กว่าชายหนุ่มจะเคลียร์ปัญหาที่บริษัทเสร็จก็ปาไปเกือบสองทุ่ม เมื่อเสร็จงานเขาก็สั่งให้บอดี้การ์ดของขับรถตรงมายังโรงพยาบาลทันที ตอนนี้ใจเขานั้นสับสนเป็นอย่างมากถ้าเกิดเธอตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร??แล้วโมริที่เขารักเธอมาตั้งแต่เด็กล่ะ??จริงๆ แล้วความรู้สึกของเขากำลังเป็นอะไร??ทำไมไม่โหยหาโมริเหมือนเมื่อก่อน??ทำไมตอนนี้เขาเอาแต่นึกถึงหญิงสาวที่เขาเรียกว่านางบำเรอตลอดเวลา??‘พะพาย เธอกล้ามีอิทธิพลกับหัวใจ ของฉันมากขนาดนี้เชียวหรือ??’เมื่อเขาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลก็ตรงเข้าไปหาเธอทันที แต่ปรากฏภายในห้องนั้นมันว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ โดยมีหมอคินน์เดินตามเข้ามาหาเขา“เธอไปไหน??”“น้องพายไปแล้ว” เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นหัวใจของเขานั้นแทบหยุดเต้น‘เธอกล้าหนีเขาไปอย่างนั้นเหรอ???’ เขาคิดอยู่ภายในใจ“แล้วอาการยัยนั่นล่ะเป็นอย่างไร?? เลือดเต็มตัวยัยนั่นขนาดนั้น มึงกล้าปล่อยให้ยัยนั้นไปได้ยังไง??” เขาตะคอกใส่หน้าหมอคินน์“มึงใจเย็นๆ นะ ไอ่มาร์ช ที่กูปล่อยน้องไปก็เพราะว่าตอนนี้น้องกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ และเสี่ยงอยู่ในภาวะตกเลือดได้ง่าย ถ้ายังอยู่ที่นี่แล้วมึงยังตามทำร้ายตัวน้องเขาร
รุ่งเช้า…ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว และขับรถออกไปจากคอนโดอย่างรวดเร็ว ปลายทางของเขาวันนี้ก็คือโรงพยาบาลของหมอคินน์นั่นเอง เมื่อมาถึงเขาก็เดินตรงไปยังหมอคินน์ที่กำลังตรวจคุยกับคนไข้บริเวณหน้าห้องตรวจนั่นเอง“ลมอะไรหอบมึงมาที่โรงพยาบาลได้วะ ไอ่มาร์ช”“กูมาขอร้อง”“หึ รู้ใจตัวเองแล้วเหรอ??”ฟุ่บ!!“เฮ้ย ไอ่เพื่อนเวร มึงทำเหี้ยไรเนี้ยะ?? อายคนอื่นบ้าง??”จู่ๆ มาร์ชก็ย่อตัวคุกเข่าลงต่อหน้าเพื่อนของตัวเอง ท่ามกลางเหล่าคนไข้และพยาบาลที่อยู่บริเวณนั้น และค่อยๆ ปล่อยน้ำตารินไหลออกมา“ช่วยบอกที่อยู่พะพายได้ไหม ตอนนี้ยัยนั่นอยู่ที่ไหน กูขอร้องล่ะ กูคิดถึงพายกับลูกมากๆ เลย”“ไอ่มาร์ช ไอ่เหี้ย มึงจะทำแบบนี้ไม่ได้ กูอายเขา” หมอคินน์รีบสั่งให้เหล่าบุรุษพยาบาลให้รีบมาช่วยพยุงเพื่อนของเขาขึ้นและรีบพาไปยังห้องทำงานส่วนตัวของตัวเองทันที“อย่ามายุ่ง กูไม่อาย และกูจะไม่ยอมลุกจนกว่า มึงจะบอกกูมาว่ายัยนั่นอยู่ที่ไหน??”“หมดกันสภาพมาเฟีย เพื่อนกู” เขายืนเท้าเอวและเอามือนวดขมับเบาๆ“มึงช่วยลุกก่อนได้ไหม แล้วไปคุยกันที่ห้องทำงานของกู”“มึงจะบอกที่อยู่ยัยนั่นแล้วใช่ไหม??”“แล้วมึงตอบคำถามหัวใจของตัวเองได้
