“อา... น้าปัถย์ขา... ซี้ด... น้าปัถย์... อื้อ... น้ำไม่ไหว... ซี้ด... น้ำไม่ไหวแล้ว ซี้ด... อื้อ... ช่วยน้ำ ช่วยน้ำ... ช่วย... กรี๊ดดดดด...” น้าปัถย์ตอบแทนเสียงร่ำร้องของหล่อนด้วยการขยี้ปลายนิ้วที่จุดนั้น นั่นทำให้หล่อนกรีดร้องเพราะห้ามความเสียวสุดชีวิตไม่อยู่ ยิ่งเขาขยี้ปลายนิ้วพร้อมกับรัวลิ้นหล่อนก็ยิ่งเสียวจนดิ้นพล่าน แต่ไม่รู้ว่าความเสียวนี้จะไปสิ้นสุด ณ จุดไหน เมื่อน้าปัถย์ยังไม่ยอมหยุดลิ้นหยุดนิ้ว ลิ้นร้อนยังคงตวัดรัวเร็วแต่นิ้วอุ่นกลับลากลงไปยังจุดที่ตอดตุ๊บ และแค่เขาดันนิ้วเข้าไป หล่อนก็ต้องกรีดร้องอีกครั้ง “น้าปัถย์!” ความเสียวพุ่งสูง ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง แต่น้าปัถย์ผู้ไม่ฟังเสียงร้องของหล่อน กลับตวัดลิ้นเลียที่ยอดเกสรพร้อมๆ กับค่อยๆ กดนิ้วแทรกเข้าให้หล่อนดิ้นพล่าน “น้าปัถย์... ซี้ด... อื้อ... เสียว... ซี้ด...” เสียวจนอยากจะกรีดร้องและก็อัดอั้นกับสิ่งที่ใกล้จะระเบิดรอมร่อ แต่สิ่งที่คิดว่าใกล้กลับยังไม่ถึง เมื่อน้าปัถย์ชักนิ้วออก หล่อนรู้ว่านี่ยังไม่สิ้นสุด เสียวแบบนี้ คือเสียวมาก แต่ยังเสียว
‘อา... อร่อยเหลือเกิน...’ น้ำว้ากรีดร้อง แต่เขาอร่อยเหลือเกิน รสอร่อยหวานลิ้นเอ่อซึมออกมามากตามจังหวะลิ้นจาบจ้วง เขายิ่งชอนปลายลิ้นลงลึก น้ำหวานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ ไม่สิ้นสุด ลิ้นสากจึงสอดลึกตวัดเอาหยาดหยดแห่งความหวานมากลืนกินให้มากที่สุด เพราะรสชาติหวานลิ้นแบบนี้เขาจะกินไม่เหลือ ไม่ยอมให้ของอร่อยนี้ตกไปที่ใครแน่ ปัถย์ลงลิ้นละเลียดทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นร่องเล็กร่องน้อยเขาก็จะเซาะ เพราะเขาอยากแตะต้องน้ำว้าให้ทั่วทุกตารางนิ้ว ให้ร่างกายหล่อนจดจำว่าลิ้นแรกและลิ้นสุดท้ายที่จะแตะ ตวัดเลีย ดูดดื่ม กลืนกิน และชอนลึก คือลิ้นของเขาคนนี้คนเดียว “โอว... น้าปัถย์ขา... โอว... น้ำเสียว... โอว... น้าปัถย์...” ยิ่งน้ำว้าร้องมากเท่าไร ปลายลิ้นของเขาก็ยิ่งรัวเร็วฉกวาบควานหาความหวานไม่หยุด จนเรือนร่างเปล่าเปลือยกระตุกติดๆ กันอีกหลายครั้ง พร้อมกับเสียงแว่วหวานดังราวจะขาดใจ ปัถย์เคลื่อนตัวขึ้นมานอนแนบข้าง ใช้เสื้อตัวเองคลุมท่อนร่างของน้ำว้าเอาไว้ ก่อนจะกอดกระชับร่างเปล่าเปลือยของน้ำว้าแนบอกแกร่ง เขาจูบเรือนผมหอมที่มีกลิ่นหญ้าจางๆ และ
