ร่างกายที่อ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูกของเธอโผล่มาจากทางด้านหลัง ลู่หานถิงไม่ต้องมองย้อนกลับไปก็รู้ได้ในทันทีว่าใครกำลังอยู่ด้านหลังของเขา เขาประสานมือกับเธอ และพูดว่า “คุณนายลู่ ผมว่าคุณนับวันก็ยิ่งจะกล้าหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ นะ ผมกำลังทำงานอยู่ แต่คุณกลับเรียกให้ผมมาขับรถให้คุณอย่างนั้นเหรอครับ?”เซี่ยซีหว่านกอดเขาจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่นราวกับปลาหมึก แล้วพูดว่า “คุณชายลู่คะ ฉันเรียกรถแท็กซี่ไม่ได้จริง ๆ นะคะ อีกอย่างคุณจะทำงานหาเงินจำนวนมากไปเพื่ออะไรกันคะ คุณจะเอาเงินไปเลี้ยงดูบ้านเล็กเหรอคะ เลี้ยงดูฉันเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ!”ลู่หานถิงไม่ได้หันหลังกลับไปมอง เขาถูกเธอโอบกอดอย่างนุ่มนวล ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ หลับตาอันคมคายของเขาลง และพูดว่า “หว่านหว่าน คุณทำให้ผมโลภมากยิ่งขึ้นอีกแล้วนะ”...ตอนนี้ตระกูลเซี่ยเต็มไปด้วยความหมองหม่นและไร้ชีวิตชีวาเซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานยังไม่สามารถยอมรับความจริงว่า เซี่ยซีหว่านเป็นผู้ปิดผนึกจุดฝังเข็มด้วยเข็มทองคำและช่วยชีวิตหญิงชราคนนั้นไว้ โลกโซเชียลยังคงร้อนระอุไปด้วยประเด็นที่ว่าเซี่ยซีหว่านเป็นหญิงสาวอัจฉริยะตัวจริง แต่พวกเขากลับม
ในเวลานี้เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานอยากจะยืนขึ้นจนตัวสั่น สมาชิกในครอบครัวทั้งสามคนแทบจะอดทนรอไม่ไหวแล้วที่จะยิงเซี่ยซีหว่านให้ตาย“หว่านหว่าน ลูกอย่าโกหกอีกเลย มันจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการเรียนมหาวิทยาลัยที่มหานครเอมพีเรียล และพ่อไม่เคยให้เงินลูกสักหยวนเดียว ลูกจะไปเรียนที่นั่นได้ยังไง!”“ใช่แล้วเซี่ยซีหว่าน ถ้าเธอไม่มีเงิน เธอจะไปเรียนที่นั่นได้ยังไง คำโกหกของเธอเต็มไปด้วยช่องโหว่ ทุกคนอย่าไปเชื่อเธอนะคะ!”เซี่ยซีหว่านมองไปที่คนหน้าด้านทั้งสองคน เธอยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “โอ้ ที่แท้พวกคุณก็รู้นี่ว่า พวกคุณไม่ได้ให้เงินฉันสักหยวนเดียว และการเรียนมหาวิทยาลัยนั้นมีค่าใช่จ่ายที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ การที่เซี่ยเหยียนเหยียนไปเรียนที่สถาบันเซิงลี่ พวกคุณคงจะจ่ายเงินไปจำนวนมหาศาลเป็นแน่ และฉันจำได้ว่ากระเป๋าหรูของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็มีราคาตั้งหลายแสนหยวนนะคะ”เซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานตัวแข็งทื่อในทันที พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะถูกเซี่ยซีหว่านโต้ตอบเช่นนี้“แชะ แชะ แชะ” บรรดานักข่าวต่างพากันถ่ายรูปและชี้นิ้วนินทาพวกเขา“เซี่ยเจิ้งกั๋วโหดร้ายจริง ๆ พวกเธอทั้ง
