ขนมหวานถอนหายใจออกมาเมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องมานั่งคิดทบทวนกับตัวเองเสียใหม่ ว่าต่อจากนี้เธอต้องทำตัวเช่นไร เดินทางชีวิตไปในรูปแบบไหนถึงจะมีชีวิตรอดจากผู้ชายคนนั้น และพาตัวเองออกไปจากเขาให้ได้เร็วที่สุดสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอหนีเขาได้ คือเธอต้องมีเงิน ต่อไปนี้ขนมหวานที่หมายความว่าของกินเล่นที่เขาพูดใส่หน้าตลอดเวลา เธอจะเป็นอย่างที่เขาพูด เขาจะต้องเสียตังค์ซื้อขนมชิ้นนี้กินทุกครั้งที่เขาอยากจะกิน ถ้าเงินไม่มีก็ไม่ต้องกิน"ขนมใกล้จะได้เวลาแล้วนะ พร้อมไหม" ใบบัวดึงสติของขนมหวานกลับมาด้วยคำพูด ส่งยิ้มให้เพื่อนด้วยความเป็นห่วง"พร้อมสิ ฉันพร้อมสู้แล้ว ปะ" ใบบัวเข้าใจว่าพร้อมสู้ของขนมหวานในที่นี้คงหมายถึงสู้กับงานนี้ แต่ขนมหวานหมายถึงเธอพร้อมสู้กับทุกอย่างต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรหนักหนาแค่ไหนเธอจะสู้ไม่ถอยแม้จะเป็นงานแรกแต่ขนมหวานกลับทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม น้ำเสียง ท่าทาง แววตา รอยยิ้ม ทุกอย่างที่หญิงสาวแสดงออกมาเมื่อยืนอยู่เคียงคู่กับรถซูเปอร์คาร์หรู ช่างดูสวยสะดุดตาและดูสง่าสมกับราคาของรถ น้ำเสียงที่พูดถึงสมรรถนะของรถก็ชวนฟัง มีหนักมีเบาคละเคล้ากันไปเป็นจุดสนใจทำให้ผู้มา
อชิระหรี่สายตาเพ่งพินิจพิจารณาผู้หญิงที่ยืนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ปลายเท้ากลับขึ้นไปหยุดที่ใบหน้า ใบหน้าเรียบเฉยติดไปทางไม่พอใจ สายตาที่ทอดมองมาก็ยิ่งแจ่มชัดว่าไม่พอใจเอามากๆ"ผีเข้าหรือไง ถึงได้แต่งหน้าเป็นงิ้วแบบนี้ ไม่ได้ดูกระจกเหรอว่ามันทุเรศขนาดไหน" เรื่องพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจและเสียความมั่นใจนี่อชิระถนัดนักแลแม้ความจริงคนตรงหน้าสวยมาก สวยสะดุดตา สะดุดใจจนหัวใจเต้นมั่วไปหมดตั้งแต่เห็นขนมหวานเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาก็ตาม"ดูค่ะ แต่ก็เห็นว่าสวยดี และผู้ชายหลายๆ คนที่เห็นก็ยังเอ่ยปากชมว่าสวย" ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจและปากกล้า ต่อปากต่อคำแบบนี้มาจากที่ไหน จนคนฟังถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าเรียบเฉยชักสีหน้าไม่พอใจ แทบจะเป็นถมึงทึงเสียด้วยซ้ำ"มานี่สิ" ตวาดเรียกเสียงดัง เกือบทำให้ขนมหวานสะดุ้ง แต่ยังดีที่ยั้งไว้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นใจเจ้ากรรมก็ยังเต้นแรง เดินเข้าไปหาคนเจ้าอารมณ์ที่ร้อนดั่งไฟเวลาเห็นหน้าเธอ"มีอะไรคะ" กระชากร่างบางเข้าหา ตวัดวงแขนรัดเอวคอดให้ร่างบางในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตัวเองนั่งลงบนตัก ตวัดสายตามองลอดผ่านแว่นถนอมสายตาที่สวมใส่ มองหญิงสาวใกล้ๆ ฝังจมูกลงบนลำคอขาวเพ
