“ข้อที่สาม นั่นก็คือ...”หมิงซีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายตัดสินใจพูดออก "ก่อนที่เราจะหย่ากันอย่างเป็นทางการ ฉันหวังว่าคุณจะไม่มีลูกนอกสมรส ฉันรับไม่ได้ คุณปู่และคนอื่น ๆ รับไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นฉันหวังว่าพวกคุณป้องกันหน่อย"จริง ๆ แล้วนี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายยากที่จะพูด แต่หมิงซีรู้สึกต้องพูดให้ชัดเจนเธอไม่อยากให้ลูกมีพ่อที่มีลูกกับคนอื่นนอกสมรสแม้ว่าเธอจะไม่บอกลูกว่าใครเป็นพ่อก็ตามฟู่ซือเยี่ยนตอบอย่างเย็นชา "ไม่มีข้อที่สี่เลยเหรอ? ให้ผมพูดแทนไหม ให้ผมปล่อยพวกคุณสองคนอยู่กันอย่างมีความสุขไหม?"หมิงซีขมวดคิ้ว “ฉันกับรุ่นพี่…”ฟู่ซือเยี่ยนไม่รอเธอพูดจบ และขัดจังหวะเธออย่างเย็นชา "คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าคุณปู่รู้เรื่องนี้ คุณปู่จะเป็นยังไง เพื่อผู้ชายคนนี้ คุณไม่สนใจสุขภาพของคุณปู่เลยเหรอ?'แตก'!แปะป้ายใหญ่ขนาดนี้หมิงซีไม่เข้าใจ เธอแค่คุยกับเพื่อนตามมารยาท ทำไมต้องถึงขั้นที่ทำลายร่างกายของคถณปู่ล่ะคุณปู่ไม่เคยห้ามเธอหาเพื่อนเลยแต่ตอนนี้ เธอไม่อยากเถียงเขา แต่อยากเสนอวิธีแก้ปัญหาที่พวกเขาสองคนรับได้“คุณปู่จะรู้ได้อย่างไรถ้าคุณไม่บอกเขา ไคุณม่ต้องกังวล ฉันจะซ่อนเร
เขาหมายถึงอะไร?หมิงซีไม่ค่อยกล้าเชื่อเลย เขาไม่ได้ทำเรื่องนั้นกับหลินเสวี่ยเวยได้ยังไง?แล้วเขาบินไปต่างประเทศหลายครั้ง เขาไปทำอะไร?เธออยู่กับฟู่ซือเยี่ยนมาสองปี หมิงซีรู้ดี เขาต้องการสิ่งนั้นมากแค่ไหน เขาไม่ใช่คนรักบริสุทธิ์แต่ดูเหมือนเขาไม่จำเป็นต้องโกหก เหมือนอย่างที่บอกเธอเรื่องการหย่าอย่างตรงไปตรงมา...ฟู่ซือเยี่ยนชอบเธอประพฤติตัวดี เขาวางเธอลงอย่างแรง กอดเธอแน่น และพูดอย่างชัดเจนว่า "เธออยู่เแย ๆ อย่าทำให้ผมโกรธ"หมิงซีไม่ได้พิจารณาความหมายของคำพูดของเขา และจ้องมองเขา“คุณไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับหลินเสวี่ยเวย จริงๆ เหรอ?”ฟู่ซือเยี่ยนจับผมของเธอไว้ในมือของเขา เล่นกับมัน และตอบอย่างเฉยเมย "ไม่เคย"“จริงเหรอ?” หมิงซีอดไม่ได้ที่ต้องถามอีกครั้งฟู่ซือเยี่ยนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย จากนั้นเขาบีบปากของเธอแล้วถาม "คุณสงสัยอะไร""แต่......"ก่อนที่เธอจะพูดจบ ชายคนนั้นก็เข้ามาอีกครั้งและพูดว่า "จูบหน่อย"พูดจบ ริมฝีปากของเขาก็ไปจรดใบหูส่วนล่างของเธอ ค่อย ๆ | ดูดและบิดช้า ๆ...การกระทำนี้บีบคั้นจิตใจสุดๆหมิงซีหดตัวโดยไม่รู้ตัว วันนี้สมองของเธอมึนทั้งวันตอนนี้เธอยิ่งรู้สึกส
