แม้ว่าหมิงซีฟังไม่ชัด แต่เธอก็ไม่สามารถระงับความไม่สบายใจในใจได้เธอนอนอยู่บนเตียงสักพัก ซูเนี่ยนก็โทรหาเธอให้ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเมื่อพวกเธอมาถึงร้านอาหาร หมิงซีเห็นซูเนี่ยน เธอตกใจ เพราะเมื่อก่อนผมของซูเนี่ยนมีความยาวถึงเอว แต่ตอนนี้ผมของซูเนี่ยนมีความยาวถึงใบหูของเธอเท่านั้น“แกตัดผมแล้วเหรอ?”ซูเนี่ยนสัมผัสผมสั้นของเธอแล้วถามว่า "ไม่สวยเหรอไง?""มันให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากเมื่อก่อน แต่ก็ดูดี"ซูเนี่ยนมีหน้าตาสไตล์ฝรั่ง ตอนที่เธอไว้ผมยาว เธอสวยอยู่แล้ว ตอนนี้ตัดผมสั้น เธอก็ดูสวยสไตล์ดุดันดูเหมือนถูกพิชิตยากหมิงซีรู้สึกซูเนี่ยนอารมณ์ไม่ดี เธอเลยถามเพื่อน "เกิดอะไรขึ้น"ซูเนี่ยนยิ้มและตอบหมิงซี "ไม่มีอะไรหรอก มีคนเคยบอกฉันว่า เมื่อผมของฉันยางถึงเอว จะแต่งฉัน แต่ตอนนี้ไม่มีใครแต่งฉันแล้ว ฉันเลยตัดมันออก "หมิงซีรู้ว่าคนที่ซูเนี่ยนกำลังพูดถึงคือใคร เธอไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวซูเนี่ยนอย่างไร ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไรต่อจู่ ๆ ซูเนี่ยนก็ถามหมิงซี " ฟู่ซือเยี่ยนไปต่างประเทศหรือเปล่า?"หมิงซีตกตะลึง “แกรู้ได้ยังไง”ช่วงนี้นี้ ซูเนี่ยนยุ่งเรื่องที่ต้องรับมือลู่จิ่งสิง เธอไม่รู้
ซูเนี่ยนตื่นตระหนก ต่อให้เธอจะกล้าขนาดไหน แต่เธอก็ไม่กล้าเกลี้ยกล่อมเขาต่อหน้าคู่หมั้นของเขาด้วยนิสัยอันโด่งดังของเฉินเจียว เธออยากตายหรือไง?เธอดิ้นรนอย่างหนักและปฏิเสธ "ฉันเปล่า คุณลู่ ฉันขอร้อง คู่หมั้นของคุณยังอยู่ที่นี่ ถ้าเธอเห็น..."ลู่จิ่งสิงขยับมือและดันเสื้อผ้าของซูเนี่ยนขึ้นแล้วซูเนี่ยนสูดลมหายใจเนื่องจากความหนาวเย็นอย่างกะทันหันเขาก้มหัวลง กัดซูเนี่ยนแล้วเยาะเย้ย "คุณรู้จักคำว่า เสียหน้า ด้วยเหรอ?"ซูเนี่ยนกัดริมฝีปากของเธอแน่น เธอกลัวส่งเสียง เลยพูดอย่างคลุมเครือว่า "คุณไม่กลัวคุณเฉินจะโกรธเหรอ?"“งั้นคุณกรีดร้องหน่อย ผมจะดูว่าผมกลัวไหม” ลู่จิ่งสิงถามซูเนี่ยนอย่างใจเย็นเสียงของใครบางคนดังมาจากด้านนอก ซูเนี่ยนหวาดกลัวจนเกร็งทั้งตัวลู่จิ่งสิงรับรู้ความรู้สึกของซูเนี่ยน เขาเยาะเย้ยเบา ๆ “ดูท่าทางคุณกลัวจริง ๆ ”“อย่าอยู่ที่นี่ ฉันขอร้อง” ซูเนี่ยนขอร้องด้วยเสียงเบา ๆ แต่เธอได้รับแค่เสียงเยาะเย้ยจากชายคนนั้น“ไม่งั้นเราไปทำที่ทางเดินหรือห้องโถงไหมล่ะ?”ซูเนี่ยนตอบคำถามของไม่ได้ เพราะเธอรู้สึกลู่จิ่งสิงอาจทำแบบนั้นจริง ๆดูเหมือนเขาไม่กลัวอะไร ไม่มีอะไรต้องกลัว