หลังจากที่ชายหนุ่มได้ที่อยู่ของหญิงสาวจากหมอคินน์และหมอปันปัน เขาก็รีบเดินทางไปยังจุดหมายนั้นทันที โดยการบินไพรเวทเจ็ท มุ่งหน้าไปยังเหนือสุดของประเทศไทยไม่นานเขาก็มาถึงจุดหมายที่อยู่ตรงหน้า นั่นก็คือบ้านของหญิงสาวนั่นเอง ทำไมก่อนหน้านี้ที่เขาจ้างนักสืบมาถึงหาไม่เจอกันนะ?? หรือเป็นเพราะไอ่เพื่อนคินน์ของเขา มันจ่ายค่าปิดปากนักสืบจนหมด?? นึกแล้วก็หัวเสียขึ้นมา เธออยู่ใกล้เพียงแค่นี้ ทำไมเขาถึงหาไม่เจอ ทำไมกันนะปล่อยให้เขานั่นต้องปวดหัวใจมานานตั้งหลายเดือน??ตอนนี้เขามายืนอยู่บริเวณบ้านหลังเล็กท่ามกลางหุบเขา ที่ต้องใช้เวลาขับรถมาต่ออีกถึงสองชั่วโมงอย่างทุลักทุเลเพราะไม่สามารถนำเครื่องบินมาลงจอดที่นี่ได้ แต่พอเขามองดูบ้านที่หมอคินน์และหมอปันปันบอกมานั้น มันก็ดูน่าจะไม่ใช่บ้าน แต่เป็นเหมือนกระท่อมเสียมากกว่า ภายนอกถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ไผ่และหลังคานั้นทำด้วยหญ้าแฝก มีระเบียงออกมาข้างและมีห้องน้ำตั้งอยู่นอกตัวบ้าน และดูแล้วก็น่าจะเป็นห้องน้ำอย่างเดียว เพราะเขาเห็นที่อาบน้ำนั้นเหมือนอยู่ข้างนอก นี่เมียเขาต้องมาอาบน้ำโชว์คนอื่นดูอย่างนั้นเหรอ?? ผิวขาวเนียนๆ อย่างนั้นเขาต้องได้เห็นเพียงคนเดียวสิ.
แสงตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าในวันนี้ไป ในขณะที่เขากำลังจุดตะเกียงนอกกระท่อมน้อยอยู่นั้นสายตาของเขาก็พบว่าภาพตรงหน้าที่เขานั้นแอบรอคอยมาทั้งวัน นั้นเดินออกมาจากระเบียงบ้านและรดน้ำต้นไม้อยู่ เธอรู้สึกมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะมาก และมองดูก็เห็นท้องของเธอกำลังโตขึ้นมา เขามองเธอรดน้ำต้นไม้ด้วนสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ละสายตา จนตะวันค่อยๆ เลื่อนลับขอบฟ้าไปทิ้งไว้เพียงความมืดมิดตอนนี้หัวใจของเขานั้นเต้นออกมาจนแทบจะกระเด็นออกจากตัวให้ได้ ความรู้สึกดีใจและมีความสุขเพียงแต่เห็นหน้าเธอแค่นั้นก็ทำให้เขานั้นยิ้มออกมาจนฟันแทบหลุดจากปาก“ไอ่กายๆ มึงเห็นนั้นไหม?? พะพายอยู่ตรงหน้ากูแล้ว” ชายหนุ่มวิ่งโลดเต้นอย่างดีใจ“อะแฮ่มๆ นายครับรู้ว่าดีใจ แต่เก็บอาการหน่อยครับ”“เสือก หุบปากไปเลย” มาร์ชเอ็ดบอดี้การ์ดตัวเองอย่างไม่ใส่ใจเบาๆจากนั้นไม่นานก็มีเสียงไฟในตะเกียงที่กระท่อมเล็กๆ ของเธอสว่างไสวขึ้นมา พร้อมกับพ่อและแม่ของเธอนั่งทานข้าวเย็นอยู่หน้าระเบียงบ้านและพูดคุยกันอย่างมีความสุขไม่นานหญิงสาวก็ทานข้าวกับครอบครัวเสร็จ เธอจึงนั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน พร้อมหยิบหนังสือมาอ่านและลูบท้องของเธอเบาๆเขานั่งมองการกระทำขอ
เช้าวันใหม่ หญิงสาวตื่นมาจากที่นอนและเดินออกมาจากห้องเล็กๆ ของเธอ เพื่อสูดอากาศอันบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอดอย่างสุขใจในยามเช้า ท่ามกลางทะเลหมอกตามหุบเขาที่ลอยไปมา และแสงดวงอาทิตย์ที่พยายามส่องผ่านหมอกออกมา บริเวณหน้าระเบียงบ้านของเธอ“สดชื่นจังเลย ลูกคงจะสดชื่นเหมือนกันกับแม่ใช่ไหมคะ??”