แม่ทัพหนุ่มสั่งการปิดจวนและเดินทางกลับเมืองหลวงทันที โดยของบางส่วนจะถูกนำส่งไปทีหลัง พวกเขาใช้เวลาสองวันในการเดินทาง เนื่องจากมีรถม้าของพวกบ่าวไพร่และชิงชิงติดตามมาด้วยจวนสกุลมู่“คารวะท่านแม่ขอรับ”“ลูกแม่ เจ้ากลับมาแล้ว มาสิลูก เข้ามาก่อน เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำชานี่ก่อน”เขานั่งลงก่อนที่จะรับน้ำชามาดื่มและขอตัวไปอาบน้ำเพื่อออกมาคุยกับมารดา ถึงเรื่องที่เขาต้องรีบกลับไปหย่งตูก่อนเพื่อช่วยสกุลจิน จนกระทั่งถึงวันที่เขาต้องเร่งกลับเมืองหลวงอีกครั้ง“ตายจริง แม่หนูนั่นจะไปอยู่ที่ไหนกันเล่าตอนนี้ ลูกแม่ เจ้าแน่ใจหรือว่า นางเข้าเมืองหลวงมาแล้ว”“ท่านแม่ ลูกค่อนข้างแน่ใจขอรับแค่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหานางอย่างไร หากว่าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ นางอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้”“เรื่องนี้ เจ้าไม่ลองถามสาวใช้ของนางดูล่ะ นางพาเจ้ามาหาถูกที่แล้วบางทีเรื่องนี้สาวใช้ที่เจ้าพามาอาจจะช่วยเจ้าได้มากที่สุดก็ได้นะ”“ขอรับท่านแม่ ช่วงที่ข้าไม่อยู่มีผู้ใดมาวุ่นวายหรือไม่ขอรับ”“ก็เห็นจะมีแต่แม่นางผังที่แวะมาเยี่ยม และเอายามาให้ข้าบ่อย ๆบอกว่าช่วยเรื่องอาการปวดหัวเรื้อรังของแม่ได้”“นางงั้นหรือ นางจะมาทำไมกั
เจ้าซูเย่หันกลับมา นางตกใจจนทำห่อยาในมือร่วงลงพื้น เขามาที่นี่ได้เช่นไร หรือว่าเขาพบนางในตลาด แล้วตามนางมา“ฉินเว่ยหยาง”เขาเดินเข้ามาใกล้นาง ก่อนที่จะดึงนางเข้ามากอดด้วยความคิดถึง“ซู่เย่ ใช่เจ้าจริงๆ ด้วย ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าตามหาเจ้าอย่างไม่ลดละ ตลอดหลายเดือนมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใดกัน ซู่เย่”“ตามหาข้า เหตุใดต้องตามหาข้าด้วย”“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะตายแล้ว ข้าไม่มีทางเชื่อ เจ็บต้องเจอคน ตายต้องเจอศพ แต่นี่ไม่พบศพ ข้าไม่มีทางเชื่อว่าเจ้าจะตาย ซู่เย่ เจ้าลำบากหรือไม่ หลายเดือนมานี้เจ้าดูซูบลงไปมากนัก”“อาเย่ ท่านนี้คือ”ป้าเกาเดินมาถามนาง ก่อนที่นางจะรีบบอก“ป้าเกา พอดีข้าเจอเพื่อน ขอไปคุยกับเขาหน่อยนะเจ้าคะ”“อ่อๆ ได้ๆ ข้าจะไปทำอาหารเย็นแล้ว”นางเดินนำเขาไปที่ลำธารหลังตรอกที่ไร้ผู้คน ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร นางก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน“ท่านมาที่นี่ได้เช่นไร แล้วเจอข้าได้อย่างไร ท่านสะกดรอยตามข้ามาหรือ”สายตานางที่มองเขาวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่คืนงานเลี้ยงในสกุลจิน เขาก็ไม่ได้เจอกับนางอีกเลย เขาเทียวไปหานางที่จวน แต่บ่าวไพร่ก็ต่างปฏิเสธ จนเกิดเรื่องขึ้นกับสกุลจิน ข่าวว่านางตายแล