เมื่อเธอรู้สึกเวียนหัว หมิงซีคิดว่าอาจเป็นเพราะว่าเธอมีแฟนคนเดียว ดังนั้นเธอจึงรู้สึกไวต่อการสัมผัสของเขาและไม่อาจต้านทานได้......หลังจากที่สงบลงแล้วหมิงซีลงจากเตียง หนีฟู่ซือเยี่ยนเธอไม่กล้าหันกลับไปมอง รีบหนีไปเข้าห้องน้ำ'ปัง' ปิดประตูดวงตาฟู่ซือเยี่ยนมืดลงเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปดึงผ้าเช็ดตัวเปียกหนึ่งแผ่น และค่อย ๆ เช็ดคราบน้ำบนมือของเขาเธอมีความสุขแล้ว แต่เขายังไม่ถึงเลย...เมื่อหมิงซีเดินออกจากห้องน้ำ เธอรู้สึกเขินเมาก และเธอไม่กล้าขึ้นเตียงนั้นอีกครั้ง“มานี่” ชายคนนั้นเห็นเธอเดินเตาะแตะ ดวงตาของเขามืดลง และสั่งเธอหมิงซีลังเลแล้วพูดว่า "ฉัน ฉันยังไม่ง่วง คุณนอนก่อนเถอะ"“คุณมีความสัขแล้ว คุณจะไม่สนใจผมเลยใช่ไหม?”คำพูดเหล่านี้ค่อนข้างหยาบคาย ตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์นักพรตของเขาโดยสิ้นเชิงใบหน้าของหมิงซีที่เธอเพิ่งล้างด้วยน้ำเย็นเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง และเธอไม่รู้เธอจะยืนอยู่นั่นหรือเดินไปหาเขาดีฟู่ซือเยี่ยนไม่รีบ เขาเอนตัวลงบนเตียงแล้วมองเธออย่างเกียจคร้าน “ผมเป็นสภาพนี้แล้ว คุณคิดว่าผมยังเอาได้อยู่เหรอ?”หมิงซีหน้าแดงและไม่ลังเลต่อตอนนี้พวกเขาสองคนยังเ
เขาพูดด้วยอารมณ์: "ช่วยผมด้วย ... "คืนนี้หมิงซีรู้สึกเสียใจกับความนุ่มนวลชั่วขณะของเธอไม่ได้เอากัน แต่ก็เหนื่อยกว่าที่เอากันจริงอย่างที่คนกล่าวกันว่า คำพูดของผู้ชายไม่น่าเชื่อแม้อแต่น้ย......เพราะความเหนื่อยล้าจากเมื่อคืนนี้ หมิงซีนอนถึงสิบโมงเช้า เธอยังไม่ตื่นแม้ว่าโจวมู่เข้ามา ยังไม่สามารถปลุกเธอตื่นได้โจวมู่มาที่นี่เพื่อเอาเสื้อผ้าให้พวกเขาสองคนเขาเปิดประตู และแววแรก เขาเห็นหมิงซีหลับสนิทมาก เธอเอนในอ้อมกอดของฟู่ซือเยี่ยน เส้นผมของเธอกระจายเล็กน้อย ไม่มีอะไรบังไหล่ของเธอ หนุ่มหล่อและสาวสวย ภาพนี้ดูค่อนข้างเร้าอารมณ์แต่คุณฟู่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เหรอ?ในท่านี้ใครดูแลใครกันแน่? ?แต่ในวินาทีหน้า เขาได้รับสายตาที่เฉียบคม เขาก้มหน้าลงทันที วางเสื้อผ้าและอาหารเช้าไว้บนตู้อย่างระมัดระวัง ปิดประตูและเดินออกจากห้องแม้ว่าโจวมู่ทำอะไรเบามาก แต่หมิงซีก็ยังขยับตัวเธอหลับบ้างตื่นบ้าง และเธอเอนพิงหมอนที่อบอุ่นอีกครั้งการกระทำของจิตใต้สำนึกนี้ทำให้ฟู่ซือเยี่ยนพอใจอย่างไม่ต้องสงสัยริมฝีปากบางของเขาโค้งเป็นรอยยิ้ม และเขาก็กดหมิงซีเข้าใกล้แขนของเขามากขึ้นเมื่อหมิงซีตื่น ฟ
“เราไม่หย่าครับ” ฟู่ซือหมิงพูดหมิงซีเบิกตากว้าง เธอนึกว่าเธอยินผิด"คุณว่าอะไรนะ?""ผมหลงไหลคุณครับ"จำนวนข้อมูลเพียงสองประโยคแทบจะทำให้หัวใจของหมิงซีระเบิด หมิงซีตกตะลึง ตอบสนองกับคำพูดพวกนี้ไม่ได้เลยเขาบอกว่าจะไม่หย่าแล้ว เขาบอกว่าเขาหลงไหล...