หลังจากพูดจบดวงตาอันสดใสของเซี่ยซีหว่านก็มองไปที่หลิวจ้าวตี้อีกครั้ง เธอไขว้มือเรียวเล็กทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง จากนั้นก็มองหลิวจ้าวตี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณา และพูดว่า “สาวงามอันดับหนึ่งแห่งมหานครเอมพีเรียลในตอนนั้นก็อยู่ที่นี้แล้ว แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยล่ะคะ คุณนายลู่ดูไม่เหมือนสาวงามคนนั้นเลยสักนิด หรือว่าเป็นคนละคนกันคะ?”“…” หลิวจ้าวตี้อ้าปากค้าง เธอมองเซี่ยซีหว่านด้วยความไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เธอรู้อะไรมา และเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร“คุณนายลู่ ชื่อของคุณคือหลิวจ้าวตี้ แต่สาวงามอันดับหนึ่งแห่งมหานครเอมพีเรียลชื่อหลิวอิงลั่วใช่ไหมคะ?” เซี่ยซีหว่านพูดต่อหลิวจ้าวตี้เบิกตากว้างในทันที เธอมองไปที่เซี่ยซีหว่านอย่างตกตะลึงอันที่จริงแล้วเซี่ยซีหว่านก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่น้อยเลย บางเรื่องลู่หานถิงก็เป็นคนเล่าให้เธอฟัง ส่วนบางเรื่องเธอก็คาดเดาด้วยตัวของเธอเอง เธอยิ้มให้หลิวจ้าวตี้ที่ใบหน้าหน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นเธอก็พูดว่า “ในตอนนั้นคุณลุงลู่แต่งงานกับหลิวอิงลั่ว และบนทะเบียนสมรสนี้ควรจะเป็นชื่อของคุณลุงลู่และหลิวอิงลั่ว แต่ฉันไม่รู้ว่าหลั
ลู่หานถิงกำลังดื่มไวน์อยู่บนโซฟ้าสีแดงเข้มพร้อมกับถือขวดไวน์ไว้ในมือ บนโต๊ะกลางเต็มไปด้วยขวดไวน์ที่ว่างเปล่าจำนวนมากเมื่อเขาได้ยินมาว่าเซี่ยซีหว่านรีบไปที่คฤหาสน์ตระกูลลู่ในยามวิกาล แถมยังมีเรื่องของโรงกลั่นไวน์ส่วนตัวซึ่งถูกจัดการอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรอีก แสงไฟสลัวทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาดูมืดมนและเปล่งประกายในเวลาเดียวกันกู้เยี่ยจิ่นเตะขาลู่หานถิงหนึ่งครั้ง และเอ่ยถามว่า “นายเป็นอะไรไป เมาแล้วเหรอ?”ลู่หานถิงนำไวน์ที่เหลืออยู่ในขวดรินดื่มจนหมด จากนั้นก็หยิบเสื้อโค้ทของตัวเองพร้อมกับลุกขึ้นยืน และพูดว่า “ฉันไม่ได้เมา ฉันกลับก่อนล่ะ”เขาดื่มไวน์ไปเยอะมากแล้ว แต่ทว่ายิ่งเขาดื่มมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากเท่านั้น....อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงวันสอบเข้าแล้ว นักศึกษามหาวิทยาลัย A ต่างรอคอยให้วันนี้มาถึง พวกเขาเตรียมตัวกันมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้ก็ถึงเวลาเข้าสู่สนามรบอย่างเป็นทางการ พวกเขาทั้งรู้สึกตื่นเต้น ตึงเครียด และฮึกเหิมในเวลาเดียวกันเซี่ยซีหว่านยกยิ้มที่ริมฝีปากแดงขึ้น และพูดว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวลนะ ทุกคนแค่พยายามทำอย่างเต็มที่ตามปกติก็ได้แล้ว
