“เออๆๆๆ แก… ไวทย์ แกรู้แล้วใช่มั้ยว่าอยู่โดยไม่มียายหนูหน่อยมันเป็นยังไง ห้ามแกทำลูกสาวฉันเสียใจสักนิด ไม่งั้นฉันจะเอาลูกฉันกลับ จะไม่ยอมให้ไปอยู่กับแกแน่ และอีกเรื่อง พรุ่งนี้พาไปจดทะเบียนสมรสด้วย ทำให้มันเรียบร้อย คนเขาจะได้ไม่นินทา เดี๋ยวฉันกลับจากทัวร์ยุโรปก่อนค่อยแต่ง เข้าใจมั้ย” “เข้าใจครับพ่อ” คำตอบของเขาทำให้พ่อของหนูหน่อยอึ้ง ส่วนพี่สาวเขาอ้าปากค้างก่อนจะกรี๊ดพร้อมยกนิ้วโป้งให้เขา “ไวทย์! แกเยี่ยมมาก เยี่ยมที่สุด ขอคุยกับหนูหน่อยหน่อย” ไวทย์ยืนโทรศัพท์ให้หนูหน่อยแล้วเปลี่ยนมายืนซ้อนหลังกอดร่างหอมกรุ่นซบหน้าลงที่บ่า จนหนูหน่อยรับโทรศัพท์ไม่สะดวกต้องพยายามยื้อร่างออก แต่เขาก็ยังคงกอดไว้ แค่เอนร่างให้ห่างจากหน้าจอเท่านั้น “ค่ะอาวิว” “หนูหน่อย จำที่อาสอนไว้นะ ห้ามยอมอาไวทย์ในทุกกรณี ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ห้ามยอมเด็ดขาด เพราะถ้าหนูหน่อยยอมก็จะต้องยอมทั้งหมด เข้าใจมั้ย เมียต้องเป็นใหญ่ในบ้าน โอเค!” “โอเคค่ะอาวิว เที่ยวให้สนุกนะคะ หนูหน่อยฝากดูแลคนแก่ด้วยนะ ฝากบอกเขาด้วยว่าลูกยังโกรธ” “อ
เสียงเฮโลที่ดังมาจากคอกม้าด้านในทำให้ ‘น้ำว้า’ ตัดสินใจเดินเลี้ยวไปทางนั้นทันที เพราะคนที่หล่อนอยากเห็นอยู่ที่นั่นแน่ๆ และก็เป็นจริง เจ้าของร่างสูงใหญ่นั่งชันเข่าอยู่ในคอกม้าและอยู่ด้านหน้าของเจ้าฟิลลิปม้าแสนรู้ของเขา ใบหน้าหล่อจัดก้มๆ เงยๆ อยู่บริเวณฝ่าเท้าเจ้าม้าหนุ่ม หล่อนรู้ทันทีว่าเขากำลังเปลี่ยนเกือกให้เจ้าฟิลลิปใหม่ แต่ที่หล่อนไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเขาต้องเปลี่ยนเกือกให้เจ้าฟิลลิปด้วยตัวเอง ทำไมไม่เรียกคุณหมอไวทย์มาเปลี่ยนให้ เพราะนี่เป็นหน้าที่ของคุณหมอไม่ใช่เหรอ น้ำว้าพาร่างกะทัดรัดสูง 160 เซนติเมตร เดินตรงไปที่คอกม้า มือจับราวด้านบนแล้วเหวี่ยงตัวปีนขึ้นไปยืนค้างอยู่บนราวไม้ด้านล่าง ให้หน้าอกขนาด 36 นิ้ว ที่ไม่เข้ากับตัวสักนิดเกยชิดอยู่ที่ขอบกั้น หล่อนเฝ้ามองคุณน้าสุดหล่อที่ขะมักเขม้นอยู่กับการเจียรฝ่าเท้าเจ้าฟิลลิป เขาดูคร่ำเคร่งระมัดระวัง ทั้งที่เจ้าฟิลลิปยังนอนสลบอยู่แท้ๆ กิริยาระวังไม่ให้เจ้าม้าแสนรู้เจ็บ ยิ่งทำให้น้ำว้ามองคุณน้าสุดหล่ออย่างหลงใหล เขาปฏิบัติต่อเจ้าฟิลลิปด้วยความอ่อนโยน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ลูบไ