เธอรู้สึกหัวใจของเธอหยุดเต้น แต่เหมือนบางอย่างมีชีวิตกลับมาอีกครั้งมีเงามาปกคลุมดวงตาของเธอ ใบหน้าที่หล่อเหลาของชายคนนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นฟู่ซือเยี่ยนไม่รอการตอบสนองของหมิงซี ริมฝีปากของเขาก็แตะปลายนิ้วของเธอแล้ว และดันองุ่นเข้าไปในปากของเธอหัวใจของหมิงซีเต้นเร็วมาก และร่างกายของเธอก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงอันดังกึกก้อง ทำให้เธอตื่นตระหนกและอ่อนแอริมฝีปากบางฟู่ซือเยี่ยนค่อยๆดูดปลายนิ้วของเธอ จากนั้นดึงมือของเธอลงและจูบริมฝีปากของเธอ ลิ้นของเขาคนองุ่นนั้นให้เข้ากันและดูดน้ำผลไม้เขาไม่ได้หลับตา ใช้นิ้วยกคางเล็ก ๆ ของหมิงซี ขึ้น และมองตัวเองขณะที่เขากวนองุ่นด้วยใบหน้าที่สวยนี่จะทำให้คนนเงี่ยนมากร่างกายของหมิงซีดูเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต และกระแสไฟฟ้าก็พุ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า ความรู้สึกที่ทนไม่ไหวทำให้นิ้วเท้าของเธอขดตัวเธอรู้สึกเหมือน
โจวมู่รีบก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า เมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยทำอะไรมาก่อน เขาไม่อยากแตะต้องหลินเสวี่ยเวย เขาเพียงพูดอย่างสุภาพ: "คุณหลินครับ เชิญตามผมมาครับ"แน่นอนว่าหลินเสวี่ยเวยไม่ยอมไปจากที่นี่ เธอร้องไห้และพูดว่า "พี่อเยี่ยนคะ พี่ให้หนูอยู่นี่ดูแลพี่เถอะนะ พี่ไม่ต้องห่วงสุขภาพของหนูนะ หนูจะสบายดีค่ะพี่"ใบหน้าของฟู่ซือเยี่ยนมืดลงและเขาพูดอย่างเย็นชาว่า "เสวี่ยเวย พี่ตัดสินใจที่จะไม่หย่า หนูยังสาวอยู่ ต่อไปอย่ามาหาพี่อีก อย่าให้คนอื่นจะนินทา"“อะไรนะ พี่อาเยี่ยน พี่พูดอะไรนะ?” หลินเสวี่ยเวยไม่เชื่อหูของเธอและคิดว่าเธอกำลังมีอาการประสาทหลอนเธอปิดปากไม่ได้ คราวนี้เธอร้องไห้จริง ๆ และพูดว่า "พี่อาเยี่ยนคะ พี่เคยบอกว่าจะไม่หย่าในช่วงนี้ หนูรอได้นะ ร่างกายของหนูยังรอได้..."“เราไม่เหมาะ” ฟู่ซือเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาแข็งใจไม่ได้ เขาพูดเบา ๆ “เสวี่ยเวย พี่นับหนูเป็นน้องสาวของพี่มาตลอด พี่ไม่อยากทำร้ายหนู”“หนูไม่เอา! หนูไม่อยากเป็นน้องสาวอะไรบางอย่างของพี่ หนูแค่อยากเป็นภรรยาของพี่?”หลินเสวี่ยเวยร้องไห้จนเสียงแหบ "หนูไม่ดีตรงไหน พี่บอกหนูเลยค่ะ หนูจะปรับตัว!"“เอาล่ะ
เธอค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วพูดเอย่างอ่อนโยน “พี่อาเยี่ยน หนูขอโทษ นะคะ เมื่อกี้หนูคุมอารมณ์ไม่อยู่ พี่พักผ่อนเยอะ ๆ เรื่องที่พี่พูด หนู่จะคิดดี ๆ ค่ะ แต่หนูขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ?”ความโศกเศร้าในดวงตาของเธอล้นออกมา และใบหน้าของเธอก็ซีดเซียว ราวกับว่าเธอกำลังจะเป็นลมในวินาทีถัดไปฟู่ซือเยี่ยนรู้สุขภาพเธอไม่ดี สุดท้ายเขาไม่แข็งใจ พูดอ่อนโยน "เสวี่ยเวย ถ้าหนูคิดออก จะดี"หลินเสี่วยเวยจับสังเกตการไม่แข็งใจที่ในดวงตาของชายคนนั้น ความโกรธที่อยู่ในใจของเธอคลายลงเป็นส่วนใหญ่ป้าหลินพูดได้ถูก พี่อาเยี่ยนจะทิ้งเธอได้อย่างไร เขาถูกนังจิ้งจอกนั่นหลอกชั่วคราวสิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือรอโอกาสที่เหมาะสม และกำนังจัดจิ้งจอกและเด็กท้องของเธอให้หมดไปในคราวเดียว“พี่อาเยี่ยนคะ หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ ให้ผู้ช่วยโจวดูแลพี่ที่นี่ดีกว่า คนขับรอหนูนที่ชั้นล่างแล้วค่ะ”หลังจากเธอพูดอย่างนั้น เธอก็ปาดน้ำตาแล้วเดินออกไปอย่างอ่อนแอฟู่ซือเยี่ยนมองเธอเดินออกจากห้อง ด้วยดวงตามีความหมายที่ลึกลับ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่โจวมู่คิดไปคิดมา แล้วเตือนฟู่ซือเยี่ยน "คุณฟู่ครับ เมื่อกี้ผมเห็นคุณหญิงยืนหน้าประตูห้อง แล้ววิ่ง
หมิงซีเห็นหลินเสวี่ยโกรธมาก แต่เดิมเธอหงุดหงิด ตอนนี้เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลยเธอค่อนข้างชอบเห็นหลินเสวี่ยเวยโมโหเวลาอยากจัดการเธอ แต่ก็จัดการไม่สำเร็จหลินเสวี่ยเวยโกรธมากจนข้อนิ้วของเธอกลายเป็นสีขาว เธอบีบสายกระเป๋าแน่นมากทันใดนั้นดวงตาของเธอก็สั่นไหวและเธอก็ยิ้ม "เอาล่ะ ฉันยอมรับว่า ครั้งที่แล้วฉันจงใจยั่วยวนคุณ"“แต่นั่นเป็นเพราะพี่อาเยี่ยนรักฉันมาก และเขาสัญญาว่าเขาจะสัมผัสฉันในคืนวันแต่งงานเท่านั้น เพราะเขารักฉัน เขาจึงอยากจัดพิธีโรแมนติกให้ฉัน”หลินเสวี่ยเวยไม่กลัวหมิงซีไปถาม ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอพูดคำเหล่านี้เธออาจพูดได้ว่า หมิงซีใส่ร้ายเธอหลินเสวี่ยเวยก้าวเข้ามาใกล้แล้วพูดต่อ “ตอนนี้เขาอยู่กับเธอ แล้วยังไงล่ะ? แค่เพราะพี่อาเยี่ยนเป็นคนชอบสะอาด เขาแค่ไม่อยากหาผู้หญิงข้างนอกแค่นั้น”“คุณอวดอะไรขนาดนั้น? คุณเป็นแค่คนที่เขาอยากระบายความอยากก็แค่นั้น!”หมิงซีเงียบ แต่ใบหน้าของเธอซีดอย่างควบคุมไม่ได้หลินเสวี่ยเวยเห็นสีหน้าของหมิงซี มองไปที่ท้องของหมิงซี ยิ้มอย่างใจดำ "คุณรู้ไหมว่าทำไมพี่อาเยี่ยนถึงไม่อยากมีลูก"ใบหน้าของหมิงซีแข็งทื่อทันที “คุณหมายถึงอะไร
ทันใดนั้นดวงตาของหลินเสวี่ยเวยก็เบิกกว้างขึ้นเป็นไปได้ยังไง......เธอวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอป่วยหรือเรื่องที่เธอถูกลักพาตัว เธอมั่นใจเธอไม่ได้ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ผู้ชายคนนี้ต้องโกหกเธอแน่ ๆ เลยใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆหลินเสวี่ยเวยอดทนต่อความเจ็บปวดสาหัสและยังคงแสร้งทำเป็นโง่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา " พี่อาเยี่ยน พี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ หนูฟังไม่รู้เรื่องเลย... "“ยาฉีดของหนูมาจาก ประเทศ L แล้วรถที่ชนหน้าผาและระเบิด โจวมู่พบรถที่วิ่งผ่านที่เกิดเหตุในเวลานั้น กล้องติดรถได้บันทึกไว้ว่า รถสูญเสียการควบคุมเบรกอย่างเห็นได้ชัด คนพวกนั้นยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อได้เงินสิบล้าน แต่กลับเตรียมรถที่มีปัญหาเบรกไว้”ฟู่ซือเยี่ยนเล่าอย่างใจเย็น " หลินเสวี่ยเวย หนูคิดว่ายังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่แล้ว ดังนั้นคุณจึงคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ"น้ำเสียงของชายคนนั้นสงบมาก ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงมื้อเย็นว่าจะกินอะไรดีแต่ทุกคำพูดทำให้หลินเสวี่ยเวยรู้สึกมือและเท้าชาไปหมด เธอรู้สึกขนลุกเธอร้องไห้อย่างน่าสงสารและเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง "ไม่ ไม่... พี่อาเยี่ยน พี่ฟังหนูอธิบ