แต่ เฉินเจียวจะฟังด้วยเหรอ เธอหยิบของหนัก ๆ ขึ้นมาและเริ่มทุบประตูโชคดีที่ประตูนั้นแข็งแรงพอ แต่ถ้าปล่อยเธอทุบต่อ มันจะต้องพังแน่ ๆด้วยเสียงการทุบประตู ในที่สุด ลู่จิ่งสิงหลั่งน้ำอสุจิ...หลังจากเขาถอนตัวออกจากซูเนี่ยน เขายังรีบเหมือนเดิม เขาค่อย ๆ ยืดกางเกงให้ตรงจากนั้น เขาก็เดินไปที่ประตู วางมือบนลูกบิดประตู เขาไม่สนใจว่าซูเนี่ยนที่อยู่ข้างหลังเขาใส่เสื้อผ้ายัง“ลู่จิ่งสิง!”ซูเหนียนเรียกเขาอย่างสิ้นหวัง ใบหน้าของเธอซีดและร่างกายของเธอสั่นเทา“อย่าเปิดประตู ฉันขอร้อง...อย่าเปิดประตู!”ถ้าเปิดประตูบานนี้ออก นี่หมายความว่า ชั้นสุดท้ายของผิวหนังของซูเนี่ยนจะถูกลอกออกอย่างโหดร้าย และเธอจะกลายเป็นผู้หญิงเลวที่มีชื่อเสียงทั่วทั้งเมืองเป่ยเฉิงเธอไม่สนใจหรอก แต่เธอยังมีพ่อและมีแม่อยู่ และพวกเขาก็ทนไม่ไหว...ลู่จิ่งสิงเหลือบมองเธอ เขาไม่มีความรู้สึกใด ๆ ในใจ เปิดประตูเดินออกประตูเปิดออก และเฉินเจียวก็สาปแช่ง "ลู่จิ่งสิง ไอ้สารเลว!"จากนั้นเธอก็ยกเก้าอี้ขึ้น โยนใส่ลู่จิ่งสิง แต่เก้าอี้ตัวนั้นถูกลู่จิ่งสิงรับไว้ เขาทุบมันไปด้านข้างด้วยเสียง 'ตง'เฉินเจียวต่อยหน้าอกของลู่จิ่งสิ
ม่านตาของซูเนี่ยนหดตัวลงทันที เธอหน้าซีด มองไปลู่จิ่งสิง ซึ่งเป็นผู้ที่ยุยงเรื่องทั้งหมดนี้ชายคนนั้นเม้มมุมปากและพูดอย่างไร้ความรู้สึก“ยังไม่ไปอีกเหรอ?”เพียงไม่กี่อักษร ซูเนี่ยนรู้สึกราวกับเธอถูกฟ้าผ่า และร่างกายของเธอปวดร้าวราวกับถูกไฟไหม้ความเจ็บปวดนี้ทนเจ็บกว่าทารุณกรรมที่ร่างกายแบกรับทันใดนั้นร่างกายของเธอเริ่มสั่นอย่างรุนแรง และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความกลัว“ไม่...ทำไม่ได้...”เธอตื่นตระหนก คลานไปบนพื้น เอื้อมมือไปจับเท้าของชายคนนั้น แล้วคร่ำครวญว่า "คุณ คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ ทำแบบนี้กับฉันไม่ได้! ฉันเคยช่วยคุณแล้ว..."เฉินเจียวได้ยินคำพูดของซูเนี่ยน เธอหวาดกลัวจนหน้าซีดแต่ลู่จิ่งสิงเตะมือของเธอออกไป เสียงของเขาเย็นชาราวกับใบมีด "คุณยังกล้าพูดเรื่องเก่ากับผมอีกเหรอ เมืองเป่ยเฉิงใคร ๆ รู้กันว่าตระกูลประจบเอาใจผู้มีอำนาจและตบย้ำคนจน ประจบสอพลอจะตาย คุณซู ผมให้คุณเลือกเอง คุณไม่ฟังคำพูดของผมก็ได้ คุณเลือกเองซะ”ซูเนี่ยนยิ้มอย่างน่าสมเพช อิสระในการเลือกเหรอ?ให้เธอเลือกให้ตระกูลซูถอนตัวจากตลาดและเป็นหนี้จำนวนมหาศาลเหรอ?เมื่อคิดในแง่นี้ ความจริง เธอ ซูเนี