ร่างสูงเดินตรงไปยังประตูกั้นคอกเปิดออกและอ้อมไปยังตำแหน่งที่หล่อนยืนเกาะคอกอยู่ หล่อนยังคงส่งยิ้มให้เขาราวกับดีใจนักที่เขาเดินมาหา แต่นั่นไม่ใช่จุดหมายของเขา มือสากใหญ่คว้าหมับที่ข้อมือ ก่อนจะกระชากทีเดียว ร่างเล็กอวบอิ่มก็ถลาตกลงจากคอกกั้น “โอ๊ย! น้าปัถย์ น้ำเจ็บ!” “มานี่!” “น้าปัถย์! ปล่อยน้ำนะ น้ำเจ็บ!” น้ำว้าพยายามสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของน้าปัถย์ แต่ยิ่งสะบัดยิ่งดิ้นรนน้าปัถย์ก็ยิ่งบีบข้อมือหล่อนแน่นขึ้น เขาลากหล่อนให้เดินตามไม่สนใจว่าหล่อนจะเจ็บจะปวดจากแรงฉุดกระชาก ไม่สนใจว่าหล่อนจะสะดุดก้อนหินล้ม เพราะเขายังพยายามลากหล่อนออกจากบริเวณคอกม้าตรงไปยังออฟฟิศด้านข้าง “น้าปัถย์! น้ำบอกให้ปล่อยน้ำ น้ำเจ็บนะ! ปล่อย!” น้าปัถย์ไม่ฟังเสียงเว้าวอนร้องขอของหล่อนเลย เขาลากหล่อนเข้าไปในออฟฟิศจนได้ จากนั้นก็สะบัดหล่อนจนถลาไปที่โซฟาตัวยาวสำหรับรับรองแขก “โอ๊ย! น้าปัถย์ น้าทำแบบนี้กับน้ำทำไม น้ำเจ็บนะ!” “ทำทำไมเหรอ พูดมาได้ไม่อายปาก ทำทำไม! ดูเธอแต่งตัวสิ นี่ไง! จะมาอ่อยผู้
“อูย... เด็กบ้า...” ปัถย์พยายามข่มอารมณ์ตัวเองสุดฤทธิ์ จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขาเกิดอารมณ์กับเด็กที่เขาเห็นมาตั้งแต่เกิด ใช่... เขาเห็นน้ำว้าตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก แม้ไม่ได้เป็นหลานสาวทางสายเลือด แต่เขาก็รักหล่อนเหลือเกิน น้ำว้าเป็นลูกของพี่นุชกับพี่รัก เกี่ยวพันกับเขายังไงน่ะเหรอ ซับซ้อนมากเชียวล่ะ ก็ปู่ของเขาแต่งงานกับย่าน้อย ซึ่งย่าน้อยมีลูกติดคือลุงหนึ่ง ก่อนจะมีพ่อของเขาตามมาอีกคน ลุงหนึ่งแต่งงานกับป้ายุ มีลูกก็คือพี่นุช เขากับพี่นุชก็เหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ แม้จะไม่เกี่ยวพันทางสายเลือดกันเลย แต่ก็ถือเป็นพี่น้องที่เติบโตขึ้นมาในบ้านเดียวกัน พี่นุชแต่งงานกับพี่รัก และก็มีน้ำว้าเป็นลูกสาวคนเดียว ซึ่งน้ำว้าก็คือหลานสาวคนแรกของครอบครัวนั่นเอง จะว่าไม่ใช่หลานก็พูดได้ไม่เต็มปาก น้ำว้าเป็นเด็กหญิงผิวขาวอมชมพู ตาสวย ปากนิด จมูกหน่อย ผมยาวหยักศกสีน้ำตาลอ่อน รวมๆ แล้วเป็นเด็กหญิงที่สวยมากทีเดียว ที่สำคัญหล่อนมักออดอ้อนขอโน่นนี่กับเขาเสมอ และเขาก็มักใจอ่อน ไม่ว่าหล่อนอยากได้อะไร น้าปัถย์คนนี้ก็พร้อมจะหามาให้
“เอ้าๆ เฮ้ย! ปัถย์ ดื่มเบาๆ หน่อย ยิ่งพูดยิ่งดื่ม เอากับมันสิ” ปูรณ์เอื้อมมือคว้าขวดเหล้าในมือของปัถย์ ไม่อยากให้น้องดื่มเอาดื่มเอาแบบนี้ ไม่ได้กลัวว่ามันจะเมาหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้กลัวว่ามันจะคลานกลับบ้านไม่ไหวจนเขาต้องไปส่ง แต่เขากลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนตอนที่หอบหิ้วไอ้หมอไวทย์ไปส่งที่บ้าน สุดท้ายคืนนั้นหมอไวทย์กับหนูหน่อยก็ได้เปิดเผยความในใจต่อกัน หรือว่าเขาควรทำแบบนั้นดี ปัถย์จะได้เลิกบ้าสักที “พี่ปูรณ์อย่ามายุ่งกับผม ผมโคตรเซ็งเลย ยายน้ำว้าตามติดผมตลอด นี่ด่าเท่าไหร่ก็ไม่ฟังนะ อ่อยชะมัด” “แล้วเอ็งไม่ชอบเหรอวะ อ่อยๆ น่ะ เห็นมาที่นี่ทีไรก็ชอบแต่สาวขี้อ่อยทั้งนั้น” “มันไม่เหมือนกันเลยพี่” “ไม่เหมือนตรงไหนวะ อธิบายสิ” “ก็...” ปัถย์ตอบไม่ได้ เพราะที่ไม่เหมือนน่ะ ไม่ใช่ว่าอ่อยไม่เหมือนกัน แต่เป็นเพราะความรู้สึกของเขากับคนอ่อยต่างหาก กับน้ำว้าเขาหวั่นไหวไม่กล้าแตะต้องหล่อน เพราะกลัวจะถลำตัวถลำใจไปลึก แต่กับสาวๆ ที่นี่ อ่อยปุ๊บ! เขาก็พร้อมจะกดให้ลึกทันที “ว่าไงว
“จะทำยังไงได้ ก็ไอ้ปัถย์มันไม่รับ อย่างนี้ถ้ายายน้ำว้ามีผู้ชายมาติดพัน พี่ก็คงต้องสนับสนุนนั่นแหละ จะว่าไปยายน้ำว้ามันก็หลานพี่เหมือนกัน น้ามันยังไม่สนใจเลย แล้วพี่เป็นลุง พี่จะไปทำยังไงได้” ปูรณ์พูดเสียงเย็น ดวงตาคมเข้มของชายวัยใกล้ 40 มองน้องชายอย่างท้าทาย อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามีผู้ชายมาติดพันยายน้ำว้าจริงๆ ปัถย์จะแก้ปัญหายังไง หรือจะปล่อยให้ยายน้ำว้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปดี ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องคาราโอเกะจนได้ยินเสียงร้องเพลงจากห้องข้างเคียง จากที่ไม่สนใจฟังกลายเป็นว่าปัถย์หูผึ่ง ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นอย่างเร็วก่อนจะรีบเปิดประตูแล้วเดินออกไปที่ห้องต้นเสียง และนั่นก็ทำให้ปูรณ์และไวทย์รีบตามออกไปทันที.. โครม!! ประตูห้องคาราโอเกะด้านข้างถูกถีบให้เปิดออก จนคนที่จับไมค์ร้องเพลงอยู่ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่ค้ำตระหง่านอยู่หน้าประตู ร่างนั้นราวกับภูตผี จนเพื่อนหนุ่มสาวของหล่อนผวาแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง และร่างสูงก็ก้าวเร็วเกินกว่าหล่อนจะกรีดร้องพร้อมกับคว้าข้อมือหล่อนอย่างเร็ว เพื่อ
ปัถย์กระชับข้อมือของน้ำว้า แต่สายตาของเจ๊แหม่มที่มองมาทำให้เขาชะงัก ดวงตาเฉี่ยวจากเครื่องสำอางแต่งแต้ม กวาดมองเรือนร่างของน้ำว้าตั้งแต่หัวจดปลายเท้า นั่นคือสายตาของแม่ค้าที่ประเมินสินค้าราคาดีชิ้นหนึ่ง แต่น้ำว้าไม่ใช่สินค้าของใคร! “คุณแหม่ม อย่ามองหลานผมแบบนี้นะ” ดวงตากราดเกรี้ยวมองตรงและน้ำเสียงกดต่ำอย่างไม่รู้ตัวส่งออกไปถึงเจ้าของร้านที่อีกนัยหนึ่งก็ไม่ต่างจากแม่เล้า แค่มีชั้นเชิงธุรกิจเท่านั้น เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมามองน้ำว้าแบบนี้ “อ้าว! หลานของคุณปัถย์เหรอคะ แหม่มคิดว่าเมียคุณปัถย์ซะอีกค่ะ ยังคิดว่าคุณปัถย์ตาถึงจัง หุ่นเนื้อนมไข่แบบนี้ คุณปัถย์คงต้องโด้ปเยอะหน่อย” คำพูดของเจ๊แหม่มทำให้ปัถย์ต้องสะกดอารมณ์ลง ท่องไว้ในใจว่าเขามีฐานะเป็น ‘น้าชาย’ ไม่ใช่ ‘สามี’ “หลานจริงๆ ครับ” “ขอโทษที่แหม่มเข้าใจผิดนะคะ ก็คุณปัถย์ทำเหมือนหึงเมียเลยน่ะค่ะ” “ผมน่ะเหรอครับ หึง...” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มองคนหน้ามุ่ยด้านข้างที่ตอนนี้คล้ายจะทำหน้าทะเล้นใส่ นี่เขาแสดงออกจนคนอื่นรู้เห็นหรือเนี่ย
ปัถย์กัดฟันกรอดกับคำพูดทุเรศๆ ของหลานสาว ข่มอารมณ์จนสุด แต่น้ำว้ายังตะโกนปาวๆ ว่าเขาอยากเอาหล่อน... “ว้าย!” น้ำว้าหน้าคะมำเพราะปัถย์หักรถเข้าข้างทางพร้อมเบรคเอี๊ยด แต่ก่อนหล่อนจะพูดอะไรที่มากกว่าร้อง ฝ่ามือแกร่งก็กระชับไหล่แบบบางของหล่อน พร้อมเขย่าอย่างแรง “น้ำว้า! ใครสั่งใครสอนให้เธอพูดจาแบบนี้ ฮะ! ฉันถามว่าใครสอน” อารมณ์กราดเกรี้ยวของน้าปัถย์ หล่อนเคยเห็นจนชิน แต่ครั้งนี้หล่อนได้โอกาสพูดหมดเปลือก พูดสิ่งที่ใจคิดโดยไม่มีคนรอบด้านและไม่มีเวลามาเป็นกรอบเร่งเร้า ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ไม่สนใจว่าเขาจะเขย่าหล่อนแรงหรือจะบีบให้หล่อนแหลกคามือ เพราะหล่อนจะไม่ยอมอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไรเลย “ไม่ต้องมีใครสั่งใครสอนหรอกค่ะ น้ำโตแล้ว น้ำรู้ตัวเองดี และน้ำก็รู้ด้วยว่าน้ำพูดอะไรออกไป น้ำซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองเสมอค่ะ น้ำรักน้าปัถย์ น้ำผิดตรงไหน รักมาตั้งแต่เด็กจนเดี๋ยวนี้ น้ำผิดเหรอคะ” “หยุดพูดเดี๋ยวนี้” เสียงต่ำข่มอารมณ์ มือหยุดเขย่าหล่อนแต่เพิ่มแรงบีบมากขึ้น ต่อให้ฆ่า หล่อนก็ไม่หยุด “ไม่หยุดค่ะ ไม
คุณปูรณ์พาหล่อนก้าวเดินเข้ากระโจม ด้านในนั้นมีเตียงนอนสีขาวสะอาดตาถูกจัดเตรียมไว้ไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นตอนส่งตัวน้ำว้าเข้าหอ หมอนสองใบวางเคียงกัน บนเตียงมีกลีบกุหลาบสีชมพูตกแต่งเป็นรูปหัวใจจนทั่วทั้งห้องมีแต่กลิ่นกุหลาบ เจ้าบ่าวหล่อที่สุด ค่อยๆ วางหล่อนบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับลงมา และทำท่าจะ... “คุณปูรณ์คะ... แขกยังอยู่เลยนะคะ” หล่อนเอียงหน้าหลบจมูกโด่งที่ซุกไซ้ซอกคอ “อยู่แล้วยังไง เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าหอ ใครๆ เขาก็รู้ว่าจะทำอะไรกัน” จมูกโด่งซุกไซ้ข้างแก้ม ใบหู ไรผม ต้นคอ พร้อมริมฝีปากพูดแนบชิดจนหล่อนเริ่มหายใจติดขัด คุณปูรณ์กำลังปลุกอารมณ์หล่อน และหล่อนก็ร้อนง่ายเหลือเกิน “วันนี้เอื้อมเป็นของฉันจริงๆ แล้วนะ และฉันก็เป็นของเอื้อม เป็นของเอื้อมคนเดียวตลอดไป เข้าหอกันนะทูนหัว ไม่เช้าไม่ออก” ปูรณ์ยิ้มกับเจ้าของใบหน้าสวยที่ส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้ เพราะแปลว่าหล่อนยินยอม ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงบนกลีบปากบอบบางก่อนจะละเลียดปลายลิ้นเข้าชอนชิมความหวาน จากนั้นก็ไม่มีพื้นที่ใดทั่วทั้งร่างกายของเอื้อมดาวที่ร
