คำพูดนี้ทำให้ความอ่อนไหวที่เหลืออยู่ในใจของฟู่ซือเยี่ยน สลายไปทันทีเขาไม่เคยเป็นผู้ชายที่ถนัดเกลี้ยกล่อมผู้หญิง ให้เขาทำครั้งสองครั้งยังพอไหว แต่ตอนนี้หมิงซีงี่เง่ามากอีกอย่างในในชีวิตเขา เขาเกลียดการถูกคุกคามมากที่สุดเขาเอาปลายลิ้นแนบกับฟันกรามด้านหลังแล้วพูดอย่างโหดร้าย " หมิงซี คุณอย่าทำตัวเป็นเด็กได้ไหม และอย่าขู่ผมเลิกกันได้ไหม?แต่หัวใจของหมิงซีตายไปแล้ว และคำพูดของเขาไม่สามารถยั่วยุเธอได้อีกต่อไปแสงสว่างในใจเธอดับลงตลอดกาล" ฟู่ซือเยี่ยน ครั้งนี้มันเป็นเรื่องจริง เมื่อก่อนฉันตาบอด จึงเชื่อคำพูดของคุณ"“ หมิงซี คุณ!” ฟู่ซือเยี่ยนโกรธจนจะทุบโทรศัพท์ของเขา เขาโกรธมากจนไม่รู้ต้องพูดยังไงต่อ พุดได้แค่ประโยคเดียว “คุณใจเย็น ๆ ก่อน เราค่อยคุยกัน”"ตู๊ด ๆ ——"คนอีกฝั่งตัดสายไปก่อนแล้วดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธ เขาก็สบัดมืออย่างดุเดือด"ปัง--!"โทรศัพท์กระแทกผนังและพังเป็นชิ้น ๆโจวมู่เดินเข้ามาจากที่ไม่ไกล จริง ๆ เมื่อกี้เขาได้ยินบ้าง คุณฟู่กับคุณหญิงทะเลาะกันเขาพิจารณาแล้วถามว่า "คุณฟู่ครับ ต้องให้ผมตามเรื่องของคุณหญิงไหมครับ"“ไม่ต้อง” ฟู่ซือเยี่ยนขมวด
คุณยายนอนหอบบนพื้น แม้แต่แรงเช็ดหน้า เธอยังไม่มีเลย เธอแค่พึมพำเบา ๆ "อย่าตีเสี่ยวซีของฉัน เธอไม่ใช่คนอย่างที่คุณพูด อย่าตีเธอ".." "วินาทีนั้น!หัวใจของหมิงซีรู้สึกราวกับว่ามีคนแทงเธออย่างแรง!จากนั้นเธอรู้สึกผิวหนังและเนื้อของเธอถูกคนกวนอย่างแรงและอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้เธอเจ็บปวดรวดร้าวใจทำไม...ทำไมต้องมารังแกคุณยายของเธอ...หญิงอ้วนที่เป็นผู้นำจับเอวชี้ไปที่หน้าของคุณยายและสาปแช่ง "อีแก่ ฉันขอบอก หลานของแกเป็นผู้หญิงเลวที่ขโมยผู้ชายเรากำลังทำความยุติธรรมต่อพระเจ้า... "ผู้หญิงอ้วนยังไม่ทันพูดจบ หมิงซีรีบวิ่งไปหาผู้หญิงอ้วน เธอเล็งไปที่แขนของผู้หญิงอ้วนคนนั้นแล้วกัดอย่างแรง——ทันใดนั้น ผิวหนังและเนื้อของผู้หญิงอ้วนคนนั้นก็ฉีกและมีเลือดพ่นออกมา"อ๊ากกก!!!"หญิงอ้วนกรีดร้องอย่างน่าสังเวช ทำให้ผู้คนที่ติดตามเธอตกใจจนไม่กล้าขยับตัวเลือดไหลไปตามแขนของหญิงอ้วนและไปที่ใบหน้าของหมิงซีหลังจากที่หมิงซีปล่อย เธอก็ถ่มน้ำลายอย่างแรงจากนั้นหมิงซีบังคุณยายอย่างแน่น มีการกระทำอย่างบ้าคลั่งเธอเสียสติ และคำรามอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนบ้า——“ใครกล้าแตะต้องคุณยายของฉัน ฉันจะสู้เพื่อชีวิต!”