จากงานแรกในวันนั้นนำมาสู่งานสองในวันนี้ ขนมหวานถูกจ้างให้มาเป็นพริตตี้อีกครั้ง จากเจ้าของงานคนเดิมที่เห็นความสวย ความสามารถ ไหวพริบและเล็งเห็นว่าขนมหวานนี่แหละ คือตัวดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาชมสินค้ามากขึ้นทว่างานในวันนี้ไม่ใช่งานโชว์รถหรู แต่เป็นงานเปิดตัวสินค้าตัวใหม่ภายใต้แบนด์ดังที่กำลังมาแรงเป็นกระแสในช่วงนี้ เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวย ความงาม อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เน้นบำรุงภายในสู่ภายนอกและขนมหวานคือหนึ่งในนั้นที่ได้รับโอกาสนี้ หญิงสาวในชุดเดรสเกาะอกสีชมพู เผยความสวยงามของผิวขาวทั่วร่างกาย โดยเฉพาะทรวงอกคู่งามที่ล้นออกมาชวนเซ็กซี่ไม่น้อย ใบหน้าแต่งขึ้นมาบางเบาเป็นธรรมชาติ ผมยาวสยายสีดำถูกรวบตึงขึ้นเผยความสวยงามของใบหน้ารูปไข่ กำลังยืนเคียงข้างกับบูธโชว์สินค้าในมือถือกล่องอาหารเสริม กำลังอธิบายถึงส่วนประกอบสำคัญและสรรพคุณอย่างคล่องแคล่ว ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม นัยน์ตาหวานสุกสกาว น้ำเสียงนุ่มละมุนที่เปล่งออกมาก็ชวนฟังยิ่งนักในขณะที่หนึ่งคนกำลังตั้งใจทำงานเพื่อนำมาซึ่งเงินก้อนที่สองที่หาได้ด้วยพักน้ำแรง แต่อีกคนที่มองภาพนั้นผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนกลับกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น กรามขบกันแน่นจ
ย้อนไปเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความแค้นในช่วงฤดูฝน วันที่ท้องฟ้าคำรามเสียงดังลั่น วันที่ฝนตกลงมาไม่ลืมหูลืมตา สายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้าดังสนั่นหวั่นไหวจนน่ากลัว วันที่เป็นเหมือนจุดเกิดเหตุของความสูญเสีย ที่ทำให้เรื่องราวในชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อขนมหวานเหมือนตกอยู่ในนรกเหมือนตายทั้งเป็น"เมื่อไหร่พี่อชิจะฉลาดสักที จะโง่ให้พี่เดือนสวมเขาไปถึงไหน ไม่รู้หรือไงว่าพี่เดือนเขามีคนอื่นที่ไม่ใช่พี่ เขาหลอกเอาเงินพี่ไปให้ผู้ชายคนนั้น" ขนมหวานร้องตะโกนใส่หน้าพี่ชายด้วยความโมโหหลังจากที่หญิงสาวนำรูปที่ตัวเองแอบถ่ายมาให้อชิระดู เป็นรูปแฟนสาวของอชิระกับผู้ชายอีกคนที่กำลังจะขึ้นรถไปด้วยกัน และเป็นรูปที่รถคันนั้นเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมม่านรูดแต่แทนที่อชิระจะเชื่อหรือรับฟังในสิ่งที่ขนมหวานบอก ชายหนุ่มกลับตอกกลับว่าไม่ต้องมายุ่งเรื่องตน และยังบอกให้เลิกเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของตนสักที ตนจะคบใคร จะทำอะไรก็ไม่ต้องมายุ่ง เพราะขนมหวานเข้ามายุ่งทีไร ก็เกิดเรื่องขึ้นทุกที และเขาก็ถูกบิดามารดาด่าทุกครั้ง"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่ง จะไปไหนก็ไป รำคาญ!" อชิระตวาดกลับเสียงดังไม่ต่างกันทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแฟนสาวมีคนอื
"อชิ แกทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า" ผู้เป็นพ่อหันมาตวาดใส่บุตรชาย จากนั้นก็รีบวิ่งตามขนมหวานไปด้วยความเป็นห่วง"แม่ผิดหวังในตัวเราจริงๆ นะอชิ" ผู้เป็นแม่ก็ย้ำออกมาอีกครั้ง และรีบตามลูกสาวและสามีไป ทิ้งอชิระไว้กับคำว่าผิดหวังที่ท่านทั้งสองได้พูดไว้"ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจ" น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยออกมาหลังจากที่อยู่คนเดียวร่วมนาที ร่างสูงรีบวิ่งฝ่าสายฝนที่ยังเทกระหน่ำลงมาตามคนทั้งสามไปส่วนขนมหวานก็วิ่งหนีออกมาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายทาง ความเสียใจทำให้หญิงสาวร้องไห้ออกมาท่ามกลางสายฝน หลังมือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีหยุด หยาดน้ำตาคละเคล้าไปกับหยาดฝนที่ตกลงมาจนสายตาพร่ามัวมองแทบไม่เห็นทางทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับเธอด้วย เธอไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ เธอไม่ใช่น้องสาวของอชิระเธอคือเด็กกำพร้าที่ถูกรับมาเลี้ยงไม่อยากจะยอมรับความจริง เพราะมันทำให้เธอเจ็บจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ เธอจะเรียกท่านทั้งสองว่าแม่ได้สนิทใจได้อย่างไร เธอจะมองหน้าอชิระได้เต็มตาได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเขา เธอไม่ใช่พี่น้องของเขา ไม่ได้เป็นอะไรกับพวกเขาทั้งสามคนเลยหนทางข้างหน้าช่างแสนมื
อชิระเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง ทว่ากลับไม่ใช่ห้องของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นอีกห้องที่เขาจะเข้าไปก็ต่อเมื่อมีอารมณ์เท่านั้น ยื่นมือไปจับประตูเปิดออกโดยไม่ต้องอนุญาตเจ้าของห้องให้เสียเวลาคิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อภายในห้องไม่มีใคร ร่างสูงเดินเข้ามาหยุดอยู่กลางห้องนอนที่จัดวางทุกอย่างไว้อย่างมีระเบียบ เมื่อได้ยินเสียงน้ำที่ไหลกระทบพื้นเรียวปากหยักยกขึ้นเล็กน้อยก็นึกว่าจะหนี ที่แท้ก็อาบน้ำหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไป แต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะมุมห้องที่ใช้เป็นมุมอ่านหนังสือหรือทำงาน ร่างสูงเดินเข้าไปดูและหยิบหนังสือที่ตัวเองฉีกขาดขึ้นมาพินิจเนื้อหาบางส่วนหายไป ส่วนที่ฉีกขาดครึ่งๆ กลางๆ ก็ถูกดึงออกไปจนเหลือหน้าที่ยังพออ่านได้ แต่เนื้อหาคงไม่สมบูรณ์ รอยยับยู่ยี่ถูกรีดจนเป็นแผ่นเรียบ ความรู้สึกผิดพาดผ่านหัวใจไปเพียงครู่ อชิระจึงวางหนังสือลงบนโต๊ะตามเดิม และเดินออกจากห้องไปขนมหวานเดินออกมาจากห้องน้ำ จัดการแต่งเนื้อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและเดินมาล็อกประตูห้อง ปิดตัวเองอยู่ในนี้ เพราะหญิงสาวมีบางอย่างต้องทำ รีบเดินมาเปิดตู้หัวเตียงหยิบกระปุกออมสินรูปหมู ที
วันนี้ขนมหวานมีเรียนเช้าและเลิกเที่ยง หญิงสาวตั้งใจจะว่าช่วงบ่ายเธอจะเข้าห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเสียหน่อย ไม่รู้จะมีคู่มือการทำอาหารหรือบทความอะไรเกี่ยวกับอาหารไหม“ขนมจ๋า ไปซื้อกระเป๋าเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ใบบัวเอียงหน้ามาซบตรงไหล่ เงยหน้ามองเพื่อนสาวตาปริบๆ เป็นการอ้อน ขนมหวานยิ้มให้“ไม่ได้จ้ะ มีเรื่องสำคัญต้องไปทำ” คนที่นั่งอ้อนดีดตัวนั่งตรง เท้าคางมองเพื่อนสาวด้วยความอยากรู้เต็มเปี่ยมจนล้นออกมาทางสายตา“อะไรอะ มีงานเหรอ”“ไม่หรอก ไม่รู้จะได้ทำอีกไหม เมื่อวานคุณอชิรู้ ด่ายับ” ใบบัวถอนหายใจพรืด ด้วยความหนักใจแทนเพื่อน“นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าแกต้องโดนอะ ถ้าอย่างนั้นเรื่องสำคัญที่ว่าคืออะไร”“ไปเข้าห้องสมุด ว่าจะดูหนังสือหน่อย บัวฉันอยากทำขนมขาย อยากมีเงินเยอะๆ แกว่ามันจะดีไหมวะ”“ถ้าขายได้มันดีทั้งนั้นแหละ แล้วอยู่ดีๆ ทำไมถึงอยากหารายได้เสริม ท่านอธิการเขาก็ให้เงินแกใช้ทุกเดือนไม่ใช่เหรอ”“ก็แค่ไม่อยากแบมือขอเงินเขา ให้ก็ส่วนให้ หาเองได้มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ ฉันว่าจะฝากขนมขายที่ร้านกาแฟในมหาลัยแกว่าเขาจะรับไหม”“พี่สาวเราเปิดร้านกาแฟ วันๆ มีคนไปซื้อเยอะอยู่ ถ้าขนมอยากมีร้านวางขนมขาย เรา
เอาล่ะ เขาว่าขนมหวานต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ หรือไม่ก็คงล้มหัวฟาดพื้นอย่างที่เดาเอาไว้ก่อนหน้าจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้มีความคิดบ้าบอแบบนี้เกิดขึ้น ก่อนหน้ายังร้องบอกเสียงดังลั่น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเวลาเขาให้เงิน ว่าตัวเองไม่ได้ขายตัว เเล้วตอนนี้ล่ะคืออะไร ย้อนแย้งเเล้วนะขนมหวาน“ไม่ตลกนะคะ ขนมพูดจริงนะ” เอ่ยแย้งเสียงดัง ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นอชิระก็ยังคงยิ้มอย่างขบขันอยู่ดี“เธอค่าตัวแพงกว่าตัวท็อปตามร้านดังๆ อีกรู้ไหม”“ก็แล้วยังไงล่ะ ถ้าคุณอชิจะยุ่งกับขนมก็จ่ายมาค่ะ อย่างน้อยๆ ค่ากอดก็ต้องได้” อชิระเลิกคิ้วขึ้น จับมือขนมหวานมากอดเอวตัวเอง จากนั้นก็ดึงใบหน้าสวยให้เข้ามาใกล้ บังคับให้ขนมหวานเป็นฝ่ายแตะริมฝีปากลงบนเรียวปากของตนเองก่อนเขาจึงใช้ริมฝีปากขบเม้มกลีบปากสวยออกไป เป็นการเริ่มจูบบทแรกกับมูลค่าที่เธอตั้งไว้ เกี่ยวรัดรึงลิ้นเล็กไว้อย่างหยอกเย้าและเอาแต่ใจบางเป็นบางคราว ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดูดดื่มเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงปรารถนาจนขนมหวานเคลิบเคลิ้มไปตาม มือบางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ลูบไล้แผ่นหลังกว้างเบาๆ ร่างบางบดเบียดแนบชิดอชิระยิ้มออกมาอย่
วันหยุดสุดสัปดาห์อชิระและครอบครัวพากันมาเที่ยวทะเล และเป็นการเที่ยวทะเลครั้งแรกของหนูน้อยอคิณที่ย่างเข้าสู่สองขวบ อชิระยืนล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นมองดูภรรยาและลูกชายกำลังก่อปราสาททรายในเวลาช่วงเย็น บรรยากาศไม่ร้อนและมีลมโชยเย็นสบายเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของแก้วตาดวงใจของชายหนุ่มดังแว่วมาตามสายลมให้ได้ยิน เรียกรอยยิ้มจากอชิระตามไปด้วย อดไม่ได้ที่จะไม่เก็บภาพน่ารักแบบนี้ไว้ เมื่อถ่ายรูปภรรยาและลูกจนพอใจจึงเดินเข้าไปสมทบ แต่เท้าก็ต้องชะงักเมื่อมีชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้ามาเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาข้างภรรยาและลูก“ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่าบอลถูกคุณกับลูกหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยิ้มให้ กลัวลูกบอลที่ตัวเองและเพื่อนเล่นนั้นจะมาถูกทั้งสองคนเข้า“ไม่ค่ะ” ขนมหวานตอบกลับตามมารยาท“นี่ลูกชายคุณเหรอครับ น่ารักจังเลยนะครับ”“ยับ น้อนคิณเป็นยูกคูมแม่ยะนม” เด็กน้อยที่กำลังเล่นทรายอยู่เงยหน้าขึ้นมาบอกชายหนุ่ม ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ฉายแววหล่อมาแต่ไกล มองผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับแม่ของตัวเองไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ จากนั้นก็ลุกเดินเข้ามากอดคอแม่ตัวเองไว้ ราวกับกำลังปกป้องแม่จากผู้ชายคนอื่นแทนพ่อชายหนุ่มท
ผ่านมาหนึ่งปีสำหรับชีวิตคู่ที่มีพยานรักมาหนึ่งคนของขนมหวานและอชิระ ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดเข้ามากวนใจทั้งคู่ ครอบครัวอบอุ่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้นจะมีก็แต่อชิระเท่านั้นที่ดูเหมือนจะขี้น้อยใจเหลือเกินในช่วงนี้และยังติดเธอแจยิ่งกว่าอะไร เธอแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้มิหนำซ้ำยังแทบไม่ให้เธอออกไปนอกบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมองเธอ หวงเธอ หึงเธอ และที่สำคัญกลัวเธอเห็นผู้ชายที่หล่อกว่า หน้าตาดีกว่าแล้วจะทิ้งตัวเองไป ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งขนมหวานก็ส่ายหน้าและหัวเราะออกมาทุกทีและวันนี้ขนมหวานก็ขอแหกกฎเสียหน่อย ด้วยการพาลูกชายมาหาอชิระที่มหาวิทยาลัย อุ้มลูกชายออกจากลิฟต์ตรงมายังห้องทำงานของอชิระ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเห็นเธอกับลูกมาโผล่ที่นี่จะเป็นอย่างไร จะดุเธอไหม จะต่อว่าเธอหรือเปล่านะ หรืออาจจะงอนเธอก็เป็นได้ที่พาลูกมาหาโดยไม่บอกไม่กล่าวขนมหวานไม่เคาะประตูห้องให้เสียเวลา เมื่อมาถึงห้องทำงานก็จัดการเปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที“เซอร์ไพรส์!”อชิระที่กำลังนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังขึ้นก็รีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้อง“ขนม อคิณ มาได้ยังไงเ
เสียงหวีดร้องดังขึ้นในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ร่างสองร่างเกี่ยวพันกันแนบแน่นด้วยความรัญจวน ร่างบอบบางน่าทะนุถนอมบัดนี้กำลังถูกความแข็งแกร่งทำร้ายด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม่ออมแรง เรียวขายาวถูกยกพาดขึ้นบนบ่าหนาทั้งสองข้าง"อื้อ...อี้...พี่อชิขา...อื้ม..." เสียงหวานร้องครางออกมาไม่ขาดสาย ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน"อ้า...ว่าไงครับที่รัก" เอวสอบควงวนเชื่องช้าแนบแน่นเพื่อยืดเวลาความเสียวออกไปอีกสักหน่อย มองภรรยาสาวแสนสวยที่นอนบิดเร่าอยู่ใต้ร่างด้วยความเสน่หา มือหนาลูบไล้เรียวขาสวยแผ่วเบา มองทรวงอกคู่ใหญ่ที่ใจปรารถนาอยากบีบขยำนับวันอชิระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งหลงรักขนมหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งหลังจากที่ขนมหวานคลอดลูกออกมา ร่างบางก็ดูเหมือนจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา ผิวพรรณเปล่งปลั่งจนเขาหวงมากขึ้นกว่าเดิมไม่อยากให้เธอออกไปข้างนอกเสียด้วยซ้ำ อยากเก็บเธอไว้ดูคนเดียว อยากเห็นร่างอรชรสวยงามนี้คนเดียว"อื้อ..