สายตาร้อนแรงราวกับเป็นเอื้อมดาวคนละคนมองตรงไปยังกายแกร่งที่เดินไปนั่งพิงแผ่นหลังหน้าก้อนฟางอัดแน่นจนเป็นโซฟาตัวยาวบุเบาะนวมนุ่ม ดวงตาคมเข้มจ้องมองมาที่หล่อน มือก็สาวความแข็งแกร่งรอคอย เอื้อมดาวรู้หน้าที่ดี หล่อนคลานเข้าหา ลีลาไม่ต่างจากนางแมวยั่วสวาท ตาก็จองมองสิ่งนั้น สิ่งที่จะเติมเต็มความร้อนรุ่มรุนแรงของหล่อนให้บรรเทา สิ่งที่จะสอดแทรกสู่ร่างกายและทำให้หล่อนไม่ทรมาน แต่เมื่อมือน้อยๆ ไขว่คว้าได้ คุณปูรณ์กลับรั้งร่างหล่อนขึ้นมาจูบ “คุณปูรณ์ขา... ซี้ด... ขอหนูนะคะ หนูอยากได้ ซี้ด... ขอหนู... คุณปูรณ์ขา...” “อืม... ใจเย็นๆ นะเอื้อมจ๋า... ฉันยังเล็มหญ้าอ่อนไม่อิ่มเลย” เอื้อมดาวมองเขาฉงน เขาจะกินหล่อนต่อ... ยังไง และเขาก็บอกวิธีการกิน แต่หล่อนไม่กล้า แม้จะอยากจนกอหญ้าเต้นระริกคันยิบ “มาเถอะเอื้อมจ๋า... เอามาให้ฉันกิน” “มัน... เอ่อ... จะดีเหรอคะ หนู...” “เอื้อมรู้ว่ามันจะดี มาเถอะ ฉันหิว...” คำว่า ‘หิว’ มาพร้อมกับคุณปูรณ์แหงนศีรษะพาดไว้ที่เบาะนุ่ม ปลายลิ้นที่แลบออกมาส่ายร่อนอยู่เหนือริมฝีปาก
สิ่งแรกที่เห็นคือเขายิ้มกว้าง ดวงตาคมเข้มมีแววสนุกเหล่ตาไปข้างซ้ายข้างขวาคล้ายจะให้หล่อนมองตาม และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หล่อนตื่นตะลึง มือป้องปิดริมฝีปากที่พร้อมจะเปล่งเสียงร้องไห้โฮ เพราะทั่วบริเวณคือสถานที่จัดงานแต่งงานขนาดย่อมท่ามกลางบรรยากาศของโรงนา มีเวทีขนาดเล็กอยู่สุดทางเดิน มีภาพของหล่อนกับเขาในหลากอิริยาบถประดับไปทั่ว “อยู่ที่นี่ด้วยกันนะเอื้อม อ้อมกอดนี้และหัวใจดวงนี้เป็นของเอื้อมจริงๆ” “คุณปูรณ์ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ หรือหนูฝัน” เอื้อมดาวขยับยุกยิกเหมือนจะหยิกตัวเอง ทำให้ปูรณ์ยิ่งขำ เขากอดรัดร่างหอมกรุ่นแน่นขึ้น จดจมูกที่หน้าผากและเรือนผมนุ่ม อยากกอดรัดหล่อนแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่อยากให้เอื้อมดาวห่างหายไปไหน ช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่มีร่างเล็กๆ นี้นอนแนบข้าง ไม่เคยมีค่ำคืนใดที่ว่างเว้น เรียกได้ว่าแค่ขอให้มีโอกาส เขาก็พร้อมจะพาเอื้อมดาวโลดแล่น และเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่หล่อนขอไปหาฟ้ารุ่งที่ร้าน เขาก็แทบจะขาดใจ แล้วเดือนหน้าหล่อนต้องไปเรียน เขาไม่ต้องตามไปเฝ้ากันเลยเหรอ เวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักมันมีอานุภาพร้า