พระเจ้า ทุกคนมองเซี่ยเหยียนเหยียนด้วยความตกตะลึง ที่แท้เธอก็ใช้เส้นสายในการไปเรียนต่อต่างประเทศที่สถาบันเซิงลี่ ส่วนเซี่ยซีหว่านที่อายุ 15 ปีกลับได้รับคําเชิญเป็นการส่วนตัวจากอาจารย์ใหญ่ของสถาบันเซิงลี่ แต่เพราะต้องจากบ้านไปไกลจึงตอบปฏิเสธไป! นี่มัน...ความห่างชั้นระหว่างสาวน้อยอัจฉริยะตัวจริงกับตัวปลอมนี่อยู่ห่างกันหลายขุมมาก! จากนั้นนักข่าวก็ต่างพากันยื่นไมค์ส่งให้เซี่ยเหยียนเหยียน รวมถึงเซี่ยเจิ้งกั๋วและหลี่ยู่หลานที่ยืนอยู่ติดกันก็ถูกพ่วงไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“คุณเซี่ยเหยียนเหยียนคะ ตอนนี้คุณรู้สึกโมโหมากใช่หรือเปล่าคะ ทั้งเรื่องทักษะทางการแพทย์อันน้อยนิด ทั้งเรื่องวุฒิการศึกษาจอมปลอม ทั้งยังถูกสื่อกระแสหลักวิพากษ์วิจารณ์และถูกอาจารย์ใหญ่ลู่เปิดโปงโดยมีพวกเราเป็นศักขีพยานในการถูกตบหน้าครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของคุณ ใบหน้าของคุณตอนนี้ถูกตบจนบวมไปหมดแล้ว ดูจากสีหน้าของคุณแล้วดูเหมือนว่ากำลังจะอกแตกตายเพราะความโกรธเลยนะคะ!” “คุณหลี่ยู่หลานครับ คุณใกล้จะกระอักเลือดออกมาแล้วใช่ไหมครับ เพราะในขณะที่ลูกสาวแสนเจ้าเล่ห์ทั้งสองคนของตัวเองยังคงเป็นคนไร้ความสามารถ แต่เซี่ยซ
เซี่ยซีหว่านพูดต่อหน้านักข่าวทุกสํานักและต่อหน้าคนทั่วทั้งเมืองไห่เฉิงแห่งนี้ว่า ฉันอยากให้กำเนิดลูกน้อยสองคนกับคุณชายลู่ ไม่ใช่แค่คนเดียวนะ แต่เป็นสองคน เมื่อสิ้นเสียงนี้ ลู่อินอินก็รู้สึกตัวแข็งทื่อ มุมปากที่ยกโค้งขึ้นเล็กน้อยของลู่จื่อเซียนก็ค่อย ๆ หุบยิ้มลง เขาเงยหน้ามองไปยังมุมด้านหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นนักข่าวทุกสำนักก็หันกลับไปมอง ขณะที่สายตาของทุกคนกำลังกวาดมองออกไปโดยรอบ พวกเขาก็เห็นลู่หานถิงที่อยู่ในชุดสูทตัวยาวอีกด้านหนึ่งในทันทีขาเรียวยาวของลู่หานถิงยืนตระหง่านอย่างสง่างามอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งแล้ว หลังจากที่เขามาส่งเซี่ยซีหว่าน เขาก็ยังไม่ได้จากไปแต่อย่างใด แต่เขากลับยืนมองเธอที่กำลังถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสปอตไลท์อยู่ตรงนี้ วันนี้เธอคือเจ้าหญิงที่เปล่งประกายเจิดจรัสไปทั่วทุกหนแห่ง ในขณะที่เขาเป็นเพียงผู้ชมของเธอเท่านั้น เมื่อได้ยินว่าเธอจะให้กําเนิดลูกสองคนกับเขา รังสีอํามหิตแห่งความเย็นเยือกที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวบนตัวเขาก็หายไปในพริบตา นักข่าวหลายคนที่คิดจะหนีออกไปจากที่แห่งนี้ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้เช่นกัน ชายหนุ่มที่เงียบขรึมและน่าสะพรึงกลัวราวกับสั
