เหอจิ้งเกาที่ทำอาหารเสร็จแล้วก็เรียกสองแม่ลูกมาทานข้าว ฟู่หยุนชิงจึงได้บอกลาเหล่าผู้ติดตามในเว่ยป๋อว่าเธอต้องไปทานอาหารเย็นแล้ว และฟู่หยุนชิงยังบอกให้พวกเขาไปทานอาหารด้วยเช่นเดียวกันก่อนจะปิดเว่ยป๋อแล้วลุกขึ้นเดินจูงมือลูกชายไปที่ห้องครัว
“รีบนั่งกันเร็วเข้า วันนี้ผมทำของชอบคุณกับลูกเยอะแยะเลย”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ขอบคุณครับพ่อ”
สองแม่ลูกรีบนั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เหอเสี่ยวหมิงปีนเก้าอี้ขึ้นไปอย่างชำนาญ เหอจิ้งเกาเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ดีใจที่เจ้าตัวเล็กสามารถดูแลตัวเองได้แล้วในอายุเพียงเท่านี้
ระหว่างทานข้าว ฟู่หยุนชิงขออนุญาตเหอจิ้งเกาถ่ายกิจวัตรประจำวันหลังจากย้ายบ้านใหม่ทางเว่ยป๋อ เธออยากอวดพัฒนาการของลูกชายและลูกในท้องให้เหล่าแฟนคลับได้เห็นบ้างหลังจากข่าวออกไปแล้ว
“ได้สิ คุณถ่าย
เลขารีบลงจากรถมาแนะนำชื่อของพ่อบ้าน แม่บ้านทั้งสองคนและคนสวนให้กับเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงรู้จัก เหอจิ้งเกาทำเพียงพยักหน้าให้กับทั้งสี่คน ส่วนฟู่หยุนชิงเองก็ทำเพียงแค่มองพวกเขาด้วยสายตานิ่งเรียบเท่านั้น เหอเสี่ยวหมิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเหอจิ้งเกาได้แต่กระซิบถามพ่อของเขาว่าเขาจะต้องเรียกคนเหล่านี้ว่าอย่างไร“ลูกก็เรียกคุณลุงพ่อบ้าน คุณป้าแม่บ้านกับคุณอาคนสวนสิครับ ตกลงไหม?”“ตกลงครับพ่อ สวัสดีครับลุงพ่อบ้าน ป้าแม่บ้านกับอาคนสวน ผมชื่อเหอเสี่ยวหมิงเป็นลูกชายของคุณพ่อกับคุณแม่ครับ” เหอเสี่ยวหมิงแนะนำตัวเองอย่างน่ารักให้กับผู้อาวุโสกว่าที่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงลูกจ้างของเหอจิ้งเกา แต่เขาก็สอนลูกให้รู้จักเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า ฟู่หยุนชิงได้แต่ลูบหัวของลูกด้วยความรัก เธอดีใจที่เหอจิ้งเกาไม่สอนให้ลูกถือตัวว่าร่ำรวยจนไม่เห็นหัวใคร ยิ่งอยู่กับเหอจิ้งเกานานเข้า ฟู่หยุนชิงก็พบแต่ข้อดีของเขามากขึ้นทุก
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เสียงกลองศึกดังไปทั่วสนามรบ ทหารมากมายของทั้งแคว้นเหอและแคว้นอู่ต่างสู้รบกันอย่างดุเดือดนานถึงสามวันสามคืนแล้ว พวกเขาเริ่มอ่อนล้าและหิว เพียงแต่หากพวกเขาเผลอแสดงออกว่าอ่อนแรงเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ ศัตรูก็คงจะใช้จังหวะนี้สังหารพวกเขาเป็นแน่ ฟู่หยุนชิง แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นเหอเองก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อยล้า ตอนนี้นางกับหยางไป่เฉียวแม่ทัพของแคว้นอู่สู้รบกันมาโดยต่างคนต่างมีบาดแผลเต็มตัวกันไปหมดแล้ว