แม่เปิดปากเล่าเรื่องราวที่ทำให้พ่อลาออกจากงานที่ฟาร์มแล้วมาเปิดร้านวัสดุการเกษตร เพียงเพราะเพื่อนนินทาว่าพ่อเลี้ยงแม่เหมือนเมียเก็บ วันวันอยู่แต่ไร่แต่ฟาร์ม เพราะว่าแม่อายุห่างจากพ่อมาก แม่จึงร่ำร้องให้พ่อตามใจ เพราะอยากประกาศให้เพื่อนฝูงรู้กันให้ทั่วว่าแม่เป็นเมียของพ่อ เป็นเจ้าของร้านค้า โดยที่แม่ไม่คำนึงถึงความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน “พ่อรักแม่มากเลยนะคะ” “ใช่ พ่อรักแม่มาก แต่แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” “คะ...” “เพราะเอื้อมไงละ เอื้อมทำให้แม่เห็นว่าพ่อรักแม่มากแค่ไหน” เอื้อมดาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา “ตอนนั้นแม่เพิ่งสิบแปด ยังเด็กมาก มีลูกก็ไม่อยากจะเลี้ยงด้วยซ้ำ อยากแต่งตัวสวยๆ อยากให้คนมองอย่างชื่นชม แต่เอื้อมไม่เหมือนแม่นะ เอื้อมเป็นผู้ใหญ่กว่าแม่มาก เอื้อมเข้มแข็งและแม่มั่นใจว่าเอื้อมจะทำได้ดีกว่าแม่ ที่สำคัญคุณปูรณ์เขาไม่ได้เห็นเอื้อมเป็นเมียเก็บ เชื่อแม่” .. เอื้อมดาวกลับเข้ามาที่ฟาร์มช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านพัก คนงานก็มาบอกว่าคุณปูรณ์ให้หล่อนไปพบที่โรงนาหลังเก่าที่กำลังปรับปรุงไว้ส
แกร๊ก... ฟ้ารุ่งผินมองคนที่เปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประทินผิวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนต้องรีบแต่งหน้าให้เสร็จเร็วไว เพราะใกล้เวลาเปิดร้านเต็มที ทว่าคนที่เดินเข้ามาแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้ฟ้ารุ่งหงุดหงิด “แกจะพูดอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวันหรอกนะ” คำพูดห้วนจากน้ำเสียงหวานๆ ของแม่ทำให้เอื้อมดาวเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าว คงไม่มีวันที่จะพูดจาดีๆ กันอีกแล้ว แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเกือบเดือน จนแน่ใจว่าไอ้เสี่ยโบ้จะไม่มาวุ่นวายกับแม่กับหล่อนอีก คุณปูรณ์จึงอนุญาตให้แม่กลับมาดูแลร้านได้ และคุณปูรณ์ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแม่ เขาแค่ยั่วหล่อนเล่น แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนกับแม่ก็ยังเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ดี หรืออาจเรียกได้ว่าตั้งแต่วันนั้นก็แทบเป็นคนไม่รู้จัก เพราะแม่ไม่เคยพูดกับหล่อนอีกเลย แต่หล่อนล่ะ หล่อนจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้เหรอ อยู่แบบไม่มีแม่ แม้แม่จะไม่เห็นว่าหล่อนเป็นลูก แต่แม่ก็เป็นแม่ของหล่อนเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ “แม่ยังโกรธหนูอยู่เหรอคะ” ฟ้ารุ่งชะงักมือท
