สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ขนมหวานรู้ว่า เธอไม่ควรนำพาความซวยมาสู่คนอื่นอีก ไม่ควรทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะการยื่นมือเข้ามาช่วยเธออีก วันนี้ก่อนมามหาวิทยาลัยเธอได้เข้าไปคุยกับร้านกาแฟทั้งสองร้าน ว่านับจากวันนี้ไปเธอคงไม่สะดวกทำขนมมาฝากขายอีกแล้ว เธอไม่อยากผิดคำพูดมากไปกว่านี้ เธอไม่รู้ว่าอชิระจะอาละวาดจนขนมเละเหมือนวันนี้ไหม“ขนมแกโอเคไหมวะ หน้าแกไม่ค่อยดีเลย กลับไปพักที่บ้านไหม” ใบบัวจับมือเพื่อนมาบีบเบาๆ ด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของขนมหวาน ใบหน้าของหญิงสาวนั้นซีดขาวไม่มีเลือดฝาดแต่อย่างใด คิ้วก็ขมวดเข้าหากันเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา“โอเคสิ บัวเรื่องงานที่ฉันเคยขอร้องแกให้รับงานให้ แกไม่ต้องรับแล้วนะ”“ทำไมล่ะ ท่านอธิการว่าแกเหรอ”“ไม่หรอก ฉันแค่กลัวจะทำให้แกเดือดร้อนเหมือนที่ทำให้เวลเดือดร้อนน่ะ เขาคงตามไปราวีฉันถึงงานแน่ๆ ถ้ารู้ว่าฉันรับงานพวกนั้น ฉันไม่อยากให้คนอื่นต้องมาซวยเพราะฉันอีก”“แล้วแกจะทำยังไงต่อ แกอยากมีเงินเยอะๆ ไม่ใช่เหรอ”ไอ้อยากมีมันก็อยากมีอยู่หรอก แต่ตอนนี้เธอขอพักเรื่องอยากมีเงินก่อน ขอให้ตัวเองได้หยุดพักสมองสักวันสองวันแล้วค่อยคิดหาทา
สายลมพัดผ่านแผ่วเบาเข้าปะทะผิวกาย ใบไม้แห้งกรอบที่อยู่บนพื้นปลิวไสวตามแรงลมที่พัดผ่าน พาความเย็นเหยียบมาสู่คนที่ยืนอยู่ในบริเวณวัดที่แบ่งสัดส่วนไว้สำหรับเก็บอัฐิพวงมาลัยดอกมะลิสองพวงถูกไว้ตรงหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิ มือบางกระพุ่มไว้พร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอดวงตา ยิ่งเห็นรูปภาพของท่านทั้งสองที่ยิ้มอย่างมีความสุข ความเจ็บปวดก็วิ่งชนเข้าสู่หัวใจ บีบรัดจนเจ็บร้าวระทม สุดท้ายน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลออกมาเป็นสาย“ขอโทษ หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ” น้ำเสียงสั่นเครือที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ พร่ำขอโทษบุพการีที่เลี้ยงดูมาแต่เยาว์วัยด้วยความรู้สึกผิด ที่ไม่มีทางหลุดออกไปจากความรู้สึก ภาพที่ท่านทั้งสองจากไปต่อหน้าต่อตายังติดตรึงทุกค่ำคืน คอยตอกย้ำความผิดในวันนั้นที่เธอเป็นต้นเหตุให้ท่านทั้งสองจากไป“หนูเหนื่อย...อึก...หนูไม่อยาก...อึก...ไม่อยากอยู่แล้ว” จากที่คิดว่าเข้มแข็ง จากที่คิดว่าทนไหวไม่เป็นไรขนมหวานกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะไม่ไหว เธอเหมือนกำลังอยู่กลางทะเลกว้างใหญ่ มวลน้ำในทะเลกำลังหมุนเป็นวงและดึงตัวเธอลงไปสู่ใต้ท้องทะเลลึก เธอทั้งกลัว ทั้งเจ็บ ทั้งหนาวสั่น บางครั้งก็เหมือนตัวเองกำลังจะสิ้นใจแต่เม
ร่างบางถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนอนจนขนมหวานรู้สึกจุกที่ท้อง ทว่าหญิงสาวก็ยังคงเก็บเสียงของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้อชิระได้ยิน ใบหน้างามพยายามพยายามเบี่ยงหลบสัมผัสรุนแรง หยาบคายจากชายหนุ่มที่ทาบทับลงมา แต่กลับไม่ง่ายอย่างใจคิดมือบางถูกรวบตึงไว้เหนือศีรษะภายใต้กรงขังของมือหนาเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็บีบคางเรียวให้ขนมหวานเผยอปากออกรับเรียวลิ้นสากที่พยายามสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากชื้นอย่างเอาแต่ใจอาการขัดขืนไม่ยินยอมและดื้อรั้นที่ขนมหวานแสดงออกมา ยิ่งทำให้อชิระโมโหดั่งเช่นสัตว์ร้าย ที่พร้อมขย้ำเหยื่อให้ตายคามือ ไม่สนใจเสียงร้องขอชีวิตหรือการขัดขืนดิ้นหนีพยายามเอาตัวรอดของเหยื่อแต่อย่างใด