พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินประโยคนี้สายตาที่มองไปทางหลินเสวี่ยเวยเต็มไปด้วยความประหลาดใจในใจคิดว่า เดี๋ยวนี้เมียน้อย ใจกล้าน่าดูพาสามีคนอื่นมาพลอดรัก พอเจอเจ้าของที่แท้จริงก็ยังไม่สลดหลินเสวี่ยเวยรับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาของพนักงานต้อนรับนั้นหน้าก็พลันซีดเผือดลง"เธอ——!""หรือว่าไม่จริง" หลินซีเดินไปสองสามก้าวก็ถึงโซนพักผ่อนแล้วนั่งลง "มีอะไรก็ว่ามา"โซนที่พักผ่อนวีไอพีของร้านเครื่องเพชรมีความเป็นส่วนตัวดีมาก พนักงานมาเสริ์ฟกาแฟร้อนสองแก้วจากนั้นก็เดินออกไปหลินเสวี่ยเวยพยายามอดกลั้นความโมโหแล้วนั่งลง วางถุงของขวัญลงบนโต๊ะ กล่าวเสียงอ่อนโยน "เธอลองเดาสิว่าพี่อาเยี่ยนซื้อของขวัญอะไรให้ฉัน""คุณหนูหลิน หากว่าคุณเพียงแค่ต้องการอวดว่าสามีของฉันให้ของขวัญอะไรคุณบ้างเท่านั่นล่ะก็ ต้องขออภัยด้วย ฉันไม่สนใจ""สามี"สองคำนี้ทิ่มแทงหลินเสวี่ยเวยให้สีหน้าเยือกเย็นลง แต่วินาทีถัดมาเธอก็ยิ้มหวานขึ้นมา หยิบกล่องกำมะหยี่ีสีแดงวางบนโต๊ะแล้วกล่าวว่า"เธอไม่อยากดูแหวนที่พี่อาเยี่ยนสั่งทำให้ฉันจริงๆ เหรอ"หมิงซีตะลึงค้างอยู่ตรงนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อฟู่ซือเยี่ยนให้ของขวัญหล
บัตรใบนี้เป็นเหมือนฝ่ามือ ที่ตบลงบนหน้าของหมิงซีอย่างแรง ตบจนจำหน้าไม่ได้เธอรู้ดี เธอแพ้แล้ว เธอพ่ายแพ้ให้แก่หลินเสวี่ยเวยอย่างราบคาบความทรงจำหลายหลากลอยกลับมา ค่อยๆ ชัดเจนทีละน้อยฟู่ซือเยี่ยนมักจะไปทำงานที่ประเทศL บ่อยครั้ง ไปครั้งหนึ่งก็หลายวัน ไม่ว่าเธอจะออดอ้อนร้องขออย่างไร ก็ไม่พาเธอไปด้วยยังมี เขาลงทุนมาเลือกแหวนให้กับหลินเสวี่ยเวย แต่แหวนเกลี้ยงในมือเธอนี้เป็นโจวมู่ให้กับเธอในตอนแรกที่จะจดทะเบียนสมรสคิดแล้วก็คงเป็นเขาที่สั่งให้โจวมู่หาแหวนอะไรก็ได้มาให้เธอสวม เพื่อใช้รับสถานการณ์แต่แม้ว่าเป็นเช่นนั้นเธอก็ยังดีใจ แม้แต่ตอนอาบน้ำยังไม่ยอมถอดแหวนวงนี้ตอนนี้ สิ่งที่หวงแหนทั้งหมดนั้นกลายเป็นเรื่องตลก...ใจของหมิงซีเหมือนกับถูกมือหลายมือฉีกจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บปวดที่ไร้ร่องรอยนี้กลับเจ็บยิ่งกว่าบาดแผลเลือดไหลสดๆ เสียอีกฟู่ซือเยี่ยน นายมันโหดร้ายมากทำไมถึงใช้วิธีนี้ ทรมานใจเธอจิตใต้สำนึกของหมิงซีมันอัดแน่นจนหายใจไม่ออก เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้แม้เพียงนาทีเดียว เธอลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินออกไป"เธอไม่รอพี่อาเยี่ยนมาก่อนเหรอ" หลินเสวี่ยเวยก็ลุกขึ้นยืนหมิงซีใช้แรงใ