เร็วๆ ค่ะ ขนม อื้อ...ขนมเสียว""พี่ก็เสียวขนมจ๋า มันรัดแน่นมากพี่จะเสร็จแล้วครับ""งื้อ...เสร็จ...อื้อ...เสร็จเลยค่ะเดี๋ยวลูกตื่น" ขนมหวานเร่ง กลัวลูกน้อยที่เพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจ
“คลอดหรือยังวะ ลูกครับอย่าให้แม่ปวดนานนะ รีบๆ ออกมาได้แล้ว พ่ออยากเห็นหน้าใจจะขาดแล้วเนี่ย” อชิระบ่นออกมา พลางเดินไปเดินมา เป็นห่วงขนมหวานก็เป็นห่วง ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ที่จะได้เจอหน้าลูกชายเสียทีเขายังจำวินาทีที่ขนมหวานบอกว่าปวดท้องได้ขึ้นใจ ตอนนั้นเขาทั้งตกใจและดีใจจนทำอะไรไม่ถูก แทบจะอุ้มขนมหวานจับยัดใส่รถมาด้วยซ้ำ ดีที่ขนมหวานวางแผนไว้เรียบร้อยเตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ในรถไว้รอ ตั้งแต่รู้กำหนดการวันคลอดไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะเป็นยังไง คงทำอะไรไม่ถูกลนลานไปหมด สุดท้ายก็คงไม่ได้อะไรติดมือมาสักอย่าง“ญาติคุณขนมหวานเชิญด้านในค่ะ” เสียงที่ประกาศออกมาจากห้องคลอด เรียกสติของอชิระให้กลับเข้ามา รีบผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความเร็วอชิระในชุดปลอดเชื้อเดินเข้ามาหาขนมหวานและลูกชายที่นอนอยู่บนเตียงพักฟื้น นัยน์ตาของชายหนุ่มแดงก่ำน้ำตารื้นขอบตา มองลูกชายตัวแดงจ้ำม้ำที่เห็นแค่ใบหน้าด้วยความตื่นตันและรักจนสุดหัวใจ จับมือขนมหวานมากุมไว้แน่น“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” เอ่ยถามเสียงสั่น ประคองใบหน้าของขนมหวานที่มีน้ำตาคลอไม่ต่างกัน“ไม่ค่ะ”“ลูกน่าชังมากเลย หน้าเหมือนขนมกับพี่เลย” ขนมหวาน
อชิระจับมือขนมหวานเดินออกมาจากวัด หลังจากที่ทั้งคู่มาเลี้ยงเพลพระที่วัดเป็นการทำบุญให้บิดามารดาที่จากไปในวันครบรอบวันเสียชีวิตของท่านทั้งสอง หลังจากที่ตลอดสองปีที่ผ่านมา ต่างคนต่างมาไม่ได้มาด้วยกันเช่นวันนี้ทั้งคู่เดินมายังเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของท่านทั้งสอง ขนมหวานวางพวงมาลัยที่ซื้อมาลงด้านหน้า ตามด้วยอชิระก็วางพวงมาลัยลงข้างขนมหวานเช่นกัน"คุณพ่อคุณแม่ครับ วันนี้ผมกับน้องมาทำบุญให้คุณพ่อคุณแม่นะครับ" อชิระมองรูปถ่ายของบุพการีทั้งสองท่านที่ยิ้มมาให้ ชายหนุ่มก็อดที่จะยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ แม้ท่านทั้งสองจะไม่เห็นก็ตาม หรือท่านอาจจะกำลังมองลงมาจากสวรรค์ก็เป็นได้"คุณพ่อคุณแม่คะ ขนมกับพี่อชิมีข่าวดีมาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ" ขนมหวานส่งยิ้มให้บุพการีในรูปไม่ต่างจากอชิระ และหันมายิ้มให้กัน มือสองข้างกระชับกันไว้แน่น"ผมกับน้อง กำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะครับ คุณพ่อกับคุณแม่กำลังจะมีหลานแล้วนะครับ แถมยังเป็นหลานผู้ชายอีกด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ว่าลูกจะหน้าตาเหมือนผมไหมครับ ถ้าเหมือนนี่คือหล่อมากๆ เลยนะ""แต่ถ้าเหมือนขนมก็คงเป็นผู้ชายที่น่ารักเหมือนกัน ขนมสัญญานะคะว่าจะเลี้ยงหลานของคุณปูคุณย่าให้ดีที่