พะพายเอามือลูบท้องที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นและพูดกับลูกในท้องของเธออย่างมีความสุข“พายเอ้ย หนูพาย...” ไม่นานก็มีเสียงเรียกจากหญิงวัยกลางคนเรียกชื่อเธอ“คะป้าใจ มีอะไรหรือเปล่าคะ มาหาพายแต่เช้าเลย??” หญิงสาวรีบเดินลงบันไดไปหาผู้เป็นป้าของเธอ“พอดีป้าเอาอาหารเช้ามาให้น่ะ เอาไปกินสิ” ป้าใจถือปิ่นโตอันใหญ่เดินมุ่งหน้าเข้ามาหาเธอ และยื่นปิ่นโตอันใหญ่ให้กับหญิงสาว“ขอบคุณค่ะ ป้า จริงๆ ป้าไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้นะคะ” พะพายยกมือไหว้ขอบคุณและยื่นมือไปรับปิ่นโตจากผู้เป็นป้าของเธอ“ลำบงลำบากอะไร ป้าไม่ได้ลำบากเลย เอาไปเถอะ คนกำลังท้องกำลังไส้ ต้องกินอาการดีดีสิ ถึงจะถูก ลูกในท้องจะได้แข็งแรง”“ใครมาทำอะไร เสียงเอ้ะ อ้ะ อะไรกัน เสียงดังแต่เช้าเลย เอ้าป้าของเองมาทำอะไรแต่เช้ากัน” ไม่นานก็มีชายร่างเข้าสู่วัยชราเดินออกมาพร้
หญิงสาวที่กำลังนั่งทำพวงกุญแจอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้านนั้นก็ได้ยินเสียงคนข้างนอกคุยกันเธอจึงเดินเข้าไปดู“สวัสดีค่ะ มีอะไรกันหรือเปล่าคะ??”“สวัสดีครับ คุณพะพายใช่ไหมครับ ทางเราได้รับคำสั่งจากคุณคินน์และคุณปันปันให้มาส่งของให้กับคุณพายครับ”“อะไรนะคะ??”“นี่เป็นข้อความที่ทางคุณคินน์ฝากไว้ครับ” เขายื่นโทรศัพท์พร้อมกับโชว์ข้อความให้กับหญิงสาวได้อ่าน[น้องพาย นี่เป็นข้อความจากพี่คินน์นะ พี่รู้ว่าหนูกำลังลำบาก ได้โปรดรับความห่วงใยจากพี่และพี่หมอปันปันไว้ด้วยนะครับ ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเอง ก็ได้โปรดเห็นแก่ลูกด้วยนะครับ]“พี่คินน์” เมื่อหญิงสาวอ่านข้อความเสร็จก็พูดออกมาเบาๆ“คุณพายครับ ถ้ารับทราบข้อความเรียบร้อยแล้ว ทางเราขออนุญาตเลยนะครับ”หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงอนุญาต“ทำไมพี่หมอทั้งสองคนถึงใจดีกับพายจังเลย??”ไม่นานบ้านกระท่อมหลังเล็กๆ ของเธอก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เตียงของเธอและพ่อกับแม่ของเธอจากที่นอนฟูกเก่าๆ นั้นก็ถูกเนรมิตให้เป็นเตียงสีขาวขนาดใหญ่ และตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และยังมีโต๊ะทำงานอันเล็กน่ารักไว้ให้เธอด้วยภายในบ้านนั้นจากที่ต้องใช้ไฟตะเกียงก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นหลอดไฟสว่างไสว ด้ว
ตอนนี้หมอคินน์ หมอปันปัน พะพายและมาร์ช ทั้งสี่คนนั้นยืนอยู่ในห้องตรวจที่กำลังจะการอัลตร้าซาวด์เพื่อตรวจสุขภาพของเจ้าตัวเล็กในท้องและตรวจสุขภาพของแม่เด็กแล้วหญิงสาวนั้นอนุญาตให้ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อของเด็กเข้ามาดูการตรวจในครั้งนี้ได้ แม้ว่าภายในใจนั่นยังไม่เต็มใจ แต่ก็ยังแอบเกรงใจหมอปันปันที่ค่อยช่วยเหลือเธอมาตลอด แถมวันนี้ยังบินมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาตรวจสุขภาพให้กับเธอและลูกโดยเฉพาะ แต่เธอก็ยังแอบกังวลเพราะกลัวว่าชายหนุ่มนั้นจะมาพรากลูกของเธอไป