หลังจากเล่นไวกิ้งแล้ว เหอจิ้งเกาก็พาพวกเขาไปยังร้านอาหารเพราะตอนนี้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เหอจิ้งเกาสอบถามฟู่หยุนชิงว่าอยากกินอะไร เขากลัวว่าเธอจะแพ้ท้องอีก ฟู่หยุนชิงที่เห็นอาหารหลายอย่างก็ตอบว่าเธอกินได้ทุกอย่างที่เขาเลือกให้ เหอจิ้งเกาถึงกับยิ้มกว้างออกมาที่ฟู่หยุนชิงบอกเขาแบบนี้ นี่แสดงว่าตอนนี้อาการแพ้ท้องของเธอน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว ส่วนเสี่ยวหมิงนั้นบอกพ่อว่าอยากกินไก่ทอด บอดี้การ์ดที่ได้ยินนายน้อยจึงแยกตัวออกไปซื้อมาให้พวกเขาทันที เหอจิ้งเกาให้เงินสดบอดี้การ์ดไปอีกหนึ่งพันเหรียญเพื่อซื้ออาหารมาให้พวกเขาที่โต๊ะ แทนการเดินไปเลือกเอง ไม่นานนักทุกคนก็นั่งล้อมรอบโต๊ะของเหอจิ้งเกาเหมือนทุกครั้งเพื่อป้องกันคนเข้าใกล้เจ้านายและครอบครัว
หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ เหอจิ้งเกาก็พาฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงไปเล่นเครื่องเล่นต่ออีกหลายอย่าง กระทั่งเกือบจะเย็นแล้ว เขาก็พาลูกและภรรยาไปหาอะไรกินบริเวณใกล้ ๆ กับเครื่องเล่นทันที เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะหิวเพราะกำลังท้องอยู่ และอีกสองชั่วโมงจะมีขบวนพาเหรด
ระหว่างที่เหอจิ้งเกากำลังทำอาหารเช้าอยู่นั้น เลขาของเขาก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่าข่าวเรื่องที่เขากับครอบครัวไปเที่ยวสวนสนุกกำลังแพร่ไปทั่วแล้วในเวลาเพียงข้ามวัน เหอจิ้งเกาได้แต่ถอนหายใจกับความตื่นตกใจของเลขาที่ดูจะมากเกินไปหน่อย“มีข่าวออกมาก็ไม่เป็นไร รอให้นักข่าวโทรมาค่อยเปิดแถลงข่าวก็แล้วกัน ผมไม่อยากปิดเรื่องพวกเขาอีกแล้ว ยังไงตอนนี้เสี่ยวหมิงก็โตแล้ว และฟู่หยุนชิงเองก็คงไม่ปฏิเสธที่จะแถลงข่าวพร้อมกับผมหรอก คุณอย่ากังวลนักเลย”“แต่ว่ามันจะดีเหรอครับเจ้านาย ถ้านักข่าวถามว่าเจ้านายแต่งงานกับนายหญิงตอนไหน? เจ้านายจะตอบยังไงล่ะครับ”“ผมก็จะตอบไปตามตรงว่าตั้งแต่สี่ปีก่อนน่ะสิ จะไปยากอะไรกัน แค่บอกนักข่าวไปตรง ๆ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างผมก็ไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิงออกมาเสียหน่อย ผมไม่กลัวหรอกว่าจะมีใครสร้างเรื่องให้ผมกับเธอ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำตามที่เจ้านายบอกนะครับ รอให้นักข่าวโทรมาก
ขบวนของเหอจิ้งเกาที่กำลังเดินเข้าไปยังเวทีที่มีโต๊ะแถลงข่าวตั้งอยู่นั้น ต่างได้รับความสนใจจากผู้คนที่มารวมตัวดูเรื่องสนุก รวมทั้งเหล่านักข่าวที่ต่างพากันถ่ายรูปพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าจะเห็นแต่บอดี้การ์ดเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็สามารถเก็บภาพเอาไว้ได้ก่อนที่เหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแถลงข่าว โดยเหอจิ้งเกาวางเหอเสี่ยวหมิงเอาไว้ตรงกลาง ส่วนเขากับฟู่หยุนชิงก็นั่งประกบลูกชายพร้อมทั้งบอกให้เหอเสี่ยวหมิงอย่ามองแฟลชกล้องที่กำลังถ่ายพวกเขาอยู่เพื่อป้องกันดวงตาน้อย ๆ ของลูกพวกเขา เลขาของเหอจิ้งเกานำไมค์จากทีมงานมากล่าวทักทายเหล่านักข่าว ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเริ่มทำการแถลงข่าวพร้อมกับฟู่หยุนชิง“สวัสดีนักข่าวทุกสำนักที่สนใจเรื่องราวของท่านประธานของเรา วันนี้ท่านประธานและครอบครัวจึงถือโอกาสมาแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนทุกท่าน พร้อมทั้งแขกที่มารอฟังอยู่รอบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท่านประธานกับนายหญิง เชิญท่านประธานกล่า
ฟู่หยุนชิงปรายตามองคนถามอย่างเย็นชา เธอไม่คิดว่าจะต้องตอบคำถามซ้ำกับสามีเช่นนี้“ฉันเองก็พบกับเขาครั้งแรกในกองถ่ายที่เขาว่านั่นแหละค่ะ และเราก็ได้ร่วมงานกันในรายการแข่งขันการเอาตัวรอดอย่างที่ทุกคนเคยดูรายการนี้ไปแล้ว ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนรวย ๆ อย่างเขาจะมีความสามารถมากจนน่าประทับใจอย่างในรายการเช่นกัน แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจนถึงกับขอแต่งงานเอาดื้อ ๆ เมื่อห้าปีก่อนเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา ฉันที่ตัวคนเดียวในตอนนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมากเช่นกัน และฉันก็ไม่ได้คิดผิดที่แต่งงานกับเขา เขาดูแลฉันและลูกดีมากมาตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเสี่ยวหมิงจนกระทั่งถึงทุกวันนี้” จากเสียงที่เย็นชาในตอนแรก แต่พอพูดถึงสามีของตัวเองนั้น น้ำเสียงของฟู่หยุนชิงก็ดูอบอุ่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำเอานักข่าวทั้งหลายต่างกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน ด้วยพวกเขาตามอารมณ์ของเธอไม่ทันนั่นเอง
เสียงกลองศึกดังไปทั่วสนามรบ ทหารมากมายของทั้งแคว้นเหอและแคว้นอู่ต่างสู้รบกันอย่างดุเดือดนานถึงสามวันสามคืนแล้ว พวกเขาเริ่มอ่อนล้าและหิว เพียงแต่หากพวกเขาเผลอแสดงออกว่าอ่อนแรงเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ศัตรูก็คงจะใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาเป็นแน่ ฟู่หยุนชิง แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า ตอนนี้นางกับหยางไป่เฉียวแม่ทัพของแคว้นอู่สู้รบกันมาโดยต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัวกันไปหมดแล้ว เพียงแต่พวกเขาสองคนเป็นผู้นำทัพ ต่างฝ่ายจึงต่างไม่ยอมที่จะเพลี่ยงพล้ำให้คนของตนเองหมดสิ้นกำลังใจ รองแม่ทัพของพวกเขาก็ต่อสู้กันใกล้ ๆ กับท่านแม่ทัพของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทกายใจใช้วรยุทธของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้รองแม่ทัพของแคว้นเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบรองแม่ทัพของแคว้นอู่แล้ว เขามาเป็นรองแม่ทัพโดยที่ทางบ้านไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักแว่นแคว้น เขาจึงอาสาฮ่องเต้ออกรบพร้อมกับฟู่หยุนชิงซึ่งเป็นแม่ทัพ ตัวเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นทหารจะต้องโหดร้ายกับศัตรูมากมายถึงขนาดนี้ เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างตัดคอศัตรูของตนเองจนตกตายไป มีน้อยคนนักที่ตายโดยร่างยังสมบูรณ์ บางคนขาขาดแขน