ก่อนที่หมิงซีจะได้พูดอะไร หลินเสวี่ยเวยก็ยื่นมือที่โดนลวกนั้นร้องไห้ออกมาในอ้อมอกฟู่ซือเยี่ยน" พี่อาเยี่ยน พี่อย่าดุหมิงซีเลย เธอคิดว่าฉันแย่งพี่ไป เธอเลยโกรธจึงทำแบบนี้..."ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองที่หมิงซี ดวงตาจ้องจับผิด "เป็นแบบนั้นเหรอ"สีหน้าหมิงซีราบเรียบมองไปที่ทั้งคู่ รู้สึกน่าขันฝีมือการแสดงที่เลวร้ายแบบนี้ แค่ดูกล้องวงจรปิดก็รู้ความจริงหมดแล้ว แต่ฟู่ซือเยี่ยนกลับเลือกที่จะสอบสวนเธอในเมื่อมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว จะมาถามให้มากความทำไมกันให้โอกาสเธอได้แก้ตัวจากนั้นก็ลงอาญาเหรอเหลวไหลเสียจนน่าขันหมิงซียิ้มเย็น ไม่พูดอะไร แล้วก็หมุนกายจากไปเมื่อเห็นหมิงซีจากไป คิ้วของฟู่ซือเยี่ยนก็ขมวดเป็นปม เท้าก็ขยับจะตามไปแต่เอวกลับถูกหลินเสวี่ยเวยกอดแน่น เธอกล่าวเสียงเบาอย่างน่าสงสารว่า "พี่อาเยี่ยน...ฉันรู้สึกไม่สบาย พี่ช่วย..."กล่าสยังไม่ทันจบ ฟู่ซือเยี่ยนก็ยื่นมือมาดันเธอออก กล่าวเสียงเรียบ "เสวี่ยเวย พี่มีธุระ โจวมู่จะพาเธอไปส่งโรงพยาบาล"กล่าวจบ เขาก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ ทิ้งหลินเสวี่ยเวยที่ตกตะลึงอยู่ตรงนั้นทำไมถึง...ทำไมถึงได้...ฟู่ซือเยี่ยนทิ้งเธอไ
เห็นดวงตาแดงก่ำของเธอ ฟู่ซือเยี่ยนรู้สึกเพียงว่าเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยบางอย่าง อารมณ์พลันซับซ้อนขึ้นมา"หมิงซี..."เขาเปิดปากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับถูกหมิงซีขัดขึ้น"ถ้าฉันบอกว่าเสวี่ยเวยใส่ร้ายฉันล่ะ นายจะไปสอบสวนเธอไหม"คำถามนี้ทำให้ฟู่ซือเยี่ยนชะงัก หลายวินาทีผ่านไป สีหน้าเขาก็ขรึมลงพร้อมกล่าวว่า "เป็นไปไม่ได้ เสวี่ยเวยไม่มีทางใส่ร้ายเธอ"แน่นอนว่าเป็นคำตอบที่คาดเดาได้ แต่ทำไมมันเจ็บเจียนตายกันนี่เป็นเพราะคนรักเลยเลือกที่จะมองว่าไม่มีรอยด่างพร้อยเหรอในสายตาของเขา หลินเสวี่ยเวยอ่อนโยนจิตใจดีงามเสมอ ไม่มีใครทำให้เป็นอื่นได้พฤติกรรมของตัวเองตอนนี้ ในสายตาของฟู่ซือเยี่ยนหรือบางทีเป็นเพียงแค่ตัวตลกที่สร้างเรื่องเท่านั้นหมิงซีมองเขาอย่างโมโห หัวเราะเยาะตัวเองแล้วกล่าวว่า "เธอไม่ทำงั้นก็เป็นฉันเหรอ อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับหลินเสวี่ยเวย ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ล้วนแต่เป็นความผิดของฉันเหรอ""ฟู่ซือเยี่ยน เดิมทีฉันในสายตาของนายเป็นคนแบบนี้เหรอ"ประกายตาของเธอมืดลง ขาดความสดใสไปฟู่ซือเยี่ยนอยากจะพูด แต่ก็ติดอยู่ที่ปากสักครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ กล่าวขึ้น "หมิงซี ผมเพียงแต่เชื่อในสิ่งที่