ตอนนี้เธอเกิดคำถามมากมายขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ทำได้เพียงแค่เงียบไว้ ไม่พูดออกไป และเดินขึ้นเตียงเตรียมตัวตรวจในขั้นตอนต่อไป“เอาล่ะ ทุกคนพร้อมแล้วนะ” หมอปันปันถามทุกคน ที่กำลังจะรอดูเจ้าตัวเล็กพร้อมๆ กัน“พะ พร้อมแล้ว” เสียงที่พูดขึ้นมานั้นไม่ใช่ เสียงของใครที่ไหน แต่กลับเป็นมาร์ช พ่อของลูกในท้องนั้นเอง ตอนนี้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ที่กำลังจะเห็นลูกในท้องของเขาเป็นครั้งแรกหมอปันปันค่อยๆ ทาเจลและลงเครื่องมืออัลตร้าซาวด์และลงเครื่องไปที่ท้องของหญิงสาวเบาๆ ไปเรื่อยๆ“ตอนนี้เจ้าตัวเล็กแข็งแรงมากเลยนะ ดูตรงนี้สิ” หมอปันปันค่อยๆ เลื่อนไปใกล้ๆ ยังเพศของเจ
หลังจากที่หมอปันปันขอคุยกับหญิงสาวเป็นการส่วนตัว[พาย...พี่มีเรื่องอยากจะขอร้อง][ขอร้องอะไรเหรอคะ พี่ปันปัน][ช่วยให้โอกาสพี่ชายของพี่ได้พิสูจน์ตัวเองเถอะนะ ตลอดเวลาช่วงที่พายหายไป พี่มาร์ชก็ไม่ยอมออกไปไหนเลยเอาแต่เก็บตัวเงียบ จนพี่กับหมอคินน์เองก็หนักใจ วันที่เขาไปอ้อนวอนให้พี่กับหมอคินน์บอกที่อยู่ของพาย วันนี้โรงพยาบาลแทบแตก เพราะวันนั้นเขาเอาแต่ร้องไห้ไม่อายผู้คน สภาพพี่ชายของพี่มันแย่มากเลยนะ พอพี่ห้ามไม่ให้เจอ เขาก็ขอร้องจะมาหาเงียบๆ แต่พี่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาดูแลพายและทำอาหารให้พายทุกวันตลอดเวลาสองเดือนเต็ม มันก็พิสูจน์ได้หนึ่งอย่างแล้วนะ ว่าตอนนี้เขานั้นมีน้องพายเพียงคนเดียว][แล้วคุณคนนั้นละคะ??][พี่มั่นใจว่าเขาไม่ได้รักน้องโมริในฐานะแฟน และอีกอย่างตอนนี้น้องโมริก็จะแต่งงานแล้ว][แต่งงาน??][ใช่ เขามีคนที่รักอยู่แล้ว เหลือแต่พี่ชายของพี่นี่แหละ ที่ยังขี้ขลาดอยู่ตอนนี้][ฮึก แต่เขาทำร้ายจิตใจของพาย][น้องพาย พี่มาร์ช เขารักน้องพายมากนะ พี่มั่นใจได้ว่า หากน้องพายให้โอกาสเขาพิสูจน์ น้องพายจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน][แต่พายกลัว][ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นน้องพาย ความรักเป็นสิ่งที่สวยง
3 ปีผ่านไป….ณ คฤหาสน์หลังใหญ่….ตั้งแต่ที่หญิงสาวนั้นตัดสินใจให้โอกาสชายหนุ่มหลังจากนั้นมา ชีวิตของเธอนั้นก็พบแต่ความสุขเป็นอย่างมาก เขาคอยดูแลเอาใจใส่ เธอกับลูกและครอบครัวของเธอเป็นอย่างดี ทำหน้าที่สามีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย“ปรายฟ้า มาหาแม่สิลูก” พะพายกำลังเรียกลูกของเธอมากอดด้วยความรัก“มะม๊า ปรายรักมะม๊าค่ะ” ลูกของพะพายก็รักเธอมากเช่นเดียวกัน“มะม๊าก็รักหนูมากๆ ค่ะ”จุ๊บ!!! พะพายจูบลงตรงศีรษะลูกสาวของเธอ“ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้วนะคะ เดี๋ยวแม่เล่านิทานให้ฟัง” เธอบอกบอกลูกให้นอนหลับอย่างอ่อนโยน“ค่ะ มะม๊า” เด็กสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็เดินขึ้นไปบนเตียงเล็กของเธอและนอนรอแม่ของเธอเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนหลังจากที่พะพายเล่านิทานได้ไม่นาน