“อืม... จะแกล้งน้าเหรอ” “ไม่แกล้งค่ะ น้ำรักน้าปัถย์” หล่อนบอกรักเขาอีกแล้ว ปากก็จูบ แทรกลิ้นเข้ามาไล้ยั่วด้านใน ใครเล่าจะทนไหว “อืม... แกล้งแบบนี้ไม่ได้นะ” “ทำไมไม่ได้ล่ะคะ ก็น้ำรักน้าปัถย์นี่ รักมากเหลือเกิน” “เพราะน้าจะรักน้ำ” “อยากให้รักค่ะ รักน้ำนะคะ” เสียงหล่อนเย้ายั่วอ่อนหวานก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก เมื่อเขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหวพลิกร่างหล่อนนอนหงายและพรมจูบไปทั่วเรือนร่างเปล่าเปลือยครั้งแล้วครั้งเล่า.. ปัถย์พาน้ำว้ากลับมาที่ฟาร์มก่อนรุ่งสาง แต่แค่เลี้ยวรถมาจอดหน้าบ้านใหญ่ก็พบว่าพ่อกับแม่รออยู่ที่ระเบียงโดยมีปูรณ์ยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งหมดคงรอเขากับน้ำว้ากลับมา สีหน้าของพ่อเรียบตึงแววตานั้นกรุ่นไปด้วยความโกรธ ส่วนแม่ แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยไม่ต่างกัน แต่สายตาที่มองมาที่เขาก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง “น้าปัถย์คะ...” น้ำว้าจับชายเสื้อของเขา น้ำเสียงและใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น “ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เชื่อน้านะ น้ารักน้ำ น้าจะรักษาน้ำไว้ให้
“ผมยืนยันว่าจะแต่งงานกับน้ำว้าครับ ส่วนเรื่องคนครหา พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วง ผมจะพาน้ำว้าไปอยู่ที่อื่น จะไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนแน่นอน” “ไอ้ปัถย์! แกมันเห็นแก่ตัว พูดได้นี่! ไปอยู่ที่อื่น แล้วไอ้ฟาร์มนี้ล่ะ ใครจะดูแล ยายน้ำว้าก็ยังเรียนไม่จบ แล้วยายนุชกับตารักจะยอมหรือเปล่า ที่แกทำกับลูกเขาแบบนี้ ท้องไส้ขึ้นมาจะทำยังไง” น้ำว้าสะอื้นอย่างหยุดไม่ได้ วินาทีหล่อนรู้แล้วว่าทำไมน้าปัถย์ต้องคอยปฏิเสธ ต้องคอยหนีหล่อนและทำเป็นรังเกียจตลอดเวลา นั่นเพราะไม่มีใครพร้อมจะเห็นด้วยกับสิ่งที่หัวใจใกล้ชิด แต่หล่อนจะไม่ยอมให้คุณตาคุณยายเข้าใจน้าปัถย์ผิดไปมากกว่านี้ “คุณตาคุณยายเข้าใจผิดแล้วนะคะ” “เข้าใจผิดยังไงฮะยายน้ำว้า หายไปด้วยกันทั้งคืน จนคนเขาโจษกันไปทั้งอำเภอ ป่านนี้ไม่รู้จะลือกันไปถึงไหนๆ แล้ว” “ใครจะลือยังไงก็เรื่องของเขาสิคะ แต่น้ำกับน้าปัถย์ไม่ได้ทำอะไรผิด เรารักกัน” “น้ำพอแล้วอย่าเถียงคุณตา น้าจัดการเอง” น้าปัถย์รั้งมือให้หล่อนหยุดพูด แต่หล่อนจะไม่หยุดแน่ จนกว่าคุณตาคุณยายจะเข้าใจ “ไม่ค่ะน้าปัถย์ น้ำจะไม่ยอมให้คุ
“จะได้ผลมั้ยเนี่ยปูรณ์” “ได้สิครับคุณอา มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าปัถย์มันต้องทำทุกทางให้ได้น้ำว้าแน่ครับ” “อาล่ะกลัวใจมันจริงจริ๊ง ด่าว่าหลานมันมาตั้งหลายปี นี่อะไร บทจะง่ายก็ง่ายเสียจนแทบไม่ได้ทำอะไรเลย” ปูรณ์มองประมุขใหญ่ของฟาร์มที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะหลายปีแล้วที่คุณอาทั้งสองรวมทั้งพ่อแม่ของน้ำว้า