ดวงตาของฟู่ซือเยี่ยนจ้องลึก "ระวังปากของคุณ อะไรที่ไม่ควรชักชวน อย่าชักชวน"ดูเหมือนซูเนี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เธอพูดตรงประเด็นว่า "คุณฟู่ คุณคิดว่าหมิงซีจะให้อภัยคุณใช่ไหม"เมื่อมองดูใสีหน้าของฟู่ซือเยี่ยน ซูเนี่ยนรู้ตัวเองเดาถูกดูเหมือนว่านิยายที่เธออ่านไม่ได้หลอกลวงเธอไฮโซหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและร่ำรวยมีความมั่นใจอย่างพิเศษในความรักซูเนี่ยนจะยอมพลาดโอกาสอย่างแก้แค้นให้เสี่ยวซีได้ยังไง"ไม่ต้องกังวล คุณฟู ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระ แต่ -"เธอหยุดชั่วคราวและพูดตรงประเด็น "เมื่อหมิงซีตัดสินใจอะไร เธอจะเด็ดขาดมากกว่าที่คุณคิด"ฟู่ซือเยี่ยนกระชับฝ่ามือของเขาและยืนอยู่ที่นั่นสองสามวินาทีจึงเดินเข้าห้องผู้ป่วยหลินเสวี่ยเวยเห็นฟู่ซือเยี่ยนกลับมา เธอถามอย่างกังวล " พี่อาเยี่ยน พี่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงกลับมาหรือเปล่า"เธอเห็นฟู่ซือเยี่ยนตามออกไป เธอก็คิดว่าเขาจะช่วยเธอเอาปากกาบันทึกเสียงคืนมาดูสิ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร พี่อาเยี่ยนก็ยังปล่อยเธอไปไม่ได้ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้ติดตามเรื่องการเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจการเป็นบิดาไม่ใช่เหรอครั้งนี้เธอถูกหมิงซีทุบตีหนักขนาดแนี้ และป
ซูเนี่ยนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เธอเม้มริมฝีปากอันสีแดงของเธอ " หลินเสวี่ยเวย บ้านคุณไม่มีกระจกเหรออิจฉาใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยกรดไฮยาลูโรนิกมากเกินไปหรืออิจฉาคุณเก่งเรื่องแย่งสามีของคนอื่นหรืออิจฉาคุณทำแบ้วทันทีเมื่อเห็นผู้ชาย หรืออิจฉาคุณมีทักษะการแอบแรดเหรอ"ทุกคำพูดของซูเนี่ยนแทงทะลุหัวใจของหลินเสวี่ยเวยถ้าฟู่ซือเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นั่น เธอคงรีบเข้าไปฉีกปากของซูเนี่ยนเป็นชิ้น ๆ แล้วในเวลานี้ ฟู่ซือเยี่ยนค่อย ๆ ดึงมุมเสื้อผ้าของเขาออกจากมือของหลินเสวี่ยเวย เขาก้มหัวหมองหลินเสวี่ยเวย“ เสวี่ยเวย ครั้งที่แล้วพี่พูดอะไรไป หนูลืมแล้วเหรอ”เขาหมายถึงคำเตือนที่เขาพูดในคืนที่เขาจับตัวป้าหลินไปความเย็นจากฝ่าเท้ากระจายไปทั่วร่างกาย หลินเสวี่ยเวยรู้สึกหนาวจนตัวสั่น เธอบีบตัวเองแรง ๆ และน้ำตาก็ไหลอาบหน้าทันที“ พี่อาเยี่ยน ไม่ใช่หนูจริง ๆ อย่าเชื่อเธอ เธอเข้าข้างหมิงซี เธอต้องช่วยหมิงซีแน่…”"ฮือ ๆ " ซูเนี่ยนประชด:"ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันยอมจ้างองค์กรมืออาชีพทำการประเมินเพื่อดูว่าเสียงนี้เป็นเสียงที่ถูกตัดแปลงขึ้นมาหรือเปล่า"“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลย” หลินเสวี่ยเวยดุอย่างแรง“พวกคุ