เพียงแต่พวกเขาสองคนเป็นผู้นำทัพ ต่างฝ่ายจึงต่างไม่ยอมที่จะเพลี่ยงพล้ำให้คนของตนเองหมดสิ้นกำลังใจ รองแม่ทัพของพวกเขาก็ต่อสู้กันใกล้ ๆ กับท่านแม่ทัพของตนเอง ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทกายใจใช้วรยุทธของตนเองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้รองแม่ทัพของแคว้นเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบรองแม่ทัพของแคว้นอู่แล้ว เขามาเป็นรองแม่ทัพโดยที่ทางบ้านไม่ยินยอม แต่ด้วยความรักแว่นแคว้น เขาจึงอาสาฮ่องเต้ออกรบพร้อมกับฟู่หยุนชิงซึ่งเป็นแม่ทัพ ตัวเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นทหารจะต้องโหดร้ายกับศัตรูมากมายถึงขนาดนี้ เห็นได้จากการที่ต่างฝ่ายต่างตัดคอศัตรูของตนเองจนตกตายไป มีน้อยคนนักที่ตายโดยร่างยังสมบูรณ์ บางคนขาขาดแขน
เทพแห่งดวงชะตาที่เมตตาสงสารโชคชะตาของฟู่หยุนชิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีแล้ว แต่กลับถูกเหล่าขุนนางที่ไม่ยอมรับนางถวายฎีกาให้สังหารนางอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้ เทพแห่งดวงชะตาจึงฝืนกฎของตนเองช่วยนำวิญญาณของฟู่หยุนชิงไปที่อีกภพหนึ่งซึ่งมีคนชื่อเดียวกับนางเพิ่งเสียชีวิตลงเช่นกัน ฟู่หยุนชิงที่เป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วได้แต่แปลกใจที่ได้ยินเสียงเหมือนผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดกับนางแต่นางมองไม่เห็นตัวเขา เขาบอกนางว่าจะพานางไปยังภพอื่นและยังขอให้นางใช้ชีวิตใหม่ในภพนั้นให้ดี อย่าได้คิดถึงเรื่องราวในภพนี้อีกเลย จากนั้นเสียงนั้นก็หายไปพร้อมกับสติของนาง ฟู่หยุนชิง นักแสดงปลายแถวที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นนักแสดงสมทบเพราะคนเก่าบาดเจ็บก็ซุ่มซ่ามจนตกลงไปในสระน้ำลึกสองเมตรทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นจนเธอต้องตายลง เธอได้แต่มองร่างไร้วิญญาณของตนเองที่ถูกคนช่วยขึ้นมาพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เธออย่างดี เธอรู้ดีว่าเธอหมดบุญในชาตินี้แล้วจึงไม่ได้เสียใจอะไร อย่างไรในภพนี้เธอก็ไม่มีครอบครัวให้กังวลแต่แรกแล้ว เธอต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่ยังเด็ก การตายของเธอครั้งนี้ทำให้เธอหลุดพ้นจากชีวิตที่ต้อ