ซูเย่เริ่มตรวจอาการของฮูหยินมู่ นางลอบมองดูสีหน้าสตรีเยาว์วัยข้างหน้านาง แม้ว่านางจะสวมผ้าขาวปิดบังตรงส่วนจมูกและปากเอาไว้ แต่ก็รู้ได้ว่านางต้องเป็นสตรีที่งดงามมากคนหนึ่ง ลูกชายนางช่างตาแหลมนัก“ฮูหยิน ชีพจรท่านดูผิดปกติเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ ท่านได้ทานยาตัวไหนก่อนที่จะทานยาของข้าหรือไม่เจ้าคะ”มู่ฮูหยินรู้สึกประหลาดใจ คิดว่าหลอกพานางมาที่จวนเฉยๆ มิใช่หรือ เหตุใดกลับกลายเป็นว่านางเกิดป่วยจริงเสียล่ะ“เอ่อ ข้าก็กินยาที่ท่านหมอหลวงให้ตามปกตินะ แล้วก็น่าจะมียาบำรุงอยู่ตัวหนึ่งที่มีผู้มามอบให้ หรือว่าท่านหมออยากจะลองตรวจสอบดูหรือไม่”“ถ้าไม่รบกวนฮูหยินมากเกินไป ข้ารบกวนขอตรวจดูหน่อยเจ้าค่ะ”“ได้สิ ไม่มีปัญหา ชิงชิง เจ้าไปเอายาที่ข้ากินประจำ กับยาบำรุงที่แม่นางผังส่งมา เอามาให้ท่านหมอตรวจดูหน่อย”เจ้าซูเย่ได้ยินนางเอ่ยชื่อ แม่นางผัง หรือว่าจะเป็น ผังอี้เหมย ก่อนที่นางจะได้พูดอะไร สาวใช้ก็ยกน้ำชาและของว่างเข้ามาให้ ตามมาด้วยห่อยาหลายห่อ และนำมาวางบนโต๊ะนางค่อย ๆ แกะดูที่ละห่อและใช้คีมสะอาดค่อย ๆ แยกและคีบมาดูทีละชิ้นอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบ มู่ฮูหยินที่เฝ้ามองดูอยู่รู้สึกว่าท่านหมอช่างใส่ใจเ
เจ้าซูเย่สะดุ้งสุดตัว นางมิกล้าหันไปมอง ก่อนที่ชิงชิงจะออกไป และประตูห้องนอนก็ปิดลง“ซูเย่..”“อย่าเข้ามานะ มิเช่นนั้นข้าจะ….”เขาถึงตัวนางก่อนที่นางจะขยับปิ่นไม้ในมือ เขาโยนปิ่นนั้นทิ้งไป ก่อนที่จะจับนางมากอด“ซูเย่ เจ้าหายไปไหนมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเฝ้าตามหาเจ้าอยู่นานเพียงใด”“ท่านแม่ทัพ ปล่อยข้านะ”อ้อมกอดเขาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนนางเริ่มหายใจไม่ออก“ข้าหายใจไม่ออก ปล่อยข้าก่อน”เขาคลายอ้อมกอดนั้น ก่อนที่จะปล่อยตัวนางให้เป็นอิสระ“ขออภัยท่านแม่ทัพ ข้ามาที่นี่เพื่อรักษาฮูหยินเท่านั้น หากเสร็จธุระ ข้าจะไปทันที”“หากข้ามิยอมเล่า เจ้าจะทำเช่นไร”“ข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับท่าน โปรดอย่ามายุ่งกับข้า หาไม่แล้ว ที่รับปากฮูหยินเอาไว้ ข้าก็มิอาจทำได้”“นี่เจ้า…ที่เจ้าต้องการจะไปจากข้า เพราะเจ้ากลับไปคืนดีกับคู่หมั้นเก่าเจ้าแล้วเช่นนั้นหรือ”นางหันกลับไปมองเขาอย่างคาดไม่ถึง นี่เขารู้เรื่องฉินเว่ยหยางได้เช่นไรกัน หรือว่า….“นี่ท่านสะกดรอยตามข้า ท่านรู้มานานเพียงใดแล้ว หรือว่าที่เถ้าแก่พาข้ามาที่นี่ ก็ล้วนแต่อยู่ในแผนการของท่าน ข้าไม่น่าหลงเชื่อพวกท่าน ขอตัวก่อน”“เจ้ายังไปที่ใดมิได้ ข้ายังมิได