จู่ ๆ หัวใจของหมิงซีก็เต้นแรง และเธอก็มองไปอย่างเฉียบแหลม"ซ่งซิน คุณเป็นคนวางแผนเล่นงานฉันใช่ไหม?"ซ่งซินทำตัวเหมือนเธอไม่ได้ยินอะไรเลย เธอค่อย ๆ พูด "แม้ว่า เมื่อก่อนพี่หมิงซีเคยแย่งแฟนของคนอื่นก็จริง แต่ตอนนี้พี่เปลี่ยนนิสัยแล้ว พวกคุณอย่าใส่ร้ายพี่หมิงซี"เมื่อซ่งซินพูดจบ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนทันทีปรากฏว่าหมิงซีชอบแย่งแฟนของคนอื่น!มันไม่น่าสงสารจริง ๆ เลยผู้หญิงอ้วนนั้นมีความมั่นใจอีกครั้ง เธอย่งโทรศัพท์ของหมิงซี ทุบมันลงบนพื้นแล้วเหยียบมันหลายครั้งเธอเยาะเย้ยและพูดว่า "แกอยากได้หลักฐานใช่ไหม?ฉันจะให้แกยอมรับความจริงเลย "ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบรูปถ่ายจำนวนมากออกมาจากกระเป๋าของเธอและโยนมันใส่หน้าของหมิงซีอย่างแรงภาพถ่ายที่นับไม่ถ้วนร่วงหล่นราวกับเกล็ดหิมะขอบของรูปคมกรีดด้านข้างของใบหน้าของหมิงซีทุกคนที่ยืนอยู่นั่นเห็นเห็นรูปเหล่านั้น รูปแต่ละใบดูไม่ได้เลยและหยาบคายอย่างยิ่งทุกคนหันกลับไปเชื่อคำพูดของผู้หญิงอ้วนนั้น เริ่มนินทากัน“เป็นเรื่องจริงเนี่ย ดูเหมือนไม่น่าเป็นผู้หญิงแบบนั้น แต่คิดไม่ถึงจริง ๆ บ้าขนาดนี้เนี่ย”“นี่มันไร้ยางอายมาก ถุย โดนตี สมน้ำหน้าจริง
เดิมทีพวกเธอไม่ได้มีอะไรเกี่ยวเรื่องนี้เลย พวกเธอแค่รับจ้างมาหาเรื่องที่นี่ซ่งซินไม่ยอมแล้ว เธอตั้งใจวางแผนขนาดนี้เพื่อแกล้งเกิดอุบัติเหตุ และฉวยโอกาสนี้ให้หมิงซีแท้งเธอเตรียมผู้หญิงอ้วนคนนั้นรวมทั้งรูปถ่ายล่วงหน้าถ้าสำเร็จแล้ว มีคนกล่าวหา พวกเธอสามารถตอบว่า ตีคนผิด ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหมิงซี เสียเงินหน่อย ก็จบเรื่องแล้วใครจะรู้ว่า ใกล้สำเร็จแล้ว มีคนขาดจังหวะเธอพูดประะชดประชัน"นี่คือกิ๊กคนใหม่เหรอ? หมิงซี แกเก่งจริง ๆ นะ ซ้ายคนหนึ่ง ขวา... "ทันใดนั้นชายคนนั้นก็หันกลับมา ใบหน้าที่สง่างามของเขาทำให้ซ่งซินพูดไม่ออกสักคำเป็นไปได้ยังไง...เธอปิดปากแน่น ไม่กล้าหายใจออกแม้แต่ครั้งเดียวสายตาของชายคนนั้นไม่ได้จ้องที่ซ่งซิน เขาพูดอย่างไร้ความรู้สึก"ตรวจสอบโทรศัพท์ของทุกคน วิดีโอของวันนี้ ห้ามแฉออกไป ถ้ามีใครไม่อยากลบ ให้ทะนายส่งจดหมายถึงที่เลย!"น้ำเสียงนั้นดูสงบ แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นฟังออกเลยว่า ชายคนนี้โกรธอย่างมากชายที่สวมชุดดำดำเนินการอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปไม่มาก ไม่มีคนนอกอยู่ห้องผู้ป่วยแล้ว ผู้หญิงที่มาหาเรื่องถูกชายชุดดำผลักออกไปเหมือนกันเหลือแต่ซ่งซินคนเดียวที่ยืน