ลู่หานถิงยืนอยู่ตรงนั้นโดยสายตาของเขากำลังจับจ้องไปที่ใบหน้าของลู่อินอิน ดวงตาคมคายคู่นั้นทั้งมืดมนและดุดัน ภายในนั้นเหมือนกับมีลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวกำลังก่อตัวเป็นความดำมืด ดูดุร้ายและป่าเถื่อน และลมพายุนี้สามารถกลืนกินลู่อินอินเข้าไปได้ทั้งตัว ลู่อินอินไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวลู่หานถิงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเธอก็เป็นญาติผู้อาวุโสกว่า แต่ทว่าเวลานี้เธอเองก็รู้สึกขนลุกซู่และเริ่มหวาดกลัวลู่หานถิงขึ้นมาไม่น้อยหรืออาจจะเป็นความประหม่ามากกว่า เพราะในขณะที่เธอกําลังจะบอกเล่าถึงอดีตที่เลวร้ายของเขาให้เซี่ยซีหว่านฟัง เขาก็เดินเข้ามาพอดี เมื่อเซี่ยซีหว่านหันหน้าไปมองก็เห็นลู่หานถิงพอดี เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “คุณชายลู่ คุณมาแล้วเหรอคะ เมื่อครู่นี้ฉันหาคุณไม่เจอเลยค่ะ” ลู่หานถิงก้าวเดินเข้ามาอย่างมั่นคง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขานิ่งสงบไม่มีความสะทกสะท้าน แม้แต่น้ำเสียงก็ราบเรียบไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาพูดว่า “คุณนายลู่ คุณไปโทรศัพท์หาคุณย่าหน่อยสิ และบอกท่านว่าเย็นนี้เราจะกลับไปทานข้าวที่บ้าน คุณย่าไม่ได้เจอคุณมาหลายวันแล้ว ท่านต้องคิดถึงคุณแน่ ๆ”เขาอยากให้เธอออกไปจากตร
ท้องลูกแฝดอย่างนั้นเหรอ?ขณะนี้เซี่ยซีหว่านรู้แล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าปากพาซวยคืออะไร คุณย่าต้องเห็นข่าววันนี้แล้วเป็นแน่ และแผนการมีลูกของประธานลู่กับคุณนายลู่ก็ขึ้นอันดับการค้นหายอดนิยมบนเว่ยป๋อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “หว่านหว่าน ทําไมหนูไม่ดื่มต่อล่ะ ดื่มตอนร้อน ๆ สิลูก” ทันใดนั้นเองหญิงชราก็พูดเร่งเร้าด้วยความหวังดีเซี่ยซีหว่านนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง... ก็ได้ ฉันจะดื่ม ! เธอยกชามใบเล็กขึ้นมา และเริ่มซดซุปไก่เข้าไป ในขณะเดียวกันนั้น เสียงหัวเราะของลู่หานถิงก็ดังขึ้นมาจากด้านข้าง เขากำลังหัวเราะเธออยู่ เซี่ยซีหว่านจึงรีบเตะเขาจากใต้โต๊ะไปหนึ่งทีเพื่อส่งสัญญาณว่า “ห้ามหัวเราะ !”“หว่านหว่าน เดี๋ยวย่าไปเอาช้อนมาให้หนูนะ” หญิงชราเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างเอาใจใส่และกระตือรือร้นเมื่อคุณย่าเดินออกไป เซี่ยซีหว่านก็หันขวับไปมองลู่หานถิงที่อยู่ด้านข้างทันที เธอนำชามใบเล็กยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากของเขา แล้วพูดเสียงแผ่วเบาว่า “คุณลู่คะ ซุปไก่นี่เยอะเกินไปค่ะ ฉันดื่มไม่หมด คุณช่วยฉันแอบดื่มครึ่งนึงหน่อยสิคะ” ลู่หานถิงปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า “นี่มันเครื่องดื่มสําหรับผู้หญิง” เซี่ยซีหว่านจึงเถ
คนที่รู้สึกตื่นเต้นดีใจที่สุดนั้นก็คือซวงซวง เพราะอยู่ดี ๆ เพื่อนรักของตัวเองก็กลายเป็นเด็กอัจฉริยะ ช่างเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนี้ ซวงซวงบีบใบหน้าเรียวเล็กของเซี่ยซีหว่านเบา ๆ เล็กน้อย แล้วพูดว่า “หว่านหว่าน เธอต้องสู้ ๆ นะ เธอคือความภาคภูมิใจของฉัน !” เซี่ยซีหว่านยกยิ้มขึ้น ตอนนี้สถาบันวิจัยซูมี่ได้กลายเป็นครอบครัวใหญ่อันอบอุ่นไปแล้ว สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความปรารถนาดี ทุกคนเป็นกําลังใจให้กันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดีงามมาก เซี่ยซีหว่านพยักหน้าอย่างแน่วแน่ แล้วพูดว่า “ค่ะ ฉันจะทำให้เต็มที่ที่สุดแน่นอนค่ะ !”