ตอนเย็น ในที่สุดฟู่ซือเยี่ยนโทรหาเธอ เขาถามเธอมีอะไรหรือเปล่า เสียงของเขาฟังดูเหนื่อยมาก“พรุ่งนี้คุณจะกลับมาไหมคะ?”ทางนู้นเงียบหนึ่งวินาที เขาตอบ "ไม่กลับครับ"หมิงซีคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "คุณไม่กลับมา เพราะคุณต้องอยู่กับหลินเสวี่ยเวย หรือเปล่า"ฟู่ซือเยี่ยนหรี่ตาลง “ใครบอกคุณ?”หมิงซีเม้มริมฝีปาก ยังต้องให้คนอื่นมาบอกฉันด้วยเหรอ หลินเสวี่ยเวยเกือบจะประกาศทั่วโลกแล้ว มีแต่เธอแหละที่เป็นคนโง่คนเดียวที่ถูกปิดบังสองคนนี้ไม่พูดอะไรต่อ เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ฟู่ซือเยี่ยนฃพูดว่า"เสวี่ยเวยเคยมาที่นี่จริง ๆ "“แต่เธอไม่ได้มาหาผม เธอมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องธุรกิจ เราต่างยุ่งเรื่องของตัวเอง ไม่ได้ติดต่อกัน”“คุณไปรับเธอที่สนามบินไม่ใช่เหรอ?”"ที่นี่อันตรายหน่อย เธอมาที่นี่คนเดียว ผมเลยต้องดูแลเธอบ้าง"ฟู่ซือเยี่ยนพูดคำว่า "ดูแลเธอ" อย่างเป็นธรรมชาติ นี่เป็นนิสัยที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกของเขาหมิงซีรู้สึกราวกับว่า มีคนบีบคอเธอ และหายใจลำบากเล็กน้อยหลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ฟู่ซือเยี่ยนพูดต่อ "ที่รัก ทำไมผมรู้สึกว่า ตอนนี้คุณหึงมากเลยนะ"“งั้นต่อไปฉันจะไม่ถามอีกแล้วค่ะ” หมิงซี พูดอย่างไ
แพทย์กล่าวว่า “ผลการตรวจล่าสุดของคุณยายพบว่า ร่างกายทรุดโทรมลงทั้งตัว คนไข้อาจจากไปในทุกเวลา ในกรณีนี้ คนไข้รักษาที่โรงำพยาบาลคงไม่มีผลประโยชน์ ทีนี้ คุณหมอแนะนำพาคนไข้กลับบ้าน และถ้าคนไข้อยากทำอะไร อยากทานอะไร พยายามทำให้คนไข้เลยครับ”หมิงซีเดินออกจากห้องทำงานของแพทย์ราวกับว่า เธอสูญเสียจิตวิญญาณของเธอฝีก้าวของเธอสั่นคลอนและเธอรวบรวมเรี่ยวแรงไม่ได้ เธอเลยต้องหาม้านั่งและนั่งลงพยาบาลป้าจางเห็นหมิงซีนั่งที่นั่น เธอสังเกตหมิงซีหน้าซีด เธอรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วถามหมิงซี "คุณหมิงคะ คุณเป็นอะไรคะ"หมิงซีหมดแรง ตอบไม่ได้สักคำ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา มือของเธอสั่นมากจนไม่มีแรงจะกดปุ่มเธอพูดอย่างสั่นเทา “ป้าจาง ช่วยฉันหน่อย ช่วยฉันกดโทรศัพท์หน่อย กดปุ่ม '1'”เบอร์โทรศัพท์ของฟู่ซือเยี่ยนนี่คือเบอร์โทรฉุกเฉินอันดับหนึ่ง นี่หมายความว่า สำหรับหมิงซี ฟู่ซือเยี่ยนเป็นคนสำคัญมากป้าจางตกใจกับสภาพของหมิงซี เธอหยิบโทรศัพท์มาและกดปุ่ม '1' ให้หมิงซี เสียงบี๊บดังอยู่นาน แต่ไม่มีใครรับสายป้าจางโทรอีกครั้ง แต่ไม่มีใครรับสายเหมือนเดิน เธอมองหมิงซี แล้วถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ต้องโทรอีกไหมคะคุณหมิง