ลูกสาวของเธอนั้นก็หลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอจึงโน้มตัวก้มจูบที่หน้าผากลูกของเธอ และปิดไฟในห้องก่อนเดินจากไป“ฝันดีนะคะ เด็กดีของมะม๊า”เมื่อหลังจากที่เธอเดินออกมาจากห้องของลูกเธอ เธอก็เดินไปยังห้องของเธอทันที เดินทีหญิงสาวอยากให้ลูกนั้นนอนในห้องเดียวกัน แต่ทว่ามาร์ช สามีของเธอนั้นบอกว่าต้องนอนแยกห้องตั้งแต่เล็กๆ และเรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
“ยินดีด้วยนะครับน้องพาย ยินดีด้วยนะไอ่เพื่อนรัก”คินน์เดินมาตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ ที่กำลังยืนมองดูเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองอยู่ในมือของหมอปันปัน และร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ“ยินดีด้วยนะคะน้องพะพาย พี่มาร์ช เด็กแข็งแรงมากเลยค่ะ” หมอปันปันอุ้มเด็กอยู่ในมือและค่อยๆ ยืนให้ต่อให้กับคุณแม่มือใหม่พะพายที่เจ็บท้องจากการคลอดลูกเมื่อสักครู่ เมื่อได้เห็นเด็กทารกที่ตนเองอุ้มท้องมาถึงเก้าเดือนก็ดีใจจนน้ำตาไหลและก้มไปจูบที่ใบหน้าของเจ้าตัวเล็กอย่างแผ่วเบา และลืมความเจ็บปวดเมื่อสักครู่นี้จนหมดสิ้นไป“น้องพาย ฮึก ลูกของเรา พี่ดีใจเหลือเกิน ขอบคุณมากนะครับ ที่อุ้มท้องเจ้าตัวเล็กจนคลอดออกมา”ชายหนุ่มหันไปขอบคุณหญิงสาวที่นอนมองดูหน้าลูกอยู่ และก้มจูบที่หน้าผากมนของหญิงสาวเบาๆ“ขอบคุณพี่มาร์ชเช่นกันนะคะ ที่ค่อยเลี้ยงดูลูกตอนที่อยู่ในท้องตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ลูกได้ทานอาหารดีๆ และได้ฟังนิทานก่อนนอนทุกวัน”หญิงสาวพูดขอบคุณและใช้มือดึงชายหนุ่มลงมาหอมที่แก้มสากของเขาเช่นเดียวกัน“ขอบคุณพี่หมอคินน์พี่หมอปันปันมากๆ นะคะที่คอยให้กำลังใจและทำคลอดให้พาย และคุณพยาบาลทุกคนมากๆ ด้วยค่ะ วันนี้เป็นวันที่พิเศษสุดๆ
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบได้เพียงนิดเดียว ชายหนุ่มก็เพิ่งคิดได้ว่าเขานั้นเพิ่งผ่านกิจกรรมกับหญิงสาวมา เมื่อหญิงสาวพูดออกมานั้นทำให้เขานั้นอายเป็นอย่างมาก เขามองจากกระจกด้านหลังในรถ ก็พบว่าบอดี้การ์ดของเขานั้นแอบยิ้มอยู่มุมปาก แต่ไม่กล้าพูดออกมา“อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่งั้นกูจะยิงพวกมึงทิ้งแน่”ชายหนุ่มตะโกนสั่งบอดี้การ์ด และรีบเอามือเช็ดมุมปากอย่างรวดเร็ว“ครับนาย”‘หน้าอายชะมัด’ เขานึกอยู่ในใจ“อือ พี่มาร์ช พายปวดท้องจังเลยค่ะ”หญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในรถ จับมือชายหนุ่มแน่น ตอนนี้เธอมีเหงื่อผุดออกมาตามไรผมเต็มไปหมด ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือไปไหน“อดทนอีกนิดนะครับน้องพาย ใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว พี่บอกไอ่คินน์กับปันปันไว้แล้ว ไม่ต้องกังวลอะไรนะ พี่จะอยู่เคียงข้างหนูทุกวินาที”“หืออ พี่มาร์ช สัญญานะคะ จะไม่ทิ้งพายไปไหน พายกลัว”“พี่สัญญาครับ ไม่ทิ้งพายอย่างแน่นอน”ชายหนุ่มจับศีรษะของเธอมาและลูบปลอบโยนเบาๆ“พวกมึงอีกนานไหมจะถึงโรงพยาบาล??” ชายหนุ่มตะโกนไปถามบอดี้การ์ดด้านหน้ารถ“อีกไม่เกิน 10 นาทีครับนาย”“เร็วๆ หน่อย เมียกูจะคลอดแล้ว”“พี่มาร์ช อย่าไปเร่งพี่การ์ด