รองอธิการบดีโจวและอธิการบดีมหาลัยอื่นต่างพากันตกตะลึงร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่าพวกเขาคาดไม่ถึงว่ามหาวิทยาลัย A จะติดหนึ่งในห้าอันดับแรกจากอันดับรั้งท้ายสุดกลับพุ่งทะยานขึ้นมาติดหนึ่งในห้าอันดับแรก นี่คือการพัฒนาที่ก้าวกระโดดอย่างแท้จริง อธิการบดีทุกคนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน พวกเขากำลังเป็นพยานรู้เห็นในประวัติศาสตร์ครั้งใหม่อย่างนั้นเหรอ?ผู้คนที่ขยันมักจะได้ผลตตอบแทนที่ดีและโชคชะตาจะเข้าข้างเสมอ !ต่อให้เรามาจากจุดต่ำสุด เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว !รองอธิการบดีโจวใบหน้าแดงก่ำทั่วทั้งหน้า อาจารย์อู๋รู้สึกตื่นเต้นจนแทบกระโดดโลดเต้น สองประโยคนี้เซี่ยซีหว่านเป็นคนพูดใช่ไหม สองประโยคนี้พวกเขาฟังกันมาเยอะแล้ว แต่มีน้อยมากที่จะสามารถทำให้สองประโยคนี้กลายเป็นความจริงขึ้นมา !ใบหน้าเรียวเล็กและดวงตาอันสดใสที่เต็มไปด้วยความสุขุมของของเซี่ยซีหว่านปรากฏขึ้นในความคิดของรองอธิการบดีโจว เด็กสาวที่มีอายุยังน้อยแต่กลับมีความแข็งแกร่งซุกซ่อนอยู่ในตัวของเธอ เธอเป็นเหมือนดั่งแสงสว่างที่เปล่งประกายในตัวเอง ขณะเดียวกันเธอก็ส่องสว่างแก่คนอื่นด้วยรองอธิการบดีโจวมองไปยังเอกสารที่ปิดผนึกอีกฉบับ
เดิมทีมหาวิทยาลัย A กับมหาวิทยาลัย T เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อนบ้านกัน ตอนนี้พวกเขาต่างกำลังล้อมรอบอยู่หน้าตู้โชว์ผลคะแนนสอบด้านนอกมหาวิทยาลัย ทุกคนต่างก็ยืนอยู่บนถนนสายเดียวกัน เมื่อเห็นผลคะแนนเต็มของเซี่ยซีหว่าน ลี่เหยียนหลานก็รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย การสอบเอ็นทรานซ์ครั้งนี้เธอมั่นใจในตัวเองมาก คะแนนสอบรวม 736 คะแนนก็อยู่ในความคาดหมายของเธอเช่นกัน ถ้าเป็นการสอบโดยปกติแล้วมา การที่เธอสอบได้คะแนนเพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอโด่งดังแล้ว เธอคาดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยซีหว่านจะสอบได้คะแนนเต็ม“โอ้แม่เจ้า เซี่ยซีหว่าน ได้คะแนนสอบเต็ม 750 คะแนน เธอทำข้อสอบถูกหมดได้ยังไงกัน?”“เซี่ยซีหว่านสุดยอดมาก คาดไม่ถึงว่าเธอจะสามารถเอาชนะลี่เหยียนหลานได้”“ตอนนี้ใครไม่เคยได้ยินชื่อเซี่ยซีหว่านบ้างล่ะ คุณเห็นไหมว่ามีผู้คนจำนวนมากมายืนล้อมรอบที่ประตูมหาวิทยาลัย A ทุกคนต่างมาจากมหาวิทยาลัยอื่นเพียงเพื่อมาดูเซี่ยซีหว่าน !”ลี่เหยียนหลานเอาเล็บจิกเข้าไปตรงใจกลางฝ่ามืออย่างแรงโดยไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เมื่อก่อนรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยอื่นต่างมาเพื่อดูเธอ แต่ตอนนี้เซี่ยซีหว่านมีชื่อเส