ยิ่งเหยื่อพยายามหนีเท่าไหร่ผู้ล่าก็ยิ่งอยากเอาชนะให้ได้“แล้วเธอจะได้รู้ว่าการที่เธอคิดจะลองดีกับฉันผลมันจะเป็นยังไง” คำรามลอดไรฟันออกมา ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธกรุ่นที่ทวีขึ้นจนยากจะดับ สายตาเพ่งมองคนใต้ร่างที่ตัวเองคร่อมไว้มือหนาฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองออกจากร่างกาย ทั้งชิ้นบนและล่างอย่างรวดเร็ว ขนมหวานเริ่มใจคอไม่ดี รู้ได้ในทันทีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก็เริ่มกลัวขึ้นมาร่
ความมืดมิดในยามราตรียังไม่น่ากลัวเท่าความมืดมิดในจิตใจ ขนมหวานนอนมองเพดานห้องนอนของตัวเองอย่างเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ร่างบางนอนนิ่งไม่ไหวติงขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว แต่แปลกที่น้ำตาของเธอยังไหลออกมาไม่ยอมหมดเสียที จะต้องให้เธอร้องไห้เสียใจอีกนานแค่ไหนถึงจะพอใจ น้ำตาถึงจะหมดไปจากตัวดวงตาที่ทอดมองค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ลมหายใจอุ่นยังคงหายใจเข้าออกให้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตายจากความโหดร้ายที่พบเจอ ก่อนดวงตาคู่นั้นจะลืมขึ้นอีกครั้งด้วยแววตาที่ว่างเปล่าเลื่อนลอยร่างบางขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน รอยยิ้มเย้ยหยันในโชคชะตาผุดขึ้นมุมปาก มองนาฬิกาตั้งโต๊ะบนหัวเตียงก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนลิ้นชักที่ถูกล็อกไว้ถูกเปิดออก หยิบกล่องพลาสติกที่เก็บไว้ออกมาและเปิดกล่องนั้นออกดู แสงแวววาวของมันที่สะท้อนกลับแสงไฟที่ส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง ทำให้ขนมหวานมีรอยยิ้มลมหายใจอุ่นๆ ถูกผ่อนออกมาทางปาก คล้ายกับความโล่งใจ ความหนักใจ ความทุกข์ระทม ที่เก็บสะสมมานานกำลังจะถึงเวลาได้ปลดปล่อย เธอกำลังจะได้รับอิสระไฟในห้องน้ำถูกเปิดให้สว่างจ้า พร้อมกับร่างบางที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ ดึงประตูปิดให้สนิทพร้อมกับกดล็อกไว้
ร่างสูงเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ ตามเนื้อตัวและเสื้อผ้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยสีแดงสดที่ติดมา แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะสนใจมันแต่อย่างใด ตอนนี้สิ่งเดียวที่สนใจคือคนที่อยู่ด้านใน ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างเธอต้องปลอดภัยนะขนม เธอห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ฉันไม่อนุญาตให้เธอเป็นอะไร ฉันคือเจ้าชีวิตของเธอ เธอต้องเชื่อฟังฉันนะ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาพาเธอหนีไปจากฉันอชิระร้องสั่งขนมหวานในใจ ความกลัวที่ห่างหายไปเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง ความกลัวครั้งที่พ่อแม่จากไป เลือดสีแดงสดที่ไหลนองอยู่ในห้องน้ำ ทำให้อชิระกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของขนมหวานที่เห็นตอนนั้นซีดราวกระดาษจนเขาใจหายและกลัว“อชิ เป็นยังไงบ้างวะ” เหนือฟ้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเพื่อน หลังจากได้รับโทรศัพท์กลางดึกว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ให้รีบมาที่ห้องโรงพยาบาลด่วนอชิระหันกลับมาหาเหนือฟ้า สภาพของเพื่อนตอนนี้ไม่น่าดูเอาเสียเลย เสื้อผ้ามีแต่คราบเลือด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเขากันแน่ และคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินคือใคร หรือว่าจะเป็น...“อชิ ขนม ขนมอยู่...” อชิระทรุดตัวลงนั่ง ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเหนือฟ้าเดินเข้ามานั่ง