เทพแห่งดวงชะตาที่เมตตาสงสารโชคชะตาของฟู่หยุนชิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีแล้ว แต่กลับถูกเหล่าขุนนางที่ไม่ยอมรับนางถวายฎีกาให้สังหารนางอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้ เทพแห่งดวงชะตาจึงฝืนกฎของตนเองช่วยนำวิญญาณของฟู่หยุนชิงไปที่อีกภพหนึ่งซึ่งมีคนชื่อเดียวกับนางเพิ่งเสียชีวิตลงเช่นกัน ฟู่หยุนชิงที่เป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วได้แต่แปลกใจที่ได้ยินเสียงเหมือนผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดกับนางแต่นางมองไม่เห็นตัวเขา เขาบอกนางว่าจะพานางไปยังภพอื่นและยังขอให้นางใช้ชีวิตใหม่ในภพนั้นให้ดี อย่าได้คิดถึงเรื่องราวในภพนี้อีกเลย จากนั้นเสียงนั้นก็หายไปพร้อมกับสติของนาง ฟู่หยุนชิง นักแสดงปลายแถวที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นนักแสดงสมทบเพราะคนเก่าบาดเจ็บก็ซุ่มซ่ามจนตกลงไปในสระน้ำลึกสองเมตรทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นจนเธอต้องตายลง เธอได้แต่มองร่างไร้วิญญาณของตนเองที่ถูกคนช่วยขึ้นมาพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เธออย่างดี เธอรู้ดีว่าเธอหมดบุญในชาตินี้แล้วจึงไม่ได้เสียใจอะไร อย่างไรในภพนี้เธอก็ไม่มีครอบครัวให้กังวลแต่แรกแล้ว เธอต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่ยังเด็ก การตายของเธอครั้งนี้ทำให้เธอหลุดพ้นจากชีวิตที่ต้อ
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอทาครีมต่าง ๆ ที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมเพื่อรักษาผิวให้ดี ไม่แห้งกร้านเหมือนตัวเธอเองในภพชาติก่อน ฟู่หยุนชิงพยายามหาเสื้อผ้าที่มิดชิดที่สุดที่ร่างเดิมนำมา แต่เธอกลับพบว่าร่างเดิมนั้นมีแต่เสื้อผ้าเปิดหน้า เปิดหลังทั้งนั้น แถมรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่เมื่อวานนี้ก็เดินยากลำบากเสียเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอมีสิ่งของให้เลือกใช้เพียงเท่านี้ ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่สุ่มเสื้อผ้ามาสักตัวแล้วใส่รองเท้าพร้อมถือบทเตรียมลงไปทานอาหารเช้าที่ล็อบบี้โรงแรม วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าหนาเตอะอย่างที่ร่างเดิมทำ เพราะฟู่หยุนชิงรู้สึกว่าการปล่อยให้หน้าเธอเป็นธรรมชาติสวยกว่าการแต่งหน้าเป็นไหน ๆ ฟู่หยุนชิงปิดล็อคประตูก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์เหมือนกับเมื่อวานที่ทีมงานพาเธอมาส่ง เรื่องพวกนี้ร่างเดิมมีความทรงจำเก่าทำให้เธอไม่ลำบากในการใช้สิ่งของแปลก ๆ หลายอย่างในภพชาตินี้ เมื่อลงลิฟท์ไปถึงล็อบบี้แล้ว ฟู่หยุนชิงเห็นทีมงานไปตักอาหารมานั่งกินกันบ้างแล้ว นับว่าเธอไม่ได้ลงมาสายนัก ฟู่หยุนชิงคนเก่ามีนิสัยร่าเริง แต่เธอเป็นคนเงียบ ๆ ฟู่หยุนชิงท