เยี่ยหมิงจูมองเซี่ยซีหว่านอย่างดูถูกราวกับมองมดตัวหนึ่งใต้เท้าเธอ และพูดว่า “เธอคือเซี่ยซีหว่านงั้นเหรอ ได้ยินมาว่าหลังจากที่เธอมาถึงมหานครอิมพีเรียล เธอก็สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งมหานครอิมพีเรียลมาก ฉันก็คิดว่าเธอจะมีสักสามหัว หกแขน แต่พอมองดูเธอตอนนี้ เธอมันก็แค่นางจิ้งจอกตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ !”“เยี่ยหมิงจู เธอด่าเซี่ยซีหว่านทำไม?” ฟ่านเถียนและคนอื่น ๆ รู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างมาก เธอมองไปที่เยี่ยหมิงจูด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือกเซี่ยซีหว่านรีบหยุดฟ่านเถียนและคนอื่น ๆ ในทันที เธอมองไปที่เยี่ยหมิงจูอย่างเย็นชาและพูดว่า “ถ้าฉันเป็นนางจิ้งจอกได้แสดงว่าเราก็มีความสามารถเดียวกันนะคะ คุณหนูเยี่ย ฉันขอพูดชมเชยตัวเองแทนคุณก็แล้วกันค่ะ”เยี่ยหมิงจึงพูดตอบกลับอย่างเย็นว่า “ปากร้ายเหมือนกันนี่ เธอใช้ปากนี้หลอกลวงลู่จื่อเซียนของฉันจนล่อลวงเขาให้ตกหลุมพรางของเธอได้สินะ? แต่ไม่มีใครเคยบอกเธอเหรอว่า ลู่จื่อเซียนเป็นของฉัน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถแย่งไปจากฉันได้น่ะ?”“คุณหนูเยี่ยคะ ลู่จื่อเซียนไม่ใช่ของฉัน และเขาก็ไม่ใช่ของคุณเช่นกัน เขาก็คือตัวเขาเอง”“เธอ ! เซี่ยซีหว่าน ฉันจะให้โอกาสเธออีกหนึ่งครั้ง
สวี่เส้าหนานรู้สึกไม่พอใจในทันที ตอนนี้ลู่หานถิงกำลังยั่วโมโหเขาเป็นอย่างมาก เขาจึงปล่อยเซี่ยซีว่านไว้ด้านหลังและก้าวไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นกำปั้นอันหนักหน่วงของเขากระแทกไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของลู่หานถิงโดยตรงอย่างรวดเร็วลู่หานถิงไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด เมื่อกำปั้นของสวี่เส้าหนานโดนใบหน้าของเขา เขาก็ต่อยสวนกลับไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของสวี่เส้าหนานด้วยกำปั้นอันหนักหน่วงของเขาด้วยเช่นกันชายหนุ่มทั้งสองคนต่างกำลังชกต่อยกันอย่างดุเดือดอ๊ะ !ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงร้องออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป คุณชายตระกูลลู่และคุณชายตระกูลซูทั้งสองคนกำลังชกต่อยกันที่เอมพีเรียลบาร์ ทุกคนต่างพากันหลบหนีไปด้วยความตกใจ ชายหนุ่มทั้งคู่นั้นต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตแห่งมหานครอิมพีเรียล ที่ไม่มีใครกล้ายุแหย่ได้ ทุกคนต่างกลัวที่จะมีปัญหารอยยิ้มบนใบหน้าของลี่เหยียนหลานค่อย ๆ จางหายไป ใบหน้าของเธอซีดเผือด เธอยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ เธอไม่เคยเห็นลู่หานถิงมีเรื่องทะเลาะวิวาทมาก่อนในความประทับใจของเธอนั้นลู่หานถิงคือผู้สืบทอดความสามารถทางธุรกิจของตระกูลลู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เขาเริ่มโ