ลู่จื่อเซียนยืนอยู่ด้านข้างพลางมองหญิงสาวที่ถูกรายล้อมด้วยความสนใจ เธอเข้ามาที่ซูมี่ได้เพียงเวลาไม่กี่เดือน แต่เธอกลับสามารถดลใจผู้คนได้มากมาย ทุกคนต่างก็กลายเป็นคนที่จิตใจดีเพราะเธอ ดวงตาเย็นชาสีดําขลับของลู่จื่อเซียนฉายแววอ่อนโยนมากขึ้น บางทีร่างกายของเธออาจมีพลังเวทมนต์ที่ทำให้ผู้คนไม่อาจต้านทานได้ ทันใดนั้นเองอธิการบดีหลี่เหวินฉิงก็ตบมือขึ้น แล้วพูดว่า “เอาล่ะ ถึงเวลาผ่าตัดแล้ว จื่อเซียน ซีหว่าน พวกคุณควรจะเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ได้แล
เธอทำสําเร็จแล้ว ! เธอและลู่จื่อเซียนได้ผสมผสานแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้ง และทำให้การผ่าตัดที่ไม่เคยมีใครทำได้สามารถสำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี ! ลู่หานถิงรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก หว่านหว่านของเขายอดเยี่ยมมาก ! เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรไปที่เบอร์มือถือของเซี่ยซีหว่านในทันทีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ไพเราะดังขึ้นที่ปลายสาย ทันใดนั้นเองสายตาของลู่หานถิงได้หันออกไปมองด้านนอกผ่านกระจกรถที่สว่างไสว เขาก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินออกมาจากสถาบันวิจัยซูมี่พอดี อธิการบดีหลี่เหวินฉิงและลู่จื่อเซียนเดินมาด้วยกัน ไม่รู้ว่าทั้งสองคนกำลังคุยกันเรื่องอะไรอยู่ พวกเขาล้วนเป็นนักวิชาการระดับประเทศและมีความสามารถไร้เทียมทาน ขณะนั้นก็มีซวงซวงที่กำลังเดินคล้องแขนเรียวยาวของเซี่ยซีหว่านเดินตามออกมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่ซูมี่กลุ่มใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งเดินอยู่ด้านหลัง ทุกคนกำลังหัวเราะพูดคุยและหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง ซึ่งครั้งนี้ผู้อํานวยการโจวผิงโจวผู้ที่เคร่งครัดมาตลอดจึงทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาอย่างปลงใจลู่หานถิงกำลังมองอยู่ในรถ เ
เซี่ยซีหว่านรู้สึกได้ว่าลู่ซือเจี๋ยรักลูกชายทั้งสองคนนี้ ดังนั้นที่เมืองไห่เฉิง เขาไม่สามารถอนุญาตให้เธออยู่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา เมื่อตอนนั้นหลินสุ่ยเหยากับหลิวอิงหลั่วสองสาวครองอันดับหนึ่งเรื่องความเก่งกล้าสามารถที่สุดของเมืองหลวง เขาต้องการตามหาหลินสุ่ยเหยา ผ่านตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางลูกชายสองคนของเขาลงและปล่อยให้เธอดำรงอยู่หมายความว่า ภายในใจของลู่ซือเจี๋ย หลิวอิงหลั่วมีความสำคัญมากกว่าลูกชายทั้งสองคนของเขานี่เป็นครั้งแรกที่ เซี่ยซีหว่านตระหนักอย่างแท้จริงว่าลู่ซือเจี๋ยรักหลิวอิงหลั่วอย่างสุดซึ้งหลิวอิงหลั่วหายตัวไปหลายปี ปีนี้ลูกชายของเธอลู่หานถิงอายุ 28 ปีแล้ว เซียซีหว่านไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างไร ความรักที่ลึกซึ้งถึงสามารถทนต่อการกัดเซาะและความแข็งแกร่งของปีที่เลยผ่านได้ จึงทำให้ชายที่ราวกับจักรพรรดิยังคงรออยู่ที่นี่ตลอด บางทีอาจเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกแต่รักอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงต้องเจ็บอีก?ตอนนั้นหลินอิงหลั่วตั้งท้องลูกคนที่สอง เธอหยิบมีดมาคว้านท้องตัวเอง อุ้มทารกออกมา ช่างน่าเวทนานัก?ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับจ
แต่ว่า เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อยเขาพยายามไม่ให้ไปหลงเสน่ห์เธอแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้หลังจากที่ได้รู้ในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่นี้ว่าเธอคือ เด็กผู้หญิงตัวน้อยเมื่อก่อนนั้น เดิมที่แม่ของเขายอมยกเจ้าสาวตัวน้อยแก่เขา เขารู้สึกว่าความยับยั้งชั่งใจและความอดกลั้นที่ผ่านมาในหลายวันมานี้ได้พังทลายลงลู่หานถิงจ้องมองเธออย่างดุดันด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เขายกริมฝีปากบางของเขาขึ้นเล็กน้อย และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ทำไมสวี่เส้าหนานถึงได้ ลู่จื่อเซียนถึงได้ แต่ทำไมฉันไม่ได้เหรอ?”“…”ใบหน้าเล็กสวยงามของเซี่ยซีหว่านเปลี่ยนเป็นสีขาวและแดงสลับกัน เธอยกมือเล็กขึ้นเพื่อตบลงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยความน่าเกลียดชังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ไม่ได้ตบเขาเพราะลู่หานถิงจับข้อมือเรียวของเธอไว้ได้ทัน เธอจึงไม่ได้ตบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาลู่หานถิงมองดูเธอด้วยแววตาเศร้าโศกและพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรนะ สิ่งที่ผมสามารถให้คุณได้คือสิ่งที่ลู่จื่อเซียนและสวี่เส้าหนานไม่สามารถให้คุณได้แน่นอน ถ้าหา
เขาจำไม่ได้แล้วแน่นอน เพราะความทรงจำเหล่านั้นเธอลบมันไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดได้อย่างชอบธรรมแถมเขายังพูดอีกว่า การที่เขานอนกับเธอคือ การนำน้ำสกปรกสาดใส่ตัวเขา เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร น้ำสกปรกเหรอ?แน่นนอน เขาเกลียดเธอ !แต่ในเมื่อเขาเกลียดเธอมาก ทำไมเขาถึงมารังควานเธอด้วย?เซี่ยซีหว่านมองใบหน้าที่เย็นชาหล่อเหลาของเขาและพูดเยาะเย้ยว่า “ฉันแค่พูดไร้สาระ พอใจหรือยังล่ะ คนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่าประธานลู่ ฉันจะทำให้คุณมีมลทินได้อย่างไรคะ !”