ลุ้นให้ปัถย์ลงเอยกับน้ำว้า แต่ไม่เพียงปัถย์จะไม่เล่นด้วย กลับด่าว่าน้ำว้าทุกครั้งที่ได้พบ แผนการ ‘เรือล่มในหนอง ทองอยู่ที่เดิม’ จึงล้มเลิกไปหลายครา แต่ทุกคนก็ยังหวัง ยิ่งน้ำว้าแสดงออกว่ารักปัถย์มากเท่าไร ครอบครัวก็ยิ่งมีหวัง แต่ปัถย์กลับทำลายทุกครั้งที่โอกาสอำนวย เมื่อคุณอาทั้งสองปรึกษาเรื่องนี้กับเขา เขาก็ยืนยันได้ทันทีว่าปัถย์เองก็รักน้ำว้าเช่นกัน แค่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองเท่านั้น แต่เมื่อคืนที่ปัถย์แสดงความหึงหวงออกมาให้คนอื่นเห็น รวมทั้งจอดรถข้างทางก่อนจะวิ่งตามกันเข้าไปในป่าหญ้า เขาไม่รั้งรอที่จะโทรศัพท์ปรึกษาคุณอาทั้งสองท่านว่าควรทำอย่างไรดี คุณอากลับบอกว่าให้รอคอย เพราะถ้าข้าวสารกลายเป็นข้า
ฝ่ามือเอื้อมมากอมกุมมือน้อยๆ ให้กำลังใจ แต่ตายังมองตรงเส้นทาง นั่นทำให้หล่อนกระชับฝ่ามือเขาแน่น หล่อนมีความสุขจนอยากจะร้องไห้ “น้ำกลัวว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างจะหายไป และกลายเป็นว่าทั้งหมดนี้น้ำคิดไปเอง ไม่มีน้าปัถย์อยู่ตรงนี้จริง ทุกสิ่งคือภาพลวงตา คือสิ่งที่น้ำมโนขึ้นมาทั้งนั้น” หล่อนตอบเขาตามที่หัวใจร้องบอก ทว่าน้าปัถย์กลับจอดรถชิดข้างทางทั้งที่อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านท้ายฟาร์มอยู่แล้ว “น้าปัถย์จอดรถทำไมคะ หรือน้ำพูดอะไรผิดไป” “ไม่ผิดหรอก แต่น้าจะพิสูจน์ว่าน้ำไม่ได้ฝันไป” “พิสูจน์...” ฝ่ามือใหญ่กระชับใบหน้าของหล่อนก่อนจะค้อมร่างลงมาบดริมฝีปากเร่าร้อนเข้าหา ปากเบียดปาก ดูดเบาๆ ซึมซับความหวาน และลิ้นก็แยงใส่ลิ้น จาบจ้วง ล้วงให้เสียว กวาดต้อนวนเป็นวงจนน้ำว้ามึนงง มือที่ทาบอยู่บนแผงอกเขา ขยุ้มเนื้อผ้าระบายความซ่านสุขก่อนจะเผลอคล้องฝ่ามือรอบลำคอเขาแน่น แต่นั่นกลับยิ่งทำให้น้าปัถย์ทำทุกอย่างได้ถนัดมากขึ้น ฝ่ามือร้อนกระชับอกอวบ คลึงเคล้นหนักบ้างเบาบ้างสลับกัน ให้หล่อนครางเสียว เผยอปากร่ำร้อง และตวัดตอบปล
สายตาระห้อยหาของน้ำว้ายิ่งทำให้เขาต้องสะกดตัวเองให้นิ่ง นึกโทษตัวเองที่น่าจะโทรเรียกหมอไวทย์กับหนูหน่อยให้มาที่นี่ตอนนี้ ไม่ควรปล่อยตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม แต่เขาต้องอธิบายให้น้ำว้าเข้าใจ ปัถย์ประคองร่างของน้ำว้าให้หันมาทางเขา กระชับไหล่แบบบางอ่อนโยน มองลึกเข้าไปในแววตาประหม่า “น้ารักน้ำนะ แต่น้าคิดว่าตอนนี้แยกกันนอนไปก่อนดีกว่า น้าเป็นผู้ชาย และน้าก็อยากได้น้ำอย่างที่น้ำเข้าใจ อยากได้มาก” แค่อยู่ใกล้และมองหน้าแดงๆ ของคนจะร้องไห้นี้ เขาก็แทบจะทนไม่ไหว ต้องสะกดใจจนปวดหนึบ “แต่น้าให้สัญญากับคุณตาคุณยายไว้แล้ว ว่าจะไม่ทำลายน้ำจนกว่าเราจะแต่งงานกัน ถ้าขืนให้น้าอยู่ใกล้กับน้ำมากๆ น้าคงทนไม่ไหว น้ำเข้าใจน้ามั้ย” น้ำว้ายิ้มน้อยๆ เข้าใจสิ... หล่อนเข้าใจเขา แต่หล่อนไม่เข้าใจตัวเอง ก็หล่อนอยากได้น้าปัถย์เหมือนกัน เขามาทำให้หล่อนรับรู้รสชาติ แล้วจะทิ้งหล่อนไว้กลางทางแบบนี้เหรอ “น้ำเข้าใจค่ะ แต่...” “แต่อะไรคะ” ใบหน้าแดงระเรื่อ พร้อมสายตาที่หลุบลงต่ำ ทรวงอกสะท้านขึ้นลง ริมฝีปากเผยอน้อยๆ อืม... เขาเข้าใจแล้ว
“มีอะไรก็บอกละกัน พี่ปูรณ์ก็คอยสแตนด์บายตลอด” “อืม... ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้ดีที่สุด” ปัถย์พยักหน้ายิ้มรับความห่วงใยของพี่ชายที่ส่งผ่านเพื่อนรักมาให้ หากเมื่อเช้าไม่มีปูรณ์อยู่ด้วย สถานการณ์คงจะเลวร้ายกว่านี้ เพราะปูรณ์เป็นกองเชียร์เบอร์ 1 ที่อยากให้เขายอมรับหัวใจตัวเอง และที่ไวทย์กับหนูหน่อยหอบข้าวของที่จำเป็นมาให้ครบถ้วนนั่นก็เป็นเพราะปูรณ์ไหว้วานอีกเช่นกัน เพราะลำพังหมอไวทย์คงไม่รู้ว่าเขาจะพาน้ำว้ามาที่นี่ “มีพี่ชายที่รักกับเพื่อนรักอย่างเอ็ง ข้าผ่านไปได้แน่ ขอบใจนะโว้ย น้าขอบใจอีกครั้งนะหนูหน่อย” “ยินดีค่ะน้าปัถย์ อาไวทย์คะไปกันเถอะ น้าปัถย์จะได้เข้าไปดูน้ำว้า เผื่อมีอะไรขาดเหลือเราจะได้หาได้ทัน” “จ้ะ” ไวทย์ตอบรับและยิ้มให้หนูหน่อย ก่อนจะขยับเข้าไปชิดตัวเพื่อนรัก ฝากคำสุดท้ายที่ทำให้ปัถย์แทบคลั่ง แต่ไวทย์ยิ้มร่า “มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็กร่างกายนะโว้ย เพราะมันจะปึ๋งปั๋งทั้งคืน” “ไอ้บ้า! ฝากไว้ก่อนเถอะ” ไวทย์ยักไหล่โอบกอดหนูหน่อยเดินไปที่รถ แต่ยังไม่วายจะชูนิ้วทำสัญลักษณ์ 1 นิ้ว 2 นิ้
คุณปูรณ์พาหล่อนก้าวเดินเข้ากระโจม ด้านในนั้นมีเตียงนอนสีขาวสะอาดตาถูกจัดเตรียมไว้ไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นตอนส่งตัวน้ำว้าเข้าหอ หมอนสองใบวางเคียงกัน บนเตียงมีกลีบกุหลาบสีชมพูตกแต่งเป็นรูปหัวใจจนทั่วทั้งห้องมีแต่กลิ่นกุหลาบ เจ้าบ่าวหล่อที่สุด ค่อยๆ วางหล่อนบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับลงมา และทำท่าจะ... “คุณปูรณ์คะ... แขกยังอยู่เลยนะคะ” หล่อนเอียงหน้าหลบจมูกโด่งที่ซุกไซ้ซอกคอ “อยู่แล้วยังไง เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าหอ ใครๆ เขาก็รู้ว่าจะทำอะไรกัน” จมูกโด่งซุกไซ้ข้างแก้ม ใบหู ไรผม ต้นคอ พร้อมริมฝีปากพูดแนบชิดจนหล่อนเริ่มหายใจติดขัด คุณปูรณ์กำลังปลุกอารมณ์หล่อน และหล่อนก็ร้อนง่ายเหลือเกิน “วันนี้เอื้อมเป็นของฉันจริงๆ แล้วนะ และฉันก็เป็นของเอื้อม เป็นของเอื้อมคนเดียวตลอดไป เข้าหอกันนะทูนหัว ไม่เช้าไม่ออก” ปูรณ์ยิ้มกับเจ้าของใบหน้าสวยที่ส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้ เพราะแปลว่าหล่อนยินยอม ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงบนกลีบปากบอบบางก่อนจะละเลียดปลายลิ้นเข้าชอนชิมความหวาน จากนั้นก็ไม่มีพื้นที่ใดทั่วทั้งร่างกายของเอื้อมดาวที่ร