ดวงตาของลู่หานถิงจ้องมองไปยังเงาร่างผอมเพรียวที่ยืนอยู่ตรงมุมนั้นตลอดเวลา เมื่อเธอได้ยินว่าเขากำลังจะหมั้นหมาย เธอกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งสงบลู่หานถิงเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นโค้งและหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็ใช้แขนโอบลี่เหยียนหลานเดินออกไป และพูดว่า “เหยียนหลาน ผมไปส่งคุณกลับบ้านนะ”“ขอบคุณค่ะพี่หานถิง” ลี่เหยียนหลานพูดพลางยิ้มแย้มอย่างมีความสุข...เซี่ยซีหว่านกลับมาถึงบ้านตระกูลเซี่ยแล้ว เมื่อเธอเข้ามาในห้องก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงหมดสติไปในทันที เซี่ยปังและหลานเหยียนรู้สึกตกใจมาก พวกเขาจึงรีบโทรเรียกแพทย์ให้มาดูอาการของเธอ และพบว่าเซี่ยซีหว่านกำลังมีไข้สูงถึง 42 องศาเซลเซียส ใบหน้าเรียวเล็กอันงดงามแดงก่ำไปทั่วทั้งใบหน้าเพราะฤทธิ์ไข้“คุณหมอคะ ทำไมหว่านหว่านของเรายังไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเหรอคะ ถึงแม้ว่าจะเป็นไข้สูง แต่ก็ไม่น่าจะหมดสตินานขนาดนี้หรือเปล่าคะ?” หลานเหยียนรีบคว้าตัวหมอไว้ และเอ่ยถามอย่างร้อนรน คุณหมอปาดเหงื่อเย็น และพูดว่า “คุณผู้หญิงเซี่ย ครั้งนี้คุณหนูมีไข้หนักมาก ไข้หนักราวกับภูเขาจนทำให้เกิดอาการหมดสติ ไข้สูงเช่น
น้าอู๋ไม่อยากจะเชื่อ นายน้อยของเธอเป็นเด็กดี เขาทำได้เพียงแค่พูดเท่านั้นแต่เคยไม่ลงมือทำรา้ยใครมาก่อน คาดไม่ถึงว่าจะมีคนเลวมาทุบตีนายน้อยของเธอจนกลายเป็นแบบนี้?“นายน้อย คุณนั่งลงก่อนค่ะ ฉันจะไปเอาชุดยามาจัดการทำแผลให้คุณสักหน่อย” อู๋หม่ารีบเดินไปที่ตู้ยาด้วยความกระวนกระวายใจลู่หานถิงนั่งลงบนโซฟาอย่างว่านอนสอนง่าย ลู่ซือเจี๋ยมองดูลูกชายของตัวเอง และพูดว่า “ไปเรียนรู้การชกต่อยกับคนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไปเพื่ออะไร ผู้หญิงเหรอ?”ลู่หานถิงหลับตาอันเฉี่ยวคมของเขาและเอนหลังอันแข็งแกร่งลงที่ผนักพิงอย่างเกียจคร้าน เขาตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายว่า “ครับ”เขายอมรับว่าเขาชกต่อยกับคนอื่นเพื่อผู้หญิงเขาอยากจะต่อยสวี่เส้าหนานมานานแล้ว เขาอดทนมาจนถึงตอนนี้เมื่อนึกถึงมือของสวี่เส้าหนานที่วางบนไหล่ของเซี่ยซีหว่านในบาร์นั้น เขาก็แทบอดทนรอไม่ไหวที่จะหักมือของสวี่เส้าหนานให้แหลกละเอียดขายาวทั้งสองข้างของลู่ซือเจี๋ยซ้อนทับกันอย่างสง่างามและมีเกียรติ หญิงชราหลับไปแล้ว เขากำลังรอลู่หานถิง ตอนนี้ในมือของเขาถือหนังสือพิมพ์ธุรกิจภาษาอังกฤษฉบับหนึ่ง เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์คอกลมสีเทาทำให้มีบุคลิกดูลึกล
เซี่ยซีหว่านรู้สึกได้ว่าลู่ซือเจี๋ยรักลูกชายทั้งสองคนนี้ ดังนั้นที่เมืองไห่เฉิง เขาไม่สามารถอนุญาตให้เธออยู่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา เมื่อตอนนั้นหลินสุ่ยเหยากับหลิวอิงหลั่วสองสาวครองอันดับหนึ่งเรื่องความเก่งกล้าสามารถที่สุดของเมืองหลวง เขาต้องการตามหาหลินสุ่ยเหยา ผ่านตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางลูกชายสองคนของเขาลงและปล่อยให้เธอดำรงอยู่หมายความว่า ภายในใจของลู่ซือเจี๋ย หลิวอิงหลั่วมีความสำคัญมากกว่าลูกชายทั้งสองคนของเขานี่เป็นครั้งแรกที่ เซี่ยซีหว่านตระหนักอย่างแท้จริงว่าลู่ซือเจี๋ยรักหลิวอิงหลั่วอย่างสุดซึ้งหลิวอิงหลั่วหายตัวไปหลายปี ปีนี้ลูกชายของเธอลู่หานถิงอายุ 28 ปีแล้ว เซียซีหว่านไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างไร ความรักที่ลึกซึ้งถึงสามารถทนต่อการกัดเซาะและความแข็งแกร่งของปีที่เลยผ่านได้ จึงทำให้ชายที่ราวกับจักรพรรดิยังคงรออยู่ที่นี่ตลอด บางทีอาจเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกแต่รักอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงต้องเจ็บอีก?ตอนนั้นหลินอิงหลั่วตั้งท้องลูกคนที่สอง เธอหยิบมีดมาคว้านท้องตัวเอง อุ้มทารกออกมา ช่างน่าเวทนานัก?ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับจ
แต่ว่า เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อยเขาพยายามไม่ให้ไปหลงเสน่ห์เธอแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้หลังจากที่ได้รู้ในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่นี้ว่าเธอคือ เด็กผู้หญิงตัวน้อยเมื่อก่อนนั้น เดิมที่แม่ของเขายอมยกเจ้าสาวตัวน้อยแก่เขา เขารู้สึกว่าความยับยั้งชั่งใจและความอดกลั้นที่ผ่านมาในหลายวันมานี้ได้พังทลายลงลู่หานถิงจ้องมองเธออย่างดุดันด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เขายกริมฝีปากบางของเขาขึ้นเล็กน้อย และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ทำไมสวี่เส้าหนานถึงได้ ลู่จื่อเซียนถึงได้ แต่ทำไมฉันไม่ได้เหรอ?”“…”ใบหน้าเล็กสวยงามของเซี่ยซีหว่านเปลี่ยนเป็นสีขาวและแดงสลับกัน เธอยกมือเล็กขึ้นเพื่อตบลงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยความน่าเกลียดชังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ไม่ได้ตบเขาเพราะลู่หานถิงจับข้อมือเรียวของเธอไว้ได้ทัน เธอจึงไม่ได้ตบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาลู่หานถิงมองดูเธอด้วยแววตาเศร้าโศกและพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรนะ สิ่งที่ผมสามารถให้คุณได้คือสิ่งที่ลู่จื่อเซียนและสวี่เส้าหนานไม่สามารถให้คุณได้แน่นอน ถ้าหา
เขาจำไม่ได้แล้วแน่นอน เพราะความทรงจำเหล่านั้นเธอลบมันไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดได้อย่างชอบธรรมแถมเขายังพูดอีกว่า การที่เขานอนกับเธอคือ การนำน้ำสกปรกสาดใส่ตัวเขา เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร น้ำสกปรกเหรอ?แน่นนอน เขาเกลียดเธอ !แต่ในเมื่อเขาเกลียดเธอมาก ทำไมเขาถึงมารังควานเธอด้วย?เซี่ยซีหว่านมองใบหน้าที่เย็นชาหล่อเหลาของเขาและพูดเยาะเย้ยว่า “ฉันแค่พูดไร้สาระ พอใจหรือยังล่ะ คนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่าประธานลู่ ฉันจะทำให้คุณมีมลทินได้อย่างไรคะ !”“บริสุทธิ์เหรอ” ลู่หานถิงขมวดคิ้วรูปดาบอันองอาจผึ่งผายนั้นและกล่าวว่า “คนที่พูดว่าผมนอนกับคุณ ก็คือคุณ ตอนนี้คนที่กำลังพูดไร้สาระก็คือคุณ คิดว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งก็สามารถพูดจาเหลวไหลแบบนี้ออกมาได้งั้นเหรอ เซี่ยซีหว่าน คุณยังมียางอายอยู่อีกไหม?”