ปัถย์กระชับข้อมือของน้ำว้า แต่สายตาของเจ๊แหม่มที่มองมาทำให้เขาชะงัก ดวงตาเฉี่ยวจากเครื่องสำอางแต่งแต้ม กวาดมองเรือนร่างของน้ำว้าตั้งแต่หัวจดปลายเท้า นั่นคือสายตาของแม่ค้าที่ประเมินสินค้าราคาดีชิ้นหนึ่ง แต่น้ำว้าไม่ใช่สินค้าของใคร! “คุณแหม่ม อย่ามองหลานผมแบบนี้นะ” ดวงตากราดเกรี้ยวมองตรงและน้ำเสียงกดต่ำอย่างไม่รู้ตัวส่งออกไปถึงเจ้าของร้านที่อีกนัยหนึ่งก็ไม่ต่างจากแม่เล้า แค่มีชั้นเชิงธุรกิจเท่านั้น เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมามองน้ำว้าแบบนี้ “อ้าว! หลานของคุณปัถย์เหรอคะ แหม่มคิดว่าเมียคุณปัถย์ซะอีกค่ะ ยังคิดว่าคุณปัถย์ตาถึงจัง หุ่นเนื้อนมไข่แบบนี้ คุณปัถย์คงต้องโด้ปเยอะหน่อย” คำพูดของเจ๊แหม่มทำให้ปัถย์ต้องสะกดอารมณ์ลง ท่องไว้ในใจว่าเขามีฐานะเป็น ‘น้าชาย’ ไม่ใช่ ‘สามี’ “หลานจริงๆ ครับ” “ขอโทษที่แหม่มเข้าใจผิดนะคะ ก็คุณปัถย์ทำเหมือนหึงเมียเลยน่ะค่ะ” “ผมน่ะเหรอครับ หึง...” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มองคนหน้ามุ่ยด้านข้างที่ตอนนี้คล้ายจะทำหน้าทะเล้นใส่ นี่เขาแสดงออกจนคนอื่นรู้เห็นหรือเนี่ย
ปัถย์กัดฟันกรอดกับคำพูดทุเรศๆ ของหลานสาว ข่มอารมณ์จนสุด แต่น้ำว้ายังตะโกนปาวๆ ว่าเขาอยากเอาหล่อน... “ว้าย!” น้ำว้าหน้าคะมำเพราะปัถย์หักรถเข้าข้างทางพร้อมเบรคเอี๊ยด แต่ก่อนหล่อนจะพูดอะไรที่มากกว่าร้อง ฝ่ามือแกร่งก็กระชับไหล่แบบบางของหล่อน พร้อมเขย่าอย่างแรง “น้ำว้า! ใครสั่งใครสอนให้เธอพูดจาแบบนี้ ฮะ! ฉันถามว่าใครสอน” อารมณ์กราดเกรี้ยวของน้าปัถย์ หล่อนเคยเห็นจนชิน แต่ครั้งนี้หล่อนได้โอกาสพูดหมดเปลือก พูดสิ่งที่ใจคิดโดยไม่มีคนรอบด้านและไม่มีเวลามาเป็นกรอบเร่งเร้า ใบหน้าสวยเชิดขึ้น ไม่สนใจว่าเขาจะเขย่าหล่อนแรงหรือจะบีบให้หล่อนแหลกคามือ เพราะหล่อนจะไม่ยอมอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไรเลย “ไม่ต้องมีใครสั่งใครสอนหรอกค่ะ น้ำโตแล้ว น้ำรู้ตัวเองดี และน้ำก็รู้ด้วยว่าน้ำพูดอะไรออกไป น้ำซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองเสมอค่ะ น้ำรักน้าปัถย์ น้ำผิดตรงไหน รักมาตั้งแต่เด็กจนเดี๋ยวนี้ น้ำผิดเหรอคะ” “หยุดพูดเดี๋ยวนี้” เสียงต่ำข่มอารมณ์ มือหยุดเขย่าหล่อนแต่เพิ่มแรงบีบมากขึ้น ต่อให้ฆ่า หล่อนก็ไม่หยุด “ไม่หยุดค่ะ ไม
