเวลาไม่นานนักหลังจากทุกคนซ้อมบทกันแล้ว เหล่านักแสดงทั้งนักแสดงนำและตัวประกอบแสดงในฉากก่อนเริ่มงานเลี้ยงได้อย่างไม่ผิดพลาด ไม่นานนักผู้กำกับก็พอใจกับผลงานและสั่งคัตทันที ฟู่หยุนชิงพอได้ยินเสียงคัตแล้วก็รู้ว่าตอนนี้ต้องถึงคราวเธอเข้าฉากแล้ว เธอเดินอย่างช้า ๆ เข้าไปรอก่อนเข้าฉากตามบทบาทที่เธอได้รับ เหล่านักแสดงทั้งหมดที่ต้องเข้าฉาก รวมทั้งทีมงานต่างตกตะลึงกับเพียงแค่ท่าเดินของฟู่หยุนชิง พวกเขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะแสดงเข้าถึงบทบาทได้เสียขนาดนี้ แม้แต่ตัวนางเอกอย่างหวงเหมยหงยังไม่สามารถแสดงท่าเดินตามมารยาทได้ดีเท่ากับฟู่หยุนชิงเลย ผู้กำกับกับผู้เขียนบทที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พยักหน้าอย่างพอใจ ผู้กำกับเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะถ่ายฉากต่อไปแล้วจึงได้สั่งให้เริ่มการแสดงทันที เขาไม่อยากทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ในเมื่อนักแสดงต่างพร้อมแล้วเขาก็สั่งแอคชั่น ฟู่หยุนชิงที่ได้ยินเสียงให้เริ่มการแสดง เธอเดินไปตามบทบาทที่ได้รับเข้าไปยังงานเลี้ยงซึ่งมีเหล่าขุนนางและครอบครัวมากมายมารวมกันอยู่ ต่างคนต่างเกาะกลุ่มกันเพื่อพูดคุย ยกเว้นนางที่ไม่สนิทกับใครในท
ก่อนที่จะได้ถ่ายทำฉากต่อไป เหอจิ้งเกาที่เพิ่งจะมีเวลาว่างเดินทางมาดูการแสดงอย่างไม่ได้บอกทีมงานล่วงหน้า พวกเขาต่างวิ่งวุ่นหาที่นั่งให้กับเหอจิ้งเกากันใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาต้องดูแลเทพองค์นี้ให้ดี เพราะเขาคือสปอนเซอร์ใหญ่ที่ลงทุนกับหนังเรื่องนี้นั่นเอง เหอจิ้งเกาสั่งบอดี้การ์ดไม่ให้ทุกคนวุ่นวายกับเขา เขาแค่มาดูเฉย ๆ พอทีมงานและผู้กำกับมาทักทายเหอจิ้งเกาแล้วได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ได้แต่เดินจากไป ใครจะไม่รู้บ้างว่าเหอจิ้งเกาไม่สนิทกับใครง่าย ๆ อีกทั้งยังมีนิสัยเย็นชาไม่สนใครหน้าไหนอีกต่างหาก สิ่งที่เขาทำและลงทุนต่างได้กำไรกลับมามากมายเสียทุกครั้ง จนทำให้คู่แข่งต่างอิจฉาที่หนังและละครของเหอจิ้งเกาได้รับความนิยมมากกว่าของพวกเขา เหอจิ้งเกาจึงต้องมีบอดี้การ์ดจำนวนไม่น้อยเวลาต้องไปไหนมาไหน และวันนี้ก็เช่นกัน บอดี้การ์ดสิบคนพร้อมทั้งเลขาคนสนิทของเขาเดินทางมากันครบทีมเลยทีเดียว หลังจากนั่งแล้ว เหอจิ้งเกาก็มองไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังซ้อมการแสดงอยู่บนเวทีอย่างตั้งใจ เขากระซิบถามเลขาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เลขามองไปที่เวทีแล้วตอบกลับเจ้านายของเขาอย่างดูถูกว่า เธอเป็นแค่นักแสดงป