วันนี้ซูเย่ขอฮูหยินออกมาซื้อยาเอง และจะแวะไปเยี่ยมลุงเกาป้าเกาด้วย นางจึงออกจากจวนแม่ทัพแต่เช้า ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังร้านขายยา นางจึงได้พบกับฉินเว่ยหยาง“ซูเย่ ทางนี้”“ฉินเว่ยหยาง”นางยืนลังเลที่จะเดินเข้าไป ชิงชิงทำท่าดึงแขนนางเอาไว้“คุณหนู เขามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไรเจ้าคะ แล้วเรื่องของเรา…”“เจ้าไม่ต้องห่วงไว้กลับไปข้าจะเล่าให้ฟัง”“ซูเย่ เจ้ามาซื้อยางั้นหรือ ว่างดื่มชากับข้าสักครู่ได้หรือไม่”“ขออภัยคุณชายฉิน ข้ารีบมาและจะรีบกลับ มิมีเวลามากถึงเพียงนั้นเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน”“เอ๋ ซูเย่ เดี๋ยวสิ เหตุใดจึงรีบกลับล่ะ ถ้าเช่นนั้น ขอข้าไปกับเจ้าด้วยได้หรือไม่”“คุณชายฉิน นี่มันคงจะไม่เหมาะ”“ท่านหมอเย่”เสียงทรงอำนาจดังขึ้นด้านหลังนาง นี่นางจะโชคร้าย เจอคนที่อยากเจอถึงสองคนในเวลาเดียวกันเชียวหรือ นางและชิงชิงหันกลับไปคำนับให้เขา“ท่านแม่ทัพ”“ข้าเข้าใจว่าเจ้าขอท่านแม่ออกมาซื้อยา ที่แท้ แอบมาพบกับคนรักเก่านี่เอง”“ท่านแม่ทัพมู่ นี่ท่าน กับซูเย่”เขาเหลือบมองไปที่นาง ให้นางตอบ แต่นางกลับไม่มองมาที่เขา (เมินข้าอย่างนั้นหรือ ได้เลย)“นางเป็นหมอรักษาให้แม่ข้า บัดนี้พักอยู่ที่จวนสกุลมู่ หากใต
“หมอเย่ ไม่ระวังเลยนะ มาเถอะ ข้าจะดูแผลให้เจ้า”“ท่านแม่ทัพ ปล่อยข้านะ ข้าไม่ได้หกล้มเสียหน่อย ข้าก็แค่”สายตาของเขาจ้องนางกลับมา ทำเอาผู้ที่ถูกจ้อง มิกล้าถกเถียงอีก ก่อนที่เขาจะพานางขึ้นไปบนรถม้าและวางนางที่เตียงนุ่มในรถม้านั่น“ข้าอยากเปิดหน้าต่าง”“แต่ข้าไม่ชอบเปิด”“ท่านแม่ทัพ ขาข้ามิได้ปวดมาก ถ้าอย่างไร เรารีบตามฮูหยินไปดีกว่า”นางลุกขึ้นเพื่อจะออกไป แต่ถูกเขารวบตัวเอาไว้ก่อนจะดึงนางเข้ามาและล้มลงบนเตียงในรถม้า ปลายจมูกที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม เสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่กระทบกัน ก่อนที่เขาจะก้มลงไป ซูเย่ก็รีบเบี่ยงตัวหลบออกมา“ท่านแม่ทัพ ขออภัย แต่ข้าไม่เป็นจริงๆ ข้าขอตัว...”“ซูเย่ ข้าขอโทษ …”นางชะงัก ก่อนที่เขาจะดึงนางลงมานั่งใกล้ๆ เขา นางขยับออกมา แต่เขาก็ขยับจนชิดนางจนนางหนีไปไหนไม่ได้อีก“ท่าน ช่วยขยับออกไปก่อน”“เจ้าก็ต้องบอกข้าก่อนว่าจะไม่หนีออกไปจนกว่าเราจะคุยกันจบ”“ข้า…ข้ารับปาก”เขาขยับออกมาห่างจากนางตามตกลง ก่อนที่จะหันไปมองหน้านาง ที่แดงราวกับมะเขือเทศ“ซูเย่ ข้าขอโทษ ที่เมื่อคืน ข้าพูดจาไม่ดี แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ข้าพูดเพราะความโมโห เจ้าก็รู้ว่าข้า…”“ข้ารับ
“กรี๊ดดดดดดด…..นังสารเลว ชาติชั่ว กล้าดีอย่างไร เอาน้ำล้างเท้าโสโครกนี่มาสาดใส่ข้า นังไพร่ สถุน ต่ำช้าที่สุด”“แม่นางผัง หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!!”ผังอี้เหมยหันไปมองมู่หลงฟู่ สลับกับหมอเย่ ก่อนที่นางจะทนไม่ไหว“ท่านโหว เหตุใดท่านจึงลำเอียง ท่านจะเห็นแก่คนในจวนแล้วกลั่นแกล้งข้าเช่นนั้นหรือ”“ข้าถามว่า ผู้ใดลงมือก่อน พูด!!”