“บริสุทธิ์เหรอ” ลู่หานถิงขมวดคิ้วรูปดาบอันองอาจผึ่งผายนั้นและกล่าวว่า “คนที่พูดว่าผมนอนกับคุณ ก็คือคุณ ตอนนี้คนที่กำลังพูดไร้สาระก็คือคุณ คิดว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งก็สามารถพูดจาเหลวไหลแบบนี้ออกมาได้งั้นเหรอ เซี่ยซีหว่าน คุณยังมียางอายอยู่อีกไหม?”“ฉันจะมีหรือไม่มียางอายเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอคะ ใช่สิประธานลู่ คุณคงจะยังไม่...เป็นหนุ่มน้อยบริสุทธิ์คนหนึ่งอยู่ใช่ไหมคะ?”ดวงตาของเซี่ยซีหว่านเปล่งประกาย ทันใดนั้นดูเหมือนว่าจะเจอกับปัญหาเข้าแล้ว เขาไม่มีความทรงจำช่วงนั้นแล้ว เขาคงจำไม่ได้ว่าเขากับเธอเคยเดือดพล่านกันบนเตียงมาก่อน งั้นเขาคงไม่คิดว่า
เซี่ยซีหว่านใช้ส้อมจิ้มสเต็กชิ้นเล็ก ๆ เพิ่งเตรียมจะใส่เข้าปาก ตอนนี้เท้าของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะถูกเตะอย่างแรง สเต็กบนส้อมก็ร่วงตกลงมาบนจานทันที“หว่านหว่าน คุณเป็นอะไรไปครับ?” ลู่จื่อเซียนถามด้วยความเป็นห่วงร่างผอมเพรียวของเซี่ยซีหว่านสั่นไหวเล็กน้อย เธอมองไปยังลู่หานถิงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอดตั้งแต่เธอเดินเข้ามา แต่เขาเพิ่งเตะเธอเขาเป็นอะไรของเขา?ลู่หานถิงหั่นสเต็กในมืออย่างสง่างามราวกับว่าคนที่เตะเมื่อกี้ไม่ใช่เขา ทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยเข้าใจแกล้งจริง ๆ !เซี่ยซีหว่านด่าเขาในใจแล้วยิ้มให้ลู่จื่อเซียนและกล่าวว่า “จื่อเซียน ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”ทั้งห้าคนก็จบมือค่ำในบรรยากาศอันแปลก ๆ แบบนี้ลง...หลังมื้อเย็น เซี่ยซีหว่านไปห้องน้ำทันทีที่เธอเดินเข้ามา มือใหญ่มือหนึ่งจากด้านในยื่นออกมา และคว้าข้อมือที่เรียวยาวของเธอแล้วดึงเธอเข้าไปเซี่ยซีหว่านชนเข้ากับหน้าอกแข็งแกร่งอย่างกระทันหัน หน้าอกนี้แข็งแกร่งราวกับกับแพง เธอชนเข้าไปราวกับกระดูกของเธอจะแตกสลาย นัยน์ตาขาวบริสุทธื์แดงก่ำด้วยความเจ็บปวดเธอเงยหน้าขึ้นและใบหน้าที่หล่อเหลาละเอียดงดงามของล
ด้านนอกประตูคือลู่จื่อเซียนจริง ๆ และยังมีเงาเพรียวบางเงาหนึ่งอยู่ข้างกายของลู่จื่อเซียนหลิวจ้าวตี้ดีใจมาก “จื่อเซียน ลูกกลับมาแล้วเหรอ คู่หมั้นของลูก…”แววตาของหลิวจ้าวตี้จับจ้องไปยังเซี่ยซีหว่าน เมื่อมองชัดเจนแล้วว่าเป็นเซี่ยซีหว่าน รูม่านตาของหลิวจ้าวตี้ก็เบิกกว้างและตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ในทันทีเป็นไปได้ยังไงกัน?ทั้งลู่ซือเจี๋ยและลู่หานถิงที่อยู่ในห้องนั่งเล่นต่างก็ได้ยินการเคลื่อนไหวที่ด้านนอกประตู คืนนี้พวกเขากำลังรอให้ลู่จื่อเซียนพาคู่หมั้นลึกลับกลับบ้านลู่ซือเจี๋ยวางหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจในมือลงแล้วยืนขึ้นพลางเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นลู่จื่อเซียนจูงมือเล็ก ๆ ของเซี่ยซีหว่านเดินเข้ามาทันทีที่ลู่ซือเจี๋ยเห็นเซี่ยซีหว่าน เขาเคยต่อกรกับเซี่ยซีหว่านมาแล้วสองครั้ง เขารู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าเซี่ยซีหว่านจะเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา!ในขณะเดียวกันนั้นลู่หานถิงก็มองไปยังลู่จื่อเซียน จากนั้นดวงตาอันเฉี่ยวคมของเขาก็ค่อย ๆ หันไปมองใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนการมาถึงของเซี่ยซีหว่านทำให้ครอบครัวลู่ทั้งหมดตกอยู่ในบรรยากา