หวงเหมยหงที่แสดงเป็นนางเอกของเรื่องนี้นั้นเพิ่งจะมองเห็นเหอจิ้งเกาหลังจากที่ผู้กำกับสั่งคัต เธอรีบปรี่เข้าไปเพื่อทักทายเขาทันที“สวัสดีค่ะคุณเหอ ไม่คิดว่าวันนี้คุณจะมาดูเหมยหงแสดงเลยนะคะ” หวงเหมยหงได้แต่พูดเข้าข้างตนเอง ทั้งที่ความจริงแล้วเหอจิ้งเกามาดูภาพรวมทั้งหมดของหนังว่าถ่ายทำไปถึงไหนแล้วต่างหาก ยิ่งพอเขาได้ฟังผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักตรงหน้าพูดจาเหมือนกับว่าเขาสนใจเธอก็ยิ่งขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปถึงกระดูก“อย่าหลงตัวเองให้มันมากนัก คุณเป็นใครผมยังไม่รู้จักสักนิด แต่กลับมาพูดจาเหมือนตัวเองสวยมากจนผมต้องมาดูคุณเนี่ยนะ ทีหน้าทีหลังรู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูหัวตัวเองก่อนที่จะเข้ามาทักทายคนอื่นแบบนี้ด้วยก็แล้วกัน และผมของเตือนไว้ก่อนว่าผู้หญิงแบบคุณผมเจอมาเยอะแล้ว ผมรังเกียจคนที่ชอบใช้ทางลัดในการทำงานมากที่สุด หากคุณไม่อยากถูกถอดออกจากบทนางเอกก็รีบไปให้ไกลจากผมซะ!!!” บรรดาบอดี้การ์ดและเลขาได้แต่มองผู้หญิงไม่เจียมตัวตรงหน้าพวกเขา ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ยังทำเป็นน้ำตาคลออีกต่างหาก นี่เธอคิดว่าการเสแสร้งแบบนี้จะทำให้เจ้านายของพวกเขาใจอ่อนเหร
เมื่อเหอจิ้งเกาเดินกลับมานั่งที่ระเบียงกับฟู่หยุนชิง เขาเห็นเธอกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ จึงได้แต่คาดเดาความคิดของเธอลองดู พอฟู่หยุนชิงเห็นว่าเหอจิ้งเกากลับมาแล้ว เธอก็สอบถามความเห็นของเขาอีกครั้ง“คุณแน่ใจเหรอว่าจะมีลูกอีกคน ฉันไม่อยากทำให้คุณลำบาก”“ลำบากอะไรกัน คุณก็คิดมากเกินไป นี่คุณอยู่กับผมมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ”“ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา คุณไม่เคยบอกอะไรฉันสักหน่อย” ฟู่หยุนชิงพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเขินอาย ความจริงเธอเห็นความน่ารักในการดูแลเอาใจใส่จากเขามาตลอดหลายปี เพียงแต่เธอไม่อยากคิดไปเองก็เท่านั้น เหอจิ้งเกาเห็นอาการเขินอายของภรรยาก็ได้แต่อมยิ้มแล้วเอื้อมมือยาวของเขาไปกอดฟู่หยุนชิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างถือสิทธิ์“ผมรักคุณกับ
ด้านเหอจิ้งเกาเองก็มีโคมไฟที่บอดี้การ์ดไม่รู้หามาจากไหนตั้งเอาไว้ให้สองพ่อลูกเพื่อดูการแสดงของนายหญิงของพวกเขาเช่นกัน เหอเสี่ยวหมิงที่ตื่นมาเพราะหิวข้าวได้แต่เคี้ยวขนมตุ้ย ๆ รองท้องแทน เขารู้ว่าแม่ยังไม่กินข้าวเย็น เขาจึงรอที่จะกินพร้อมกันกับพ่อและแม่ของเขาเหมือนตอนมื้อเที่ยง เหอจิ้งเกาได้แต่ลูบหัวทุยของลูกชายที่กำลังกินขนมจนแก้มบวมตุ่ย เขาได้แต่สงสารภรรยาที่ยังคงเตรียมตัวแสดงทั้งที่ยังไม่ได้กินอาหารเย็น เหอจิ้งเกาได้แต่ส่งสายตาเย็นชาใส่ผู้กำกับ ทำเอาผู้กำกับที่ไม่ได้เห็นสีหน้าของเหอจิ้งเกาเสียวสันหลังวาบ ๆ พิกล ผู้กำกับรีบสั่งเดินกล้องถ่ายทำทันทีเพื่อที่จะได้ให้นักแสดงเลิกกองกินอาหารเย็นก่อนกลับไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้พวกเขามีคิวถ่ายตอนบ่ายไปจนถึงกลางดึกอีกครั้ง วันนี้ผู้กำกับจึงเร่งให้จบฉากนี้เสียก่อน นับว่านักแสดงคนอื่น ๆ พัฒนาขึ้นมาก พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดรวมทั้งคิวการต่อสู้ของฟู่หยุนชิงก็ออกมาได้อย่างใจของผู้กำกั
เหล่านักแสดงหน้าใหม่ต่างพากันขอบคุณฟู่หยุนชิงระหว่างพักกองช่วงเที่ยงวัน ฟู่หยุนชิงได้แต่ยิ้มรับคำขอบคุณนั้นโดยไม่ได้พูดอะไรมากนัก เธอเดินไปหาสามีกับลูกชายเพื่อทานอาหารเที่ยงก่อนที่จะถ่ายทำต่อในช่วงบ่าย แน่นอนว่าอาหารเหล่านี้เหอจิ้งเกาให้บอดี้การ์ดของเขาไปนำมาจากโรงแรมในช่วงที่ฟู่หยุนชิงกำลังถ่ายทำอยู่ก่อนหน้านี้ ฟู่หยุนชิงนั่งป้อนข้าวลูกชายพร้อมรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า เหอจิ้งเกาได้แต่บ่นให้ภรรยาว่าลูกชายพวกเขานั้นกินข้าวเองได้แล้ว แต่เธอยังคงป้อนเหมือนเขาเป็นเด็ก ๆ“ลูกเพิ่งจะสามขวบเองนะคุณ อะไรที่ฉันพอจะทำให้ลูกได้ฉันก็อยากทำให้นี่นา คุณจะบ่นทำไมเนี่ย”“ก็ผมอยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เด็กอย่างไรเล่า คุณอย่าตามใจลูกให้มากนักเลย”“ก็ได้ ๆ ต่อไปฉันจะไม่ป้อนข้าวและตามใจลูกมากอย่างที่คุณบอก เสี่ยวหมิงกินเองได้หรือเปล่าลูก?”“ไ
ฟู่หยุนชิงที่ออกไปก่อนหน้าเหอจิ้งเกากับเสี่ยวหมิง รีบไปเปลี่ยนชุดและแต่งหน้าทำผมทันทีที่ไปถึงสถานที่ถ่ายทำพร้อมกองถ่าย เธอไม่อยากเสียเวลาเมื่อแสงกำลังดีอย่างที่ผู้กำกับต้องการ ฟู่หยุนชิงใช้เวลาไม่นานก็ออกจากรถแต่งตัวโดยใส่ชุดแม่ทัพที่ทีมงานเตรียมการเอาไว้ให้ ผู้กำกับที่เห็นว่าฟู่หยุนชิงออกมาแล้วก็เรียกเธอมาคุยว่าเขาต้องการฉากแบบไหน ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับว่าเธอเข้าใจแล้ว จากนั้นการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น วันนี้เป็นฉากที่ฟู่หยุนชิงฝึกทหารก่อนที่จะออกรบ นักแสดงคนอื่นรวมทั้งตัวประกอบที่จะต้องเข้าฉากมีมากถึงสามร้อยคนเลยทีเดียว เหอจิ้งเการอจนเสี่ยวหมิงตื่นจึงได้พาลูกเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะลงไปทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารด้านล่าง เหล่าบอดี้การ์ดทั้งสี่นั้นลงไปทานอาหารก่อนหน้าเจ้านายเขานานแล้ว เหอจิ้งเกาอุ้มเสี่ยวหมิงขึ้นลิฟท์อย่างไม่เร่งร้อน เขารู้ดีว่าอย่างไรภรรยาเขาก็ต้องเข้าฉากทั้งวันเหมือนเมื่อวานนี้เป็นแน่ อีกอย่างเขายังเอาของเล่นของเสี่ยวหมิงมาไว้ให้เล่นด้วยระหว่างที่เขากับลูกไปดูฟู่หยุนชิ
เหอจิ้งเกาใช้เวลาเดินทางบนเครื่องบินถึงสองชั่วโมง กว่าที่เขากับลูกชายจะไปถึงสนามบินเมืองโฉ่ว บอดี้การ์ดรีบไปรับรถสองคันที่เลขาจองเอาไว้ให้ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นเครื่อง จากนั้นเหอจิ้งเกากับเสี่ยวหมิงก็ขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังโรงแรมใกล้กับสถานที่ถ่ายทำของฟู่หยุนชิงทันที แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเหอจิ้งเกาที่สอบถามผู้กำกับว่าพวกเขาจะพักที่ไหนเมื่อไปถ่ายทำนอกสถานที่นั่นเอง กว่าที่จะเดินทางถึงนอกเมืองโฉ่วซึ่งเป็นแถบชนบทก็เกือบถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เหอจิ้งเการีบลงจากรถแล้วไปสอบถามพนักงานโรงแรมว่าทีมงานถ่ายหนังกลับมากันหรือยัง เมื่อรู้ว่าทุกคนยังไม่กลับ เหอจิ้งเกากับลูกจึงได้แต่ไปที่ห้องอาหารแล้วพากันทานข้าวเสียก่อน เพราะความเร่งรีบเหอจิ้งเกาจึงลืมซื้อขนมเอาไว้ให้เสี่ยวหมิงกินรองท้องก่อน ดีที่เสื้อผ้าของเขาและลูกชายนั้นจัดเตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วจึงไม่มีปัญหาในการเดินทางครั้งนี้ บอดี้การ์ดรีบจองห้องให้เจ้านายและพวกเขาเองเป็นห้องสวีทสองห
ฟู่หยุนชิงที่ไม่รู้ว่าสามีกับลูกชายของเธอจะเดินทางไปดูแลเธอด้วยก็ได้แต่ดีใจอยู่คนเดียวที่เธอจะได้แสดงหนังอีกครั้งแล้ว วันรุ่งขึ้น ฟู่หยุนชิงก็โทรกลับไปหาผู้กำกับว่าเธอรับงานแสดงหนังเรื่องนี้ และสอบถามรายละเอียดเรื่องบทรวมทั้งการถ่ายทำต่าง ๆ กับผู้กำกับด้วย ผู้กำกับบอกว่าจะส่งบทให้เธอแค่บอกที่อยู่ให้กับเขาก็พอ ส่วนเวลาการถ่ายทำจะเป็นในอีกหนึ่งเดือนถัดไป ฟู่หยุนชิงที่ทราบรายละเอียดของหนังและกำหนดเวลาการถ่ายทำก็ได้แต่ขอบคุณผู้กำกับที่นึกถึงเธอ เธอยังบอกว่าจะตั้งใจแสดงตามที่ผู้กำกับต้องการอีกด้วย หลังจากคุยกันอีกพักใหญ่แล้วทั้งสองก็วางสายไปด้วยความพอใจทั้งคู่ ฟู่หยุนชิงที่ร้างลาจากการฝึกฝนวรยุทธมานาน คราวนี้เธอต้องแสดงบทเป็นแม่ทัพหญิงมู่หลานในหนังพีเรียดเรื่องใหม่ของผู้กำกับ แน่นอนว่าเธอจำเป็นจะต้องฝึกฝนร่างกายอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มการแสดง เพราะมัวแต่เลี้ยงลูกจึงทำให้เธอไม่มีเวลาฝึกฝนมาตลอดสามปีที่ผ่านมา
หลังจากอยู่โรงพยาบาลได้ครบสามวันแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่หมอยังเตือนไม่ให้เธอเดินมากนักจนกว่าแผลจะปิดสนิท ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับปากหมอว่าเธอจะทำตามที่หมอบอก พร้อมทั้งยังขอบคุณหมอที่ช่วยดูแลเธอกับลูกมาตลอดตั้งแต่แรก ส่วนเหอจิ้งเกาเองนั้นเขาให้ทิปกับหมอนอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลของฟู่หยุนชิงเป็นเช็คหนึ่งแสนเหรียญ ทำเอาหมอถึงกับยิ้มแฉ่งกับคุณพ่อสายเปย์คนนี้ เหอจิ้งเกาอุ้มลูกแทนฟู่หยุนชิง เขาไม่อยากให้เธอเหนื่อยที่ต้องอุ้มเสี่ยวหมิงตัวอ้วนของพวกเขามากนัก เพราะเธอเพิ่งคลอดลูกมาได้ไม่นาน เหอจิ้งเกาจึงอยากดูแลเธอให้มากกว่านี้ ฟู่หยุนชิงก็ไม่อยากขัดใจเขา อย่างไรเขาก็หวังดีกับเธอมาตลอด ขบวนรถของเหอจิ้งเกากลับถึงเพนท์เฮ้าส์ในเวลาไม่นาน ของใช้เด็กต่าง ๆ ที่เหอจิ้งเกาขนซื้อมาไว้ก่อนหน้านี้นับว่าไม่เสียแรงที่เขาไปเลือกซื้อด้วยตัวเอง เตียงนอนของลูกชายเขาก็เป็นสินค้าแบรนด์เนมอย่างดี ไหนจะเสื้อผ้าน
ก่อนที่พยาบาลจะนำลูกของพวกเขามาให้ ก็เป็นเลขากับบอดี้การ์ดที่ถืออาหารเช้าเข้ามาเสียก่อน เหอจิ้งเกาเห็นว่าฟู่หยุนชิงน่าจะกินข้าวได้แล้วจึงอาสาจะป้อนอาหารเธอ ฟู่หยุนชิงได้แต่บอกเขาว่าเธอกินเองได้ เพราะเธอแค่คลอดลูก ไม่ได้ป่วยเสียหน่อย ทำเอาเหอจิ้งเกาได้แต่หน้างอ เขาอยากป้อนเธอบ้างนี่นา ฟู่หยุนชิงที่เพิ่งเคยเห็นมุมเด็กเอาแต่ใจของเขาก็เกือบหัวเราะออกมา เธออมยิ้มพร้อมทั้งบอกว่าถ้าอยากป้อนก็ป้อน พอเหอจิ้งเกาได้ยินภรรยาอนุญาตแล้วเขาก็ยิ้มแฉ่งแล้วนำอาหารมาป้อนฟู่หยุนชิงพร้อมกับสลับกินไปด้วยเช่นเดียวกับที่ฟู่หยุนชิงเคยป้อนเขาตอนที่ป่วย เลขาที่ไม่อยากกินอาหารหมามากเกินไปรีบออกไปกินข้าวเช้ากับบอดี้การ์ดคนอื่นที่หน้าห้องแทน วันนี้เขาคงต้องเข้าบริษัทไปเอางานมาให้กับเจ้านายที่นี่เสียแล้ว เพราะดูท่าทางแล้วเจ้านายเขาต้องไม่ยอมไปที่บริษัทจนกว่านายหญิงกับนายน้อยจะออกจากโรงพยาบาลเป็นแน่ หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว ไม่นานนักหมอกับพยาบาลก็พาลูกของพว
สามวันก่อนวันคลอด อยู่ ๆ ฟู่หยุนชิงก็ปวดท้องกลางดึก เหอจิ้งเกาที่ได้ยินเสียงของฟู่หยุนชิงที่บอกเขาว่าเธอปวดท้องก็รีบลุกขึ้นไปบอกบอดี้การ์ดหน้าห้องให้สั่งคนไปเตรียมรถ พร้อมกับบอกให้เลขามานำของที่เตรียมเอาไว้สำหรับการคลอดลูกตามไปขึ้นรถอีกคันด้วยความเร่งรีบ จากนั้นเหอจิ้งเกาเข้าไปดูฟู่หยุนชิง เขาพบว่ามีน้ำไหลออกมาจากหว่างขาแล้ว เหอจิ้งเกาไม่กล้าชักช้าอีก เขาทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวสลับกันไปหมด เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะรอไปถึงโรงพยาบาลไม่ไหวจนคลอดในรถเสียก่อน แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของเหล่าบอดี้การ์ดและเลขาของเหอจิ้งเกา ไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็พร้อมแล้ว เหอจิ้งเกาอุ้มฟู่หยุนชิงที่กำลังปวดท้องไปที่รถอย่างเร็วที่สุด จากนั้นขบวนรถของเหอจิ้งเกาก็รีบบึ่งออกจากเพนท์เฮ้าส์ไปยังโรงพยาบาลภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น หมอที่ได้รับโทรศัพท์จากเลขาของเหอจิ้งเการอรับตัวฟู่หยุนชิงที่หน้าโรงพยาบาลแล้ว หลังจากรถจอดสนิท เหอจิ้งเการีบอุ้มฟู่หยุนชิงขึ้นไปวางบ