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่แสนสดใสและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อชิระนอนมองภรรยาที่ดูจะสวยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นไหนๆ เมื่อขนมหวานอายุครรภ์ได้เจ็ดเดือน นิ้วแกร่งประคองใบหน้างามของภรรยาสาวไว้เกลี่ยแก้มเนียนเล่นแผ่วเบา เลยมายังจมูกรั้นใช้นิ้วเขี่ยเล่นไปมา จนคนถูกรบกวนการนอนต้องยกมือขึ้นมาปัดมือของอชิระออกไปร้องประท้วงออกมาเบาๆ"อื้อ""ขี้เซาจังคุณแม่ ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน" คนที่ยังอยากนอนต่ออีกนิด ขยับตัวเล็กน้อยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มและหลับต่อ"ขออีกห้านาทีนะคะ" พึมพำออกมาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ตายังหลับอยู่อย่างนั้นอชิระเห็นความขี้เซาของขนมหวานก็อดไม่ได้ที่จะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนนั้นสักสองสามฟอด สูดความหอมเข้าไปเต็มปอดจนเสียงดังฟอดและยังหอมย้ำๆ ไปทั่วหน้า จนขนมหวานต้องปรือตาขึ้นมองและผลักหน้าของอชิระออกห่าง"พี่อชิอย่าแกล้ง""พี่ปลุกขนมต่างหาก ตื่นได้แล้วครับสายแล้วนะ" ขนมหวานยกมือขึ้นปิดปากหาวจนเมื่อยปาก ปรือตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นมองหน้าคนก่อกวน"คุณแม่ขี้เกียจ" บีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างมันเขี้ยว"ก็คนมันง่วงนี่น่า”“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้ดูซีรีส์จนดึกดื่น ช่วงนี้เราติดซีรีส์มากไปรู้หรือเป
หลังจากนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาหลายวัน วันนี้อชิระก็ได้กลับบ้านตามที่ขอร้องออกไป เพราะชายหนุ่มสงสารขนมหวานที่ต้องไปนอนที่โซฟาตัวเล็ก และยังทานอาหารไม่อร่อยถูกปาก แม้ขนมหวานจะไม่ได้แพ้ถึงขั้นอาเจียน แต่เท่าที่สังเกตก็ทานได้แค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย จนเขาต้องขอร้องคุณหมอกลับมารักษาตัวที่บ้าน อย่างน้อยๆ ขนมหวานก็จะได้นอนเตียงนุ่มๆ และทานข้าวฝีมือเขาและก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อมื้อแรกหลังจากกลับมาอยู่บ้าน ขนมหวานก็ทานอาหารได้มากขึ้น จนเขาที่นั่งมองก็พลอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อิ่มเอมใจ ที่เห็นภรรยาทานอาหารฝีมือตัวเองจนหมด“พี่อชิไปนั่งพักเถอะค่ะ เดี๋ยวขนมล้างจานเอง”“ครับ” อชิระขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งที่โซฟาตามที่ขนมหวานบอกแต่โดยดี ขนมหวานจึงจัดการเก็บล้างทำความสะอาดจานชามในครัวร่างบางยืนล้างจานอยู่หน้าอ่างล้างจานเพลินๆ อยู่ดีๆ ก็มีวงแขนแกร่งเข้ามาสวมกอดไว้จากทางด้านหลัง บนไหล่ก็มีใบหน้าเจ้าของวงแขนวางคางเกยอยู่ มือหนาลูบหน้าท้องของขนมหวานเบาๆ“มากอดทำไมคะ ขนมบอกให้ไปนั่งไง แผลยังไม่หายดี”“หายดีแล้วครับ พี่ไม่เจ็บแล้ว” ขนมหวานฟังแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ“พี่นี่จริงๆ เลยนะ”“พ