ปัถย์กระชากร่างเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้า อยากจะตีน้ำว้าให้เจ็บ หล่อนจะได้รู้ว่าไม่ควรดื้อกับเขาแบบนี้ เมื่อเขาบอกว่าไม่ หล่อนก็ต้องยอมรับว่าไม่ ไม่ใช่ดื้อแพ่งดื้อรั้นจะเอาแต่ใจตัวเอง เพราะเรื่องของเขากับหล่อนมันเป็นไปไม่ได้ หล่อนควรเข้าใจ แล้วเลิกลอยหน้าลอยตาอ่อยเขาสักที เพราะนั่นรังจะทำให้เขาตบะแตก ทว่าแสงจันทร์สาดส่องก็ทำให้หัวใจเขาอ่อนยวบ ใบหน้าสวยที่ช้อนขึ้นมองเขา เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา และในดวงตาคู่สวยก็เจิ่งคลอไม่ต่างกัน นั่นคือแววตาของคนช้ำรัก หรือดวงตาตัดพ้อกันนะ ปัถย์ข่มอารมณ์ทั้งที่แทบจะใจอ่อน แต่เขาจะไม่มีวันแสดงออกให้น้ำว้าเห็นว่าหล่อนคิดถูก “ไม่ต้องมาสำออยบีบน้ำตา มากับฉันเดี๋ยวนี้!” ฝ่ามือบีบข้อมือน้อยๆ แน่น กระชากให้เดินตาม แต่น้ำว้ากลับผวาเข้ามากอดรัดเขาจากด้านหลังพร้อมกับแรงสั่นสะอื้นรุนแรง ปัถย์ยืนอึ้ง หัวใจอ่อนยวบสั่นไหวรุนแรง ทุกครั้งที่เขาด่าว่า หล่อนจะเถียง ไม่เคยทำสีหน้าสลด และไม่เคยสักครั้งที่จะแสดงทีท่าอ่อนแอแบบนี้ให้เห็น หล่อนมีท่าทีฮึดสู้และพยายามทำให้เขายอมรับว่ารักหล่อน
ใช่... สิ่งที่น้ำว้าพูดออกมาไม่ผิดเลย ‘เรารักกันแล้ว’ เขารักหล่อนและหล่อนก็รักเขา ‘ความรัก’ ที่ไม่มีความใคร่เจือปน เพราะเขาสะกดเก็บและอดทนจนถึงวันนี้ได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งใกล้หล่อนความใคร่ของเขาก็ยิ่งมากขึ้น เช่นในตอนนี้ เขาควรต้องพาตัวเองออกไปให้พ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะเป็นตัวอันตรายสำหรับหล่อนซะเอง “เรากลับกันเถอะ ป่านนี้คุณตาคุณยายรอแล้ว” “ไม่ค่ะ น้ำยังไม่กลับ จนกว่าน้าปัถย์จะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้น้ำฟัง” หล่อนกอดรัดเขา บอกเขาผ่านภาษากายว่าหล่อนรักเขามากแค่ไหน “น้าปัถย์ขา ถ้าใจเราต้องการทำไมเราต้องกลัวค่ะ น้าปัถย์กับน้ำไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลยนะคะ ทำไมเราจะรักกันไม่ได้” “น้ำไม่เข้าใจหรอก” “ใช่ค่ะ น้ำไม่เข้าใจ น้าปัถย์ก็อธิบายให้น้ำเข้าใจสิคะ ว่าทำไม” เขาเงียบไม่พูด ยังมีสิ่งไหนที่เขากลัวมากไปกว่าสายเลือดเดียวกันอีก “น้าปัถย์ทนได้เหรอคะ ถ้าน้ำต้องเป็นของคนอื่น” น้ำว้าพูดพลางผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขา แต่นั่นกลับทำให้ปัถย