“เรียนท่านโหว พวกข้าพึ่งเก็บของออกมาจากห้องฮูหยินกับท่านหมอ เดินมาก็เจอแม่นางผู้นี้มาขวางทางและบังคับให้เราทำความเคารพนางเจ้าค่ะ ก่อนที่นางจะตบท่านหมอ เพราะท่านหมอ…”“ข้าบอกว่า ข้าไม่เคารพผู้ที่ไร้มารยาท ดูถูกผู้อื่น เมื่อไม่ให้เกียรติผู้อื่นก่อน ข้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะก้มหัวให้คนเช่นนี้”“เจ้าค่ะ แม่นางผังก็เลยลงมือกับท่านหมอเจ้าค่ะ ท่านหมอก็เลยโต้ตอบ ตบนาง กับสาวใช้ของนาง ก่อนที่จะ…”เขาฟังแล้วอยากจะปรบมือดังๆ ให้กับซูเย่เหลือเกิน ช่างกล้าคิดกล้าทำยิ่งนัก กงจื่อและกงเซียวถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่ นั่นน้ำล้างเท้าเชียวนะ สมน้ำหน้าเหลือเกิน“แม่นางผัง เจ้าถือสิทธิ์อะไร มาสั่งให้คนจวนข้าทำความเคารพเจ้า มีสิทธิ์อะไรทำร้ายคนในจวนข้า ออกไปจากจวนข้าเดี๋ยวนี้ อย่าให้ข้าเห็น
ทหารล้อมพวกเขาเอาไว้รอบด้าน ด้วยความตกใจของเจ้าซูเย่ เหตุใดมู่หลงฟู่ถึงได้สั่งจับนาง หรือว่าเขาต้องการจับฉินเว่ยหยาง หรือว่าเพราะเขาคิดว่านางเต็มใจหนีมากับฉินเว่ยหยาง“ท่านแม่ทัพ ท่านสั่งจับพวกข้าด้วยสาเหตุใดกัน”เขาหันมามองหน้านาง สายตาของเขาที่มองมา ไม่เหมือนคนเดิมอีกต่อไป เป็นสายตาที่เย็นชา โหดเหี้ยม พร้อมจะฆ่าคนตรงหน้าได้ทันที เพียงแค่นางพูดอะไรผิดอีกนิดเดียว….“เจ้ายังกล้ามาถามข้าอีกอย่างนั้นหรือ แม่นางเจ้า นี่เจ้ายังไม่รู้ถึงความผิดของพวกเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ วางยาพิษแม่ข้าจนสิ้นใจ และหนีออกมากับคนรัก เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปหรือไม่ล่ะ!!”เจ้าซูเย่ตกใจแทบสิ้นสติ เขาว่าเช่นไรนะ เมื่อกี้เขาบอกว่า มู่ฮูหยิน ถูกวางยาพิษจนตายงั้นหรือ“ไม่ ไม่จริง ตอนข้าออกมา ฮูหยินยังดีๆ อยู่เลยเป็นไปได้เช่นไรกัน”“เจ้าก็ไปแก้ตัวกับนางเองเถอะ ส่วนเจ้า โทษที่พาคนร้ายหนี ข้าจะลงโทษเจ้าทีหลัง จับพวกมันไป”ทหารที่เหลือเข้ารวบตัวนางและเว่ยหยางทันที ซูเย่ถูกล้อม แต่ผู้ที่มาจับนางคือกงจื่อ เขาแค่มัดข้อมือของนาง ก่อนจะพานางขึ้นรถม้าและพากลับ ส่วนเว่ยหยางให้นั่งม้าอีกตัวพร้อมกับทหารคุมตัวไปที่คุกของสกุลมู
สองวันถัดมาอาการแพ้ท้องแทนฮูหยินของท่านโหวยังคงมีเรื่อย ๆ และเริ่มเบาบางลงในวันที่สาม ก่อนที่เขาจะบอกให้ฮูหยินเตรียมตัวออกจากจวน“ท่านจะพาข้าไปที่ใดเจ้าคะ”“ไม่ไกลหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากให้เจ้านั่งรถม้าสักเท่าใดนักหรอก”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนและมุ่งหน้าตรงไปทางวังหลวง และเลี้ยวไปยังจวนของพี่ใหญ่สกุลจิน“ทางนี้ ไปบ้านพี่ใหญ่นี่เจ้าคะ หรือว่าท่านจะพาข้ามาเยี่ยมหลานงั้นหรือเจ้าคะ ท่านพี่ ท่านอยากลองเลี้ยงลูกดูหรือเจ้าคะ”“นานแล้วที่เจ้าไม่ได้เจอพี่ใหญ่นี่นา ตั้งแต่วันงานแต่ง เจ้าก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะเรากลับหย่งตูเสียก่อน พอกลับมาก็ต้องดูแลข้าที่เป็นแบบนี้อีก”“มันเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้วนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ”รถม้าเคลื่อนตัวจนถึงหน้าจวนสกุลจิน ก่อนที่กงเซียวจะเดินลงมาเปิดประตูให้พวกเขาเดินลงไป มู่หลงฟู่เดินลงไป ก่อนจะไปรอรับซู่เย่ที่ด้านล่างเพื่อรับนางลงมาและทั้งหมดก็เดินเข้าไปในจวน“ซู่เย่ เจ้ามาแล้ว ฮูหยินน น้องสามมาแล้ว เอาน้ำชามาเร็ว มาๆ นั่งก่อน ให้ข้าตรวจครรภ์เจ้าหน่อย”“พี่ใหญ่ นี่ท่านพี่ส่งข่าวมาบอกท่านเร็วขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ”“แน่นอนสิ เ
“ฮูหยิน ข้างหน้านี้แหละ”“ท่านพี่ ถึงแล้วหรือเจ้าคะ”พวกเขาเดินขึ้นเขาเพื่อมาไหว้หลุมศพของสกุลจิน ซู่เย่พึ่งจะเคยมากราบท่านพ่อ หลังจากเกิดเรื่องที่สกุลจินเมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อมาถึง นางคุกเข่าลงก่อนจะกราบคำนับป้ายหลุมศพสีขาวที่พี่ใหญ่ของนางกับสามีนางจัดการทำให้คหบดีที่ยิ่งใหญ่ของหย่งตูเพื่อนาง“ท่านพ่อ พี่รอง ข้ามาหาพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อบอกว่าคนชั่วที่ทำร้ายพวกเรา ได้ถูกลงโทษไปแล้ว พวกเขาได้รับผลกรรมจากการกระทำชั่วของพวกเขาไปแล้ว หลังจากนี้ พวกท่านอย่าได้มีห่วงอันใดอีกเลยเจ้าค่ะ”นางกราบหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและพบว่ามีดอกไม้ที่มาวางเอาไว้ เหมือนกับว่าจะถูกวางก่อนหน้าที่นางจะมาเพียงไม่นาน ทำให้ซู่เย่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าผู้ใดกันที่มากราบไหว้หลุมศพพวกเขา เมื่อนางมองไปรอบๆก็พบว่าบริเวณโดยรอบมีการดูแลรักษาอย่างดี หญ้าและสิ่งสกปรกล้วนไม่มี“ท่านพี่เจ้าคะ”“ว่าอย่างไรหรือฮูหยิน เจ้ารู้สึกเหนื่อยงั้นหรือ นั่งพักสักครู่ เดี๋ยวข้าจะให้ชิงชิงเอาน้ำมาให้”“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ รอบๆหลุมศพนี้ เหมือนกับว่ามีผู้มาคอยดูแลตลอด ทั้งๆที่…”มู่หลงฟู่มองตามที่ฮูหยินของเขาพูด เขาก็พ
หลังจากศึกเมืองฉางอันเสร็จสิ้น และทรราชผังเจินถูกประหารชีวิตไปร่วมสองเดือน กำหนดการณ์งานสมรสของท่านโหวมู่หลงฟู่และจินซู่เย่จึงได้ออกมาแต่เนื่องจากมู่หลงฟู่ได้สูญเสียบิดาไปยังไม่ครบสามปี ยังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พวกเขาจึงมิอาจจัดงานมงคลที่เอิกเกริกได้ดังปกติทั่วไปงานสมรสของทั้งคู่จึงจัดเพียงยกน้ำชาให้มู่ฮูหยิน กราบศาลบรรพชนสกุลมู่ งานเลี้ยงเล็กๆภายในครอบครัว ส่งตัวเข้าหออย่างเรียบง่าย ซึ่งก็เป็นที่ถูกใจจินซู่เย่และมู่หลงฟู่เพราะทั้งคู่ก็มิได้ชอบงานที่ยิ่งใหญ่วุ่นวายมากนัก“แม่ขอให้พวกเจ้ารักกัน ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า หนักนิด เบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”""ขอบคุณท่านแม่""“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”ห้องส่งตัวมู่หลงฟู่ หลังจากเสร็จสิ้นการส่งแขกที่มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่กี่คน ก็เดินเข้ามายังห้องส่งตัว แม่สื่อที่รอบอกขั้นตอนและปิดประตูให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเขาเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาวของเขาก่อนจะตกตะลึงกับเจ้าสาวที่งดงามราวบุปผาที่บานสะพรั่ง เขาไม่เคยเห็นซู่เย่ที่แต่งหน้าจัดมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังงดงามม
เมื่อเขาควบม้ามาถึงหน้าจวนสกุลจิน เขาก็พบกับพ่อบ้าน ที่รีบวิ่งออกมาต้อนรับพวกเขา“พ่อบ้าน ข้าอยากจะขอพบท่านหญิงจินซู่เย่”“เรียนท่านโหว ท่านหญิงมิได้อยู่ที่จวนขอรับ”“แล้วนางไปที่ใดกัน”“คือว่านาง จะเดินทางกลับไปหย่งตูเลยออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไปแล้ว!!”“เอ่อ…ขอรับ ไปซื้อของเมื่อเช้ามืดขอรับ”เขาไม่ทันรอฟังให้จบ ก่อนจะควบม้าทะยานออกไป ก่อนที่จะหยุดที่ประตูเมือง“ซู่เย่ เหตุใดจึงทิ้งข้า ทำไมเจ้าถึงใจร้ายกับข้านัก”แม่ทัพหนุ่มกลับเข้ามาในจวนด้วยความหดหู่ ก่อนจะนั่งจิบสุราโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว มู่ฮูหยินเดินมาหาเขา ที่บัดนี้ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว“เหตุใดมาดื่มสุราอยู่ที่นี่ เจ้าไปหาซู่เย่มามิใช่หรือ ทำไม ทะเลาะกับนางมา หรือว่านางไล่เจ้ากลับมาอีกล่ะ”“แบบนั้นจะยังดีเสียกว่าขอรับ นี่นางเล่นหนีไปเลย”“หนีไป เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“นางหนีไปแล้ว นางทิ้งข้าไปแล้วขอรับท่านแม่”มู่ฮูหยินฟังเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง นางมองหน้าแม่นมหยุน นางเข้าใจในทันที ก่อนจะเดินออกไป“เจ้าใจเย็นๆ ก่อน บอกแม่มาสิ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางหนีไปแล้ว นางจะหนีไปไหนได้”“ข้าไปหานางเมื่อเช้านี้ขอรับ
วันรุ่งขึ้น นางนั่งรถม้าไปพร้อมกับมู่หลงฟู่ เมื่อคืนนี้กว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง นางรู้ว่าสามีนางนั้นเป็นทหารกล้าที่แข็งแรง แต่ไม่คิดว่าจะทำเอานางหมดแรงได้ขนาดนี้ นี่ขนาดนั่งรถม้ามาส่ง เขาก็จูบนางไม่หยุดตั้งแต่ออกจากจวนมา จนเกือบจะถึงจวนสกุลจิน“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ ข้ามิได้ดูทางเลย ท่านพี่ หยุดก่อน”“ไม่เอา เจ้าจะอยู่กับหมอจินกี่วันกี่คืน แล้วข้าจะนอนคนเดียวกี่คืน ซู่เย่ เรามาแค่เยี่ยมพวกเขา แล้วกลับเลยได้หรือไม่”“ท่านพี่ เราคุยกันแล้วนี่เจ้าคะ เหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก”“ก็ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้า ซู่เย่ ไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ กลับจวนเรากันเถิดนะ”“หากท่านยังพูดไม่หยุด ข้าจะอยู่จวนสกุลจินตลอดไป จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน”มู่หลงฟู่ยอมปล่อยนาง ก่อนที่จะหันมานั่งเฉยๆ ด้วยท่าทางไม่พอใจ ซู่เย่รู้สึกได้อิสระทันที กว่าเขาจะยอมปล่อยนางได้ พร้อมกับหันไปมองคนตัวโตที่นั่งไม่พอใจอยู่“โกรธหรือเจ้าคะ”“…..”“ท่านพี่”“ท่านแม่ทัพขอรับ ถึงจวนสกุลจินแล้วขอรับ”“ข้าไปนะเจ้าคะ ท่านพี่”นางหันไป แต่เขายังไม่มองกลับมา ก่อนที่นางจะเดินลงจากรถม้าเอง และก็เป็นเขาที่สั่งให้รถม้าออกตัวไปทันทีโดยที่ไม่ได้ลงมาส่