สายตาร้อนแรงราวกับเป็นเอื้อมดาวคนละคนมองตรงไปยังกายแกร่งที่เดินไปนั่งพิงแผ่นหลังหน้าก้อนฟางอัดแน่นจนเป็นโซฟาตัวยาวบุเบาะนวมนุ่ม ดวงตาคมเข้มจ้องมองมาที่หล่อน มือก็สาวความแข็งแกร่งรอคอย เอื้อมดาวรู้หน้าที่ดี หล่อนคลานเข้าหา ลีลาไม่ต่างจากนางแมวยั่วสวาท ตาก็จองมองสิ่งนั้น สิ่งที่จะเติมเต็มความร้อนรุ่มรุนแรงของหล่อนให้บรรเทา สิ่งที่จะสอดแทรกสู่ร่างกายและทำให้หล่อนไม่ทรมาน แต่เมื่อมือน้อยๆ ไขว่คว้าได้ คุณปูรณ์กลับรั้งร่างหล่อนขึ้นมาจูบ “คุณปูรณ์ขา... ซี้ด... ขอหนูนะคะ หนูอยากได้ ซี้ด... ขอหนู... คุณปูรณ์ขา...” “อืม... ใจเย็นๆ นะเอื้อมจ๋า... ฉันยังเล็มหญ้าอ่อนไม่อิ่มเลย” เอื้อมดาวมองเขาฉงน เขาจะกินหล่อนต่อ... ยังไง และเขาก็บอกวิธีการกิน แต่หล่อนไม่กล้า แม้จะอยากจนกอหญ้าเต้นระริกคันยิบ “มาเถอะเอื้อมจ๋า... เอามาให้ฉันกิน” “มัน... เอ่อ... จะดีเหรอคะ หนู...” “เอื้อมรู้ว่ามันจะดี มาเถอะ ฉันหิว...” คำว่า ‘หิว’ มาพร้อมกับคุณปูรณ์แหงนศีรษะพาดไว้ที่เบาะนุ่ม ปลายลิ้นที่แลบออกมาส่ายร่อนอยู่เหนือริมฝีปาก
สิ่งแรกที่เห็นคือเขายิ้มกว้าง ดวงตาคมเข้มมีแววสนุกเหล่ตาไปข้างซ้ายข้างขวาคล้ายจะให้หล่อนมองตาม และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หล่อนตื่นตะลึง มือป้องปิดริมฝีปากที่พร้อมจะเปล่งเสียงร้องไห้โฮ เพราะทั่วบริเวณคือสถานที่จัดงานแต่งงานขนาดย่อมท่ามกลางบรรยากาศของโรงนา มีเวทีขนาดเล็กอยู่สุดทางเดิน มีภาพของหล่อนกับเขาในหลากอิริยาบถประดับไปทั่ว “อยู่ที่นี่ด้วยกันนะเอื้อม อ้อมกอดนี้และหัวใจดวงนี้เป็นของเอื้อมจริงๆ” “คุณปูรณ์ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ หรือหนูฝัน” เอื้อมดาวขยับยุกยิกเหมือนจะหยิกตัวเอง ทำให้ปูรณ์ยิ่งขำ เขากอดรัดร่างหอมกรุ่นแน่นขึ้น จดจมูกที่หน้าผากและเรือนผมนุ่ม อยากกอดรัดหล่อนแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่อยากให้เอื้อมดาวห่างหายไปไหน ช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่มีร่างเล็กๆ นี้นอนแนบข้าง ไม่เคยมีค่ำคืนใดที่ว่างเว้น เรียกได้ว่าแค่ขอให้มีโอกาส เขาก็พร้อมจะพาเอื้อมดาวโลดแล่น และเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่หล่อนขอไปหาฟ้ารุ่งที่ร้าน เขาก็แทบจะขาดใจ แล้วเดือนหน้าหล่อนต้องไปเรียน เขาไม่ต้องตามไปเฝ้ากันเลยเหรอ เวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักมันมีอานุภาพร้า