“นอนคุยกันก่อนได้มั้ยคะ น้ำอยากอยู่กับน้าปัถย์แบบนี้ น้าปัถย์ยังไม่ตอบคำถามน้ำเลย” “คำถามไหน” ถามเสียงสั่น เพราะไม่ใช่แค่อกอวบแนบชิด แต่กลิ่นกายสาวที่กำจายออกจากร่างของน้ำว้า และกลิ่นของความปรารถนาเริ่มมีปฏิกิริยากับเขา เขากำลังตื่นตัว “เรื่องน้ำจะเป็นของคนอื่น” “ไม่...” อ้อมแขนกระชับขึ้นอัตโนมัติ “น้ำเป็นของน้า” “ถ้าน้ำเป็นของน้าปัถย์ น้าปัถย์จะผลักไสน้ำทำไมคะ” “โธ่... น้ำ... น้ำไม่เข้าใจ” “ใช่ค่ะ น้ำไม่เข้าใจ น้าปัถย์ก็บอกน้ำสิคะ น้ำจะได้เข้าใจ” น้ำว้าขยับร่างขึ้นสูง หล่อนประคองใบหน้าหล่อคมเข้มของเขาเอาไว้ มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมอย่างแสนรัก หล่อนรักเขาเหลือเกิน รักคนเดียวเสมอมา รักจริงๆ ไม่ใช่หลงใหล เพราะหากหล่อนหลงเขา โดนด่าครั้งสองครั้ง หล่อนคงขาดใจ แต่นี่หล่อนทนได้ ทนมาเกือบ 10 ปี เพราะหล่อนมั่นใจว่านั่นคือกำแพงที่เขาสร้างขึ้นเพื่อกีดกันหัวใจไม่ให้โคจรมาพบ ก็เท่านั้น “น้าปัถย์ขา...” หล่อนมองลึกไปในดวงตาคู่คม ปีนี้หล่อนอายุ 20 แล้ว หล่อนพ
“อ๊ายยยยย... น้าปัถย์...” หล่อนสะท้าน อ้าปากค้าง สลับกับพ่นลมหายใจออกจากปากจากจมูก หล่อนรับความรู้สึกนี้ไม่ไหว น้าปัถย์ทำให้หล่อนเสียจริต “น้าปัถย์... อื้อ... น้ำ... น้ำ... อื้อ...” นึกไม่ออกว่าต้องพูดว่าอะไร นึกไม่ออกว่าควรพูดคำไหน รู้แต่หล่อนอยากบอกเขาว่าหล่อนไม่ปกติ หล่อนใกล้จะควบคุมตัวเองไม่ได้ หล่อน... “อ้า...” ดวงตาสวยหวานเบิกกว้าง มองความกระจ่างของฟ้าด้านบน ริมฝีปากอ้าค้างก่อนจะสั่นระริก ผ่อนปรนความอัดอั้นออกมาขณะที่ศีรษะทุยสวยของน้าปัถย์ยังฟอนเฟ้นที่เต้าอวบอิ่ม หล่อนหลับตาร่ำร้องออกมาไม่เป็นภาษาเพราะน้าปัถย์ทำให้หล่อนขาดสติแล้ว ฝ่ามือของเขาโอบประคองสองเต้าให้ยอดอกแนบชิดก่อนที่ปลายลิ้นร้อนๆ นั้นจะแลบเลียยอดอกของหล่อนทั้ง 2 ข้างพร้อมๆ กัน “อ้า... น้าปัถย์... อ๊ายยยยย...” ปากร้อนที่เคยด่าทอหล่อนมากมาย ดูดดุนปลายยอดเกิดเสียงดังจุ๊บๆ และฝ่ามือที่บีบต้นแขนหล่อนจนเจ็บก็กำลังเคล้นคลึงเต้าอวบอัดของหล่อนแผ่วเบาแต่หนักหน่วง รวมทั้งสายตาที่มองมา นั่นทำให้หล่อนไม่กล้ามอง แต่หล่อนอยากให้เขาไปไกลก
“อา... น้าปัถย์ขา... ซี้ด... น้าปัถย์... อื้อ... น้ำไม่ไหว... ซี้ด... น้ำไม่ไหวแล้ว ซี้ด... อื้อ... ช่วยน้ำ ช่วยน้ำ... ช่วย... กรี๊ดดดดด...” น้าปัถย์ตอบแทนเสียงร่ำร้องของหล่อนด้วยการขยี้ปลายนิ้วที่จุดนั้น นั่นทำให้หล่อนกรีดร้องเพราะห้ามความเสียวสุดชีวิตไม่อยู่ ยิ่งเขาขยี้ปลายนิ้วพร้อมกับรัวลิ้นหล่อนก็ยิ่งเสียวจนดิ้นพล่าน แต่ไม่รู้ว่าความเสียวนี้จะไปสิ้นสุด ณ จุดไหน เมื่อน้าปัถย์ยังไม่ยอมหยุดลิ้นหยุดนิ้ว ลิ้นร้อนยังคงตวัดรัวเร็วแต่นิ้วอุ่นกลับลากลงไปยังจุดที่ตอดตุ๊บ และแค่เขาดันนิ้วเข้าไป หล่อนก็ต้องกรีดร้องอีกครั้ง “น้าปัถย์!” ความเสียวพุ่งสูง ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง แต่น้าปัถย์ผู้ไม่ฟังเสียงร้องของหล่อน กลับตวัดลิ้นเลียที่ยอดเกสรพร้อมๆ กับค่อยๆ กดนิ้วแทรกเข้าให้หล่อนดิ้นพล่าน “น้าปัถย์... ซี้ด... อื้อ... เสียว... ซี้ด...” เสียวจนอยากจะกรีดร้องและก็อัดอั้นกับสิ่งที่ใกล้จะระเบิดรอมร่อ แต่สิ่งที่คิดว่าใกล้กลับยังไม่ถึง เมื่อน้าปัถย์ชักนิ้วออก หล่อนรู้ว่านี่ยังไม่สิ้นสุด เสียวแบบนี้ คือเสียวมาก แต่ยังเสียว
‘อา... อร่อยเหลือเกิน...’ น้ำว้ากรีดร้อง แต่เขาอร่อยเหลือเกิน รสอร่อยหวานลิ้นเอ่อซึมออกมามากตามจังหวะลิ้นจาบจ้วง เขายิ่งชอนปลายลิ้นลงลึก น้ำหวานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ ไม่สิ้นสุด ลิ้นสากจึงสอดลึกตวัดเอาหยาดหยดแห่งความหวานมากลืนกินให้มากที่สุด เพราะรสชาติหวานลิ้นแบบนี้เขาจะกินไม่เหลือ ไม่ยอมให้ของอร่อยนี้ตกไปที่ใครแน่ ปัถย์ลงลิ้นละเลียดทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นร่องเล็กร่องน้อยเขาก็จะเซาะ เพราะเขาอยากแตะต้องน้ำว้าให้ทั่วทุกตารางนิ้ว ให้ร่างกายหล่อนจดจำว่าลิ้นแรกและลิ้นสุดท้ายที่จะแตะ ตวัดเลีย ดูดดื่ม กลืนกิน และชอนลึก คือลิ้นของเขาคนนี้คนเดียว “โอว... น้าปัถย์ขา... โอว... น้ำเสียว... โอว... น้าปัถย์...” ยิ่งน้ำว้าร้องมากเท่าไร ปลายลิ้นของเขาก็ยิ่งรัวเร็วฉกวาบควานหาความหวานไม่หยุด จนเรือนร่างเปล่าเปลือยกระตุกติดๆ กันอีกหลายครั้ง พร้อมกับเสียงแว่วหวานดังราวจะขาดใจ ปัถย์เคลื่อนตัวขึ้นมานอนแนบข้าง ใช้เสื้อตัวเองคลุมท่อนร่างของน้ำว้าเอาไว้ ก่อนจะกอดกระชับร่างเปล่าเปลือยของน้ำว้าแนบอกแกร่ง เขาจูบเรือนผมหอมที่มีกลิ่นหญ้าจางๆ และ
คุณปูรณ์พาหล่อนก้าวเดินเข้ากระโจม ด้านในนั้นมีเตียงนอนสีขาวสะอาดตาถูกจัดเตรียมไว้ไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นตอนส่งตัวน้ำว้าเข้าหอ หมอนสองใบวางเคียงกัน บนเตียงมีกลีบกุหลาบสีชมพูตกแต่งเป็นรูปหัวใจจนทั่วทั้งห้องมีแต่กลิ่นกุหลาบ เจ้าบ่าวหล่อที่สุด ค่อยๆ วางหล่อนบนที่นอนก่อนที่เขาจะทาบทับลงมา และทำท่าจะ... “คุณปูรณ์คะ... แขกยังอยู่เลยนะคะ” หล่อนเอียงหน้าหลบจมูกโด่งที่ซุกไซ้ซอกคอ “อยู่แล้วยังไง เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าหอ ใครๆ เขาก็รู้ว่าจะทำอะไรกัน” จมูกโด่งซุกไซ้ข้างแก้ม ใบหู ไรผม ต้นคอ พร้อมริมฝีปากพูดแนบชิดจนหล่อนเริ่มหายใจติดขัด คุณปูรณ์กำลังปลุกอารมณ์หล่อน และหล่อนก็ร้อนง่ายเหลือเกิน “วันนี้เอื้อมเป็นของฉันจริงๆ แล้วนะ และฉันก็เป็นของเอื้อม เป็นของเอื้อมคนเดียวตลอดไป เข้าหอกันนะทูนหัว ไม่เช้าไม่ออก” ปูรณ์ยิ้มกับเจ้าของใบหน้าสวยที่ส่งรอยยิ้มแสนหวานมาให้ เพราะแปลว่าหล่อนยินยอม ริมฝีปากอุ่นจัดทาบลงบนกลีบปากบอบบางก่อนจะละเลียดปลายลิ้นเข้าชอนชิมความหวาน จากนั้นก็ไม่มีพื้นที่ใดทั่วทั้งร่างกายของเอื้อมดาวที่ร