หลินเสวี่ยเวยสีหน้าซีดลง แต่ไม่นานก็กลับเป็นปกติพี่อาเยี่ยนจะต้องกังวลสุขภาพของเธอแน่นอนเธอหัวเราะอย่างอ่อนหวาน "พี่อาเยี่ยน พี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะคะ ฉันยังทนได้"ฟู่ซือเยี่ยนสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย เห็นแววตาน่าสงสารของหลินเสวี่ยเวย ก็หันหน้าหนีไม่ได้พูดอะไรหมิงซียังถูกเขาขังไว้ เธอหัวเราะอย่างคนแปลกหน้า "ประธานฟู่ คนสำคัญของคุณรออยู่"เธอไม่อยากเห็นสองคนนี้พรอดรักกันไปมา...เธออยากจะจากไปทันทีตอนนี้เธอเหนื่อยมาก เหนื่อยจนจะล้มพับไปในวินาทีถัดไปมองเห็นดวงตาที่แดงก่ำของหมิงซี ภายในใจของฟู่ซือเยี่ยนก็เจ็บปวดขึ้นมา"ฉัน..."เขาจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา"ไม่ต้องแล้ว!"หลินเสวี่ยเวยพลันพูดออกมา กล่าวเสียงอ่อน "พี่อาเยี่ยน ฉันรู้ถึงใจของพี่ดี แต่ไม่ต้องบังคับให้หมิงซีต้องขอโทษฉัน พี่ให้เธอไปเถอะ ฉันไม่เอาความแล้ว""..."คำกล่าวนี้ทำให้หมิงได้สติกลับมา ในใจมีอะไรบางอย่างขาดผึงเธอมองไปที่ฟู่ซือเยี่ยน แววตาเหมือนเพิ่งรู้จักเขาครั้งแรกดังนั้น เขาจับเธอไว้ไม่ปล่อย ก็เพียงเพราะเธอยังไม่ได้ขอโทษยอดดวงใจของเขาเท่านั้นเหรอหมิงสียิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันที่แท้นี่เองที่เรียกว่าหลงจนโง
แหวนวงนี้เธออยากได้มานาน ฟู่ซือเยี่ยนไม่ให้เธอคิดไม่ถึงว่าไปอยู่กับนังนั่นหลินเสวี่ยเวยดึงฝ่ามือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่น ดวงตาเป็นประกายมาดร้ายฟู่ซือเยี่ยนได้สติไม่ยอมรับการสัมผัสที่ใกล้ชิดนี้ ขมวดคิ้วพร้อมกับชักมือกลับหลินเสวี่ยเวยสีหน้าค้างแข็งไปชั่วครู่ทันใดนั้น ฟู่ซือเยี่ยนก็คิดอะไรออก ดวงตาเป็นประกายเย็นเยือกมองไปที่หลินเสวี่ยเวย มองจนเธอนั้นหนาวสันหลังเขากล่าวเสียงเย็น "เธอบอกกับหมิงซีเหรอว่าฉันซื้อแหวนให้"หลินเสวี่ยเวยหน้าซืดลงกว่าเดิม ข่มความตกใจไว้ กัดริมฝีปากกล่าวขึ้น "ฉันซื้อแหวนเพชรวงหนึ่งเตรียมจะให้กับคุณป้า เป็นของขวัญวันเกิดในเดือนหน้า หมิงซีเข้าใจอะไรผิดเหรอ"ฟู่ซือเยี่ยนมองเธอลึกลงไป "เสวี่ยเวย ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมาทำอวดฉลาดต่อหน้าฉัน ฉันเคยบอกว่าเครื่องประดับเพชรพลอยเธอเลือกได้ตามสบาย แต่มีบางสิ่งที่ตอนนี้ยังไม่ได้"คำกล่าวที่เย็นเยือก เหมือนกับน้ำเย็นที่ราดลงมาหลินเสวี่ยเวยร้อนใจ เขามองเธอออกเหรอแต่ต่อให้เธอพูดทำร้ายจิตใจหมิงซีไม่กี่ประโยค แล้วยังไงล่ะ!เมื่อก่อนเขาเอ็นดูเธอจะตาย ไม่เคยให้เธอต้องถูกรังแกแต่ตอนนี้กลับมาถามเธออย่างสงสัยซ้ำไปซ้ำมาเพร
วัดถัดมาหลิงซีตื่นแต่เช้า เก็บของเตรียมตัวไปที่ว่าการอำเภอเธอนัดไว้เป็นตอนเช้าเวลาเก้าโมงครึ่ง ยังมีเวลาเหลือ เธอนั่งรถประจำทางไปอย่างไม่รีบร้อนเมื่อวานเธอไม่สบายเลยไม่ได้กินมื้อค่ำกับซูเนี่ยน กลับถึงบ้านก็พบว่าเสื้อที่ซื้อให้ลูกหายไปแล้วโทรไปที่ห้างก็หาไม่เจอ น่าจะมีคนหยิบไปแล้วหลังจากรถประจำทางถึงป้าย หมิงซีก็ลงจากรถและส่งข้อความหาฟู่ซือเยี่ยนแค่สามคำ "ฉันถึงแล้ว"เธอพลันพบว่า ข้อความก่อนหน้าเป็นตอนที่ส่งไปก่อนที่หลินเสวี่ยเวยจะกลับมา"สามี จะกลับมาเมื่อไหร่"วันนั้นเธอรู้ว่าตัวเองท้อง เดิมทีจะส่งข้อความไปบอกเขา แต่ตอนหลังรู้สึกว่าเรื่องใหญ่แบบนี้ต้องบอกต่อหน้าคิดไม่ถึงว่า เวลาแค่ครึ่งเดือนเท่านั้นก็จะไม่เกี่ยวข้องกันแล้วบทสนทนานั้นมีข้อความมากหมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเธอส่งไป ฟู่ซือเยี่ยนมีบ้างที่ตอบแค่อืมก่อนหน้าไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้พอมาย้อนดู รักกับไม่รัก ดูรู้จากเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หมิงซีลบบทสทนา เธอไม่ยอมให้ตัวเธอจมอยู่กับอดีตเธอจะต้องเดินไปข้างหน้า ทันใดนั้น ข้างตัวมีคนร้อง"ขโมย"ตามมาด้วย เธอก็ถูกคนพลักล้มลงอย่างแรง มีเงาร่างดำโผล่ออกมาจากข้างตัวเธอ ในมือถื
ผู้หญิงกระโปรงแดงหยิบกระเป๋าขึ้นมาดูสักครู่ กล่าวอย่างละล่ำละลัก "ยังอยู่ ขอบคุณเธอมากเด็กน้อย อย่ามัวพูดอยู่เลย พวกเราไปโรงพยาบาลกัน"ไม่นาน รถฉุกเฉินก็มาถึงโรงพยาบาลหลังแพทย์ตรวจรักษาแล้ว ยืนยันว่านอกจากรอยมีบาดที่แขนและกลางฝ่ามือแล้วก็ไม่มีบาดแผลอื่นตอนที่เย็บแผล ผู้หญิงกระโปรงแดงคนนั้นคอยอยู่ข้างหมิงซีตลอดเวลา หมิงซีเอาศีรษะซุกอยู่ที่แขนเธอคลอด ไม่กล้ามองตั้งแต่เด็กแล้วเธอทั้งกลัวเข็มทั้งกลัวเจ็บไม่ใช่ผู้ลากมากดีจากไหน ทำไมถึงมีโรคกลัวแบบพวกคนมีเงินก็ไม่รู้ความเจ็บเล็กน้อยสำหรับเธอแล้วมันใหญ่หลวงมากนัก เธอได้แต่อดกลั้นเอาไว้และเพื่อลูก เธอยังต้องโกหกว่าแพ้ยาชา จึงทำได้เพียงเย็บสดเข็มหนึ่งเข้ามา เจ็บจนหนังหัวชา น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดผู้หญิงกระโปรงแดงเต็มไปด้วยความสงสารเอ็นดู จนอยากจะรับเจ็บแทนเธอรอจนกระทั่งแพทย์ออกไป จึงได้ดีขึ้นมาหน่อย เธอถึงเพิ่งคิดไว้เรื่องหย่าฟู่ซือเยี่ยนคงไม่ได้รอนานแล้วนะเธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จะโทรหาเขา แต่มือซ้ายดันถือไม่ถนัด โทรศัพท์ตกลงไปปิดเครื่องแล้วผู้หญิงคนนั้นรีบเก็บขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างรีบร้อนว่า "เด็กดี อย่าเพิ่งขยับนะ มีอะไร
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