ลู่จื่อเซียนพูดกับเธอว่า หว่านหว่านผมชอบคุณครับเซี่ยซีหว่านนั่งลง เธอรู้ว่าลู่จื่อเซียนรู้สึกกับเธออย่างไร ได้รับความรักจากคุณชายรองตระกูลลู่ที่ทั้งสง่างาม และมีความสามารถ เธอควรจะมีความสุข และตื่นเต้นมากกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับลู่จื่อเซียน นอกจากนี้เธอแต่งงานกับลู่หานถิงแล้ว แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่เธอก็เคยเป็นพี่สะใภ้ของเขาแล้ว และตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นคู่หมั้นของเขาอีกครั้ง ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดขณะเดียวกันเซี่ยปัง และหลานเหยียนเดินเข้ามา เขาพูดว่า “หว่านหว่านการแต่งงานในครั้งนี้เป็นความต้องการของแม่ของลูก พวกเราคิดว่าคุณชายรองตระกูลลู่เป็นคนที่ดีมาก เขาจะไม่ทำให้ลูกเศร้าเสียใจเหมือนใครบางคน ตอนนี้ลูกคงจะไม่ปฏิเสธคุณชายรองตระกูลลู่เพราะคน ๆ นั้นใช่ไหม?”“ใช่แล้วหว่านหว่าน ผู้หญิงอย่างพวกเราต้องมองไปข้างหน้า ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่ต้องไปเสียใจกับมัน ปล่อยวางในสิ่งที่ควรจะปล่อย ถ้าลูกไม่ยอมเปิดใจ และก้าวไปข้างหน้า ลูกจะเห็นความงามของชีวิตได้อย่างไร?”เซี่ยปังและหลานเหยียนไม่ชอบลู่หานถิง ลู่หานถิงแต่งงานกับลี่เหยียนหลา
สวี่เส้าหนานรู้สึกขมขื่นภายในใจ !คุณท่านลี่ไม่ต้องการให้เซี่ยซีหว่านลงเอยกับสวี่เส้าหนานหลานชายของท่าน เธอคิดว่าสองคนนี้ไม่คู่ควรกัน ตอนนี้คุณท่านลี่กำลังยืนมองลู่จื่อเซียน คุณท่านลี่รู้จักลูกชายสองคนของตระกูลลู่ เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าลู่จื่อเซียนเป็นเหมือนกับดอกบัวที่บานในโคลนตม เขาเป็นคนที่ดีมากชีวิตส่วนตัวของลู่จื่อเซียนใสสะอาดมาก และเขายังไม่เคยมีแฟนมาก่อน คุณท่านลี่ดูออกว่าลู่จื่อเซียนชอบเซี่ยซีหว่านมาก เขาดูแล และเอาใจใส่เธอด้วยความรัก ดังนั้นคุณท่านลี่จึงมองเขาเหมือนหลานชายคนหนึ่ง ท่านเหลือบมองลู่จื่อเซียน จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจเซี่ยปังและหลานเหยียนก็พอใจในตัวลู่จื่อเซียนมากเช่นเดียวกัน ในมหานครเอมพีเรียลแห่งนี้ ลู่จื่อเซียนเป็นคนที่มีความสามารถและหล่อเหลา อีกทั้งยังเหมาะสมกับเซี่ยซีหว่านแหวนหยกวงนี้เป็นแหวนที่หลินสุ่ยเหยาสวมอยู่ตลอดเวลา เซี่ยปังและหลานเหยียนจำข้าวของส่วนตัวของหญิงสาวได้อย่างรวดเร็ว ย้อนกลับไปในตอนนั้นเธอได้หมั้นหมายเซี่ยซีหว่านกับลูกชายของเพื่อนสนิท พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเด็กชายคนนั้นจะเป็นคุณชายรองตระกูลลู่ลู่จื่อเซียนเป็นนักวิชาการที่อายุน้อยท