หลินเสวี่ยเวยยังไม่ทันโต้ตอบ ซูเนี่ยนรีบถาม "ในเมื่อคุณบอกว่าหมิงซีตีคุณ ฉันขอถามคุณก่อนว่าทำไมเธอถึงตีคุณ"ใบหน้าของหลินเสวี่ยเวยแข็งทื่อทันที และความไม่สบายใจอย่างรุนแรงก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอเธอพูดด้วยความตื่นตระหนก "ฉันบอกว่าเธอมีปัญหาทางจิต ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่..."รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเนี่ยนหายไป และน้ำเสียงของเธอก็จริงจัง“คุณด่าว่าเธอเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกคุณฟู่ทิ้งไม่ใช่เหรอ คุณยังบอกว่า ของในท้องของเธอเป็นตัวร้ายและตายแล้วดีมากเลย คุณยังด่าว่าเธอเป็นดวงซวยของทั้งครอบครัว..."ทุกคำพูดเป็นเหมือนการเล่าขานยิ่งหลินเสวี่ยเวยฟังมากเท่าไร สีหน้าของเธอก็ยิ่งแย่ลง และเธอก็อุทาน "คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระ"เมื่อก่อนหลินเสวี่ยเวยด่าหมิงซีนังตัวแสบ แต่ไม่เคยเห็นหมิงซีบอกใครเลย แต่คาดไม่ถึง คราวนี้หมิงซีเล่าทำคำให้ซูเนี่ยนฟังแต่แล้วยังไงได้ล่ะ เธอกล้าด่าอย่างนั้น ยอมไม่กลัวหมิงซีฟ้องอยู่แล้วอีกอย่างไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะพิสูจน์ว่าเธอพูดเช่นนั้นซูเนี่ยนยิ้มและพูดต่อ "อย่ากังวล ฉันยังพูดไม่จบ คุณยังบอกด้วยว่าคุณเปลี่ยนใบรับรองผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาและ
ฟู่ซือเยี่ยนได้ยินคำพูดนี้ เขาขมวดคิ้วทันทีหลินเสวี่ยเวยตกใจมากจนเธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟู่ซือเยี่ยน และตกใจ "ทำไมคุณถึงบุกเข้าไปในหอผู้ป่วยของคนอื่น"เธอรู้ซูเนี่ยนเป็นเพื่อนสนิทของหมิงซี พวกเธอไม่คุ้นเคยกันแต่เคยพบกันที่งานปาร์ตี้“ไม่เป็นไร ฉันรีบไปแล้ว พวกคุณสามารถไปต่อได้หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว”ก่อนจะเข้าห้อง ซูเนี่ยนจูงใจทาลิปสติกสีแดงสดเป็นพิเศษ ในขณะนี้ เธอเม้มริมฝีปากและยิ้มเต็มไปด้วยทรงพลังหลินเสวี่ยเวยนึกว่าซูเนี่ยนมาตามหาฟู่ซือเยี่ยนเพื่อแก้แค้นให้หมิงซี ดวงตาของเธอก็ฉายแววด้วยความชั่วร้าย และเธอก็พูดอย่างไม่พอใจอย่างยิ่ง "คุณซู นี่คือห้องของฉัน เชิญออกไปเดี่ญวนี้เลยค่ะ"ถ้าเป็นตระกูลซูในปีที่แล้ว เธอยังคงพูดสุภาพกับซูเนี่ยน มากกว่านี้ เพราะครอบครัวของเธอยังพอแข่งกับตระกูลหลินได้แต่ตอนนี้ ตระกูลซูถูกลู่จิ่งสิงปราบปรามจนไม่เหลืออะไรแล้ว เธอได้ยินมาว่า พวกเขาทั้งหมดต้องพึ่งพาคุณซูขายตัวเพื่อช่วยบริษัทหญิงขายตัวไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะถือรองเท้าให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับหญิงโสเพณีคนนี้ซูเนี่ยนเยาะเย้ย "ถ้าฉันออกไป ฉันจะเห็นคุณเห้อยตัวบนสามีของคนอื่