เอื้อมดาวล่องลอยไปกับความปรารถนาเพราะทุกจุดสัมผัสบนร่างกายถูกจู่โจมพร้อมๆ กัน จนหล่อนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายยิ่งบดเบียดเสียดสีดอกไม้งามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำหวานกับความแข็งแกร่งของเขา จนในที่สุด ทุกอย่างก็ถูกสอดใส่ ทั้งๆ ที่หล่อนและเขายังสวมใส่เสื้อผ้าครบ นั่นทำให้เอื้อมดาวได้อีกประสบการณ์ความเสียวที่เพียงแหวกช่องทาง ทุกอย่างก็สอดใส่เข้าหากันได้ “อ่ะ...” หล่อนชะงักร่าง เพราะสิ่งที่หล่อนนั่งทับให้สอดแทรกเข้าสู่ร่างกาย ใหญ่จนหล่อนไม่กล้าทิ้งตัวนั่งลงไปตรงๆ “เจ็บเหรอ” “ไม่ค่ะ หนู... หนูแค่ตกใจ... เอ่อ... คุณปูรณ์ใหญ่” หล่อนตอบแต่เขากลับหัวเราะ “คุณปูรณ์หัวเราะอะไรคะ” “ก็หัวเราะคนพูดตรง” “เอ่อ... ไม่ดีเหรอคะ หนู... ไม่ควรพูดเหรอคะ” “ไม่ใช่ไม่ควร ควรมากเลยละ เพราะยิ่งพูด... ฉันก็ยิ่งแข็ง” “ว้าย! คุณปูรณ์...” เอื้อมดาวผวาเพราะสิ่งที่แข็งเด้งสวนขึ้นมาพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ขยับโขยกสะโพกของหล่อนเร็วรี่ จนเสียงร้องตกใจกลายเป็นเสียงครวญครางไม่ขาดปาก จากนั้นเสียงของเขาเสียงของหล่อนก็สอดประสาน เ
ดวงตาคมเข้มกร้าวขึ้นทันทีที่ไอ้เสี่ยโบ้พูดจบ ทว่าแววตาก็ต้องอ่อนลงเมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มของใครบางคนเอื้อมมากระชับที่ต้นแขน “หือ...” เขาทำเสียงน้อยๆ ในลำคอ เชิงถามว่าหล่อนต้องการอะไร “เขาหมายความว่าอะไรคะ” น้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ปูรณ์ต้องกระชับฝ่ามือนุ่ม บีบเบาๆ ให้คลายความกังวล “ไม่มีอะไร เอื้อมออกไปข้างนอกก่อนนะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” เขาตอบเสียงนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะเรียกเป้ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มาพาเอื้อมดาวออกไปก่อน “จะรีบไปไหนล่ะครับดอกเบี้ย ยังไม่ได้เก็บสักดอก” ทว่าคำพูดของไอ้เสี่ยโบ้กลับทำให้เอื้อมดาวชะงักหันมองตื่นตะลึง ก่อนจะได้ยินเสียงแม่กรีดร้องคร่ำครวญ แต่หล่อนก็ได้สติเมื่อฝ่ามืออบอุ่นบีบกระชับ ม่านน้ำตาที่ก่อเกิดทำให้เห็นทุกสิ่งรางเลือนแต่กลับเห็นแววอ่อนโยนจากดวงตาคมเข้มชัด “ออกไปก่อนนะเอื้อม เชื่อฉัน” “แต่แม่...” “ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น ทางนี้ฉันจัดการเอง” เอื้อมดาวพยักหน้าทั้งที่สั่นสะอื้น แต่แค่หล่อนลุกขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดของไอ้เสี่ยโบ้ก็เข้ามาล้อมจน