แม่เปิดปากเล่าเรื่องราวที่ทำให้พ่อลาออกจากงานที่ฟาร์มแล้วมาเปิดร้านวัสดุการเกษตร เพียงเพราะเพื่อนนินทาว่าพ่อเลี้ยงแม่เหมือนเมียเก็บ วันวันอยู่แต่ไร่แต่ฟาร์ม เพราะว่าแม่อายุห่างจากพ่อมาก แม่จึงร่ำร้องให้พ่อตามใจ เพราะอยากประกาศให้เพื่อนฝูงรู้กันให้ทั่วว่าแม่เป็นเมียของพ่อ เป็นเจ้าของร้านค้า โดยที่แม่ไม่คำนึงถึงความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน “พ่อรักแม่มากเลยนะคะ” “ใช่ พ่อรักแม่มาก แต่แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” “คะ...” “เพราะเอื้อมไงละ เอื้อมทำให้แม่เห็นว่าพ่อรักแม่มากแค่ไหน” เอื้อมดาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา “ตอนนั้นแม่เพิ่งสิบแปด ยังเด็กมาก มีลูกก็ไม่อยากจะเลี้ยงด้วยซ้ำ อยากแต่งตัวสวยๆ อยากให้คนมองอย่างชื่นชม แต่เอื้อมไม่เหมือนแม่นะ เอื้อมเป็นผู้ใหญ่กว่าแม่มาก เอื้อมเข้มแข็งและแม่มั่นใจว่าเอื้อมจะทำได้ดีกว่าแม่ ที่สำคัญคุณปูรณ์เขาไม่ได้เห็นเอื้อมเป็นเมียเก็บ เชื่อแม่” .. เอื้อมดาวกลับเข้ามาที่ฟาร์มช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านพัก คนงานก็มาบอกว่าคุณปูรณ์ให้หล่อนไปพบที่โรงนาหลังเก่าที่กำลังปรับปรุงไว้ส
แกร๊ก... ฟ้ารุ่งผินมองคนที่เปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประทินผิวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนต้องรีบแต่งหน้าให้เสร็จเร็วไว เพราะใกล้เวลาเปิดร้านเต็มที ทว่าคนที่เดินเข้ามาแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้ฟ้ารุ่งหงุดหงิด “แกจะพูดอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวันหรอกนะ” คำพูดห้วนจากน้ำเสียงหวานๆ ของแม่ทำให้เอื้อมดาวเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าว คงไม่มีวันที่จะพูดจาดีๆ กันอีกแล้ว แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเกือบเดือน จนแน่ใจว่าไอ้เสี่ยโบ้จะไม่มาวุ่นวายกับแม่กับหล่อนอีก คุณปูรณ์จึงอนุญาตให้แม่กลับมาดูแลร้านได้ และคุณปูรณ์ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแม่ เขาแค่ยั่วหล่อนเล่น แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนกับแม่ก็ยังเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ดี หรืออาจเรียกได้ว่าตั้งแต่วันนั้นก็แทบเป็นคนไม่รู้จัก เพราะแม่ไม่เคยพูดกับหล่อนอีกเลย แต่หล่อนล่ะ หล่อนจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้เหรอ อยู่แบบไม่มีแม่ แม้แม่จะไม่เห็นว่าหล่อนเป็นลูก แต่แม่ก็เป็นแม่ของหล่อนเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ “แม่ยังโกรธหนูอยู่เหรอคะ” ฟ้ารุ่งชะงักมือท