“ฉันจะมีหรือไม่มียางอายเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอคะ ใช่สิประธานลู่ คุณคงจะยังไม่...เป็นหนุ่มน้อยบริสุทธิ์คนหนึ่งอยู่ใช่ไหมคะ?”ดวงตาของเซี่ยซีหว่านเปล่งประกาย ทันใดนั้นดูเหมือนว่าจะเจอกับปัญหาเข้าแล้ว เขาไม่มีความทรงจำช่วงนั้นแล้ว เขาคงจำไม่ได้ว่าเขากับเธอเคยเดือดพล่านกันบนเตียงมาก่อน งั้นเขาคงไม่คิดว่า
เซี่ยซีหว่านใช้ส้อมจิ้มสเต็กชิ้นเล็ก ๆ เพิ่งเตรียมจะใส่เข้าปาก ตอนนี้เท้าของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะถูกเตะอย่างแรง สเต็กบนส้อมก็ร่วงตกลงมาบนจานทันที“หว่านหว่าน คุณเป็นอะไรไปครับ?” ลู่จื่อเซียนถามด้วยความเป็นห่วงร่างผอมเพรียวของเซี่ยซีหว่านสั่นไหวเล็กน้อย เธอมองไปยังลู่หานถิงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอดตั้งแต่เธอเดินเข้ามา แต่เขาเพิ่งเตะเธอเขาเป็นอะไรของเขา?ลู่หานถิงหั่นสเต็กในมืออย่างสง่างามราวกับว่าคนที่เตะเมื่อกี้ไม่ใช่เขา ทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยเข้าใจแกล้งจริง ๆ !เซี่ยซีหว่านด่าเขาในใจแล้วยิ้มให้ลู่จื่อเซียนและกล่าวว่า “จื่อเซียน ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”ทั้งห้าคนก็จบมือค่ำในบรรยากาศอันแปลก ๆ แบบนี้ลง...หลังมื้อเย็น เซี่ยซีหว่านไปห้องน้ำทันทีที่เธอเดินเข้ามา มือใหญ่มือหนึ่งจากด้านในยื่นออกมา และคว้าข้อมือที่เรียวยาวของเธอแล้วดึงเธอเข้าไปเซี่ยซีหว่านชนเข้ากับหน้าอกแข็งแกร่งอย่างกระทันหัน หน้าอกนี้แข็งแกร่งราวกับกับแพง เธอชนเข้าไปราวกับกระดูกของเธอจะแตกสลาย นัยน์ตาขาวบริสุทธื์แดงก่ำด้วยความเจ็บปวดเธอเงยหน้าขึ้นและใบหน้าที่หล่อเหลาละเอียดงดงามของล
ด้านนอกประตูคือลู่จื่อเซียนจริง ๆ และยังมีเงาเพรียวบางเงาหนึ่งอยู่ข้างกายของลู่จื่อเซียนหลิวจ้าวตี้ดีใจมาก “จื่อเซียน ลูกกลับมาแล้วเหรอ คู่หมั้นของลูก…”แววตาของหลิวจ้าวตี้จับจ้องไปยังเซี่ยซีหว่าน เมื่อมองชัดเจนแล้วว่าเป็นเซี่ยซีหว่าน รูม่านตาของหลิวจ้าวตี้ก็เบิกกว้างและตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ในทันทีเป็นไปได้ยังไงกัน?ทั้งลู่ซือเจี๋ยและลู่หานถิงที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างก็ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ด้านนอกประตู คืนนี้พวกเขากำลังรอให้ลู่จื่อเซียนพาคู่หมั้นลึกลับกลับบ้านลู่ซือเจี๋ยวางหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจในมือลงแล้วยืนขึ้นพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นลู่จื่อเซียนจูงมือเล็ก ๆ ของเซี่ยซีหว่านเดินเข้ามาทันทีที่ลู่ซือเจี๋ยเห็นเซี่ยซีหว่าน เขาเคยต่อกรกับเซี่ยซีหว่านมาแล้วสองครั้ง เขารู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าเซี่ยซีหว่านจะเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา!ในขณะเดียวกันนั้นลู่หานถิงก็มองไปยังลู่จื่อเซียน จากนั้นดวงตาอันเฉี่ยวคมของเขาก็ค่อย ๆ หันไปมองใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนการมาถึงของเซี่ยซีหว่านทำให้ครอบครัวลู่ทั้งหมดตกอยู่ในบรรยากา