สายตาร้อนแรงราวกับเป็นเอื้อมดาวคนละคนมองตรงไปยังกายแกร่งที่เดินไปนั่งพิงแผ่นหลังหน้าก้อนฟางอัดแน่นจนเป็นโซฟาตัวยาวบุเบาะนวมนุ่ม ดวงตาคมเข้มจ้องมองมาที่หล่อน มือก็สาวความแข็งแกร่งรอคอย เอื้อมดาวรู้หน้าที่ดี หล่อนคลานเข้าหา ลีลาไม่ต่างจากนางแมวยั่วสวาท ตาก็จองมองสิ่งนั้น สิ่งที่จะเติมเต็มความร้อนรุ่มรุนแรงของหล่อนให้บรรเทา สิ่งที่จะสอดแทรกสู่ร่างกายและทำให้หล่อนไม่ทรมาน แต่เมื่อมือน้อยๆ ไขว่คว้าได้ คุณปูรณ์กลับรั้งร่างหล่อนขึ้นมาจูบ “คุณปูรณ์ขา... ซี้ด... ขอหนูนะคะ หนูอยากได้ ซี้ด... ขอหนู... คุณปูรณ์ขา...” “อืม... ใจเย็นๆ นะเอื้อมจ๋า... ฉันยังเล็มหญ้าอ่อนไม่อิ่มเลย” เอื้อมดาวมองเขาฉงน เขาจะกินหล่อนต่อ... ยังไง และเขาก็บอกวิธีการกิน แต่หล่อนไม่กล้า แม้จะอยากจนกอหญ้าเต้นระริกคันยิบ “มาเถอะเอื้อมจ๋า... เอามาให้ฉันกิน” “มัน... เอ่อ... จะดีเหรอคะ หนู...” “เอื้อมรู้ว่ามันจะดี มาเถอะ ฉันหิว...” คำว่า ‘หิว’ มาพร้อมกับคุณปูรณ์แหงนศีรษะพาดไว้ที่เบาะนุ่ม ปลายลิ้นที่แลบออกมาส่ายร่อนอยู่เหนือริมฝีปาก
สิ่งแรกที่เห็นคือเขายิ้มกว้าง ดวงตาคมเข้มมีแววสนุกเหล่ตาไปข้างซ้ายข้างขวาคล้ายจะให้หล่อนมองตาม และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หล่อนตื่นตะลึง มือป้องปิดริมฝีปากที่พร้อมจะเปล่งเสียงร้องไห้โฮ เพราะทั่วบริเวณคือสถานที่จัดงานแต่งงานขนาดย่อมท่ามกลางบรรยากาศของโรงนา มีเวทีขนาดเล็กอยู่สุดทางเดิน มีภาพของหล่อนกับเขาในหลากอิริยาบถประดับไปทั่ว “อยู่ที่นี่ด้วยกันนะเอื้อม อ้อมกอดนี้และหัวใจดวงนี้เป็นของเอื้อมจริงๆ” “คุณปูรณ์ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ หรือหนูฝัน” เอื้อมดาวขยับยุกยิกเหมือนจะหยิกตัวเอง ทำให้ปูรณ์ยิ่งขำ เขากอดรัดร่างหอมกรุ่นแน่นขึ้น จดจมูกที่หน้าผากและเรือนผมนุ่ม อยากกอดรัดหล่อนแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน ไม่อยากให้เอื้อมดาวห่างหายไปไหน ช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่มีร่างเล็กๆ นี้นอนแนบข้าง ไม่เคยมีค่ำคืนใดที่ว่างเว้น เรียกได้ว่าแค่ขอให้มีโอกาส เขาก็พร้อมจะพาเอื้อมดาวโลดแล่น และเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่หล่อนขอไปหาฟ้ารุ่งที่ร้าน เขาก็แทบจะขาดใจ แล้วเดือนหน้าหล่อนต้องไปเรียน เขาไม่ต้องตามไปเฝ้ากันเลยเหรอ เวลานี้เขารู้แล้วว่าความรักมันมีอานุภาพร้า