รุ่งเช้าวันต่อมา ฟู่หยุนชิงรีบอาบน้ำแต่งตัว เธอทาครีมต่าง ๆ ที่อยู่ในความทรงจำของร่างเดิมเพื่อรักษาผิวให้ดี ไม่แห้งกร้านเหมือนตัวเธอเองในภพชาติก่อน ฟู่หยุนชิงพยายามหาเสื้อผ้าที่มิดชิดที่สุดที่ร่างเดิมนำมา แต่เธอกลับพบว่าร่างเดิมนั้นมีแต่เสื้อผ้าเปิดหน้า เปิดหลังทั้งนั้น แถมรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่เมื่อวานนี้ก็เดินยากลำบากเสียเหลือเกิน แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอมีสิ่งของให้เลือกใช้เพียงเท่านี้ ฟู่หยุนชิงจึงได้แต่สุ่มเสื้อผ้ามาสักตัวแล้วใส่รองเท้าพร้อมถือบทเตรียมลงไปทานอาหารเช้าที่ล็อบบี้โรงแรม วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าหนาเตอะอย่างที่ร่างเดิมทำ เพราะฟู่หยุนชิงรู้สึกว่าการปล่อยให้หน้าเธอเป็นธรรมชาติสวยกว่าการแต่งหน้าเป็นไหน ๆ ฟู่หยุนชิงปิดล็อคประตูก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟท์เหมือนกับเมื่อวานที่ทีมงานพาเธอมาส่ง เรื่องพวกนี้ร่างเดิมมีความทรงจำเก่าทำให้เธอไม่ลำบากในการใช้สิ่งของแปลก ๆ หลายอย่างในภพชาตินี้ เมื่อลงลิฟท์ไปถึงล็อบบี้แล้ว ฟู่หยุนชิงเห็นทีมงานไปตักอาหารมานั่งกินกันบ้างแล้ว นับว่าเธอไม่ได้ลงมาสายนัก ฟู่หยุนชิงคนเก่ามีนิสัยร่าเริง แต่เธอเป็นคนเงียบ ๆ ฟู่หยุนชิงท
ระหว่างทางไปยังบริษัท เลขารายงานเรื่องเมื่อวานให้กับเหอจิ้งเกาทราบทุกอย่าง อีกทั้งวันนี้เขาจะไปหาทนายของบริษัทเพื่อให้ทำเรื่องแจ้งความและส่งฟ้องหวงเหมยหงและลี่ลี่อีกครั้งหนึ่ง“คุณทำได้ดีมาก รอสิ้นปีผมจะเพิ่มโบนัสให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกที ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับการช่วยรักษาชื่อเสียงภรรยาของผมก็แล้วกัน”“ขอบคุณครับเจ้านาย” เลขากับบอดี้การ์ดที่ช่วยเหลืองานเมื่อวานนี้ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้รับรางวัลในการทำงานครั้งนี้ด้วย นับว่าเจ้านายใจดีมากขึ้นตั้งแต่มีครอบครัว พวกเขาที่ได้รับเงินเดือนไม่น้อยต่างก็ดีใจที่เจ้านายมีความสุขและเผื่อแผ่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกเขาเช่นนี้ ฟู่หยุนชิงที่อยู่บ้านกับเหอเสี่ยวหมิงวันนี้ เธอเรียกอาหยงกับอาเหว่ยมาสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่สามีทำให้เธออยู่เบื้องหลัง เธอแน่ใจว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที
เหอจิ้งเกาใช้เวลาไม่นานในการซื้อของ เขาอยากรีบกลับไปทำอาหารให้ฟู่หยุนชิงจะแย่แล้ว บอดี้การ์ดเองก็รีบขับรถกลับบ้านให้เจ้านายตามที่พวกเขาเห็นว่าเจ้านายดูเร่งรีบไม่น้อย เมื่อถึงบ้านแล้ว เหอจิ้งเกาก็เห็นพ่อบ้านมายืนรออยู่แล้ว บอดี้การ์ดช่วยถือวัตถุดิบอาหารเข้าไปยังห้องครัวให้กับเหอจิ้งเกา เขาบอกพ่อบ้านว่ามื้อเย็นเขาจะทำอาหารเอง ให้แม่บ้านทำอาหารให้กับพวกบอดี้การ์ดกับพวกเขาก็พอ พ่อบ้านรับคำเหอจิ้งเกาแล้วเดินไปบอกกับแม่บ้านทั้งสองคนให้ไปทำอาหารที่ครัวของอีกตึกหนึ่งซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ คราแรกแม่บ้านทั้งสองคิดว่าเจ้านายไม่พอใจอาหารของพวกเธอก็พากันตกใจไม่น้อย แต่พอพ่อบ้านบอกว่าเจ้านายอยากทำอาหารให้นายหญิงด้วยตัวเองเท่านั้น พวกเธอจึงได้เบาใจลง พวกเธอไม่อยากหางานใหม่เพราะอายุที่มากแล้วและที่นี่ก็ให้ค่าตอบแทนสูงมากอย่างน่าตกใจแต่ก็ต้องแลกมาด้วยการต้องพักที่นี่และทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ช่วยกันทั้งสี่คน  
หวงเหมยหงกับลี่ลี่ที่ถูกเหอจิ้งเกาจัดการไม่ให้มีงานในวงการก่อนหน้านี้พอได้ข่าวเรื่องเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก็ได้แต่คิดอิจฉาและแค้นใจที่เหอจิ้งเกาทำกับพวกเธอแบบนี้ ทั้งสองคนไม่อยากให้พวกเขาอยู่กันอย่างมีความสุขง่าย ๆ จึงได้จ้างโกสต์เพื่อแพร่ข่าวว่าฟู่หยุนชิงวางยาเหอจิ้งเกาจนต้องรับผิดชอบในปีนั้น แถมยังสร้างข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของฟู่หยุนชิงมากมายอีกด้วย เลขาที่ให้คนคอยติดตามข่าวอยู่ตลอดรู้ในทันทีที่มีข่าวแพร่ออกมา เขารีบแจ้งให้เจ้านายทราบอย่างเร่งด่วนว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง“ให้คนสืบว่าใครเป็นคนทำ และปิดข่าวอย่าให้ฟู่หยุนชิงรู้ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายใจ”“ได้ครับเจ้านาย แล้วถ้ารู้ตัวคนทำแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปดีครับ”“ค้นหาเรื่องราวของคนทำที่ทำเรื่องสกปรกออกมาให้หมด แล้วส่งให้สำนักข่าวทุกสำนัก รวมทั้งให้คนกระจายข่าวออกไปตามสื่อโซเชียลด้วย หลังจากได้หลักฐานว่าใครเป็นคนสร้างข่าวเสีย
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว เหอจิ้งเกาให้พ่อบ้านพาเขาไปดูห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เขากับฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิง พ่อบ้านรีบรับคำและเดินนำเจ้านายทั้งสามไปอย่างช้า ๆ เขารู้มาก่อนแล้วว่านายหญิงกำลังท้องอยู่จึงไม่กล้าเดินเร็วเกินไปนักด้วยกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ ถึงแม้ว่าเจ้านายจะจับมือนายหญิงอยู่ก็เถอะ เขาก็ควรจะต้องระวังเอาไว้ให้มากจะดีที่สุด พ่อบ้านพาทุกคนไปดูห้องใหญ่ของเหอจิ้งเกากับฟู่หยุนชิงก่อนที่ปีกซ้ายชั้นสองของบ้าน ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำกว้างขวางในตัว รวมทั้งยังมีตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินที่กว้างพอ ๆ กับห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำและมีประตูเปิดเข้าไปได้ อีกด้านหนึ่งของห้องมีระเบียงกว้าง โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ด้านหลังบ้านซึ่งมองเห็นทะเลสาบและสวนดอกไม้อยู่ ฟู่หยุนชิงกับเหอเสี่ยวหมิงที่เห็นทุกอย่างตามที่พ่อบ้านอธิบายก็พอใจมากกับห้องที่เขาเลือกให้เธอและเหอจิ้งเกา หลังจากที่สำรวจดูคร่าว ๆ แล้ว ฟู่หยุนชิงจึงบอกพ่อบ้า