เอื้อมดาวล่องลอยไปกับความปรารถนาเพราะทุกจุดสัมผัสบนร่างกายถูกจู่โจมพร้อมๆ กัน จนหล่อนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายยิ่งบดเบียดเสียดสีดอกไม้งามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำหวานกับความแข็งแกร่งของเขา จนในที่สุด ทุกอย่างก็ถูกสอดใส่ ทั้งๆ ที่หล่อนและเขายังสวมใส่เสื้อผ้าครบ นั่นทำให้เอื้อมดาวได้อีกประสบการณ์ความเสียวที่เพียงแหวกช่องทาง ทุกอย่างก็สอดใส่เข้าหากันได้ “อ่ะ...” หล่อนชะงักร่าง เพราะสิ่งที่หล่อนนั่งทับให้สอดแทรกเข้าสู่ร่างกาย ใหญ่จนหล่อนไม่กล้าทิ้งตัวนั่งลงไปตรงๆ “เจ็บเหรอ” “ไม่ค่ะ หนู... หนูแค่ตกใจ... เอ่อ... คุณปูรณ์ใหญ่” หล่อนตอบแต่เขากลับหัวเราะ “คุณปูรณ์หัวเราะอะไรคะ” “ก็หัวเราะคนพูดตรง” “เอ่อ... ไม่ดีเหรอคะ หนู... ไม่ควรพูดเหรอคะ” “ไม่ใช่ไม่ควร ควรมากเลยละ เพราะยิ่งพูด... ฉันก็ยิ่งแข็ง” “ว้าย! คุณปูรณ์...” เอื้อมดาวผวาเพราะสิ่งที่แข็งเด้งสวนขึ้นมาพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ขยับโขยกสะโพกของหล่อนเร็วรี่ จนเสียงร้องตกใจกลายเป็นเสียงครวญครางไม่ขาดปาก จากนั้นเสียงของเขาเสียงของหล่อนก็สอดประสาน เ
ดวงตาคมเข้มกร้าวขึ้นทันทีที่ไอ้เสี่ยโบ้พูดจบ ทว่าแววตาก็ต้องอ่อนลงเมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มของใครบางคนเอื้อมมากระชับที่ต้นแขน “หือ...” เขาทำเสียงน้อยๆ ในลำคอ เชิงถามว่าหล่อนต้องการอะไร “เขาหมายความว่าอะไรคะ” น้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ปูรณ์ต้องกระชับฝ่ามือนุ่ม บีบเบาๆ ให้คลายความกังวล “ไม่มีอะไร เอื้อมออกไปข้างนอกก่อนนะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” เขาตอบเสียงนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะเรียกเป้ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มาพาเอื้อมดาวออกไปก่อน “จะรีบไปไหนล่ะครับดอกเบี้ย ยังไม่ได้เก็บสักดอก” ทว่าคำพูดของไอ้เสี่ยโบ้กลับทำให้เอื้อมดาวชะงักหันมองตื่นตะลึง ก่อนจะได้ยินเสียงแม่กรีดร้องคร่ำครวญ แต่หล่อนก็ได้สติเมื่อฝ่ามืออบอุ่นบีบกระชับ ม่านน้ำตาที่ก่อเกิดทำให้เห็นทุกสิ่งรางเลือนแต่กลับเห็นแววอ่อนโยนจากดวงตาคมเข้มชัด “ออกไปก่อนนะเอื้อม เชื่อฉัน” “แต่แม่...” “ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น ทางนี้ฉันจัดการเอง” เอื้อมดาวพยักหน้าทั้งที่สั่นสะอื้น แต่แค่หล่อนลุกขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดของไอ้เสี่ยโบ้ก็เข้ามาล้อมจน