พยาบาลรีบนำคุณยายเข้าห้องฉุกเฉินร่างกายของหมิงซีแข็งทื่อ เธอหวาดกลัวจนไม่รู้ทำยังไงดีฟู่หวายเซินถอดชุดสูทของเขา สวมให้หมิงซี เขามองหมิงซีและถามเธอ "คุณเดินไหวไหมครับ"ใบหน้าอันเล็กของหมิงซีขาวซีด ราวกับว่าเธอเป็นลมเมื่อไรก็ได้ แต่เธอยังคงยืนขึ้นโดยจับขอบเตียงไว้แน่นรูม่านตาของเธอสว่างไสว แต่แสงในขณะนั้นกลับไร้ความรู้สึก“ขอบคุณค่ะ” หมิงซีขอบคุณชายคนนั้นด้วยเสียงต่ำขอบคุณเขาที่ช่วยรักษาศักดิ์ศรีของคุณยายไว้บ้างหมิงซีพยายามตั้งสติไว้ไปครู่หนึ่ง เธอเดินออกไปทีละก้าวดูเหมือนเวลาผ่านไปหนึ่งศตวรรษคุณหมอที่สวมเสื้อคลุมสีขาวเดินออกจากห้องฉุกเฉิน เขาโค้งคำนับให้หมิงซีและประกาศอย่างใจเย็น"ขอโทษ!"พยางค์ต่ำเป็นเหมือนคำสาปแห่งโชคชะตาที่ดังก้องและก้องอยู่ในทางเดินที่ว่างเปล่าและเย็นชา ร่างทั้งหมดของ หมิงซี ดูเหมือนจะถูกกระแทกอย่างแรงและเขาก็ก้าวถอยหลังเธอเอามือสองข้างลากแขนของคุณหมอไว้ เธออไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ ทำได้แค่ส่ายหัว “คุณหมอคะ คุณหมอตัดสินผิดหรือเปล่า...”มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นคุณหมอเคยบอกเธอว่าคุณยายเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่า คุณยายจะจากไปตอนนี้“คุณหมอคะ
เสียงกรีดร้องของหมิงซีดังก้องอยู่ในห้อง แต่ไม่มีใครตอบเธออีกต่อไป......หมิงซีนั่งอยู่ตรงทางเดินของโรงพยาบาล เธอทำขั้นตอนการแจ้งกับโรงพยาบาล ติดต่อกับสถานที่จัดงานศพของเหรินเซี่ยเธอต้องการพาคุณยายกลับบ้านด้วยระยะทางกว่า 600 กว่ากิโลเมตร แม้จะโรศพต้องขับรถข้ามคืนก็ตาม โรงศพก็ต้องถึงวันรุ่งขึ้นพยาบาลป้าจางอยู่เป็นเพื่อนหมิงซีตลอด เธอให้หมิงซีไปพักที่ห้องผู้ป่วยก่อน แต่หมิงซีไม่ฟัง และเธอนั่งบนม้านั่งในทางเดินอย่างเดียวเธออยากใกล้ชิดกับคุณยายหน่อยฟู่หวายเซินเดินมาหาหมิงซี เพื่อกล่าวลากัน วันนี้เขาแค่เดินผ่านโดยบังเอิญ เขาเสียเวลากับเรื่องของหมิงซานานพอสมควรแล้วหมิงซีเงยหน้ามองเขา ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อยและบวมเนื่องจากเธอร้องไห้นานเกินเธอยืนขึ้นและคำนับอย่างจริงจังต่อฟู่หวายเซินเสียง เสียงของเธอแหบแห้ง ฟังไม่ได้เลย“ขอบคุณค่ะคุณฟู่ ตอนนี้ฉันไม่ได้พบโทรศัพท์ย เรื่องค่าใช้จ่ายของวันนี้ รบกวนท่านส่งบิลมาให้ฉัน ถ้าฉ้นเสร็จเรื่อง ฉันจะโอนให้ท่านทันทีค่ะ”เมื่อกี้เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ฟู่หวายเซินให้ลูกน้องไปจ่ายค่ารักษาต่าง ๆฟู่หวายเซินลดสายตาตาลงและมองหมิงซี เมื่อเขาไ