เป็นข่าวดีสำหรับเช้าวันใหม่ เมื่อแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการขนมหวาน และพบว่าหญิงสาวตอบสนองต่อการรักษา ไม่มีอาการติดเชื้อแต่อย่างใด แพทย์จึงย้ายขนมหวานมายังห้องพักฟื้นแต่มีอีกเรื่องที่น่าหนักใจและยังหาสาเหตุไม่ได้นั่นก็คือ ตอนนี้เป็นเวลาร่วมสิบสองชั่วโมงตั้งแต่ที่หญิงสาวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ด้วยฤทธิ์ของยาที่อาจจะทำให้หญิงสาวง่วงนอนหรือสลบไปนั้นควรจะหมดไปทว่าตอนนี้เข้าสู่ชั่วโมงที่สิบสาม ขนมหวานยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด ทั้งที่ความดัน ชีพจรและการทำงานในส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานปกติ ทว่าหญิงสาวยังคงนอนหลับสนิทอยู่เช่นเคยอชิระนั่งมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง หลังจากพยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดันและถอดถุงเลือดออก เหลือไว้เพียงน้ำเกลือเท่านั้นร่างสูงเดินเข้ามานั่งลงเก้าอี้ข้างเตียง นั่งมองใบหน้าของคนที่นอนหลับสนิท ไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา แม้ในใจจะเป็นกังวลและห่วงขนมหวานมากเพียงใดก็ตาม ยิ่งรู้ว่าเธอนอนหลับนานเกินไปยิ่งใจไม่ดี จับมือบางมากุมไว้“ทำไมเธอขี้เซา ตื่นมาได้แล้วไหม อย่าดื้อสิ” ไม่ใช่คำสั่ง ไม่ใช่การบังคับ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาคล้ายกับกำลังขอร้องอ้
หนึ่งวันผ่านไป สองวันผ่านไป จนวันที่สามก็ยังไม่ฟื้น คนที่นอนหลับยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด แพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการในช่วงสายของวันที่สี่ อชิระยืนอยู่ข้างเตียงดูนายแพทย์ตรวจอาการของขนมหวานอย่างใกล้ชิด“เป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ”“ร่างกายคนไข้ปกติดีทุกอย่างครับ และจากผลตรวจMRIของคนไข้อย่างละเอียดพบว่า...”“พบอะไรครับหมอ ขนมเป็นอะไร” อชิระร้อนใจจนทนรอไม่ไหว ใบหน้าของชายหนุ่มฉายแวววิตกกังวลออกมาอย่างชัดเจน หัวใจตอนนี้เต้นแรงยิ่งกว่าอะไร กลัวเหลือเกิน กลัวขนมหวานจะเป็นอะไร“ไม่ต้องตกใจหรือเป็นกังวลนะครับ เพราะสิ่งที่พบไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร หมอขอแสดงความดีใจด้วยนะครับ ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์อายุครรภ์น่าจะประมาณหกสัปดาห์” อชิระชาวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าหูอื้อทั้งสองข้าง หัวใจเต้นตึกๆ ไม่เป็นจังหวะตั้งครรภ์...ขนมตั้งครรภ์หมายความว่าขนมท้องอย่างนั้นเหรอท้อง...ลูก ขนมกำลังตั้งท้อง และในท้องของเธอก็มีลูกของเขาและเธออย่างนั้นใช่ไหมเขากำลังจะมีลูกกับขนมอย่างนั้นเหรอลูก...หลังจากนายแพทย์ออกจากห้องไป อชิระก็ทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงอีกครั้ง หัวใจยังคงเต้นแรงไม่มีทีท่าว่าห
ทุ่งดอกไม้สีสันงามตานานาพรรณกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมด้วยเหล่าผีเสื้อนับร้อยที่บินว่อนจับบนเกสรดอกไม้ ทำให้หญิงสาวยืนเก็บดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน มือบางแบลงตรงหน้าผีเสื้อตัวเล็กก็โบยบินลงมาจับที่มือนั้น เรียกรอยยิ้มแห่งความสุขจากหญิงสาวได้ไม่น้อย ก่อนที่เธอจะเป่าให้เจ้าผีเสื้อโบยบินจากไป“พอได้แล้วลูก