จากที่ตั้งใจว่าจะใช้เวลาช่วงที่ถูกพักงานพาขนมหวานไปนั่นไปนี่ ไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกระชับความสัมพันธ์ เป็นอันต้องพับโครงการเก็บใส่กระเป๋า และหอบการกระชับความสัมพันธ์มาอยู่ที่โรงพยาบาลแทน“ขนมครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าของชื่อที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาเสียงอ้อน ขนมหวานเงยหน้าขึ้นมองคนป่วยที่รู้สึกว่าตั้งแต่เธอยอมยกโทษให้ จะออดอ้อนออเซาะเป็นพิเศษจนน่าหมั่นไส้ และยังกลายเป็นคนมือไวใจเร็วแตะนิดแตะหน่อยหาเศษหาเลยกับเธออยู่ร่ำไปเมื่อมีโอกาส“คะ”“ทำไมไปนั่งไกลจัง มานั่งใกล้พี่หน่อยสิครับ พี่คิดถึง” ทั้งน้ำเสียงทั้งหน้าตา ที่นอนหันหน้ากะพริบตาอ้อนมา ขนมหวานถึงกับส่ายหน้าให้“ไกลที่ไหนคะ จากเตียงมาโซฟาห่างกันไม่ถึงสองเมตรด้วยซ้ำ”“แค่ก้าวเดียว สำหรับพี่ก็ถือว่าห่างแล้วครับ มานั่งนี่นะ”“แต่ขนมปลอกแอปเปิลอยู่นะคะ เดี๋ยวขนมปลอกเสร็จค่อยไปนั่งก็ได้ค่ะ”“ใจร้าย” ว่าแล้วก็ขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้ขนมหวานเสียอย่างนั้น คนถูกงอนใส่ถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออก แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าไปง้อเสียเมื่อไหร่ นั่งปลอกแอปเปิลต่อไปเรื่อยๆ จนลูกสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ถึงจัดการเดินนำจานแอปเปิลไปวางที่โต๊ะและเก็บกวาดเป
คนที่แสร้งตีหน้านิ่งและส่ายหน้าปฏิเสธในตอนแรก แทบจะกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวัง แววตาเศร้าสร้อยของอชิระแค่ขอกอดมันจะไปเร้าใจอะไร กับความตื่นเต้นเร้าใจจนเธอหัวใจแทบวายที่อชิระมอบให้ในการวิ่งตามโจรกระชากกระเป๋าความลังเลของเธอก่อนหน้าระหว่างความสัมพันธ์ ความรู้สึก และการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปเรื่องของเธอกับเขานั้น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำเช่นไรต่อไป เธอควรตัดสินใจต่อไปอย่างไรนับจากนี้ขนมหวานโน้มใบหน้าเข้าใกล้คนหน้าเสีย แตะริมฝีปากลงบนเรียวปากหยักเบาๆ ขบเม้มหยอกเย้าทั้งริมฝีปากบนและล่าง จนคนถูกจูบตาเบิกกว้างตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ไม่คิดว่าขนมหวานจะจูบตัวเองแบบนี้ ส่วนขนมหวานเมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้จึงผละริมฝีปากออกห่าง“ไม่อยากให้ขนมจูบเหรอ รังเกียจขนมหรือไง ไม่ชอบ...อื้อ”ยังไม่ทันที่ขนมหวานจะเอ่ยจบประโยค อชิระก็คว้าท้ายทอยเล็กโน้มใบหน้าของขนมหวานเข้ามารับจูบจากตัวเองด้วยความเร็ว แม้จะเจ็บแผลที่ต้องขยับตัวบ้าง แต่อชิระไม่สนใจ เพราะจุมพิตหวานนี่ต่างหากที่เขาสนใจมากกว่า เหมือนน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ห่อเหี่ยวมานานแรมเดือนรู้สึกด