แม่เปิดปากเล่าเรื่องราวที่ทำให้พ่อลาออกจากงานที่ฟาร์มแล้วมาเปิดร้านวัสดุการเกษตร เพียงเพราะเพื่อนนินทาว่าพ่อเลี้ยงแม่เหมือนเมียเก็บ วันวันอยู่แต่ไร่แต่ฟาร์ม เพราะว่าแม่อายุห่างจากพ่อมาก แม่จึงร่ำร้องให้พ่อตามใจ เพราะอยากประกาศให้เพื่อนฝูงรู้กันให้ทั่วว่าแม่เป็นเมียของพ่อ เป็นเจ้าของร้านค้า โดยที่แม่ไม่คำนึงถึงความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน “พ่อรักแม่มากเลยนะคะ” “ใช่ พ่อรักแม่มาก แต่แม่เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง” “คะ...” “เพราะเอื้อมไงละ เอื้อมทำให้แม่เห็นว่าพ่อรักแม่มากแค่ไหน” เอื้อมดาวพยักหน้ารับทั้งน้ำตา “ตอนนั้นแม่เพิ่งสิบแปด ยังเด็กมาก มีลูกก็ไม่อยากจะเลี้ยงด้วยซ้ำ อยากแต่งตัวสวยๆ อยากให้คนมองอย่างชื่นชม แต่เอื้อมไม่เหมือนแม่นะ เอื้อมเป็นผู้ใหญ่กว่าแม่มาก เอื้อมเข้มแข็งและแม่มั่นใจว่าเอื้อมจะทำได้ดีกว่าแม่ ที่สำคัญคุณปูรณ์เขาไม่ได้เห็นเอื้อมเป็นเมียเก็บ เชื่อแม่” .. เอื้อมดาวกลับเข้ามาที่ฟาร์มช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านพัก คนงานก็มาบอกว่าคุณปูรณ์ให้หล่อนไปพบที่โรงนาหลังเก่าที่กำลังปรับปรุงไว้ส
แกร๊ก... ฟ้ารุ่งผินมองคนที่เปิดประตูห้องเข้ามา ก่อนจะหันไปสนใจเครื่องประทินผิวหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หล่อนต้องรีบแต่งหน้าให้เสร็จเร็วไว เพราะใกล้เวลาเปิดร้านเต็มที ทว่าคนที่เดินเข้ามาแล้วไม่พูดอะไรก็ทำให้ฟ้ารุ่งหงุดหงิด “แกจะพูดอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามานั่งฟังแกทั้งวันหรอกนะ” คำพูดห้วนจากน้ำเสียงหวานๆ ของแม่ทำให้เอื้อมดาวเม้มริมฝีปากแน่น ขอบตาร้อนผ่าว คงไม่มีวันที่จะพูดจาดีๆ กันอีกแล้ว แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมาเกือบเดือน จนแน่ใจว่าไอ้เสี่ยโบ้จะไม่มาวุ่นวายกับแม่กับหล่อนอีก คุณปูรณ์จึงอนุญาตให้แม่กลับมาดูแลร้านได้ และคุณปูรณ์ก็ยืนยันว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับแม่ เขาแค่ยั่วหล่อนเล่น แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนกับแม่ก็ยังเหมือนคนแปลกหน้ากันอยู่ดี หรืออาจเรียกได้ว่าตั้งแต่วันนั้นก็แทบเป็นคนไม่รู้จัก เพราะแม่ไม่เคยพูดกับหล่อนอีกเลย แต่หล่อนล่ะ หล่อนจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้เหรอ อยู่แบบไม่มีแม่ แม้แม่จะไม่เห็นว่าหล่อนเป็นลูก แต่แม่ก็เป็นแม่ของหล่อนเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ “แม่ยังโกรธหนูอยู่เหรอคะ” ฟ้ารุ่งชะงักมือท