ลู่จื่อเซียนพูดกับเธอว่า หว่านหว่านผมชอบคุณครับเซี่ยซีหว่านนั่งลง เธอรู้ว่าลู่จื่อเซียนรู้สึกกับเธออย่างไร ได้รับความรักจากคุณชายรองตระกูลลู่ที่ทั้งสง่างาม และมีความสามารถ เธอควรจะมีความสุข และตื่นเต้นมากกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับลู่จื่อเซียน นอกจากนี้เธอแต่งงานกับลู่หานถิงแล้ว แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่เธอก็เคยเป็นพี่สะใภ้ของเขาแล้ว และตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาอีกครั้ง ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดขณะเดียวกันเซี่ยปัง และหลานเหยียนเดินเข้ามา เขาพูดว่า “หว่านหว่านการแต่งงานในครั้งนี้เป็นความต้องการของแม่ของลูก พวกเราคิดว่าคุณชายรองตระกูลลู่เป็นคนที่ดีมาก เขาจะไม่ทำให้ลูกเศร้าเสียใจเหมือนใครบางคน ตอนนี้ลูกคงจะไม่ปฏิเสธคุณชายรองตระกูลลู่เพราะคน ๆ นั้นใช่ไหม?”“ใช่แล้วหว่านหว่าน ผู้หญิงอย่างพวกเราต้องมองไปข้างหน้า ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปเสียใจกับมัน ปล่อยวางในสิ่งที่ควรจะปล่อย ถ้าลูกไม่ยอมเปิดใจ และก้าวไปข้างหน้า ลูกจะเห็นความงามของชีวิตได้อย่างไร?”เซี่ยปังและหลานเหยียนไม่ชอบลู่หานถิง ลู่หานถิงแต่งงานกับลี่เหยียนหลา
สวี่เส้าหนานรู้สึกขมขื่นภายในใจ !คุณท่านลี่ไม่ต้องการให้เซี่ยซีหว่านลงเอยกับสวี่เส้าหนานหลานชายของท่าน เธอคิดว่าสองคนนี้ไม่คู่ควรกัน ตอนนี้คุณท่านลี่กำลังยืนมองลู่จื่อเซียน คุณท่านลี่รู้จักลูกชายสองคนของตระกูลลู่ เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าลู่จื่อเซียนเป็นเหมือนกับดอกบัวที่บานในโคลนตม เขาเป็นคนที่ดีมากชีวิตส่วนตัวของลู่จื่อเซียนใสสะอาดมาก และเขายังไม่เคยมีแฟนมาก่อน คุณท่านลี่ดูออกว่าลู่จื่อเซียนชอบเซี่ยซีหว่านมาก เขาดูแล และเอาใจใส่เธอด้วยความรัก ดังนั้นคุณท่านลี่จึงมองเขาเหมือนหลานชายคนหนึ่ง ท่านเหลือบมองลู่จื่อเซียน จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเซี่ยปังและหลานเหยียนก็พอใจในตัวลู่จื่อเซียนมากเช่นเดียวกัน ในมหานครเอมพีเรียลแห่งนี้ ลู่จื่อเซียนเป็นคนที่มีความสามารถและหล่อเหลา อีกทั้งยังเหมาะสมกับเซี่ยซีหว่านแหวนหยกวงนี้เป็นแหวนที่หลินสุ่ยเหยาสวมอยู่ตลอดเวลา เซี่ยปังและหลานเหยียนจำข้าวของส่วนตัวของหญิงสาวได้อย่างรวดเร็ว ย้อนกลับไปในตอนนั้นเธอได้หมั้นหมายเซี่ยซีหว่านกับลูกชายของเพื่อนสนิท พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเด็กชายคนนั้นจะเป็นคุณชายรองตระกูลลู่ลู่จื่อเซียนเป็นนักวิชาการที่อายุน้อยท