เดินไปไม่นานนัก ฟู่หยุนชิงก็มาถึงสถานที่ถ่ายทำ เธอถูกทีมงานเรียกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ไหนเธอจะต้องทำผมและแต่งหน้าอีก กว่าจะเสร็จก็คงจะใช้เวลามากพอสมควร ฟู่หยุนชิงได้แต่พยักหน้ายิ้มรับและเดิมตามทีมงานคนนั้นไปอย่างช้าๆ ตามความเคยชิน ทีมงานที่นำทางเธอได้แต่คิดในใจว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไรกัน ปกติฟู่หยุนชิงจะเดินเร็ว ๆ เพื่อมาพูดคุยกับพวกเขาเรื่องต่าง ๆ บ่อย ๆ แต่วันนี้เธอกลับเดิมตามมาอย่างเรียบร้อยเหมือนกับผ้าพับไว้ จะไม่ให้เธอคิดว่าฟู่หยุนชิงเปลี่ยนไปได้อย่างไรกัน เดินกันไม่นานนักก็ถึงห้องแต่งตัว ฟู่หยุนชิงสอบถามว่าจะให้เธอใส่ชุดไหน ทีมงานชี้และบอกว่าวันนี้ให้เธอใส่ชุดสีเหลืองที่แขวนอยู่ ฟู่หยุนชิงพยักหน้ารับแล้วเดินไปเอาชุดที่ว่าเข้าไปเปลี่ยนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งทำเพียงใช้ฉากกั้นเอาไว้เท่านั้น ซึ่งการทำเป็นฉากกั้นเช่นนี้ตัวเธอเองเคยชินไปเสียแล้วกับชาติภพก่อน นับว่าเรื่องนี้ไม่แตกต่างจากการอยู่ในภพเดิมของเธอมากนัก หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ฟู่หยุนชิงก็ไปนั่งรอให้ทีมงานมาแต่งหน้าและทำผมให้เธอ อีกไม่นานเธอจะต้องเข้าร่วมแสดงฉากใน
ผู้กำกับสั่งให้นักแสดงเริ่มฉากแรกในเวลาไม่นานนักหลังจากทุกคนซ้อมบทกันแล้ว เหล่านักแสดงทั้งนักแสดงนำและตัวประกอบแสดงในฉากก่อนเริ่มงานเลี้ยงได้อย่างไม่ผิดพลาด ไม่นานนักผู้กำกับก็พอใจกับผลงานและสั่งคัตทันที ฟู่หยุนชิงพอได้ยินเสียงคัตแล้วก็รู้ว่าตอนนี้ต้องถึงคราวเธอเข้าฉากแล้ว เธอเดินอย่างช้า ๆ เข้าไปรอก่อนเข้าฉากตามบทบาทที่เธอได้รับ เหล่านักแสดงทั้งหมดที่ต้องเข้าฉาก รวมทั้งทีมงานต่างตกตะลึงกับเพียงแค่ท่าเดินของฟู่หยุนชิง พวกเขาไม่คิดว่าฟู่หยุนชิงจะแสดงเข้าถึงบทบาทได้เสียขนาดนี้ แม้แต่ตัวนางเอกอย่างหวงเหมยหงยังไม่สามารถแสดงท่าเดินตามมารยาทได้ดีเท่ากับฟู่หยุนชิงเลย ผู้กำกับกับผู้เขียนบทที่เห็นเช่นนี้ต่างก็พยักหน้าอย่างพอใจ ผู้กำกับเห็นว่าทุกคนพร้อมที่จะถ่ายฉากต่อไปแล้วจึงได้สั่งให้เริ่มการแสดงทันที เขาไม่อยากทิ้งเวลาให้เสียเปล่า ในเมื่อนักแสดงต่างพร้อมแล้วเขาก็สั่งแอคชั่น ฟู่หยุนชิงที่ได้ยินเสียงให้เริ่มการแสดง เธอเดินไปตามบทบาทที่ได้รับเข้าไปยังงานเลี้ยงซึ่งมีเหล่าขุนนางและครอบครัวมากมายมารวมกันอยู่ ต่างคนต่างเกาะกลุ่มกันเพื่อพูดคุย ยกเว้นนางที่ไม่สนิทกับใครในท
ฟู่หยุนชิงปรายตามองคนถามอย่างเย็นชา เธอไม่คิดว่าจะต้องตอบคำถามซ้ำกับสามีเช่นนี้“ฉันเองก็พบกับเขาครั้งแรกในกองถ่ายที่เขาว่านั่นแหละค่ะ และเราก็ได้ร่วมงานกันในรายการแข่งขันการเอาตัวรอดอย่างที่ทุกคนเคยดูรายการนี้ไปแล้ว ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนรวย ๆ อย่างเขาจะมีความสามารถมากจนน่าประทับใจอย่างในรายการเช่นกัน แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจนถึงกับขอแต่งงานเอาดื้อ ๆ เมื่อห้าปีก่อนเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา ฉันที่ตัวคนเดียวในตอนนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมากเช่นกัน และฉันก็ไม่ได้คิดผิดที่แต่งงานกับเขา เขาดูแลฉันและลูกดีมากมาตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเสี่ยวหมิงจนกระทั่งถึงทุกวันนี้” จากเสียงที่เย็นชาในตอนแรก แต่พอพูดถึงสามีของตัวเองนั้น น้ำเสียงของฟู่หยุนชิงก็ดูอบอุ่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำเอานักข่าวทั้งหลายต่างกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน ด้วยพวกเขาตามอารมณ์ของเธอไม่ทันนั่นเอง