เลขารีบลงจากรถมาแนะนำชื่อของพ่อบ้าน แม่บ้านทั้งสองคนและคนสวนให้กับเหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงรู้จัก เหอจิ้งเกาทำเพียงพยักหน้าให้กับทั้งสี่คน ส่วนฟู่หยุนชิงเองก็ทำเพียงแค่มองพวกเขาด้วยสายตานิ่งเรียบเท่านั้น เหอเสี่ยวหมิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเหอจิ้งเกาได้แต่กระซิบถามพ่อของเขาว่าเขาจะต้องเรียกคนเหล่านี้ว่าอย่างไร“ลูกก็เรียกคุณลุงพ่อบ้าน คุณป้าแม่บ้านกับคุณอาคนสวนสิครับ ตกลงไหม?”“ตกลงครับพ่อ สวัสดีครับลุงพ่อบ้าน ป้าแม่บ้านกับอาคนสวน ผมชื่อเหอเสี่ยวหมิงเป็นลูกชายของคุณพ่อกับคุณแม่ครับ” เหอเสี่ยวหมิงแนะนำตัวเองอย่างน่ารักให้กับผู้อาวุโสกว่าที่ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงลูกจ้างของเหอจิ้งเกา แต่เขาก็สอนลูกให้รู้จักเคารพผู้ที่มีอายุมากกว่า ฟู่หยุนชิงได้แต่ลูบหัวของลูกด้วยความรัก เธอดีใจที่เหอจิ้งเกาไม่สอนให้ลูกถือตัวว่าร่ำรวยจนไม่เห็นหัวใคร ยิ่งอยู่กับเหอจิ้งเกานานเข้า ฟู่หยุนชิงก็พบแต่ข้อดีของเขามากขึ้นทุก
เหอจิ้งเกาที่ทำอาหารเสร็จแล้วก็เรียกสองแม่ลูกมาทานข้าว ฟู่หยุนชิงจึงได้บอกลาเหล่าผู้ติดตามในเว่ยป๋อว่าเธอต้องไปทานอาหารเย็นแล้ว และฟู่หยุนชิงยังบอกให้พวกเขาไปทานอาหารด้วยเช่นเดียวกันก่อนจะปิดเว่ยป๋อแล้วลุกขึ้นเดินจูงมือลูกชายไปที่ห้องครัว“รีบนั่งกันเร็วเข้า วันนี้ผมทำของชอบคุณกับลูกเยอะแยะเลย”“ขอบคุณมากนะคะ”“ขอบคุณครับพ่อ” สองแม่ลูกรีบนั่งตรงที่ประจำของตัวเอง เหอเสี่ยวหมิงปีนเก้าอี้ขึ้นไปอย่างชำนาญ เหอจิ้งเกาเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ดีใจที่เจ้าตัวเล็กสามารถดูแลตัวเองได้แล้วในอายุเพียงเท่านี้ ระหว่างทานข้าว ฟู่หยุนชิงขออนุญาตเหอจิ้งเกาถ่ายกิจวัตรประจำวันหลังจากย้ายบ้านใหม่ทางเว่ยป๋อ เธออยากอวดพัฒนาการของลูกชายและลูกในท้องให้เหล่าแฟนคลับได้เห็นบ้างหลังจากข่าวออกไปแล้ว“ได้สิ คุณถ่าย
หลังจากทานอาหารกันเสร็จแล้ว ช่วงบ่าย เหอจิ้งเกาก็พาลูกกับภรรยาไปซื้อเสื้อผ้าครอบครัวต่อทันที แน่นอนว่าผู้จัดการแนะนำร้านที่ชั้นสองให้กับเหอจิ้งเกา ซึ่งมีเสื้อผ้าแบรนด์ชั้นนำมากมายจัดจำหน่ายอยู่ เหอจิ้งเอาจึงพาทุกคนเดินลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นดังกล่าว เสียงเล็ก ๆ ของเหอเสี่ยวหมิงแสดงออกว่าดีใจที่จะได้เลือกเสื้อผ้าเองสักที หลังจากที่เขาจะต้องสวมเสื้อผ้าที่พ่อเลือกให้เท่านั้น“นี่ลูกไม่ชอบชุดที่พ่อเลือกให้หรือยังไง หืม?”