มาหาแม่มา” เสียงร้องเรียกดังมาจากต้นไม้ใหญ่ด้านหลังหญิงสาวหันกลับไปมองพลางยิ้มให้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาพร้อมด้วยดอกไม้ที่ตัวเองตัดมาใส่แจกันร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้เคียงข้างมารดาและบิดาที่นั่งรอ ใบหน้าของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความสุขที่ได้เจอบุพการีที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอีกครั้ง“ขนมยังสนุกอยู่เลยค่ะแม่” ผู้เป็นแม่ยื่นมาลูบศีรษะบุตรสาวที่ตนเองอุ้มชูเลี้ยงดูมาราวกับลูกในไส้ ไม่มีวันไหนไม่รัก ไม่มีวันไหนไม่เอ็นดู“หมดเวลาสนุกแล้วนะขนม เรามาที่นี่นานเกินไปแล้ว” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มค่อยๆ เจือจางหายไป มองผู้เป็นแม่และพ่อสลับกันไปมา“ขนมเพิ่งมาเมื่อวานนี้เอง ขนมยังไม่หายคิดถึงพ่อกับแม่เลยค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกเริ่มสั่นเครือ น้ำตาเอ่อขึ้นมา จนคนเป็นพ่อต้องยกมือขึ้นลูบเ
วันหยุดสุดสัปดาห์อชิระและครอบครัวพากันมาเที่ยวทะเล และเป็นการเที่ยวทะเลครั้งแรกของหนูน้อยอคิณที่ย่างเข้าสู่สองขวบ อชิระยืนล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นมองดูภรรยาและลูกชายกำลังก่อปราสาททรายในเวลาช่วงเย็น บรรยากาศไม่ร้อนและมีลมโชยเย็นสบายเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของแก้วตาดวงใจของชายหนุ่มดังแว่วมาตามสายลมให้ได้ยิน เรียกรอยยิ้มจากอชิระตามไปด้วย อดไม่ได้ที่จะไม่เก็บภาพน่ารักแบบนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปภรรยาและลูกจนพอใจจึงเดินเข้าไปสมทบ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อมีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาข้างภรรยาและลูก“ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าบอลถูกคุณกับลูกหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มให้ กลัวลูกบอลที่ตัวเองและเพื่อนเล่นนั้นจะมาถูกทั้งสองคนเข้า“ไม่ค่ะ” ขนมหวานตอบกลับตามมารยาท“นี่ลูกชายคุณเหรอครับ น่ารักจังเลยนะครับ”“ยับ น้อนคิณเป็นยูกคูมแม่ยะนม” เด็กน้อยที่กำลังเล่นทรายอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ฉายแววหล่อมาแต่ไกล มองผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับแม่ของตัวเองไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามากอดคอแม่ตัวเองไว้ ราวกับกำลังปกป้องแม่จากผู้ชายคนอื่นแทนพ่อชายหนุ่มท
ผ่านมาหนึ่งปีสำหรับชีวิตคู่ที่มีพยานรักมาหนึ่งคนของขนมหวานและอชิระ ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดเข้ามากวนใจทั้งคู่ ครอบครัวอบอุ่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นจะมีก็แต่อชิระเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขี้น้อยใจเหลือเกินในช่วงนี้และยังติดเธอแจยิ่งกว่าอะไร เธอแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้มิหนำซ้ำยังแทบไม่ให้เธอออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอ หวงเธอ หึงเธอ และที่สำคัญกลัวเธอเห็นผู้ชายที่หล่อกว่า หน้าตาดีกว่าแล้วจะทิ้งตัวเองไป ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งขนมหวานก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทุกทีและวันนี้ขนมหวานก็ขอแหกกฎเสียหน่อย ด้วยการพาลูกชายมาหาอชิระที่มหาวิทยาลัย อุ้มลูกชายออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องทำงานของอชิระ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นเธอกับลูกมาโผล่ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะดุเธอไหม จะต่อว่าเธอหรือเปล่านะ หรืออาจจะงอนเธอก็เป็นได้ที่พาลูกมาหาโดยไม่บอกไม่กล่าวขนมหวานไม่เคาะประตูห้องให้เสียเวลา เมื่อมาถึงห้องทำงานก็จัดการเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที“เซอร์ไพรส์!”อชิระที่กำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง“ขนม อคิณ มาได้ยังไงเ