จวนสกุลมู่“น้องสาม ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที”“พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่า ท่านทราบมาโดยตลอด ว่าข้าอยู่ที่นี่”“ใช่ แม่ทัพมู่บอกข้าตั้งแต่หย่งตู วันที่ฝังโลงเปล่านั่นแล้ว ทำให้ข้ามีแรงจะกลับเมืองหลวง อย่างน้อยก็เพราะรู้ว่ามีเจ้าอยู่ มิเช่นนั้น ข้าเองก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”“พี่ใหญ่ ท่านมีครอบครัว มีลูกแล้ว เหตุใดท่าน…”“ก็เหมือนเจ้าหรือมิใช่ เจ้าเองก็เกือบจะฆ่าตัวตาย หากท่านแม่ทัพไม่ได้ช่วยเจ้าขึ้นมา”“นั่นแสดงว่าพวกท่าน รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วพวกท่านช่วยฮูหยินได้อย่างไรเจ้าคะ”ย้อนกลับไป….“ฮูหยินเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ”“อืม นี่ยาอะไร”“ท่านหมอเย่สั่งเอาไว้ให้ท่านดื่มเจ้าค่ะ”“ออ งั้นหรือ อ่อ เจ้าน่ะให้คนไปแจ้งท่านโหวด้วยก็แล้วกันว่าหมอเย่ออกไปที่ตลาด”ฮูหยินสั่งสาวใช้ที่ยกยามาให้ออกไปแจ้งคน ก่อนจะทำท่ายกยาดื่มให้สาวใช้คนนั้นเห็น“ฮูหยินเจ้าคะ นี่มัน…”“ไม่ผิดแน่ นางไม่อยากรอแล้ว นางอยากกำจัดข้า แต่เสียดายที่ใช้คนโง่”“ท่านพึ่งจะกินยาที่ท่านหมอเย่ต้มให้ แต่นางกลับมาช้า และไม่ทันได้มองถ้วยยาเดิม”“แม่นมหยุน ให้คนไปแจ้งอาฟู่ว่ามีคนพาซูเย่ออกไปแล้ว ให้รีบกลับจวน และเจ้าเก็บตัวอย่างนี้
“นางใช้อำนาจของท่านราชครู สั่งให้ใต้เท้าฉินกรมคลังมาพบ นางสืบรู้มาว่าใต้เท้าฉินมีใจชอบพอกับหมอหญิง จึงบอกให้เขาใส่ร้ายแม่่ทัพมู่ว่าหลอกนางมารักษาฮูหยินเพื่อจะแยกพวกเขา ใต้เท้าฉินจึงได้ถามเรื่องหย่งตู นางเลยใส่ร้ายว่าเพราะแม่ทัพมู่เป็นผู้บอกว่าสกุลจินช่วย อดีตคู่หมั้นของเขาจึงตาย เขาจึงแค้นใจ ทำให้นางช่วยเขาวางแผนให้พานางหนี ในวันที่ส่งคนของนางไปวางยามู่ฮูหยิน ที่ข้ารู้ ก็เพราะข้าเป็นผู้ให้ยากับสาวใช้ผู้นั้นไปเองขอรับ”“เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่อง ลอบกัดลูกสาวข้า เจ้ามันอกตัญญู”“หากนางคิดดีสักนิด ข้าจะไม่หักหลังพวกท่าน นางบอกจะส่งข้ากลับบ้านเกิด ให้ข้าได้พักผ่อน ที่ไหนได้ให้คนมาฆ่าปิดปาก ท่านแม่ทัพมู่ส่งคนมาช่วย ข้าจึงได้รอดมาถึงตอนนี้ พวกท่านมันชั่วช้าสารเลว เรื่องสั่งฆ่าแม่ทัพมู่ผู้พ่อ ก็เป็นท่านเพราะท่านไม่พอใจที่เขามักจะหักหน้าท่านกลางที่ประชุมราชสำนัก”“เจ้าสารเลววว!!”“หยุดนะ จับตัวผังเจินเอาไว้”มู่หลงฟู่หันมาที่จินซู่เย่ ที่แท้นางก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เขารู้ว่านางไม่เคยคิดร้ายกับท่านแม่ แค่เขาโมโห ที่วันนั้นที่นางออกจากจวนไปกับฉินเว่ยหยาง แต่เขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนของผังอี้เหม