สิ่งที่ปูรณ์ให้นทีไปทำก็คือ ให้ทนายเข้ามาดูแลเรื่องการโอนโฉนดที่ดินและบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของเขา เพราะตอนที่ฟ้ารุ่งมาอ้างว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้าน เขาให้ทนายทำเป็นสัญญาขายฝากเอาไว้ แล้วหล่อนไม่สนใจสิ่งใดมากกว่าได้เงินครบตามที่ต้องการหรือเปล่า ดังนั้นการลงชื่อในเอกสารทุกแผ่น จึงไม่ใช่สิ่งที่ฟ้ารุ่งจะสนใจ แน่นอนว่าเอกสารเหล่านั้นมีใบมอบอำนาจให้ทนายดำเนินการแทนฟ้ารุ่งได้ทุกอย่าง ซึ่งเขาไม่เคยอยากให้เป็นแบบนี้ แต่ต้องกันเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้บ้านพร้อมที่ดินผืนนี้คงกลายเป็นของไอ้เสี่ยโบ้ไปแล้ว ตอนนั้นเขาถือว่าทำเพราะต้องการรักษาทรัพย์สินของพิภพไว้ให้ลูกสาว ส่วนเป้ยนั้นเขาให้ไปส่งข่าวให้ไอ้เสี่ยโบ้รู้ว่าเขาแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่เข้ามาบริหารงานที่ร้านนวดแทนฟ้ารุ่ง เพราะเขาซื้อกิจการต่อจากฟ้ารุ่งแล้ว ดังนั้นฟ้ารุ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาบ้านและที่ดินผืนนี้ไปใช้หนี้เสี่ยโบ้อีก และคำสั่งของเขา ส่งผลให้ร้านนวดของฟ้ารุ่งมีแขกมาเยี่ยมเยือนในทันที “ผมได้ข่าวว่าคุณปูรณ์มาเทคโอเวอร์ร้านนวดของฟ้ารุ่ง” ปูรณ์มองผู้ชายวัย 30 กว่า แต่งกายด้วย
เอื้อมดาวมองสำรวจใบหน้าของคนหล่อ ค่อยๆ แตะนิ้วมือที่แนวคิ้วเข้ม เปลือกตาของเขาที่หลับพริ้ม สันจมูกโด่ง และลงมาถึงริมฝีปาก ทุกสิ่งจริงจนหล่อนต้องหลับตาส่ายหน้า ขอให้เมื่อหล่อนลืมตาอีกครั้งนี่จะไม่เป็นเพียงความฝัน ทั้งหมดที่หล่อนเห็นและจับต้องได้อยู่ขณะนี้คือความจริง “อุ้ย!” สิ่งที่ยืนยันได้ไม่ใช่ตาหล่อนที่เห็น แต่เป็นริมฝีปากร้อนผ่าวอ้าอมปลายนิ้วของหล่อนเอาไว้ และเมื่อหล่อนลืมตามอง คุณปูรณ์ก็ตอกย้ำความจริงด้วยการรั้งศีรษะหล่อนเข้าหาและมอบความรุมร้อนแนบริมฝีปากของหล่อน จูบเร่าร้อนแต่หวานที่สุดละเลียดไล้อยู่บนกลีบปากหวาน จนหล่อนมึนงงสับสนจนต้องโอบท่อนแขนรอบลำคอของเขา คุณปูรณ์ทำให้หล่อนล่องลอยราวกำลังไต่ขึ้นสวรรค์ ร่างกายของหล่อนบางเบา มีแต่แสงสีขาวรายล้อม ความสุขกำลังก่อตัว ความทุกข์ที่หล่อนคิดว่ามากมายพลันสลายไปไม่หลงเหลือ อา... ร่างกายหล่อนเบาหวิว ก่อนจะนอนราบบนที่นอนนุ่ม โดยมีเขาทาบทับ “คุณปูรณ์...” “หืม... ว่าไง” ชื่อของเขาเปล่งออกจากปาก หล่อนเห็นเขาฟอนเฟ้นเต้าอวบอัด ที่หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าหลุ