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างสองร่างเกี่ยวพันกันแนบแน่นด้วยความรัญจวน ร่างบอบบางน่าทะนุถนอมบัดนี้กำลังถูกความแข็งแกร่งทำร้ายด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เรียวขายาวถูกยกพาดขึ้นบนบ่าหนาทั้งสองข้าง"อื้อ...อี้...พี่อชิขา...อื้ม..." เสียงหวานร้องครางออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน"อ้า...ว่าไงครับที่รัก" เอวสอบควงวนเชื่องช้าแนบแน่นเพื่อยืดเวลาความเสียวออกไปอีกสักหน่อย มองภรรยาสาวแสนสวยที่นอนบิดเร่าอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา มือหนาลูบไล้เรียวขาสวยแผ่วเบา มองทรวงอกคู่ใหญ่ที่ใจปรารถนาอยากบีบขยำนับวันอชิระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหลงรักขนมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังจากที่ขนมหวานคลอดลูกออกมา ร่างบางก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนเขาหวงมากขึ้นกว่าเดิมไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกเสียด้วยซ้ำ อยากเก็บเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นร่างอรชรสวยงามนี้คนเดียว"อื้อ..เร็วๆ ค่ะ ขนม อื้อ...ขนมเสียว""พี่ก็เสียวขนมจ๋า มันรัดแน่นมากพี่จะเสร็จแล้วครับ""งื้อ...เสร็จ...อื้อ...เสร็จเลยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น" ขนมหวานเร่ง กลัวลูกน้อยที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจ
“คลอดหรือยังวะ ลูกครับอย่าให้แม่ปวดนานนะ รีบๆ ออกมาได้แล้ว พ่ออยากเห็นหน้าใจจะขาดแล้วเนี่ย” อชิระบ่นออกมา พลางเดินไปเดินมา เป็นห่วงขนมหวานก็เป็นห่วง ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ที่จะได้เจอหน้าลูกชายเสียทีเขายังจำวินาทีที่ขนมหวานบอกว่าปวดท้องได้ขึ้นใจ ตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบจะอุ้มขนมหวานจับยัดใส่รถมาด้วยซ้ำ ดีที่ขนมหวานวางแผนไว้เรียบร้อยเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ในรถไว้รอ ตั้งแต่รู้กำหนดการวันคลอดไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นยังไง คงทำอะไรไม่ถูกลนลานไปหมด สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไรติดมือมาสักอย่าง“ญาติคุณขนมหวานเชิญด้านในค่ะ” เสียงที่ประกาศออกมาจากห้องคลอด เรียกสติของอชิระให้กลับเข้ามา รีบผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความเร็วอชิระในชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาขนมหวานและลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพักฟื้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำน้ำตารื้นขอบตา มองลูกชายตัวแดงจ้ำม้ำที่เห็นแค่ใบหน้าด้วยความตื่นตันและรักจนสุดหัวใจ จับมือขนมหวานมากุมไว้แน่น“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” เอ่ยถามเสียงสั่น ประคองใบหน้าของขนมหวานที่มีน้ำตาคลอไม่ต่างกัน“ไม่ค่ะ”“ลูกน่าชังมากเลย หน้าเหมือนขนมกับพี่เลย” ขนมหวาน