เอื้อมดาวล่องลอยไปกับความปรารถนาเพราะทุกจุดสัมผัสบนร่างกายถูกจู่โจมพร้อมๆ กัน จนหล่อนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายยิ่งบดเบียดเสียดสีดอกไม้งามที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำหวานกับความแข็งแกร่งของเขา จนในที่สุด ทุกอย่างก็ถูกสอดใส่ ทั้งๆ ที่หล่อนและเขายังสวมใส่เสื้อผ้าครบ นั่นทำให้เอื้อมดาวได้อีกประสบการณ์ความเสียวที่เพียงแหวกช่องทาง ทุกอย่างก็สอดใส่เข้าหากันได้ “อ่ะ...” หล่อนชะงักร่าง เพราะสิ่งที่หล่อนนั่งทับให้สอดแทรกเข้าสู่ร่างกาย ใหญ่จนหล่อนไม่กล้าทิ้งตัวนั่งลงไปตรงๆ “เจ็บเหรอ” “ไม่ค่ะ หนู... หนูแค่ตกใจ... เอ่อ... คุณปูรณ์ใหญ่” หล่อนตอบแต่เขากลับหัวเราะ “คุณปูรณ์หัวเราะอะไรคะ” “ก็หัวเราะคนพูดตรง” “เอ่อ... ไม่ดีเหรอคะ หนู... ไม่ควรพูดเหรอคะ” “ไม่ใช่ไม่ควร ควรมากเลยละ เพราะยิ่งพูด... ฉันก็ยิ่งแข็ง” “ว้าย! คุณปูรณ์...” เอื้อมดาวผวาเพราะสิ่งที่แข็งเด้งสวนขึ้นมาพร้อมกับฝ่ามือแกร่งที่ขยับโขยกสะโพกของหล่อนเร็วรี่ จนเสียงร้องตกใจกลายเป็นเสียงครวญครางไม่ขาดปาก จากนั้นเสียงของเขาเสียงของหล่อนก็สอดประสาน เ
ดวงตาคมเข้มกร้าวขึ้นทันทีที่ไอ้เสี่ยโบ้พูดจบ ทว่าแววตาก็ต้องอ่อนลงเมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มของใครบางคนเอื้อมมากระชับที่ต้นแขน “หือ...” เขาทำเสียงน้อยๆ ในลำคอ เชิงถามว่าหล่อนต้องการอะไร “เขาหมายความว่าอะไรคะ” น้ำเสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้ปูรณ์ต้องกระชับฝ่ามือนุ่ม บีบเบาๆ ให้คลายความกังวล “ไม่มีอะไร เอื้อมออกไปข้างนอกก่อนนะ ทางนี้ฉันจัดการเอง” เขาตอบเสียงนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะเรียกเป้ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มาพาเอื้อมดาวออกไปก่อน “จะรีบไปไหนล่ะครับดอกเบี้ย ยังไม่ได้เก็บสักดอก” ทว่าคำพูดของไอ้เสี่ยโบ้กลับทำให้เอื้อมดาวชะงักหันมองตื่นตะลึง ก่อนจะได้ยินเสียงแม่กรีดร้องคร่ำครวญ แต่หล่อนก็ได้สติเมื่อฝ่ามืออบอุ่นบีบกระชับ ม่านน้ำตาที่ก่อเกิดทำให้เห็นทุกสิ่งรางเลือนแต่กลับเห็นแววอ่อนโยนจากดวงตาคมเข้มชัด “ออกไปก่อนนะเอื้อม เชื่อฉัน” “แต่แม่...” “ไม่มีแต่อะไรทั้งสิ้น ทางนี้ฉันจัดการเอง” เอื้อมดาวพยักหน้าทั้งที่สั่นสะอื้น แต่แค่หล่อนลุกขึ้น เหล่าบอดี้การ์ดของไอ้เสี่ยโบ้ก็เข้ามาล้อมจน