ขบวนของเหอจิ้งเกาที่กำลังเดินเข้าไปยังเวทีที่มีโต๊ะแถลงข่าวตั้งอยู่นั้น ต่างได้รับความสนใจจากผู้คนที่มารวมตัวดูเรื่องสนุก รวมทั้งเหล่านักข่าวที่ต่างพากันถ่ายรูปพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าจะเห็นแต่บอดี้การ์ดเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็สามารถเก็บภาพเอาไว้ได้ก่อนที่เหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแถลงข่าว โดยเหอจิ้งเกาวางเหอเสี่ยวหมิงเอาไว้ตรงกลาง ส่วนเขากับฟู่หยุนชิงก็นั่งประกบลูกชายพร้อมทั้งบอกให้เหอเสี่ยวหมิงอย่ามองแฟลชกล้องที่กำลังถ่ายพวกเขาอยู่เพื่อป้องกันดวงตาน้อย ๆ ของลูกพวกเขา เลขาของเหอจิ้งเกานำไมค์จากทีมงานมากล่าวทักทายเหล่านักข่าว ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเริ่มทำการแถลงข่าวพร้อมกับฟู่หยุนชิง“สวัสดีนักข่าวทุกสำนักที่สนใจเรื่องราวของท่านประธานของเรา วันนี้ท่านประธานและครอบครัวจึงถือโอกาสมาแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนทุกท่าน พร้อมทั้งแขกที่มารอฟังอยู่รอบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท่านประธานกับนายหญิง เชิญท่านประธานกล่า
ระหว่างที่เหอจิ้งเกากำลังทำอาหารเช้าอยู่นั้น เลขาของเขาก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่าข่าวเรื่องที่เขากับครอบครัวไปเที่ยวสวนสนุกกำลังแพร่ไปทั่วแล้วในเวลาเพียงข้ามวัน เหอจิ้งเกาได้แต่ถอนหายใจกับความตื่นตกใจของเลขาที่ดูจะมากเกินไปหน่อย“มีข่าวออกมาก็ไม่เป็นไร รอให้นักข่าวโทรมาค่อยเปิดแถลงข่าวก็แล้วกัน ผมไม่อยากปิดเรื่องพวกเขาอีกแล้ว ยังไงตอนนี้เสี่ยวหมิงก็โตแล้ว และฟู่หยุนชิงเองก็คงไม่ปฏิเสธที่จะแถลงข่าวพร้อมกับผมหรอก คุณอย่ากังวลนักเลย”“แต่ว่ามันจะดีเหรอครับเจ้านาย ถ้านักข่าวถามว่าเจ้านายแต่งงานกับนายหญิงตอนไหน? เจ้านายจะตอบยังไงล่ะครับ”“ผมก็จะตอบไปตามตรงว่าตั้งแต่สี่ปีก่อนน่ะสิ จะไปยากอะไรกัน แค่บอกนักข่าวไปตรง ๆ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง อีกอย่างผมก็ไม่เคยมีข่าวเรื่องผู้หญิงออกมาเสียหน่อย ผมไม่กลัวหรอกว่าจะมีใครสร้างเรื่องให้ผมกับเธอ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำตามที่เจ้านายบอกนะครับ รอให้นักข่าวโทรมาก
หลังจากเล่นไวกิ้งแล้ว เหอจิ้งเกาก็พาพวกเขาไปยังร้านอาหารเพราะตอนนี้ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เหอจิ้งเกาสอบถามฟู่หยุนชิงว่าอยากกินอะไร เขากลัวว่าเธอจะแพ้ท้องอีก ฟู่หยุนชิงที่เห็นอาหารหลายอย่างก็ตอบว่าเธอกินได้ทุกอย่างที่เขาเลือกให้ เหอจิ้งเกาถึงกับยิ้มกว้างออกมาที่ฟู่หยุนชิงบอกเขาแบบนี้ นี่แสดงว่าตอนนี้อาการแพ้ท้องของเธอน่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว ส่วนเสี่ยวหมิงนั้นบอกพ่อว่าอยากกินไก่ทอด บอดี้การ์ดที่ได้ยินนายน้อยจึงแยกตัวออกไปซื้อมาให้พวกเขาทันที เหอจิ้งเกาให้เงินสดบอดี้การ์ดไปอีกหนึ่งพันเหรียญเพื่อซื้ออาหารมาให้พวกเขาที่โต๊ะ แทนการเดินไปเลือกเอง ไม่นานนักทุกคนก็นั่งล้อมรอบโต๊ะของเหอจิ้งเกาเหมือนทุกครั้งเพื่อป้องกันคนเข้าใกล้เจ้านายและครอบครัว หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ เหอจิ้งเกาก็พาฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงไปเล่นเครื่องเล่นต่ออีกหลายอย่าง กระทั่งเกือบจะเย็นแล้ว เขาก็พาลูกและภรรยาไปหาอะไรกินบริเวณใกล้ ๆ กับเครื่องเล่นทันที เขากลัวว่าฟู่หยุนชิงจะหิวเพราะกำลังท้องอยู่ และอีกสองชั่วโมงจะมีขบวนพาเหรด
สามวันต่อมา เหอจิ้งเกาที่สะสางงานกองใหญ่เสร็จแล้วก็ทำอาหารเช้าโดยบอกสองแม่ลูกว่าวันนี้เขาจะพาไปเที่ยวสวนสนุก ทั้งสองคนต่างดีใจกันใหญ่ โดยบอกว่าหลังอาหารเช้า พวกเขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้สะดวกต่อการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุก“คุณจะเล่นอะไรอันตรายไม่ได้นะ คุณกำลังท้องอยู่ ลูกเองก็ด้วยเสี่ยวหมิง เล่นแต่เครื่องเล่นที่เหมาะกับวัยของลูก เข้าใจหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นพ่อจะไม่พาไปเที่ยวอีก”“ตกลงค่ะ/ครับ” สองคนแม่ลูกต่างรีบรับคำเหอจิ้งเกาเหมือนเด็ก ๆ ทำเอาเขาได้แต่จนใจที่ภรรยาตัวน้อยเองก็ดูเหมือนจะอยากเล่นเครื่องเล่นไม่น้อยไปกว่าลูกชายของเขาเลยแม้แต่น้อย หลังอาหาร ทั้งสามคนต่างพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์เหมือนกันหมด เพื่อให้เข้ากับสถานที่ที่พวกเขากำลังจะไป โดยที่เสี่ยวหมิงใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นพร้อมเสื
ฟู่หยุนชิงรอลูกชายเข้าไปอาบน้ำไม่นานเขาก็ออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่เธอเลือกให้ ตอนนี้ฟู่หยุนชิงเชื่อแล้วว่าลูกชายของเธอดูแลตัวเองได้จริง ๆ เมื่อเห็นว่าลูกชายพร้อมแล้ว ฟู่หยุนชิงก็จับมือพาเขาเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปดูเหอจิ้งเกาที่กำลังทำอาหารอยู่ว่ามีอะไรให้พวกเธอช่วยหรือไม่ เหอจิ้งเกาได้ยินเสียงลูกชายเอ่ยเรียกก็หันศรีษะไปมองแล้วได้แต่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่วันนี้ทั้งสองคนตื่นแต่เช้า แถมยังคิดจะมาช่วยเขาทำอาหารอีก แต่เหอจิ้งเกากลัวว่าครัวของเขาจะวุ่นวายมากกว่าเขาจึงบอกให้ทั้งคู่ไปนั่งดูทีวีรอก่อน ฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงได้แต่พากันหน้างอที่เหอจิ้งเกาไม่ให้พวกเขาช่วย เหอจิ้งเกาหัวเราะเบา ๆ กับสีหน้าของสองแม่ลูก เขาให้เหตุผลว่าทั้งสองคนทำอาหารไม่เป็น แถมอีกคนหนึ่งกำลังท้อง ส่วนเสี่ยวหมิงก็ตัวเล็กเกินไปที่จะช่วยเขาหยิบจับอะไรได้ ฟู่หยุนชิงกับเสี่ยวหมิงพอได้ฟังเหตุผลของเหอจิ้งเกาก็ได้แต่หันมองหน้ากันแล้วเดินช้า ๆ ไปที่โซฟาเพื่อดูทีวีรออย