สิ่งที่ปูรณ์ให้นทีไปทำก็คือ ให้ทนายเข้ามาดูแลเรื่องการโอนโฉนดที่ดินและบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของเขา เพราะตอนที่ฟ้ารุ่งมาอ้างว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้าน เขาให้ทนายทำเป็นสัญญาขายฝากเอาไว้ แล้วหล่อนไม่สนใจสิ่งใดมากกว่าได้เงินครบตามที่ต้องการหรือเปล่า ดังนั้นการลงชื่อในเอกสารทุกแผ่น จึงไม่ใช่สิ่งที่ฟ้ารุ่งจะสนใจ แน่นอนว่าเอกสารเหล่านั้นมีใบมอบอำนาจให้ทนายดำเนินการแทนฟ้ารุ่งได้ทุกอย่าง ซึ่งเขาไม่เคยอยากให้เป็นแบบนี้ แต่ต้องกันเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้บ้านพร้อมที่ดินผืนนี้คงกลายเป็นของไอ้เสี่ยโบ้ไปแล้ว ตอนนั้นเขาถือว่าทำเพราะต้องการรักษาทรัพย์สินของพิภพไว้ให้ลูกสาว ส่วนเป้ยนั้นเขาให้ไปส่งข่าวให้ไอ้เสี่ยโบ้รู้ว่าเขาแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่เข้ามาบริหารงานที่ร้านนวดแทนฟ้ารุ่ง เพราะเขาซื้อกิจการต่อจากฟ้ารุ่งแล้ว ดังนั้นฟ้ารุ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาบ้านและที่ดินผืนนี้ไปใช้หนี้เสี่ยโบ้อีก และคำสั่งของเขา ส่งผลให้ร้านนวดของฟ้ารุ่งมีแขกมาเยี่ยมเยือนในทันที “ผมได้ข่าวว่าคุณปูรณ์มาเทคโอเวอร์ร้านนวดของฟ้ารุ่ง” ปูรณ์มองผู้ชายวัย 30 กว่า แต่งกายด้วย
เอื้อมดาวมองสำรวจใบหน้าของคนหล่อ ค่อยๆ แตะนิ้วมือที่แนวคิ้วเข้ม เปลือกตาของเขาที่หลับพริ้ม สันจมูกโด่ง และลงมาถึงริมฝีปาก ทุกสิ่งจริงจนหล่อนต้องหลับตาส่ายหน้า ขอให้เมื่อหล่อนลืมตาอีกครั้งนี่จะไม่เป็นเพียงความฝัน ทั้งหมดที่หล่อนเห็นและจับต้องได้อยู่ขณะนี้คือความจริง “อุ้ย!” สิ่งที่ยืนยันได้ไม่ใช่ตาหล่อนที่เห็น แต่เป็นริมฝีปากร้อนผ่าวอ้าอมปลายนิ้วของหล่อนเอาไว้ และเมื่อหล่อนลืมตามอง คุณปูรณ์ก็ตอกย้ำความจริงด้วยการรั้งศีรษะหล่อนเข้าหาและมอบความรุมร้อนแนบริมฝีปากของหล่อน จูบเร่าร้อนแต่หวานที่สุดละเลียดไล้อยู่บนกลีบปากหวาน จนหล่อนมึนงงสับสนจนต้องโอบท่อนแขนรอบลำคอของเขา คุณปูรณ์ทำให้หล่อนล่องลอยราวกำลังไต่ขึ้นสวรรค์ ร่างกายของหล่อนบางเบา มีแต่แสงสีขาวรายล้อม ความสุขกำลังก่อตัว ความทุกข์ที่หล่อนคิดว่ามากมายพลันสลายไปไม่หลงเหลือ อา... ร่างกายหล่อนเบาหวิว ก่อนจะนอนราบบนที่นอนนุ่ม โดยมีเขาทาบทับ “คุณปูรณ์...” “หืม... ว่าไง” ชื่อของเขาเปล่งออกจากปาก หล่อนเห็นเขาฟอนเฟ้นเต้าอวบอัด ที่หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าหลุ