สิ่งที่ปูรณ์ให้นทีไปทำก็คือ ให้ทนายเข้ามาดูแลเรื่องการโอนโฉนดที่ดินและบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของเขา เพราะตอนที่ฟ้ารุ่งมาอ้างว่าจะนำเงินไปปรับปรุงร้าน เขาให้ทนายทำเป็นสัญญาขายฝากเอาไว้ แล้วหล่อนไม่สนใจสิ่งใดมากกว่าได้เงินครบตามที่ต้องการหรือเปล่า ดังนั้นการลงชื่อในเอกสารทุกแผ่น จึงไม่ใช่สิ่งที่ฟ้ารุ่งจะสนใจ แน่นอนว่าเอกสารเหล่านั้นมีใบมอบอำนาจให้ทนายดำเนินการแทนฟ้ารุ่งได้ทุกอย่าง ซึ่งเขาไม่เคยอยากให้เป็นแบบนี้ แต่ต้องกันเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นป่านนี้บ้านพร้อมที่ดินผืนนี้คงกลายเป็นของไอ้เสี่ยโบ้ไปแล้ว ตอนนั้นเขาถือว่าทำเพราะต้องการรักษาทรัพย์สินของพิภพไว้ให้ลูกสาว ส่วนเป้ยนั้นเขาให้ไปส่งข่าวให้ไอ้เสี่ยโบ้รู้ว่าเขาแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่เข้ามาบริหารงานที่ร้านนวดแทนฟ้ารุ่ง เพราะเขาซื้อกิจการต่อจากฟ้ารุ่งแล้ว ดังนั้นฟ้ารุ่งไม่มีสิทธิ์จะเอาบ้านและที่ดินผืนนี้ไปใช้หนี้เสี่ยโบ้อีก และคำสั่งของเขา ส่งผลให้ร้านนวดของฟ้ารุ่งมีแขกมาเยี่ยมเยือนในทันที “ผมได้ข่าวว่าคุณปูรณ์มาเทคโอเวอร์ร้านนวดของฟ้ารุ่ง” ปูรณ์มองผู้ชายวัย 30 กว่า แต่งกายด้วย
เอื้อมดาวมองสำรวจใบหน้าของคนหล่อ ค่อยๆ แตะนิ้วมือที่แนวคิ้วเข้ม เปลือกตาของเขาที่หลับพริ้ม สันจมูกโด่ง และลงมาถึงริมฝีปาก ทุกสิ่งจริงจนหล่อนต้องหลับตาส่ายหน้า ขอให้เมื่อหล่อนลืมตาอีกครั้งนี่จะไม่เป็นเพียงความฝัน ทั้งหมดที่หล่อนเห็นและจับต้องได้อยู่ขณะนี้คือความจริง “อุ้ย!” สิ่งที่ยืนยันได้ไม่ใช่ตาหล่อนที่เห็น แต่เป็นริมฝีปากร้อนผ่าวอ้าอมปลายนิ้วของหล่อนเอาไว้ และเมื่อหล่อนลืมตามอง คุณปูรณ์ก็ตอกย้ำความจริงด้วยการรั้งศีรษะหล่อนเข้าหาและมอบความรุมร้อนแนบริมฝีปากของหล่อน จูบเร่าร้อนแต่หวานที่สุดละเลียดไล้อยู่บนกลีบปากหวาน จนหล่อนมึนงงสับสนจนต้องโอบท่อนแขนรอบลำคอของเขา คุณปูรณ์ทำให้หล่อนล่องลอยราวกำลังไต่ขึ้นสวรรค์ ร่างกายของหล่อนบางเบา มีแต่แสงสีขาวรายล้อม ความสุขกำลังก่อตัว ความทุกข์ที่หล่อนคิดว่ามากมายพลันสลายไปไม่หลงเหลือ อา... ร่างกายหล่อนเบาหวิว ก่อนจะนอนราบบนที่นอนนุ่ม โดยมีเขาทาบทับ “คุณปูรณ์...” “หืม... ว่าไง” ชื่อของเขาเปล่งออกจากปาก หล่อนเห็นเขาฟอนเฟ้นเต้าอวบอัด ที่หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าหลุ