ตามกฏระเบียบของสถานที่จัดพิธีงานศพ ต้องเผาศพผู้เสียชีวิตก่อนแล้วจึงนำไปไว้ในห้องไว้ทุกข์ขณะที่หมิงซีกำลังรอ เธอมองใบหน้าของคุณยายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่เต็มใจ ราวกับว่าเธอต้องการจะสลักใบหน้าของคุณยายไว้ในหัวใจของเธอเมื่อศพถูกผลักนำไปเผา ประตูเหล็กบานนั้นปิดลงต่อหน้าหมิงซีเธอใช้เวลารับความจริงนี้ไปครู่หนึ่ง จึงตระหนักได้ว่า คราวนี้เธอจะไม่ได้เจอคุณยายอีกต่อไปแล้วคนที่รักเธอมากที่สุดในโลกใบนี้ไม่มีแล้วอีกต่อไปหมิงซีรู้สึกเศร้าใจจึงรีบเคาะประตูเหล็กและตะโกนด้วยน้ำเสียงสำลักว่า "คุณยายคะ คุณยายหลบไฟหน่อยนะคะ หลบไฟหน่อยค่ะคุณยาย... "แต่คำตอบเดียวที่เธอได้รับคือเสียงสะท้อนอันหนักหน่วงของประตูเหล็กเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ประตูเหล็กบานนั้นจึงเปิดออกพี่ที่ดูแลเตาเผาช่วยเก็บอัฐิของคุณยายให้เรียบร้อย หมิงซีถือโกศไปที่ห้องโถงไว้ทุกข์มีคนจัดห้องไว้ทุกข์ได้เรียบร้อยแล้ว หมิงซีวางโกศบนโต๊ะแท่นบูชา เธอถือรูปเของคุณยายและคุกเข่าลงเธอคุกเข่าลงและยึดแผ่นหลังให้ตรง เธอทรงตัวท่านั้นและไม่ขยับตัวระหว่างนั้น ป้าจางชวนเธอกินอะไรรองท้องหน่อย แต่เธอกินอะไรไม่ได้นอกจากดื่มน้ำป้าจางห่วง
เหวินเหม่ยจวนช่วยพูดด้วย "ใช่ค่ะ พอซินเอ๋อร์บอกฉัน ฉันดุซินเอ๋อร์ทันที เธอชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น อันที่จริงมันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย"หลังจากเธอพูดจบ เธอก็หยิบซองจดหมายหนา ๆ ออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้หมิงซี“นี่คือเงินช่วยเหลือที่ป้าเตรียมไว้ คุณรับไว้จ้ะ ซินเอ๋อร์ปากไวเกิน ฉันให้ซินเอ๋อร์คุกเข่าไหว้คุณยายของคุณหน่อย เอาเป็นว่ากล่าวคำขอโทษค่ะ”หมิงซีโยนซองจดหมายใส่หน้าของเหวินเหม่ยจวนทันที เธอตะโกนใส่ "ฉันบอกแล้วไง สายหัวไป คุณฟังไม่รู้เรื่องหรือไง ออกไปเดี๋ยวนี้เลย ไปเลย!"ธนบัตรสีชมพูปลิวและตกลงมา ขอบของธนบัตรที่คมเกือบบาดแก้มของแม่ลูกของตระกูลเหวิน แบบเดียวกับภาพถ่ายที่พวกเธอเรียกว่า รูปเปลือย ของเธอในวันนั้นมัน แสดงให้เห็นว่าหัวใจของมนุษย์ช่างน่ากลัวเพียงใดการกลั่นแกล้งทางวาจาไม่ต้องรับผิดชอบ และการกล่าวขอโทษอย่างไม่จริงจังสามารถปิดบังการกระทำที่เลวร้ายได้แต่ผู้ยุยงเหล่านี้ยังสามารถแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ทำไม!ซ่งซินกลัวมากจนเธอกรีดร้อง เธอเกือบยั้งสติไม่อยู่ แต่เธอรู้ตัวทันที และสาปแช่ง“ไว้หน้าให้แกแล้ว แต่คุณไม่สนใจ เลิกเสแสร้งได้แล้ว อีแก
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