มู่หลงฟู่พาเจ้าซูเย่เดินเข้าไปในท้องพระโรง ก่อนที่จะได้พบกับอากวง แม่ทัพสี่จตุรทิศ เหล่าบรรดาขุนนางหลายคนที่ถูกเรียกเข้ามา บรรดาขุนนางต่างพากันจ้องมองสตรีที่แม่ทัพหนุ่มพาเดินเข้ามาถึงท้องพระโรง ก่อนที่นางจะคุกเข่า“หม่อมฉัน เจ้าซูเย่ ถวายบังคมฝ่าบาท”“นำเก้าอี้ให้นางนั่ง”เหล่าขุนนางต่างรู้สึกแปลกใจ นางได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกัน“เอาล่ะ พาตัวนักโทษเข้ามา”ฝ่าบาทบอกให้กงกงบอกให้ทหารราชองครักษ์พาราชครู ที่ปรึกษา และผังอี้เหมยเดินเข้ามาที่ท้องพระโรง พวกเขาถูกมัดเอาไว้ก่อนจะถูกบังคับให้คุกเข่า ราชครูเฒ่านั้นมิได้มีท่าทีสำนึกผิดสักนิด ที่ปรึกษาของเขาเอาแต่ก้มหน้า มิกล้ามองขึ้นมา ผังอี้เหมยตอนนี้เริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะมองมาที่เจ้าซูเย่ด้วยสายตาที่แสนจะเกลียดชัง“ราชครูผังเจิน เจ้าคิดทรยศต่อบ้านเมือง ปลุกปั่นใส่ร้ายแม่ทัพมู่ สั่งกักขังเรา เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ต้าซ่ง ความผิดนี้เจ้ายอมรับหรือไม่”“หึ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ฝ่าบาท จะทำสิ่งใดก็ทำเถิด”“ราชครู ท่านยังจำกบฏหย่งตูได้หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าคิดสร้างกบฏขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกดินแดน สั่งให้กบฏชั่วลอบสังหารบิดาข
“ฝ่าบาท พระองค์มาที่นี่ได้เช่นไร”“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงเลอะเลือนเช่นนี้ไปได้ ท่านยังคิดว่าข้ารู้มิทันความคิดท่านอยู่หรือ”“พวกเจ้า บังอาจวางแผนลอบกัดข้า”“เป็นท่านที่ละโมบในอำนาจ อยากได้ในสิ่งที่มิคู่ควร เรามิอาจเก็บท่านเอาไว้ข้างกายได้อีก ราชครู วันนี้ท่านก็จงรับโทษตามที่ท่านได้ก่อเอาไว้เถิด”“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าจะจนมุม พามันออกมา”ทหารที่เตรียมล้อมจับอยู่ ยังคงมิกล้าทำสิ่งใด เมื่อมู่หลงฟู่สั่งให้พวกเขาหยุดก่อน เขานำคนผู้หนึ่ง ซึ่งถูกถุงคลุม ก่อนจะนำมายืนอยู่ตรงหน้าเขา“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าเป็นผู้ใด มู่หลงฟู่”มู่หลงฟู่ใจหายวาบ เขารู้สึกไม่ดี แต่นางจะมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร อย่าบอกว่านางขัดคำสั่งเขาออกมาอีกแล้ว“หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่านางทันที เจ้าลองหรือไม่ล่ะ”“อย่านะ!!”“ฮ่าๆๆๆ มู่หลงฟู่ ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าไม่กล้า เอาแบบนี้ ข้าจะให้เจ้าดู หากเจ้ายังตัดสินใจอยู่ ข้าก็จะนับไปเรื่อยๆ เอาล่ะนะ นิ้วก้อยก่อน เป็นไร”""เจ้าราชครูชั่ว ต่ำทราม นี่เจ้ากล้ารังแกสตรีอย่างนั้นหรือ เจ้ามันมิใช่คน สารเลว"“โอ้ อย่าพึ่งโกรธๆ จุ๊ จุ๊ ข้ากำลังจะมอบของขวัญให้เจ้า รอเดี๋ยว เอาดาบมา มา