เซี่ยปัง “...”ที่นี่...คือตระกูลเซี่ย ไม่ใช่เหรอ?เซี่ยปังมองไปยังคุณท่านลี่ที่พูดออกไปเช่นนั้น มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยคุณท่านลี่เป็นนายหญิงของตระกูลลู่มานานหลายปีแล้ว ท่านมีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกท่านดุก็มักจะกลัวจนขาอ่อนแรง และเกือบจะล้มลงไปในทันทีขณะเดียวกันร่างที่หล่อเหลา และดูชั่วร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดว่า “อย่าทำให้เขาตกใจกลัวสิครับคุณยาย ผมเองที่มาที่นี่ !”เมื่อทุกคนหันไปมอง กลายเป็นสวี่เส้าหนานคุณชายของตระกูลสวี่ เจ้าชายแห่งมหานครเอมพีเรียลที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดเขามาที่นี่จริง ๆ !คุณท่านลี่มองสวี่เส้าหนานด้วยสีหน้าไม่พอใจ ราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของท่านจริง ๆ ท่านพูดว่า “ทำไมหลานถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”“คุณยายผมมาที่นี่เพราะ…” ดวงตาทรงดอกท้อของสวี่เส้าหนานมองไปยังใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน และพูดต่อว่า “...เพราะเซี่ยซีหว่านครับ !”คุณชายที่มีชื่อเสียงเช่นเขา มีข่าวลือไปทั่วว่าเขาเปลี่ยนผู้หญิงราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เซี่ยปังและหลานเหยียนรีบดึงเซี่ยซีหว่านไปทางด้านหลังพวกเขา และพูดว่า “คุณชายสวี่ครับ หว่านหว่านของพวกเราไม่
คุณท่านลี่ยิ้ม และพูดว่า “ทำไมล่ะ ฉันมาร่วมฉลองงานวันเกิดของเซี่ยปังผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้เหรอ?”เมื่อท่านพูดจบ ภายในห้องโถงก็เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที ท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลลี่มาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดให้กับเซี่ยปัง!”คุณท่านลี่มองไปที่เซี่ยปังและหลานเหยียน จากนั้นก็พูดว่า “ท่านเซี่ย คุณนายเซี่ย ฉันมาที่นี่โดยไม่ได้รับคำเชิญ หวังว่าพวกคุณจะไม่ถือสาและไล่ฉันออกไปใช่ไหม?”เซี่ยปังและหลานเหยียนชำเลืองมองกัน พวกเขาไม่คิดว่าจู่ ๆ คุณท่านลี่จะมาร่วมงานด้วย แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะเป็นตระกูลที่มีอิทธิพล แต่ตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ร่ำรวยในมหานครเอมพีเรียลก็ไม่ได้สนใจที่จะคบค้าสมาคมกับพวกเขา นั่นเป็นเป็นเหตุผลว่าทำไมเซี่ยซีหว่านจึงไม่สามารถเข้าสู่แวดวงคนดังในมหานครเอมพีเรียลได้ตระกูลเซี่ยและสี่ยักษ์ใหญ่แห่งมหานครเอมพีเรียลไม่เคยติดต่อไปมาหาสู่ หรือมีปัญหาอะไรกันมาก่อน แต่จู่ ๆ วันนี้คุณท่านลี่กลับมาที่นี่อย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างก็ตกตะลึงแต่ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว เซี่ยปังก็ไม่สามารถไม่ต้อนรับท่าน เขาจึงพูดว่า “คุณท่านลี่ ยินดีต้อนรับครับ”คุณท่านลี่ยิ้ม จากนั้นก็ส่งกล่องของขวัญให้กับเ