อชิระจับมือขนมหวานเดินออกมาจากวัด หลังจากที่ทั้งคู่มาเลี้ยงเพลพระที่วัดเป็นการทำบุญให้บิดามารดาที่จากไปในวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านทั้งสอง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างมาไม่ได้มาด้วยกันเช่นวันนี้ทั้งคู่เดินมายังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของท่านทั้งสอง ขนมหวานวางพวงมาลัยที่ซื้อมาลงด้านหน้า ตามด้วยอชิระก็วางพวงมาลัยลงข้างขนมหวานเช่นกัน"คุณพ่อคุณแม่ครับ วันนี้ผมกับน้องมาทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่นะครับ" อชิระมองรูปถ่ายของบุพการีทั้งสองท่านที่ยิ้มมาให้ ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ตาม หรือท่านอาจจะกำลังมองลงมาจากสวรรค์ก็เป็นได้"คุณพ่อคุณแม่คะ ขนมกับพี่อชิมีข่าวดีมาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ" ขนมหวานส่งยิ้มให้บุพการีในรูปไม่ต่างจากอชิระ และหันมายิ้มให้กัน มือสองข้างกระชับกันไว้แน่น"ผมกับน้อง กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะครับ แถมยังเป็นหลานผู้ชายอีกด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ว่าลูกจะหน้าตาเหมือนผมไหมครับ ถ้าเหมือนนี่คือหล่อมากๆ เลยนะ""แต่ถ้าเหมือนขนมก็คงเป็นผู้ชายที่น่ารักเหมือนกัน ขนมสัญญานะคะว่าจะเลี้ยงหลานของคุณปูคุณย่าให้ดีที่
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อชิระนอนมองภรรยาที่ดูจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ เมื่อขนมหวานอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือน นิ้วแกร่งประคองใบหน้างามของภรรยาสาวไว้เกลี่ยแก้มเนียนเล่นแผ่วเบา เลยมายังจมูกรั้นใช้นิ้วเขี่ยเล่นไปมา จนคนถูกรบกวนการนอนต้องยกมือขึ้นมาปัดมือของอชิระออกไปร้องประท้วงออกมาเบาๆ"อื้อ""ขี้เซาจังคุณแม่ ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน" คนที่ยังอยากนอนต่ออีกนิด ขยับตัวเล็กน้อยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและหลับต่อ"ขออีกห้านาทีนะคะ" พึมพำออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้นอชิระเห็นความขี้เซาของขนมหวานก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนนั้นสักสองสามฟอด สูดความหอมเข้าไปเต็มปอดจนเสียงดังฟอดและยังหอมย้ำๆ ไปทั่วหน้า จนขนมหวานต้องปรือตาขึ้นมองและผลักหน้าของอชิระออกห่าง"พี่อชิอย่าแกล้ง""พี่ปลุกขนมต่างหาก ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ" ขนมหวานยกมือขึ้นปิดปากหาวจนเมื่อยปาก ปรือตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าคนก่อกวน"คุณแม่ขี้เกียจ" บีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว"ก็คนมันง่วงนี่น่า”“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ดูซีรีส์จนดึกดื่น ช่วงนี้เราติดซีรีส์มากไปรู้หรือเป
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน วันนี้อชิระก็ได้กลับบ้านตามที่ขอร้องออกไป เพราะชายหนุ่มสงสารขนมหวานที่ต้องไปนอนที่โซฟาตัวเล็ก และยังทานอาหารไม่อร่อยถูกปาก แม้ขนมหวานจะไม่ได้แพ้ถึงขั้นอาเจียน แต่เท่าที่สังเกตก็ทานได้แค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเขาต้องขอร้องคุณหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน อย่างน้อยๆ ขนมหวานก็จะได้นอนเตียงนุ่มๆ และทานข้าวฝีมือเขาและก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมื้อแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ขนมหวานก็ทานอาหารได้มากขึ้น จนเขาที่นั่งมองก็พลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อิ่มเอมใจ ที่เห็นภรรยาทานอาหารฝีมือตัวเองจนหมด“พี่อชิไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวขนมล้างจานเอง”“ครับ” อชิระขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งที่โซฟาตามที่ขนมหวานบอกแต่โดยดี