เหอจิ้งเกาเห็นว่าภรรยากินอย่างเอร็ดอร่อยก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ สงสัยเขาคงต้องเป็นพ่อครัวทำอาหารให้ภรรยากับลูกชายกินด้วยตัวเองเสียแล้ว แต่เหอจิ้งเกาก็ยังอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ที่ภรรยาของเขาไม่แพ้อาหารที่เขาทำให้เธอ ตรงกันข้าม ฟู่หยุนชิงกลับกินอาหารได้มากกว่าตอนที่อยู่โรงแรมเสียอีก สองคนพ่อลูกได้แต่มองฟู่หยุนชิงกินอาหารได้ไม่นานนัก พวกเขาก็ตั้งสติและเริ่มตักอาหารเพิ่มให้ฟู่หยุนชิงกันยกใหญ่ พวกเขาดีใจมากที่เห็นฟู่หยุนชิงกินอาหารได้มากกว่าก่อนหน้านี้ หลังกินอาหารเสร็จ เหอจิ้งเกาก็เก็บถ้วยชามมาล้างเหมือนเช่นทุกครั้ง ส่วนฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงก็พากันไปนั่งย่อยอาหารที่หน้าทีวี ฟู่หยุนชิงเปิดการ์ตูนให้ลูกชายดู แต่เหอเสี่ยวหมิงกลับชอบดูละครมากกว่า ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่ตามใจลูกชายตัวน้อยของเธอ ไม่นานนักเหอจิ้งเกาก็นำยากับน้ำมาให้ฟู่หยุนชิงกินหลังอาหาร เธอในตอนแรกไม่อยากกินยานัก เพราะตอ
ในช่วงหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา เหอจิ้งเกากับเหอเสี่ยวหมิงยังคอยดูฟู่หยุนชิงที่กองถ่ายจนกระทั่งหนังเรื่องนี้ถ่ายจบเสียที เหอจิ้งเกาสังเกตว่าช่วงสองสัปดาห์มานี้ภรรยาของเขามักจะกินอะไรก็อาเจียนออกมาบ่อย ๆ ทำให้เหอจิ้งเกาอยากพาเธอไปตรวจเสียให้สิ้นความสงสัย เพียงแต่เธอนั้นอยากถ่ายทำงานให้เสร็จเสียก่อนค่อยไปตรวจที่เมืองหลวงก็ยังไม่สาย เหอจิ้งเกาจึงได้แต่ตามใจภรรยา ส่วนเหอเสี่ยวหมิงก็คอยดูแลแม่ของเขาที่ดูเหมือนจะไม่สบายอยู่ตลอดเช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่การเป็นกำลังใจให้แม่ของเขานั้น เหอเสี่ยวหมิงทำได้ดีมากจริง ๆ ผู้กำกับมาแจ้งเหอจิ้งเกาว่าการถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ตัดต่อหนังโดยน่าจะใช้เวลาอีกเกือบหนึ่งเดือนก่อนที่จะวางกำหนดการฉายได้ในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ เหอจิ้งเกาพยักหน้าว่าเขารู้แล้ว ก่อนที่จะพาภรรยากับลูกพร้อมบอดี้การ์ดทั้งหมดกลับไปยังเมืองหลวงก่อนผู้กำกับและทีมงาน ซึ่งพวกเขายังต้องมีถ่ายทำนักแสดงสมทบและเหล่าตัวประกอบอีกนิดหน่อยจึงอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน
เมื่อเหอจิ้งเกาเดินกลับมานั่งที่ระเบียงกับฟู่หยุนชิง เขาเห็นเธอกำลังนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ จึงได้แต่คาดเดาความคิดของเธอลองดู พอฟู่หยุนชิงเห็นว่าเหอจิ้งเกากลับมาแล้ว เธอก็สอบถามความเห็นของเขาอีกครั้ง“คุณแน่ใจเหรอว่าจะมีลูกอีกคน ฉันไม่อยากทำให้คุณลำบาก”“ลำบากอะไรกัน คุณก็คิดมากเกินไป นี่คุณอยู่กับผมมาหลายปีแล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าผมคิดยังไงกับคุณ”“ฉันไม่รู้จริง ๆ นี่นา คุณไม่เคยบอกอะไรฉันสักหน่อย” ฟู่หยุนชิงพูดจบก็หันหน้าหนีไปทางอื่นอย่างเขินอาย ความจริงเธอเห็นความน่ารักในการดูแลเอาใจใส่จากเขามาตลอดหลายปี เพียงแต่เธอไม่อยากคิดไปเองก็เท่านั้น เหอจิ้งเกาเห็นอาการเขินอายของภรรยาก็ได้แต่อมยิ้มแล้วเอื้อมมือยาวของเขาไปกอดฟู่หยุนชิงเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขาอย่างถือสิทธิ์“ผมรักคุณกับ