เซี่ยปัง “...”ที่นี่...คือตระกูลเซี่ย ไม่ใช่เหรอ?เซี่ยปังมองไปยังคุณท่านลี่ที่พูดออกไปเช่นนั้น มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยคุณท่านลี่เป็นนายหญิงของตระกูลลู่มานานหลายปีแล้ว ท่านมีภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกท่านดุก็มักจะกลัวจนขาอ่อนแรง และเกือบจะล้มลงไปในทันทีขณะเดียวกันร่างที่หล่อเหลา และดูชั่วร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดว่า “อย่าทำให้เขาตกใจกลัวสิครับคุณยาย ผมเองที่มาที่นี่ !”เมื่อทุกคนหันไปมอง กลายเป็นสวี่เส้าหนานคุณชายของตระกูลสวี่ เจ้าชายแห่งมหานครเอมพีเรียลที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดเขามาที่นี่จริง ๆ !คุณท่านลี่มองสวี่เส้าหนานด้วยสีหน้าไม่พอใจ ราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของท่านจริง ๆ ท่านพูดว่า “ทำไมหลานถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”“คุณยายผมมาที่นี่เพราะ…” ดวงตาทรงดอกท้อของสวี่เส้าหนานมองไปยังใบหน้าที่งดงามของเซี่ยซีหว่าน และพูดต่อว่า “...เพราะเซี่ยซีหว่านครับ !”คุณชายที่มีชื่อเสียงเช่นเขา มีข่าวลือไปทั่วว่าเขาเปลี่ยนผู้หญิงราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เซี่ยปังและหลานเหยียนรีบดึงเซี่ยซีหว่านไปทางด้านหลังพวกเขา และพูดว่า “คุณชายสวี่ครับ หว่านหว่านของพวกเราไม่
คุณท่านลี่ยิ้ม และพูดว่า “ทำไมล่ะ ฉันมาร่วมฉลองงานวันเกิดของเซี่ยปังผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้เหรอ?”เมื่อท่านพูดจบ ภายในห้องโถงก็เกิดความโกลาหลขึ้นในทันที ท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลลี่มาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดให้กับเซี่ยปัง!”คุณท่านลี่มองไปที่เซี่ยปังและหลานเหยียน จากนั้นก็พูดว่า “ท่านเซี่ย คุณนายเซี่ย ฉันมาที่นี่โดยไม่ได้รับคำเชิญ หวังว่าพวกคุณจะไม่ถือสาและไล่ฉันออกไปใช่ไหม?”เซี่ยปังและหลานเหยียนชำเลืองมองกัน พวกเขาไม่คิดว่าจู่ ๆ คุณท่านลี่จะมาร่วมงานด้วย แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะเป็นตระกูลที่มีอิทธิพล แต่ตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ร่ำรวยในมหานครเอมพีเรียลก็ไม่ได้สนใจที่จะคบค้าสมาคมกับพวกเขา นั่นเป็นเป็นเหตุผลว่าทำไมเซี่ยซีหว่านจึงไม่สามารถเข้าสู่แวดวงคนดังในมหานครเอมพีเรียลได้ตระกูลเซี่ยและสี่ยักษ์ใหญ่แห่งมหานครเอมพีเรียลไม่เคยติดต่อไปมาหาสู่ หรือมีปัญหาอะไรกันมาก่อน แต่จู่ ๆ วันนี้คุณท่านลี่กลับมาที่นี่อย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนในที่นี้ต่างก็ตกตะลึงแต่ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว เซี่ยปังก็ไม่สามารถไม่ต้อนรับท่าน เขาจึงพูดว่า “คุณท่านลี่ ยินดีต้อนรับครับ”คุณท่านลี่ยิ้ม จากนั้นก็ส่งกล่องของขวัญให้กับเ