นี่ก็ผ่านมานานหลายสัปดาห์แล้ว ที่เธอเข้ามาอยู่คฤหาสน์หลังนี้…และนี่เป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้วที่หญิงสาวนั้นจะตั้งครรภ์ เพราะอาทิตย์หน้าก็ครบกำหนดวันคลอดของเธอตอนนี้ทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และนับวันตั้งหน้าตั้งตารอเจอหน้าเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องวันนี้หญิงสาวนั้นนั่งเล่นและอ่านหนังสือ เพื่อรอชายหนุ่มนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน ตอนนี้ท้องเธอเริ่มโตมากๆ และการขยับตัวนั้นก็ค่อนข้างยาก ชายหนุ่มนั้นจึงคอยดูแลเธอไม่ยอมห่างจากสายตา แม้กระทั่งงานทั้งหมดที่บริษัท เขาก็สั่งให้บอดี้การ์ดนั้นหอบกลับมาทำที่คฤหาสน์ทั้งหมด“มองหน้าอย่างนี้ อยากให้พี่ทักทายลูกอีกเหรอครับ หื้มมม” ชายหนุ่มแซวหญิงสาวที่กำลังแอบมองชายหนุ่มผ่านหนังสือกที่บังใบหน้าของเธอตอนที่แอบมองชายหนุ่มอยู่“พาย เปล่านะคะ” เมื่อเธอรู้ว่าชายหนุ่มรู้ตัวเธอก็เบือนหน้าไปทางอื่น แก้อาการเขินของตัวเอง น่าอายจัง แอบมองสามีของตัวเอง“ทำไมหน้าแดงละครับ เขินพี่เหรอ??”“เออ..คือ พายยย…”“พี่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรนี่ครับ อยากมองหน้าพี่เต็มๆ ก็ไม่บอก” ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ทำงานและเดินไปหาเธอยังโซฟา ค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้าไปจูบที่หน้าผากของเ
“พะ พี่มาร์ช!!!”หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็เขินชายหนุ่มจนหน้าแดง นับวันเขายิ่งพูดจาห่ามๆ ได้ทุกวัน ไม่อายเธอเลย แถมยังรุกเธอไม่หยุดหย่อน“หึหึ!!” เขาหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ อย่างชอบใจ“ว๊ายย!!! พี่มาร์ช หยุดมองพายเดี๋ยวนี้นะ คนบ้า!!! พายก็อายเป็นนะ”เมื่อเธอมัวแต่เขินอายจนลืมไปว่าตอนนี้เธอนั้นตัวเปลือยเปล่าไม่มีอะไรติดตัวเลย และชายหนุ่มนั้นก็จ้องมองเธออย่างไม่วางตา“ไม่ต้องอายครับ พี่เห็นของหนูทุกซอกทุกมุม แถมยังสัมผัสมาหมดแล้ว”ชายหนุ่มพูดจบก็ค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหญิงสาวโดยอ้อมไปทางด้านหลังของเธอ“พี่มาร์ช จะทำอะไรคะ??”“พี่ก็จะนวดให้พายไงละครับ เดินทางมาเหนื่อยคงจะเมื่อยน่าดู”ชายหนุ่มพูดจบก็ค่อยๆ ใช้มือนวดที่ไหล่ของหญิงสาวเบาๆ เพื่อให้เธอนั้นรู้สึกผ่อนคลาย“อือ พะ พี่มาร์ช!!!”“ครับ??”“ไม่ต้องนวดให้พายก็ได้ค่ะ พาย ไม่เมื่อยแล้ว” หญิงสาวที่กำลังจะลุกขึ้นก็อ่างอาบน้ำก็ถูกมือของชายหนุ่มนั้นรั้งที่บ่าไหล่ของเธออีกครั้ง“อยู่เฉยๆ นะครับ พี่กำลังทำให้หนูผ่อนคลาย ลูกของเราก็จะได้ไม่เครียดด้วย”“อืมมม!!! อื้อออ!!!” อยู่ๆ มือหนาที่กำลังนวดที่บ่าไหล่ของเธอนั้นค่อยเลื่อนลงมาบีบคล้ำที่หน้าอกของเธออย
หลังจากที่ทั้งสองได้นอนปรับความเข้าใจกันในวันนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป…ทั้งสองเริ่มเปิดใจและพูดคุยกันมากขึ้น ทำให้ทั้งสองปรับตัวเข้าหากันได้ง่ายขึ้นวันนี้เป็นวันที่หญิงสาวนั้นต้องกลับไปกลับชายหนุ่มที่กรุงเทพ เพราะชายหนุ่มให้เหตุผลว่า ตอนนี้เธอนั้นท้องแก่มากๆ แล้วอยู่ที่กรุงเทพจะดีกว่า เพราะที่นี่ค่อนข้างห่างไกลจากในตัวเมืองและโรงพยาบาล หญิงสาวนั้นก็ตอบตกลง เพราะแอบเป็นห่วงลูกในท้องอยู่เหมือนกันแต่สิ่งที่เธอประทับใจในตัวของชายหนุ่มมากที่สุดคือ คนอย่างเขายอมคุกเข่าและยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ของเธอที่ทำผิดและรังแกเธอก่อนหน้านี้ และสัญญาต่อหน้าพ่อกับแม่ของเธอว่าจะดูแลเธอและลูกในท้องเป็นอย่างดี จะไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยที่ไหน และยังชวนพ่อกับแม่ของเธอย้ายถิ่นฐานไปอยู่กรุงเทพด้วยกันอีกด้วย ส่วนพ่อแม่เธอนั้นก็ยกโทษให้ชายหนุ่มโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ขอเพียงแต่ดูแลเธอได้พ่อกับแม่ของเธอนั้นก็พอใจแล้ว และยังขอบคุณชายหนุ่มมากๆ ที่ตลอดระยะเวลาที่แม่ของเธอเป็นมะเร็ง เขาก็คอยหาหมอเก่งๆ มารักษา ทำให้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แถมยังแข็งแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแต่สิ่งที่เธอแอบน้อยใจนั้นก็คือวันที่ชายหนุ่มกลับกรุง
คำพูดของหญิงสาวเมื่อสักครู่ทำให้ชายหนุ่มนั้นแทบช๊อคเข้าไปอีก‘พระเจ้า!!! แมวน้อยของเขากำลังจะเป็นแม่เสือสาวอีกแล้ว’ แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันทำให้เขานั้นไม่ค่อยไว้ใจหญิงสาวสักเท่าไหร่ จึงหรี่ตามองหญิงสาวอย่างชั่งใจ“พายยยย กำลังแกล้งพี่อีกแล้วใช่ไหม??” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่ไว้ใจ“ครั้งนี้ไม่แกล้งแล้วค่ะ พายสัญญา” หญิงสาวที่เห็นชายหนุ่มนั้นแอบลังเลเธอจึงค่อยๆ ถอดชุดนอนกระโปรงยาวสีขาวที่ไม่ได้ใส่ชุดชั้นในตั้งแต่แรกออกอย่างช้าๆ ทำให้เห็นหน้าท้องที่นู้นเด่น บวกกับร่างอวบอิ่มของเธอให้ชายหนุ่มนั้นเห็นอย่างเต็มตา“พายยยยย!!!” ชายหนุ่มมองภาพที่อยู่ตรงหน้าและเปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงแห่บพร่า“พี่มาร์ช เข้ามาสิคะ พายพร้อมแล้ว” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าที่ส่วมใส่อยู่ออกอย่างรวดเร็ว และค่อยๆ คลานเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ“ทำไมพายตัวแดงจังเลย เขินพี่เหรอครับ หึหึ”หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็เบือนหน้าไปอีกฝั่งเพราะความเขินอาย เพราะวันนี้เธอนั้นเป็นฝ่ายที่ชักชวนเขาเสียเอง“พะ พายยย เออ ขอดับไฟห้องดีกว่านะคะ”ในขณะที่เธอกำลังเอี้ยวตัวหันหลังให้ชายหนุ่มและกำลังใช้มือเรียวของเธอที่กำล