คำถามนี้ทำให้หัวใจของหลินเสวี่ยเวยเต้นเร็วขึ้นเธออยู่ในสภาพที่น่าสังเวชขนาดนี้ ฟู่ซือเยี่ยนกลับไม่เรียกคุณหมอมารักษาเธอก่อน แต่สนใจเรื่องนี้ก่อนยิ่งไปกว่านั้น กระดูกสะบ้าของเธอยังเจ็บอยู่ และเธอไม่รู้ว่ากระดูกนี้ถูกนังเลวนั้นเหยียบแตกหรือเปล่าหลินเสวี่ยเวยโกรธในใจ แต่ใบหน้าของเธอสงบและดวงตาของเธอก็เปียกน้ำขณะที่เธอพูดว่า“หนูไปเยี่ยมเธอเฉย ๆ หนูไม่รู้เลย เราคุยแค่สองประโยคเอง หมิงซีก็รีบวิ่งเข้ามาหาหนูอย่างบ้าคลั่ง หนูกลัวจะตาย”“หนูพูดอะไรในสองประโยคนี้” ดวงตาสีเข้มของฟู่ซือเยี่ยนมองดูเธออย่างลึกซึ้งด้วยความหมายที่ไม่ชัดเจนหลินเสวี่ยเวยไม่คาดคิดฟู่ซือเยี่ยนจะไล่ถามเธออย่างนี้ ไม่ว่าผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้จะมองเธอกี่ครั้ง เธอก็จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจโดยไม่รู้ตัวดวงตาของเธอสั่นไหวและเธอก็ร้องไห้ "หนูแค่ถาม' หมิงซี คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณดูแย่มาก' จู่ ๆ เธอก็รีบวิ่งเข้ามาตีหนู"ฟู่ซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ใบหน้าที่บวมของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "หนูไม่ได้พูดอะไรทำให้เธอโกรธเหรอ"หลินเสวี่ยเวยปฏิเสธทันที "ไม่ค่ะ หนูจะทำได้ยังไง เธอเป็นคนที่เอาแต่พูดอยู่เสมอว่า พวกเราเป็นคนที่ฆ่
"ออกไป"ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของหมิงซีแสดงความรังเกียจโดยไม่ปิดบังมือของฟู่ซือเยี่ยนแข็งนิ่งในอากาศ และสีหน้าของเขาแย่มากเป็นพิเศษทันใดนั้นหลังของเขาก็ตึงขึ้น และมีคนเข้ามากอดเขาดูเหมือนว่าหลินเสวี่ยเวยเจอคนช่วยชีวิต เธอกอดฟู่ซือเยี่ยน อย่างแน่น ร่างกายของเธอสั่นเทาเธอตกใจมากจนพูดไม่ออก " พี่อาเยี่ยน หมิงซีบ้าไปแล้ว หัวเข่าของหนู... ถูกเธอเหยียบ หนูเจ็บมากค่ะพี่ ช่วยหนูด้วย เธอมันบ้า เธออยากฆ่าหนูด้วย"......"ผู้ดูแลเข้ามาในเวลานี้ เธอเห็นห้องรกอย่างนี้ เธอตกใจมาก เธอรีบก้าวไปข้างหน้าและช่วยหมิงซีไปที่เตียงบาดแผลที่หู หมิงซี เปิดออกอีกครั้งเพราะ หลินเสวี่ยเวย เพิ่งกระแทกเธอลงบนรถเข็น และมีเลือดไหลออกมา แต่ดูเหมือนเธอจะหมดสติและมองดูชายและหญิงที่พันกันอย่างเย็นชาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความประชดฟู่ซือเยี่ยนพาหลินเสวี่ยเวยไปนั่งที่รถเข็น แต่หลินเสวี่ยเวยยังคงจับมือของฟู่ซือเยี่ยนไว้แน่นและร้องไห้จนตัวสั่นไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าเธอหวาดกลัวจริง ๆแสดงก็ดีจริง ๆถ้าเป็นหมิงซีคนก่อน เธอคงกลัวถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบายด้วยความตื่นตระหนกแน่นอนแต่ตอนนี้หัวใจของหมิงซีว่างเปล่า