ขนมหวานจึงจัดการเก็บล้างทำความสะอาดจานชามในครัวร่างบางยืนล้างจานอยู่หน้าอ่างล้างจานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีวงแขนแกร่งเข้ามาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง บนไหล่ก็มีใบหน้าเจ้าของวงแขนวางคางเกยอยู่ มือหนาลูบหน้าท้องของขนมหวานเบาๆ“มากอดทำไมคะ ขนมบอกให้ไปนั่งไง แผลยังไม่หายดี”“หายดีแล้วครับ พี่ไม่เจ็บแล้ว” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“พี่นี่จริงๆ เลยนะ”“พ
จากที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงที่ถูกพักงานพาขนมหวานไปนั่นไปนี่ ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกระชับความสัมพันธ์ เป็นอันต้องพับโครงการเก็บใส่กระเป๋า และหอบการกระชับความสัมพันธ์มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน“ขนมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเสียงอ้อน ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองคนป่วยที่รู้สึกว่าตั้งแต่เธอยอมยกโทษให้ จะออดอ้อนออเซาะเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ และยังกลายเป็นคนมือไวใจเร็วแตะนิดแตะหน่อยหาเศษหาเลยกับเธออยู่ร่ำไปเมื่อมีโอกาส“คะ”“ทำไมไปนั่งไกลจัง มานั่งใกล้พี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึง” ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ที่นอนหันหน้ากะพริบตาอ้อนมา ขนมหวานถึงกับส่ายหน้าให้“ไกลที่ไหนคะ จากเตียงมาโซฟาห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ”“แค่ก้าวเดียว สำหรับพี่ก็ถือว่าห่างแล้วครับ มานั่งนี่นะ”“แต่ขนมปลอกแอปเปิลอยู่นะคะ เดี๋ยวขนมปลอกเสร็จค่อยไปนั่งก็ได้ค่ะ”“ใจร้าย” ว่าแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ขนมหวานเสียอย่างนั้น คนถูกงอนใส่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง้อเสียเมื่อไหร่ นั่งปลอกแอปเปิลต่อไปเรื่อยๆ จนลูกสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถึงจัดการเดินนำจานแอปเปิลไปวางที่โต๊ะและเก็บกวาดเป
คนที่แสร้งตีหน้านิ่งและส่ายหน้าปฏิเสธในตอนแรก แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวัง แววตาเศร้าสร้อยของอชิระแค่ขอกอดมันจะไปเร้าใจอะไร กับความตื่นเต้นเร้าใจจนเธอหัวใจแทบวายที่อชิระมอบให้ในการวิ่งตามโจรกระชากกระเป๋าความลังเลของเธอก่อนหน้าระหว่างความสัมพันธ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปเรื่องของเธอกับเขานั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำเช่นไรต่อไป เธอควรตัดสินใจต่อไปอย่างไรนับจากนี้ขนมหวานโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนหน้าเสีย แตะริมฝีปากลงบนเรียวปากหยักเบาๆ ขบเม้มหยอกเย้าทั้งริมฝีปากบนและล่าง จนคนถูกจูบตาเบิกกว้างตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ไม่คิดว่าขนมหวานจะจูบตัวเองแบบนี้ ส่วนขนมหวานเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้จึงผละริมฝีปากออกห่าง“ไม่อยากให้ขนมจูบเหรอ รังเกียจขนมหรือไง ไม่ชอบ...อื้อ”ยังไม่ทันที่ขนมหวานจะเอ่ยจบประโยค อชิระก็คว้าท้ายทอยเล็กโน้มใบหน้าของขนมหวานเข้ามารับจูบจากตัวเองด้วยความเร็ว แม้จะเจ็บแผลที่ต้องขยับตัวบ้าง แต่อชิระไม่สนใจ เพราะจุมพิตหวานนี่ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่า เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ห่อเหี่ยวมานานแรมเดือนรู้สึกด