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะครับ!!!”“ฮึก!! คุณมาร์ช”“ครับพี่เอง”ในขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งร้องไห้อยู่และอ้อนวอนให้เขากลับมานั้น อยู่ดีๆ ชายหนุ่มที่เธอนั้นรอคอยนั้นก็เดินเข้ามาหาเธอในห้องนอน เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?? เธอก็ไม่ค่อยแน่ใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูเธอก็วิ่งเข้าไปกอดชายหนุ่มให้หายคิดถึงทันที“ฮึก!! คุณหายไปไหนมา?? พายนึกว่าคุณจะกลับไปแล้ว ไม่มาหาพายแล้ว ฮือๆ”“หยุดร้องก่อนนะครับคนดี พอดีเมื่อคืนพี่มีเดินทางไปคุยงานด่วนมา เพราะคนของพี่เคลียร์ไม่ลงตัวเลยจำเป็นต้องไป และเห็นหนูนอนอยู่พี่เลยไม่อยากรบกวน พี่คิดว่าแค่คุย 2-3 ชั่วโมงก็คงเสร็จ แต่มันดันกินเวลาไปค่อนข้างนาน พี่เลยกลับมาหาพายช้าไปนิดนึงครับ พี่ขอโทษนะครับคนดี”“ฮืออ!! น่าจะบอกพายสักนิดบ้าง ทำพายใจหายหมดเลย พายคิดถึงคุณค่ะ ฮือๆ”“พี่ก็คิดถึงพายเหมือนกันครับ” ชายหนุ่มกอดปลอบหญิงสาวและลูบที่ศีรษะของเธออย่างอ่อนโยน“ฮือออ!! คนบ้า นึกว่าจะทิ้งพายกับลูกไปเสียแล้ว”“พี่จะทิ้งพายกับลูกได้ยังไงกันละครับ เพราะหัวใจของพี่อยู่ที่นี่ พี่จะหนีไปที่ไหนได้ละครับ”“ฮึก!! คุณมาร์ชพูดจริงเหรอคะ??”“จริงสิครับ พี่รักพายมากนะ” เมื่อเ
นี่ก็ผ่านไปแล้วสามสัปดาห์ที่ชายหนุ่มและหญิงสาวนั้นอาศัยอยู่ด้วยกัน...และความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นเหมือนทิศทางจะไปในทางที่ดีขึ้น แต่มันก็กับหยุดชะงักเหมือนวันสองวันแรกที่อาศัยอยู่ด้วยกันเพราะหญิงสาวนั้นขีดเส้นและจำกัดความสัมพันธ์ของเขากับเธอไว้อย่างชัดเจน คือทุกมื้อเธอจะต้องนั่งทานข้าวเพียงแค่คนเดียว โดยจะต้องมีชายหนุ่มนั้นเป็นคนเตรียมอาหาร ไม่ว่าเธอจะทำอะไรชายหนุ่มก็ต้องเว้นระยะห่างกับเธอห้ามแตะเนื้อต้องตัว เว้นแต่ตอนที่จะต้องนวดเท้าให้เธอทุกคืน และตอนเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟังเขาก็จะได้จูบลงที่ท้องนู้นนั้นหนึ่งครั้งในทุกๆ วันก่อนนอนและเขานั้นจะต้องนอนบนพื้นไม้แข็งๆ ข้างที่นอนของเธอเสมอๆ และมองใบหน้าของเธอทุกๆ คืนก่อนหลับไป แต่สิ่งที่หญิงสาวทำร้ายจิตใจเขามากที่สุดก็คือ ในช่วงเวลาที่เธออาบน้ำ หญิงสาวจะให้เขาไปยืนเฝ้าทุกครั้ง เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้น เธอก็ไม่ยอมอาบน้ำคนเดียวอีกเลย และเป็นเขาเองเช่นเดียวกันที่ไม่อยากให้เธอคลาดสายตาของเขาแม้แต่วินาทีเดียว เพราะกลัวว่าลูกในท้องนั้นจะเป็นอะไรไป นั่นจึงทำให้ลูกชายตัวน้อยๆ ที่อยู่ภายในกางเกงของเขานั้นแสนจะทรมานเป็นอย่างมากในทุกๆ วั