ในช่วงหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา เหอจิ้งเกากับเหอเสี่ยวหมิงยังคอยดูฟู่หยุนชิงที่กองถ่ายจนกระทั่งหนังเรื่องนี้ถ่ายจบเสียที เหอจิ้งเกาสังเกตว่าช่วงสองสัปดาห์มานี้ภรรยาของเขามักจะกินอะไรก็อาเจียนออกมาบ่อย ๆ ทำให้เหอจิ้งเกาอยากพาเธอไปตรวจเสียให้สิ้นความสงสัย เพียงแต่เธอนั้นอยากถ่ายทำงานให้เสร็จเสียก่อนค่อยไปตรวจที่เมืองหลวงก็ยังไม่สาย เหอจิ้งเกาจึงได้แต่ตามใจภรรยา ส่วนเหอเสี่ยวหมิงก็คอยดูแลแม่ของเขาที่ดูเหมือนจะไม่สบายอยู่ตลอดเช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การเป็นกำลังใจให้แม่ของเขานั้น เหอเสี่ยวหมิงทำได้ดีมากจริง ๆ
ผู้กำกับมาแจ้งเหอจิ้งเกาว่าการถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ตัดต่อหนังโดยน่าจะใช้เวลาอีกเกือบหนึ่งเดือนก่อนที่จะวางกำหนดการฉายได้ในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เหอจิ้งเกาพยักหน้าว่าเขารู้แล้ว ก่อนที่จะพาภรรยากับลูกพร้อมบอดี้การ์ดทั้งหมดกลับไปยังเมืองหลวงก่อนผู้กำกับและทีมงาน ซึ่งพวกเขายังต้องมีถ่ายทำนักแสดงสมทบและเหล่าตัวประกอบอีกนิดหน่อยจึงอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน
เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากินอย่างเอร็ดอร่อยก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ สงสัยเขาคงต้องเป็นพ่อครัวทำอาหารให้ภรรยากับลูกชายกินด้วยตัวเองเสียแล้ว แต่เหอจิ้งเกาก็ยังอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ที่ภรรยาของเขาไม่แพ้อาหารที่เขาทำให้เธอ ตรงกันข้าม ฟู่หยุนชิงกลับกินอาหารได้มากกว่าตอนที่อยู่โรงแรมเสียอีก สองคนพ่อลูกได้แต่มองฟู่หยุนชิงกินอาหารได้ไม่นานนัก พวกเขาก็ตั้งสติและเริ่มตักอาหารเพิ่มให้ฟู่หยุนชิงกันยกใหญ่ พวกเขาดีใจมากที่เห็นฟู่หยุนชิงกินอาหารได้มากกว่าก่อนหน้านี้ หลังกินอาหารเสร็จ เหอจิ้งเกาก็เก็บถ้วยชามมาล้างเหมือนเช่นทุกครั้ง ส่วนฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงก็พากันไปนั่งย่อยอาหารที่หน้าทีวี ฟู่หยุนชิงเปิดการ์ตูนให้ลูกชายดู แต่เหอเสี่ยวหมิงกลับชอบดูละครมากกว่า ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่ตามใจลูกชายตัวน้อยของเธอ ไม่นานนักเหอจิ้งเกาก็นำยากับน้ำมาให้ฟู่หยุนชิงกินหลังอาหาร เธอในตอนแรกไม่อยากกินยานัก เพราะตอ
ฟู่หยุนชิงรอลูกชายเข้าไปอาบน้ำไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่เธอเลือกให้ ตอนนี้ฟู่หยุนชิงเชื่อแล้วว่าลูกชายของเธอดูแลตัวเองได้จริง ๆ เมื่อเห็นว่าลูกชายพร้อมแล้ว ฟู่หยุนชิงก็จับมือพาเขาเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปดูเหอจิ้งเกาที่กำลังทำอาหารอยู่ว่ามีอะไรให้พวกเธอช่วยหรือไม่ เหอจิ้งเกาได้ยินเสียงลูกชายเอ่ยเรียกก็หันศรีษะไปมองแล้วได้แต่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่วันนี้ทั้งสองคนตื่นแต่เช้า แถมยังคิดจะมาช่วยเขาทำอาหารอีก แต่เหอจิ้งเกากลัวว่าครัวของเขาจะวุ่นวายมากกว่าเขาจึงบอกให้ทั้งคู่ไปนั่งดูทีวีรอก่อน ฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงได้แต่พากันหน้างอที่เหอจิ้งเกาไม่ให้พวกเขาช่วย เหอจิ้งเกาหัวเราะเบา ๆ กับสีหน้าของสองแม่ลูก เขาให้เหตุผลว่าทั้งสองคนทำอาหารไม่เป็น แถมอีกคนหนึ่งกำลังท้อง ส่วนเสี่ยวหมิงก็ตัวเล็กเกินไปที่จะช่วยเขาหยิบจับอะไรได้ ฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงพอได้ฟังเหตุผลของเหอจิ้งเกาก็ได้แต่หันมองหน้ากันแล้วเดินช้า ๆ ไปที่โซฟาเพื่อดูทีวีรออย
สามวันต่อมา เหอจิ้งเกาที่สะสางงานกองใหญ่เสร็จแล้วก็ทำอาหารเช้าโดยบอกสองแม่ลูกว่าวันนี้เขาจะพาไปเที่ยวสวนสนุก ทั้งสองคนต่างดีใจกันใหญ่ โดยบอกว่าหลังอาหารเช้า พวกเขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้สะดวกต่อการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก“คุณจะเล่นอะไรอันตรายไม่ได้นะ คุณกำลังท้องอยู่ ลูกเองก็ด้วยเสี่ยวหมิง เล่นแต่เครื่องเล่นที่เหมาะกับวัยของลูก เข้าใจหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นพ่อจะไม่พาไปเที่ยวอีก”“ตกลงค่ะ/ครับ” สองคนแม่ลูกต่างรีบรับคำเหอจิ้งเกาเหมือนเด็ก ๆ ทำเอาเขาได้แต่จนใจที่ภรรยาตัวน้อยเองก็ดูเหมือนจะอยากเล่นเครื่องเล่นไม่น้อยไปกว่าลูกชายของเขาเลยแม้แต่น้อย หลังอาหาร ทั้งสามคนต่างพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนกันหมด เพื่อให้เข้ากับสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไป โดยที่เสี่ยวหมิงใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นพร้อมเสื
หลังจากเล่นไวกิ้งแล้ว เหอจิ้งเกาก็พาพวกเขาไปยังร้านอาหารเพราะตอนนี้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เหอจิ้งเกาสอบถามฟู่หยุนชิงว่าอยากกินอะไร เขากลัวว่าเธอจะแพ้ท้องอีก ฟู่หยุนชิงที่เห็นอาหารหลายอย่างก็ตอบว่าเธอกินได้ทุกอย่างที่เขาเลือกให้ เหอจิ้งเกาถึงกับยิ้มกว้างออกมาที่ฟู่หยุนชิงบอกเขาแบบนี้ นี่แสดงว่าตอนนี้อาการแพ้ท้องของเธอน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว ส่วนเสี่ยวหมิงนั้นบอกพ่อว่าอยากกินไก่ทอด บอดี้การ์ดที่ได้ยินนายน้อยจึงแยกตัวออกไปซื้อมาให้พวกเขาทันที เหอจิ้งเกาให้เงินสดบอดี้การ์ดไปอีกหนึ่งพันเหรียญเพื่อซื้ออาหารมาให้พวกเขาที่โต๊ะ แทนการเดินไปเลือกเอง ไม่นานนักทุกคนก็นั่งล้อมรอบโต๊ะของเหอจิ้งเกาเหมือนทุกครั้งเพื่อป้องกันคนเข้าใกล้เจ้านายและครอบครัว หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ เหอจิ้งเกาก็พาฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงไปเล่นเครื่องเล่นต่ออีกหลายอย่าง กระทั่งเกือบจะเย็นแล้ว เขาก็พาลูกและภรรยาไปหาอะไรกินบริเวณใกล้ ๆ กับเครื่องเล่นทันที เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะหิวเพราะกำลังท้องอยู่ และอีกสองชั่วโมงจะมีขบวนพาเหรด
ระหว่างที่เหอจิ้งเกากำลังทำอาหารเช้าอยู่นั้น เลขาของเขาก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่าข่าวเรื่องที่เขากับครอบครัวไปเที่ยวสวนสนุกกำลังแพร่ไปทั่วแล้วในเวลาเพียงข้ามวัน เหอจิ้งเกาได้แต่ถอนหายใจกับความตื่นตกใจของเลขาที่ดูจะมากเกินไปหน่อย“มีข่าวออกมาก็ไม่เป็นไร รอให้นักข่าวโทรมาค่อยเปิดแถลงข่าวก็แล้วกัน ผมไม่อยากปิดเรื่องพวกเขาอีกแล้ว ยังไงตอนนี้เสี่ยวหมิงก็โตแล้ว และฟู่หยุนชิงเองก็คงไม่ปฏิเสธที่จะแถลงข่าวพร้อมกับผมหรอก คุณอย่ากังวลนักเลย”“แต่ว่ามันจะดีเหรอครับเจ้านาย ถ้านักข่าวถามว่าเจ้านายแต่งงานกับนายหญิงตอนไหน? เจ้านายจะตอบยังไงล่ะครับ”“ผมก็จะตอบไปตามตรงว่าตั้งแต่สี่ปีก่อนน่ะสิ จะไปยากอะไรกัน แค่บอกนักข่าวไปตรง ๆ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างผมก็ไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิงออกมาเสียหน่อย ผมไม่กลัวหรอกว่าจะมีใครสร้างเรื่องให้ผมกับเธอ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำตามที่เจ้านายบอกนะครับ รอให้นักข่าวโทรมาก
ขบวนของเหอจิ้งเกาที่กำลังเดินเข้าไปยังเวทีที่มีโต๊ะแถลงข่าวตั้งอยู่นั้น ต่างได้รับความสนใจจากผู้คนที่มารวมตัวดูเรื่องสนุก รวมทั้งเหล่านักข่าวที่ต่างพากันถ่ายรูปพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าจะเห็นแต่บอดี้การ์ดเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็สามารถเก็บภาพเอาไว้ได้ก่อนที่เหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแถลงข่าว โดยเหอจิ้งเกาวางเหอเสี่ยวหมิงเอาไว้ตรงกลาง ส่วนเขากับฟู่หยุนชิงก็นั่งประกบลูกชายพร้อมทั้งบอกให้เหอเสี่ยวหมิงอย่ามองแฟลชกล้องที่กำลังถ่ายพวกเขาอยู่เพื่อป้องกันดวงตาน้อย ๆ ของลูกพวกเขา เลขาของเหอจิ้งเกานำไมค์จากทีมงานมากล่าวทักทายเหล่านักข่าว ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเริ่มทำการแถลงข่าวพร้อมกับฟู่หยุนชิง“สวัสดีนักข่าวทุกสำนักที่สนใจเรื่องราวของท่านประธานของเรา วันนี้ท่านประธานและครอบครัวจึงถือโอกาสมาแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนทุกท่าน พร้อมทั้งแขกที่มารอฟังอยู่รอบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท่านประธานกับนายหญิง เชิญท่านประธานกล่า
ฟู่หยุนชิงปรายตามองคนถามอย่างเย็นชา เธอไม่คิดว่าจะต้องตอบคำถามซ้ำกับสามีเช่นนี้“ฉันเองก็พบกับเขาครั้งแรกในกองถ่ายที่เขาว่านั่นแหละค่ะ และเราก็ได้ร่วมงานกันในรายการแข่งขันการเอาตัวรอดอย่างที่ทุกคนเคยดูรายการนี้ไปแล้ว ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนรวย ๆ อย่างเขาจะมีความสามารถมากจนน่าประทับใจอย่างในรายการเช่นกัน แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจนถึงกับขอแต่งงานเอาดื้อ ๆ เมื่อห้าปีก่อนเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา ฉันที่ตัวคนเดียวในตอนนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมากเช่นกัน และฉันก็ไม่ได้คิดผิดที่แต่งงานกับเขา เขาดูแลฉันและลูกดีมากมาตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเสี่ยวหมิงจนกระทั่งถึงทุกวันนี้” จากเสียงที่เย็นชาในตอนแรก แต่พอพูดถึงสามีของตัวเองนั้น น้ำเสียงของฟู่หยุนชิงก็ดูอบอุ่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำเอานักข่าวทั้งหลายต่างกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน ด้วยพวกเขาตามอารมณ์ของเธอไม่ทันนั่นเอง
เสียงกลองศึกดังไปทั่วสนามรบ ทหารมากมายของทั้งแคว้นเหอและแคว้นอู่ต่างสู้รบกันอย่างดุเดือดนานถึงสามวันสามคืนแล้ว พวกเขาเริ่มอ่อนล้าและหิว เพียงแต่หากพวกเขาเผลอแสดงออกว่าอ่อนแรงเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ศัตรูก็คงจะใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาเป็นแน่ ฟู่หยุนชิง แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า ตอนนี้นางกับหยางไป่เฉียวแม่ทัพของแคว้นอู่สู้รบกันมาโดยต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัวกันไปหมดแล้ว เพียงแต่พวกเขาสองคนเป็นผู้นำทัพ ต่างฝ่ายจึงต่างไม่ยอมที่จะเพลี่ยงพล้ำให้คนของตนเองหมดสิ้นกำลังใจ รองแม่ทัพของพวกเขาก็ต่อสู้กันใกล้ ๆ กับท่านแม่ทัพของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทกายใจใช้วรยุทธของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้รองแม่ทัพของแคว้นเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบรองแม่ทัพของแคว้นอู่แล้ว เขามาเป็นรองแม่ทัพโดยที่ทางบ้านไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักแว่นแคว้น เขาจึงอาสาฮ่องเต้ออกรบพร้อมกับฟู่หยุนชิงซึ่งเป็นแม่ทัพ ตัวเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นทหารจะต้องโหดร้ายกับศัตรูมากมายถึงขนาดนี้ เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างตัดคอศัตรูของตนเองจนตกตายไป มีน้อยคนนักที่ตายโดยร่างยังสมบูรณ์ บางคนขาขาดแขน
ฟู่หยุนชิงปรายตามองคนถามอย่างเย็นชา เธอไม่คิดว่าจะต้องตอบคำถามซ้ำกับสามีเช่นนี้“ฉันเองก็พบกับเขาครั้งแรกในกองถ่ายที่เขาว่านั่นแหละค่ะ และเราก็ได้ร่วมงานกันในรายการแข่งขันการเอาตัวรอดอย่างที่ทุกคนเคยดูรายการนี้ไปแล้ว ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนรวย ๆ อย่างเขาจะมีความสามารถมากจนน่าประทับใจอย่างในรายการเช่นกัน แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจนถึงกับขอแต่งงานเอาดื้อ ๆ เมื่อห้าปีก่อนเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา ฉันที่ตัวคนเดียวในตอนนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมากเช่นกัน และฉันก็ไม่ได้คิดผิดที่แต่งงานกับเขา เขาดูแลฉันและลูกดีมากมาตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเสี่ยวหมิงจนกระทั่งถึงทุกวันนี้” จากเสียงที่เย็นชาในตอนแรก แต่พอพูดถึงสามีของตัวเองนั้น น้ำเสียงของฟู่หยุนชิงก็ดูอบอุ่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำเอานักข่าวทั้งหลายต่างกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน ด้วยพวกเขาตามอารมณ์ของเธอไม่ทันนั่นเอง
ขบวนของเหอจิ้งเกาที่กำลังเดินเข้าไปยังเวทีที่มีโต๊ะแถลงข่าวตั้งอยู่นั้น ต่างได้รับความสนใจจากผู้คนที่มารวมตัวดูเรื่องสนุก รวมทั้งเหล่านักข่าวที่ต่างพากันถ่ายรูปพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าจะเห็นแต่บอดี้การ์ดเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็สามารถเก็บภาพเอาไว้ได้ก่อนที่เหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแถลงข่าว โดยเหอจิ้งเกาวางเหอเสี่ยวหมิงเอาไว้ตรงกลาง ส่วนเขากับฟู่หยุนชิงก็นั่งประกบลูกชายพร้อมทั้งบอกให้เหอเสี่ยวหมิงอย่ามองแฟลชกล้องที่กำลังถ่ายพวกเขาอยู่เพื่อป้องกันดวงตาน้อย ๆ ของลูกพวกเขา เลขาของเหอจิ้งเกานำไมค์จากทีมงานมากล่าวทักทายเหล่านักข่าว ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเริ่มทำการแถลงข่าวพร้อมกับฟู่หยุนชิง“สวัสดีนักข่าวทุกสำนักที่สนใจเรื่องราวของท่านประธานของเรา วันนี้ท่านประธานและครอบครัวจึงถือโอกาสมาแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนทุกท่าน พร้อมทั้งแขกที่มารอฟังอยู่รอบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท่านประธานกับนายหญิง เชิญท่านประธานกล่า
ระหว่างที่เหอจิ้งเกากำลังทำอาหารเช้าอยู่นั้น เลขาของเขาก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่าข่าวเรื่องที่เขากับครอบครัวไปเที่ยวสวนสนุกกำลังแพร่ไปทั่วแล้วในเวลาเพียงข้ามวัน เหอจิ้งเกาได้แต่ถอนหายใจกับความตื่นตกใจของเลขาที่ดูจะมากเกินไปหน่อย“มีข่าวออกมาก็ไม่เป็นไร รอให้นักข่าวโทรมาค่อยเปิดแถลงข่าวก็แล้วกัน ผมไม่อยากปิดเรื่องพวกเขาอีกแล้ว ยังไงตอนนี้เสี่ยวหมิงก็โตแล้ว และฟู่หยุนชิงเองก็คงไม่ปฏิเสธที่จะแถลงข่าวพร้อมกับผมหรอก คุณอย่ากังวลนักเลย”“แต่ว่ามันจะดีเหรอครับเจ้านาย ถ้านักข่าวถามว่าเจ้านายแต่งงานกับนายหญิงตอนไหน? เจ้านายจะตอบยังไงล่ะครับ”“ผมก็จะตอบไปตามตรงว่าตั้งแต่สี่ปีก่อนน่ะสิ จะไปยากอะไรกัน แค่บอกนักข่าวไปตรง ๆ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างผมก็ไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิงออกมาเสียหน่อย ผมไม่กลัวหรอกว่าจะมีใครสร้างเรื่องให้ผมกับเธอ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำตามที่เจ้านายบอกนะครับ รอให้นักข่าวโทรมาก
หลังจากเล่นไวกิ้งแล้ว เหอจิ้งเกาก็พาพวกเขาไปยังร้านอาหารเพราะตอนนี้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เหอจิ้งเกาสอบถามฟู่หยุนชิงว่าอยากกินอะไร เขากลัวว่าเธอจะแพ้ท้องอีก ฟู่หยุนชิงที่เห็นอาหารหลายอย่างก็ตอบว่าเธอกินได้ทุกอย่างที่เขาเลือกให้ เหอจิ้งเกาถึงกับยิ้มกว้างออกมาที่ฟู่หยุนชิงบอกเขาแบบนี้ นี่แสดงว่าตอนนี้อาการแพ้ท้องของเธอน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว ส่วนเสี่ยวหมิงนั้นบอกพ่อว่าอยากกินไก่ทอด บอดี้การ์ดที่ได้ยินนายน้อยจึงแยกตัวออกไปซื้อมาให้พวกเขาทันที เหอจิ้งเกาให้เงินสดบอดี้การ์ดไปอีกหนึ่งพันเหรียญเพื่อซื้ออาหารมาให้พวกเขาที่โต๊ะ แทนการเดินไปเลือกเอง ไม่นานนักทุกคนก็นั่งล้อมรอบโต๊ะของเหอจิ้งเกาเหมือนทุกครั้งเพื่อป้องกันคนเข้าใกล้เจ้านายและครอบครัว หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ เหอจิ้งเกาก็พาฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงไปเล่นเครื่องเล่นต่ออีกหลายอย่าง กระทั่งเกือบจะเย็นแล้ว เขาก็พาลูกและภรรยาไปหาอะไรกินบริเวณใกล้ ๆ กับเครื่องเล่นทันที เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะหิวเพราะกำลังท้องอยู่ และอีกสองชั่วโมงจะมีขบวนพาเหรด
สามวันต่อมา เหอจิ้งเกาที่สะสางงานกองใหญ่เสร็จแล้วก็ทำอาหารเช้าโดยบอกสองแม่ลูกว่าวันนี้เขาจะพาไปเที่ยวสวนสนุก ทั้งสองคนต่างดีใจกันใหญ่ โดยบอกว่าหลังอาหารเช้า พวกเขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้สะดวกต่อการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก“คุณจะเล่นอะไรอันตรายไม่ได้นะ คุณกำลังท้องอยู่ ลูกเองก็ด้วยเสี่ยวหมิง เล่นแต่เครื่องเล่นที่เหมาะกับวัยของลูก เข้าใจหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นพ่อจะไม่พาไปเที่ยวอีก”“ตกลงค่ะ/ครับ” สองคนแม่ลูกต่างรีบรับคำเหอจิ้งเกาเหมือนเด็ก ๆ ทำเอาเขาได้แต่จนใจที่ภรรยาตัวน้อยเองก็ดูเหมือนจะอยากเล่นเครื่องเล่นไม่น้อยไปกว่าลูกชายของเขาเลยแม้แต่น้อย หลังอาหาร ทั้งสามคนต่างพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนกันหมด เพื่อให้เข้ากับสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไป โดยที่เสี่ยวหมิงใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นพร้อมเสื
ฟู่หยุนชิงรอลูกชายเข้าไปอาบน้ำไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่เธอเลือกให้ ตอนนี้ฟู่หยุนชิงเชื่อแล้วว่าลูกชายของเธอดูแลตัวเองได้จริง ๆ เมื่อเห็นว่าลูกชายพร้อมแล้ว ฟู่หยุนชิงก็จับมือพาเขาเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปดูเหอจิ้งเกาที่กำลังทำอาหารอยู่ว่ามีอะไรให้พวกเธอช่วยหรือไม่ เหอจิ้งเกาได้ยินเสียงลูกชายเอ่ยเรียกก็หันศรีษะไปมองแล้วได้แต่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่วันนี้ทั้งสองคนตื่นแต่เช้า แถมยังคิดจะมาช่วยเขาทำอาหารอีก แต่เหอจิ้งเกากลัวว่าครัวของเขาจะวุ่นวายมากกว่าเขาจึงบอกให้ทั้งคู่ไปนั่งดูทีวีรอก่อน ฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงได้แต่พากันหน้างอที่เหอจิ้งเกาไม่ให้พวกเขาช่วย เหอจิ้งเกาหัวเราะเบา ๆ กับสีหน้าของสองแม่ลูก เขาให้เหตุผลว่าทั้งสองคนทำอาหารไม่เป็น แถมอีกคนหนึ่งกำลังท้อง ส่วนเสี่ยวหมิงก็ตัวเล็กเกินไปที่จะช่วยเขาหยิบจับอะไรได้ ฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงพอได้ฟังเหตุผลของเหอจิ้งเกาก็ได้แต่หันมองหน้ากันแล้วเดินช้า ๆ ไปที่โซฟาเพื่อดูทีวีรออย
เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากินอย่างเอร็ดอร่อยก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ สงสัยเขาคงต้องเป็นพ่อครัวทำอาหารให้ภรรยากับลูกชายกินด้วยตัวเองเสียแล้ว แต่เหอจิ้งเกาก็ยังอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ที่ภรรยาของเขาไม่แพ้อาหารที่เขาทำให้เธอ ตรงกันข้าม ฟู่หยุนชิงกลับกินอาหารได้มากกว่าตอนที่อยู่โรงแรมเสียอีก สองคนพ่อลูกได้แต่มองฟู่หยุนชิงกินอาหารได้ไม่นานนัก พวกเขาก็ตั้งสติและเริ่มตักอาหารเพิ่มให้ฟู่หยุนชิงกันยกใหญ่ พวกเขาดีใจมากที่เห็นฟู่หยุนชิงกินอาหารได้มากกว่าก่อนหน้านี้ หลังกินอาหารเสร็จ เหอจิ้งเกาก็เก็บถ้วยชามมาล้างเหมือนเช่นทุกครั้ง ส่วนฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงก็พากันไปนั่งย่อยอาหารที่หน้าทีวี ฟู่หยุนชิงเปิดการ์ตูนให้ลูกชายดู แต่เหอเสี่ยวหมิงกลับชอบดูละครมากกว่า ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่ตามใจลูกชายตัวน้อยของเธอ ไม่นานนักเหอจิ้งเกาก็นำยากับน้ำมาให้ฟู่หยุนชิงกินหลังอาหาร เธอในตอนแรกไม่อยากกินยานัก เพราะตอ
ในช่วงหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา เหอจิ้งเกากับเหอเสี่ยวหมิงยังคอยดูฟู่หยุนชิงที่กองถ่ายจนกระทั่งหนังเรื่องนี้ถ่ายจบเสียที เหอจิ้งเกาสังเกตว่าช่วงสองสัปดาห์มานี้ภรรยาของเขามักจะกินอะไรก็อาเจียนออกมาบ่อย ๆ ทำให้เหอจิ้งเกาอยากพาเธอไปตรวจเสียให้สิ้นความสงสัย เพียงแต่เธอนั้นอยากถ่ายทำงานให้เสร็จเสียก่อนค่อยไปตรวจที่เมืองหลวงก็ยังไม่สาย เหอจิ้งเกาจึงได้แต่ตามใจภรรยา ส่วนเหอเสี่ยวหมิงก็คอยดูแลแม่ของเขาที่ดูเหมือนจะไม่สบายอยู่ตลอดเช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การเป็นกำลังใจให้แม่ของเขานั้น เหอเสี่ยวหมิงทำได้ดีมากจริง ๆ ผู้กำกับมาแจ้งเหอจิ้งเกาว่าการถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ตัดต่อหนังโดยน่าจะใช้เวลาอีกเกือบหนึ่งเดือนก่อนที่จะวางกำหนดการฉายได้ในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เหอจิ้งเกาพยักหน้าว่าเขารู้แล้ว ก่อนที่จะพาภรรยากับลูกพร้อมบอดี้การ์ดทั้งหมดกลับไปยังเมืองหลวงก่อนผู้กำกับและทีมงาน ซึ่งพวกเขายังต้องมีถ่ายทำนักแสดงสมทบและเหล่าตัวประกอบอีกนิดหน่อยจึงอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน
เมื่อเหอจิ้งเกาเดินกลับมานั่งที่ระเบียงกับฟู่หยุนชิง เขาเห็นเธอกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ จึงได้แต่คาดเดาความคิดของเธอลองดู พอฟู่หยุนชิงเห็นว่าเหอจิ้งเกากลับมาแล้ว เธอก็สอบถามความเห็นของเขาอีกครั้ง“คุณแน่ใจเหรอว่าจะมีลูกอีกคน ฉันไม่อยากทำให้คุณลำบาก”“ลำบากอะไรกัน คุณก็คิดมากเกินไป นี่คุณอยู่กับผมมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ”“ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา คุณไม่เคยบอกอะไรฉันสักหน่อย” ฟู่หยุนชิงพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเขินอาย ความจริงเธอเห็นความน่ารักในการดูแลเอาใจใส่จากเขามาตลอดหลายปี เพียงแต่เธอไม่อยากคิดไปเองก็เท่านั้น เหอจิ้งเกาเห็นอาการเขินอายของภรรยาก็ได้แต่อมยิ้มแล้วเอื้อมมือยาวของเขาไปกอดฟู่หยุนชิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างถือสิทธิ์“ผมรักคุณกับ