หมิงซีกลั้นน้ำตาไว้ในขอบตา เธอยิ้มอย่างเสียใจ “ ฟู่ซือเยี่ยนในสายตาของคุณ คุณยายของฉันเป็นคนไม่สำคัญ จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะฉันไม่สำคัญใช่ไหม”ไม่สำคัญจนคุณสามารถทำการตัดสินใจโดยไม่ลังเลเลยหมิงซีงี่เง่าอย่างนี้ ฟู่ซือเยี่ยนทนเธอไม่ได้แล้ว เขาพูดอย่างเย็นชา " หมิงซี คุณพูดแบบนี้เพื่ออะไร?"ทันใดนั้นหัวใจของหมิงซีเหมือนกำลังถูกมือที่มองไม่เห็นฉีกเป็นชิ้น ๆความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนั้นทำให้เธอแทบจะยืดหลังไม่ได้สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดของเธอทำให้เธอต้องการวางสายทันทีแต่เธอไม่อยากให้คุณยายเสียใจเธอแทบจะขอร้องอย่างนอบน้อม " ฟู่ซือเยี่ยน ฉันไม่ได้งี่เง่านะ อาการของคุณยายฉันแย่มากจริง ๆ ท่านอยากเจอคุณจริง ๆ ..."ฟู่ซือเยี่ยนขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นความสิ้นหวังของหมิงซี เนื่องจากพวกเขาคุยผ่านโทรศัพท์ เขาแค่เกลี้ยกล่อมหมิงซีอย่างใจเย็น"ผมสัญญาคุณ ผมจะไปเยี่ยมคุณยาย ผมจะไม่ผิดสัญญาจริง ๆ คุณอยู่เฉย ๆ ก่อนนะ รอผมกลับไป"หมิงซีกัดริมฝีปากล่างของเธออย่างแรงเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้จนพูดไม่ออกเธอแทบจะยั้งสติไม่อยู่ เธอตะโกนใส่ " ฟู่ซือเยี่ยน ฉันไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้คุณกลับมา ทุกสิ่งที่ฉั
คำพูดนี้ทำให้ความอ่อนไหวที่เหลืออยู่ในใจของฟู่ซือเยี่ยน สลายไปทันทีเขาไม่เคยเป็นผู้ชายที่ถนัดเกลี้ยกล่อมผู้หญิง ให้เขาทำครั้งสองครั้งยังพอไหว แต่ตอนนี้หมิงซีงี่เง่ามากอีกอย่างในในชีวิตเขา เขาเกลียดการถูกคุกคามมากที่สุดเขาเอาปลายลิ้นแนบกับฟันกรามด้านหลังแล้วพูดอย่างโหดร้าย " หมิงซี คุณอย่าทำตัวเป็นเด็กได้ไหม และอย่าขู่ผมเลิกกันได้ไหม?แต่หัวใจของหมิงซีตายไปแล้ว และคำพูดของเขาไม่สามารถยั่วยุเธอได้อีกต่อไปแสงสว่างในใจเธอดับลงตลอดกาล" ฟู่ซือเยี่ยน ครั้งนี้มันเป็นเรื่องจริง เมื่อก่อนฉันตาบอด จึงเชื่อคำพูดของคุณ"“ หมิงซี คุณ!” ฟู่ซือเยี่ยนโกรธจนจะทุบโทรศัพท์ของเขา เขาโกรธมากจนไม่รู้ต้องพูดยังไงต่อ พุดได้แค่ประโยคเดียว “คุณใจเย็น ๆ ก่อน เราค่อยคุยกัน”"ตู๊ด ๆ ——"คนอีกฝั่งตัดสายไปก่อนแล้วดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธ เขาก็สบัดมืออย่างดุเดือด"ปัง--!"โทรศัพท์กระแทกผนังและพังเป็นชิ้น ๆโจวมู่เดินเข้ามาจากที่ไม่ไกล จริง ๆ เมื่อกี้เขาได้ยินบ้าง คุณฟู่กับคุณหญิงทะเลาะกันเขาพิจารณาแล้วถามว่า "คุณฟู่ครับ ต้องให้ผมตามเรื่องของคุณหญิงไหมครับ"“ไม่ต้อง” ฟู่ซือเยี่ยนขมวด
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