“ก็ผมโตแล้วนี่ครับ พ่อยังจะให้ผมใส่ชุดนอนพวกหมี หมู วัว กระต่าย พวกนั้นอีกเหรอครับ ขอชุดนอนแบบธรรมดาเหมือนที่พ่อใส่บ้างสิครับ” ฟู่หยุนชิงพอฟังลูกชายบอกว่าตัวเองโตแล้วก็ถึงกับหัวเราะเบา ๆ เจ้าตัวเล็กนี่นะที่โตแล้วยังให้พ่ออุ้มอยู่เลย“ถ้าลูกโตแล้วก็ต้องนอนคนเดียวได้แล้วนะเสี่ยวหมิง ลูกยังอยากโตแล้วอยู่หรือเปล่าล่ะ? อีกอย่างแม่ก็เห็นว่าชุดนอนที่พ่อเลือกให้ก็น่ารักสมวัยกับลูกแล้วนะ”“โธ่ แ
ฟู่หยุนชิงปรายตามองคนถามอย่างเย็นชา เธอไม่คิดว่าจะต้องตอบคำถามซ้ำกับสามีเช่นนี้“ฉันเองก็พบกับเขาครั้งแรกในกองถ่ายที่เขาว่านั่นแหละค่ะ และเราก็ได้ร่วมงานกันในรายการแข่งขันการเอาตัวรอดอย่างที่ทุกคนเคยดูรายการนี้ไปแล้ว ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนรวย ๆ อย่างเขาจะมีความสามารถมากจนน่าประทับใจอย่างในรายการเช่นกัน แต่ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะสนใจนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันจนถึงกับขอแต่งงานเอาดื้อ ๆ เมื่อห้าปีก่อนเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจเขา ฉันที่ตัวคนเดียวในตอนนั้นจึงตอบตกลงอย่างไม่คิดอะไรมากเช่นกัน และฉันก็ไม่ได้คิดผิดที่แต่งงานกับเขา เขาดูแลฉันและลูกดีมากมาตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งท้องเสี่ยวหมิงจนกระทั่งถึงทุกวันนี้” จากเสียงที่เย็นชาในตอนแรก แต่พอพูดถึงสามีของตัวเองนั้น น้ำเสียงของฟู่หยุนชิงก็ดูอบอุ่นมากขึ้นเป็นเท่าตัว ทำเอานักข่าวทั้งหลายต่างกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน ด้วยพวกเขาตามอารมณ์ของเธอไม่ทันนั่นเอง
ขบวนของเหอจิ้งเกาที่กำลังเดินเข้าไปยังเวทีที่มีโต๊ะแถลงข่าวตั้งอยู่นั้น ต่างได้รับความสนใจจากผู้คนที่มารวมตัวดูเรื่องสนุก รวมทั้งเหล่านักข่าวที่ต่างพากันถ่ายรูปพวกเขาเอาไว้ แม้ว่าจะเห็นแต่บอดี้การ์ดเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็สามารถเก็บภาพเอาไว้ได้ก่อนที่เหอจิ้งเกา ฟู่หยุนชิงและเหอเสี่ยวหมิงจะขึ้นไปนั่งบนโต๊ะแถลงข่าว โดยเหอจิ้งเกาวางเหอเสี่ยวหมิงเอาไว้ตรงกลาง ส่วนเขากับฟู่หยุนชิงก็นั่งประกบลูกชายพร้อมทั้งบอกให้เหอเสี่ยวหมิงอย่ามองแฟลชกล้องที่กำลังถ่ายพวกเขาอยู่เพื่อป้องกันดวงตาน้อย ๆ ของลูกพวกเขา เลขาของเหอจิ้งเกานำไมค์จากทีมงานมากล่าวทักทายเหล่านักข่าว ก่อนที่เหอจิ้งเกาจะเริ่มทำการแถลงข่าวพร้อมกับฟู่หยุนชิง“สวัสดีนักข่าวทุกสำนักที่สนใจเรื่องราวของท่านประธานของเรา วันนี้ท่านประธานและครอบครัวจึงถือโอกาสมาแถลงข่าวให้กับสื่อมวลชนทุกท่าน พร้อมทั้งแขกที่มารอฟังอยู่รอบ ๆ เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท่านประธานกับนายหญิง เชิญท่านประธานกล่า