หมิงซี หัวเราะเยาะ" หลินเสวี่ยเวย ฉันขอบอกคุณละกัน ฉันนี่แหละ เป็นคนทิ้งฟู่ซือเยี่ยน ขยะที่โดนฉันทิ้ง คุณจะมาอวดทำไม"หลินเสวี่ยเวยไม่รู้สึกโกรธเลย แต่รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่งด่าไปเถอะ ด่าแรงกว่านี้สิเธอไม่เชื่อหรอกว่า นังเลวนี้ด่าแรงขนาดนี้ พี่อาเยี่ยนยังอยากได้ผู้หญิงเลวคนนี้คงลากเธอไปหย่าในวินาทีหน้าหมิงซีค่อย ๆ พูดต่อ "ในเมื่อคุณต้องการเก็บขยะที่ฉันใช้แล้ว ฉันจะช่วยพวกคุณละกัน อย่างไรก็ตาม ขอให้หญิงสำส่อนกับผู้ชายเหี้ยคงอยู่ตลอดไป และผู้ชายหน้าหม้อคู่กับหญิงโสเพณี รักกันนาน ๆ ”ประโชคสุดท้ายทำให้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังหยุดก้าวเท้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเริ่มน่ากลัวผู้ชายชั่ว ผู้ชายหน้าหม้อเหรอหมิงซีเริ่มพูดเก่งขนาดนี้เมื่อไรหลินเสวี่ยเวยไม่ชอบคำพูดนี้เหมือนกัน เธอโกรธและพูด "คุณด่าใครผู้หญิงชั่ว ใครหญิงโสเพณี"“โอ้ ฉันเกือบลืมไป อาชีพของคุณควรจะเป็นเมียน้อย”คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินเสวี่ยเวยอายจริง ๆหมิงซีขดริมฝีปากขึ้นและเยาะเย้ย "อย่ากังวลสิ แม้ว่าคุณจะเป็นเมียหลวงได้ มันจะไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้สามีภรรยาคู่อื่นหย่าร้าง ประวัติศาสตร์อันร้ายนี
ทันใดนั้นรอยยิ้มที่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเสวี่ยเวย เธอมองหมิงซี ดูเหมือนเธอกำลังมองคนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา“คุณยังคิดว่าพี่อาเยี่ยนไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม”หมิงซีตัวแข็งทื่อและเธอก็พึมพำ "คุณหมายความว่ายังไง"หลินเสวี่ยเวยมองสีหน้าของหมิงซี เธอรู้หมิงซีไม่รู้เรื่องนี้นั่นน่ะสิ พี่อาเยี่ยนบอกเธอเรื่องนี้ทำไมหลินเสวี่ยเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ พี่อาเยี่ยนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เพราะเป็นเกี่ยวฉัน เขาจึงไม่ติดตาม”สมองของหมิงซีว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธออยากจะหัวเราะมากหัวเราะความโลภ ความโกรธ ความหลงไหล และความโง่เขลาในอดีตของเธอเธอกล้ามั่นใจว่า แม้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกับหลินเสวี่ยเวยได้ แต่อย่างน้อยเธอก็เป็นทางเลือกสองทางเดียวของฟู่ซือเยี่ยนแต่เธอลืมไปว่า ในโลกนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยมีสองเลยแม้ว่าฟู่ซือเยี่ยนจะรู้ถึงความชั่วร้ายของหลินเสวี่ยเวย แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำร้ายเนื้อตัวของตัวเขาเองแล้วไงล่ะเมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่เขาต้องการปกป้องในใจ หลักการและเส้นตายของเขาสามารถถอยกลับได้ครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุ