หมิงซีก็เริ่มดื้อรั้นและสะบัดมือของเขา “ฉันจะนอนที่นี่ ฉันอยู่ที่นี่และฉันไม่ได้ขอให้คุณอยู่ที่นี่ด้วย”ตอนที่เธอเป็นเด็ก ๆ เธอเคยใช้ชีวิตที่นี่และเธอมีความสุขมากด้วย เขารังเกียจที่นี่ แต่เธอไม่รังเกียจ“ไม่ได้ ที่นี่แฉะไปหน่อย มีเชื้อโรคเยอะ แถมคุณยังตั้งครรภ์ด้วย…”หมิงซีจ้องมองเขา และในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวอีกแล้วพูด " ฟู่ซือเยี่ยน คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ"ประโยคหนึ่งทำให้ความกระตือรือร้นของชายคนนั้นดับลง และเขาก็หรี่ตาลง "ผมทำอะไรล่ะ"“ไม่ต้องแกล้งตัวทำเป็นห่วงลูกมาก”“ผมแกล้งทำเหรอ” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เหมือนเขากำลังระงับความโกรธ“ไม่ใช่เหรอ” หมิงซีถามกลับเห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเด็กคนนี้มากจนอยากลากเธอไปทำแท้งแม้ว่าเธออธิบายว่าเป็นลูกของเขา แต่เขาก็ยังไม่เชื่อตอนนี้มันไม่จำเป็นทำแบบนี้จริง ๆฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองเธอด้วยสีหน้าโกรธมาก " หมิงซี อย่าหาเรื่อง"เขาขับรถหลายร้อยกิโลเมตรไม่ได้มาทะเลาะกับเธอที่นี่หมิงซีไม่รู้เธออยากอยู่ในบ้านหลังเก่า ทำไมกลายเป็นเธอหาเรื่อง ทำไมเธอต้องฟังเขาทุกเรื่องแม้กระทั่งทารกในท้องจะให้อยู่ต่อหรือไม่ให้อยู่ต่อ ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่
เวลานี้หมิงซีกังวลมากจนขาของเธออ่อนแรง อาวุธเดียวของเธอก็คือไฟฉายที่อยู่ในมือของเธอเธอได้ยินเสียง 'คลิก' ประตูก็ส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ และมีคนผลักประตูหมิงซีมองไปรอบ ๆ ในห้อง ที่นี่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ ไม่มีที่ใดให้เธอซ่อนตัวเธอต้องซ่อนตัวอยู่หลังประตูห้องนอน และถือไฟฉายไว้สูง ๆนอกประตูมีเสียงฝีเท้าเบามาก ในคืนอันเงียบสงบนี้ เสียงนั้นถูกขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทุกครั้งที่ชายคนนั้นก้าวเท้า หัวใจของหมิงซีก็หดตัวลงและแม้แต่มือของเธอก็สั่นเล็กน้อยในใจเธอ เธอขอร้องคนข้างนอกอาจแค่ต้องการทรัพย์สิน หากชายคนนี้เห็นที่นี่ไม่มีคนอยู่ เขาอยากยอมไปจากนี่แต่การขอร้องของเธอไม่ได้สมปรารถนา และเธอก็ได้ยินเสียงประตูข้าง ๆ ของเธอถูกเปิดทีละบานในที่สุด เสียงฝีเท้าอันน่าสะพรึงกลัวก็มาถึงประตูห้องนอนของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ หมิงซีเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มือจับประตูถูกหมุนเบา ๆ หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอจับไฟฉายไว้แน่นและเพ่งความสนใจของเธอเธอรู้ว่าเธอมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และหากเธอพลาด ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะ“กรี๊ด-เอ่อ-”ประตูไม้โบราณส่งเสียง และช่องว่างก็ถูกผลักเปิดออกทีล
หมิงซีห่อตัวตัวเองไว้ เธอได้ยินเสียงหมัดที่อยู่ข้างหลังเธอและเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของชายโรคจิตในขณะนี้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างยิ่งเวลาผ่านไปไม่นาน มีเสียงไซเรนดังขึ้น เพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ พวกเขาแจ้งความให้ตำรวจมาอธิบายว่า “ชายคนนี้มีประวัติอาชญากรรม เขาเป็นชายเร่ร่อนปลอมตัว ตามหาสาวสวย แกล้งทำเป็นโรคจิต และฉวยโอกาสข่มขืนผู้หญิง”ช่วงบ่าย ๆ ตอนที่หมิงซีตากผ้าปูที่นอนที่ประตู เขาคงเล็งหมิงซีไว้แล้วหลังจากได้ยินคำพูดของตำรวจและมองใบหน้าที่น่าสะพรึงกลัวนั้น หมิงซีรู้สึกหวาดกลัวในใจตอนที่ชายคนนั้นถูกบิดตัวออกไป ใบหน้าของเขาบวมเหมือนหัวหมู และเขายังคงจ้องมองไปที่หมิงซี น้ำลายของเขาหยดลงมาจนถึงคางของเขา และเขาก็ร้องเพลง "สวย...กลิ่นหอม..."หมิงซีรู้สึกหนาวไปทั่วทั้งร่างกาย และเธอก็รู้สึกคลื่นไส้โดยไม่รู้ตัวฟู่ซือเยี่ยนอุ้มเธอขึ้นแล้วพาเธอเข้าไปในรถทันที หลังจากเขาส่งหมิงซีขึ้นรถ และคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอแล้ว หมิงซีก็คว้าข้อมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้และพูดอย่างน่าสงสาร "ของของฉันยังอยู่นั่น"ฟู่ซือเยี่ยนตบมือของเธอและปลอบโยนเธอ "พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บ"
แม้ว่าเขาจะถาม แต่น้ำเสียงของเขาก็คือคำยืนยันกู้เหยียนโจวเคยบอกเขาว่า สำหรับผู้หญิงที่มีมดลูกเย็น เวลาตั้งครรภ์อาจผิดพลาดได้แม้ว่าผลตรวจยังไม่ออกก็จริง แต่เขาก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นลูกของเขาเพราะเขาไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองได้ว่า หมิงซีจะนอกใจเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทุกอย่างเกี่ยวกับเธออยู่ในสายตาของเขา ไม่เพียงเพราะเธอทำตัวเรียบร้อยมาก แต่ยังเพราะดวงตาที่เปียกน้ำของเธอนั้นสะท้อนให้เห็นเขาอย่างชัดเจนอยู่เสมอเขาเอาคางของเขาลูบศีรษะของหมิงซีเบา ๆ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม"ซีซี ผมขอโทษ เราอยู่กันดี ๆ โอเคไหม?"คำพูดเหล่านี้นุ่มนวลและอ่อนโยน เมื่อหมิงซีได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นในขณะนี้หัวใจของเธออยู่ในความสับสนวุ่นวายเหมือนในร่างกายของเธอ มีจุดอ่อนบางที่ถูกแหย่เมื่อเธอถูกคำพูดของเขาทำร้าย ความรู้สึกเจ็บนั้นเป็นความรู้สึกที่แท้จริง แต่ก็จริงเช่นกันที่เธอไม่สามารถปล่อยเขาไปโดยสิ้นเชิงได้นี่คือผู้ชายที่เธอซ่อนไว้ในใจมานานสิบปีทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขาทำให้เธอสดใสและทำให้เธอเศร้าด้วยรอยแตกของหัวใจเหล่านั้นยังคงใหม่อยู่และมองเห็นได้ตอนนี้เธอเป็นเหมือนนกกระทา หดตั
ฟู่ซือเยี่ยนยิ้ม "ฮะ"หมิงซีพูดอะไรไม่ออก หน้าเธอแดงและเธอพูดว่า "คุณไปนอนโซฟาเถอะ"ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอกลัว เธอคงไม่นอนเตียงเดียวกับเขาหรอก ผู้ชายไม่เหมือนผู้หญิง ปฏิกิริยาของพวกชายตรงไปตรงมามากฟู่ซือเยี่ยนเข้าใจว่าคืนนี้เธอหวาดกลัว เขาจึงหยุดล้อเลียนเธอและลุกจากเตียง"ผมไปอาบน้ำก่อน"จากนั้นเขาก็ไปห้องน้ำและอาบน้ำเย็นอีกครั้งเมื่อฟู่ซือเยี่ยนกลับมา หมิงซีก็ใช้กลอุบายเก่าๆ เธอแกล้งทำเป็นหลับอีกครั้งไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากนอน บางครั้งเธอแค่มีเรื่องในใจ และยิ่งเธออยากนอนมากเท่าไร เธอก็ยิ่งนอนไม่หลับมากขึ้นเท่านั้นแต่เธอไม่รู้ว่าการหายใจขณะหลับแตกต่างจากการหายใจตอนที่เธอไม่ได้หลับฟู่ซือเยี่ยนกระตุกมุมปากของเขา เขารู้หมิงซีหวาดกลัวเล็กน้อยและนอนหลับได้ยากเขาโน้มตัวไปกัดติ่งหูของเธอ เขาอยากพาเธอทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยให้เธอหลับหมิงซีรู้สึกเจ็บเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้นมาแล้วพูดว่า "คุณเป็นสุนัขหรือเปล่า"อยู่เฉย ๆ ก็กัดคนฟู่ซือเยี่ยนยืนแขนที่เปื้อนเลือดของเขาตรงหน้าหมิงซี และพูดอย่างใจเย็น "คงเป็นเพราะติดเชื้อจากคุณ"หมิงซีมองแขนของเขา เธอพูดไม่ออกครู่หนึ่ง เมื่อเทียบกับเขากั
ประตูไม่ได้ปิดสนิท และเสียงต่ำของฟู่ซือเยี่ยนเข้าหูของหมิงซี“พี่กลับไป จะรีบไปหาหนู แต่ตอนนี้พี่ไปหาหนูไม่ได้”หมิงซีไม่รู้ทางนั้นพูดอะไรอยู่ เขาแค่ฟังแต่ไม่พูดอะไรหมิงซีรู้ตัวภายหลังว่าเขากำลังรับโทรศัพท์อยู่เธอลุกขึ้นและไปอาบน้ำที่ห้องน้ำตอนที่เธอนุ่งผ้าเช็ดตัว เธอเพิ่งรู้ตัวเองไม่มีเสื้อผ้าใส่ เมื่อคืน เสื้อผ้าของเธอขาดแล้ว แถมชุดนั้นถูกคนโรคจิตคนนั้นแตะต้องเธอไม่อยากใส่มันอีกและอยากทิ้งไปด้วยขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ ฟู่ซือเยี่ยนก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องแล้วเขาเห็นหมิงซีกำลังพยายามสวมชุดสูทของเขาอย่างซุ่มซ่ามเสื้อผ้าของเขาใหญ่มากจริง ๆ และแขนเสื้อก็ห้อยลงมาถึงเข่า เธอ เธอกำลังพับแขนเสื้อขึ้นหลวม ๆ เหมือนเด็กแอบใส่เสื้อผ้าของผู้ใหญ่ฟู่ซือเยี่ยนเดินไปเธอ หมิงซีจึงสังเกตเขา ใบหน้าที่สวยงามของเธอเปื้อนไปด้วยสีชมพูแดง เธอพูดว่า "ฉันไม่มีอะไรจะใส่"ถ้าอยู่ในเมืองเป่ยเฉิง ฟู่ซือเยี่ยนคงให้คนเตรียมชุดและส่งมานานแล้ว ที่นี่ไม่สะดวกและไม่มีร้านขายเสื้อผ้าที่เหมาะกับเธอ“พาฉันกลับไปเอาเสื้อผ้าหน่อยค่ะ” หมิงซีบอกฟู่ซือเยี่ยนเธอได้เตรียมเสื้อผ้ามาอยู่ แต่เสื้อผ้าเหล่านั้
“ไม่ได้” เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ยกแว้นเรื่องลูกและเรื่องหย่าร้าง เรื่องอื่น เราคุยได้หมด”หมิงซีก็เริ่มหัวแข็ง “นอกจากสองเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีกแล้ว”ฟู่ซือเยี่ยนขมวดคิ้ว ปากเล็ก ๆ นี้เริ่มเก่งเรื่องที่ทำให้คนโมโหเรื่อย ๆ แล้ว ไม่น่ารักเท่าเมื่อคืนเลยเขาอยากผลักเธอลงไปบนเตียงและจูบเธออย่างหนักเพื่อระบายความโกรธหมิงซีนั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกอึดอัดมาก เพราะกล้ามเนื้อของเขาตึงมากจนเธอรู้สึกเจ็บอยู่เสมอ“คุณจะพาฉันกลับไปเอาเสื้อผ้าไหมเนี่ย ถ้าคุณไมาพาฉันไป ฉันก็จะไปเอง”เมื่อพูดจบ หมิงซีก็กำลังจะลุกขึ้นแต่ฟู่ซือเยี่ยนคว้าเธอไว้ เอาผ้าเช็ดตัวห่อเธอไว้แน่น จึงอุ้มเธอออกไปหลังจากกลับมาถึงบ้านเก่าแล้ว หมิงซีก็ไปเอาเสื้อผ้าของเธอ ความรกรางในบ้านเตือนเธอว่า เมื่อคืนที่นี่เกิดอะไรขึ้นเธอดึงมุมเสื้อผ้าของฟู่ซือเยี่ยนแล้วพูดว่า "คุณอย่าเพิ่งไป"ฟู่ซือเยี่ยนมองไปที่เธอและไม่พูดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหนหมิงซีเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ประตูปิดไม่สนิท ฟู่ซือเยี่ยนเงยหน้าขึ้นก็สามารถเห็นกระดูกผีเสื้อที่สวยงามบนไหล่ของเธอ ซึ่งสวยงามและมีเสน่ห์มากลูกแอปเปิ้ลของอด
ฟู่ซือเยี่ยนยกคางของเธอขึ้น ดวงตาของเขาจ้องมองเธอ “คุณกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ ผมหมายถึง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกินของเหลือและล้างจาน”“คุณตั้งใจพูดแบบนั้นแน่ ๆ เลย”หมิงซีเปิดโปรงเขาอย่างไร้ความปราณี เขาตั้งใจให้เธอคิดแบบนั้นฟู่ซือเยี่ยนยื่นมือออกและกวาดปลายจมูกของเธอ เลิกคิ้วเล็กน้อย "แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริงด้วย""อะไรนะ""คุณเป็นครั้งแรกของผม"เขาพูดแบบไม่รู้สึกอายเลย แต่หมิงซีได้ยินคำพูดของเขา เธออายจนหูของเธอกลายเป็นสีแดงเพราะเธอนำกภาพของคืนนั้นโดยธรรมชาติ ดูเหมือนครั้งแรกเขาไม่ค่อยมีทักษะเท่าไหร่ มันก็จบลงอย่างรวดเร็วด้วยบรรยากาศตอนนั้นทำให้สองคนนั้นเขินอายเล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาดื่มเหล้ากันแล้ว แต่ก็ไม่ได้เมาจนหมดสติยังมีสติอยู่แม้ว่าคืนนั้นเป็นครั้งแรกของหมิงซี แต่เธอก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่นิยายบรรยายเพราะการกระทำเขาค่อนข้างอ่อนโยน เธอแค่รู้สึกเมื่อยหลังเล็ก เธอยังไม่ทันรู้สึกอะไรเลย ก็รู้สึกชายคนนั้นสั่นสะท้านเมื่อเธอเห็นสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน เขารู้สึกค่อนข้างแย่ หมิงซีจึงเดาออกเกิดอะไรขึ้นตอนนั้นเธอตกใจมาก และเธอคิดว่า เธอรู้ความลับที่น่าตกใจ นั่นก็คือ เหตุผลที่คุณฟู่
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