19จบสิ้นแผนการเลิกเป็นต้วนซิ่ว ปลายรัชศกหยางอันที่ยี่สิบห้า แม่ทัพของแผ่นดินเจียงลู่เป่านำกำลังเข้าทำลายกองกำลังลับที่เมืองจินเซ่อโดยมีชินอ๋องซื่อจื่อเป็นตัวแทนองค์รัชทายาทเข้าร่วมกระทำการด้วย นอกจากจะจับกุมองค์ชายรองที่กำลังวางแผนเข้าโจมตีเมืองหลวงแล้ว ยังพบเจอชายารองซิวที่เพิ่งแต่งเข้าตำหนักองค์ชายรองกำลังถูกเหล่าบุรุษในกองกำลังลับร่วมรักหมู่ เมื่อช่วยเหลือออกมาซิวลู่หลินก็เอาแต่กรีดร้องโวยวายคล้ายสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ปากก็ก่นด่าองค์ชายรองว่าชั่วช้า ส่งคุณหนูสูงศักดิ์เช่นตนไปบำเรอให้กับพวกทหารเดนตายในกองกำลังลับ คนในกองกำลังลับถูกจับตายเป็นส่วนใหญ่ เหลือรอดไว้เพียงสองคนเพื่อนำไปสอบสวนต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้รู้สึกโศกเศร้าเสียพระทัยยิ่งนัก ในสิ่งที่โอรสทำลงไป แม้จะไม่ได้มีใจเอ็นดูเพราะไม่ได้เกิดจากสตรีที่รักใคร่ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ตายตกไปเช่นนี้ อย่างไรก็หวังให้โอรสและธิดาทุกคนมีความสุขไร้ทุกข์ แต่ไม่คิดว่าโอรสองค์รองจะทะเยอทะยานคาดหวังในสิ่งที่ตนไม่สมควรได้รับ ที่ผ่านมาแม้จะต้องดูแลอาณาประชาราษฎร์แต่ในฐานะบิดาใช่ว่าเขาจะมองไม่ออกหรือ
งานเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ทำให้เมืองหลวงของแคว้นต้าเหลียงคราคร่ำไปด้วยผู้คน ทั่วทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวงต่างพากันประดับโคมไฟทำให้ดูคึกคักยิ่งนัก หลังจากต้องอยู่แต่ในจวนนานถึงสิบสองวัน ยามนี้สถานการณ์ด้านนอกสงบแล้ว วันนี้คุณหนูฟ่านจึงขออนุญาตมารดาออกมาซื้อของในตลาดหวังจะส่งจดหมายนัดเจอสหาย “คุณหนู ท่านเตรียมของขวัญเอาไว้ให้คุณชายใหญ่แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดถึงมาที่ร้านเหิงจื้อ” “ข้าอยากนัดพบเจอสหาย ไม่ได้พบเจอกันนาน ไม่รู้เขายังปลอดภัยดีหรือไม่” นางอยากสอบถามเขาถึงเรื่องการสอบ ทั้งยังอยากพบเจอเพื่อมอบถุงเครื่องรางที่นางปักให้แก่สหายคนแรกของนาง ก่อนหน้านี้เกิดเรื่องวุ่นวายในเมืองหลวง บัณฑิตหลายคนที่ถูกซิวซือเย่กับราชครูวางตัวเข้าเป็นผู้ช่วยในแต่ละกรมกองต่างถูกลงโทษจนหมดสิ้น ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกเป็นห่วงสหายผู้นั้น “คุณหนู ท่านมีสหายด้วยหรือเจ้าคะ” ซูฉีทำหน้างุนงง แม้แต่จะก้าวออกจากจวนคุณหนูของนางก็ทำมันน้อยครั้ง แล้วจะมีสหายนอกจวนได้อย่างไร “ข้าไม่ใช่สตรีนิสัยย่ำแย่จนไม่มีใครค
“คิดถึงพี่หรือไม่” เขาเอ่ยถามเสียงอ่อนลงจากที่คิดจะต่อว่านางสักเล็กน้อยที่เดินเหม่อลอยเช่นนั้นหวังจะได้ลงโทษด้วยการกินเต้าหู้นาง “ย่อมคิดถึงเจ้าค่ะ ท่านปลอดภัยดีหรือไม่” นางกล่าวพลางดันตัวออกห่างเขาก่อนจะยืนนิ่งเพื่อกวาดตามองสำรวจเขา “พี่ปลอดภัยดี พี่ก็คิดถึงเจ้ายิ่งนัก” ความห่วงใยของนางทำให้เขารู้สึกหวานล้ำในใจยิ่งนัก “ท่านกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อใดเจ้าคะ พี่ไห่ถิงเล่าเป็นเช่นใดบ้าง” “พี่กับไห่ถิงเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อครู่ พอเห็นเจ้าเดินเหม่อลอยอยู่ พี่จึงให้ไห่ถิงกลับจวนฟ่านไปก่อน ส่วนพี่ก็รีบมาหาเจ้า” “เป็นเช่นนั้นเอง” เขาและพี่ใหญ่ปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว “ตำหนักอ๋องกำลังจะรื้อสวนแล้วปลูกดอกไม้ใหม่ เจ้าไปช่วยพี่ดูสักหน่อยดีหรือไม่ อย่างไรวันหน้าที่นั่นก็จะกลายเป็นตำหนักของเจ้า” “ข้าควรไปดีหรือไม่กันนะ” “ควรไป สวนจะได้ออกมาสวยถูกใจเจ้า” “เช่นนั้นไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ต้องเป็นหลังจากที่ข้าไปหาซูฉีที่โรงเตี๊ยมหนานเหิงแล้ว ข้าให้นางไปซื้อเสี่ยวหลงเปามาให้” “เ
“ข้าขอโทษที่เคยหลอกลวง เล่นงิ้วตบตาพวกท่าน จนทำให้พวกท่านเข้าใจผิดว่าข้าเป็นต้วนซิ่ว” “ไม่เป็นไร แม่เข้าใจ...เจ้าว่าอันใดกัน! เจ้าบอกว่าเป็นข้ากับบิดาเจ้าเข้าใจผิด” “ขอรับ ที่ข้าต้องเป็นต้วนซิ่ว เพื่อจะได้เข้าใกล้องค์ชายรองที่เป็นต้วนซิ่วโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว ข้าที่รูปงามเกินไปจึงต้องเล่นงิ้วฉากใหญ่ แต่เพราะนี่เป็นเรื่องที่เดิมพันด้วยบัลลังก์มังกร ข้าจึงไม่อยากให้พวกท่านมาเสี่ยงอันตรายด้วยจึงไม่ได้บอก และการจะหลอกผู้อื่นให้ได้ ควรต้องทำให้คนใกล้ตัวหลงเชื่อก่อน ด้วยเหตุนี้ ที่ผ่านมาข้าจึงต้องแสร้งเป็นต้วนซิ่ว” “ที่เจ้าเอ่ยมาเป็นเรื่องจริงหรือ” เจ้ากรมยุติธรรมคล้ายจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ขอรับ บัดนี้จบเรื่องแล้วข้าจึงอยากบอกกล่าวความจริงให้พวกท่านได้คลายกังวล อีกไม่นานซีอิ๋งก็จะต้องแต่งกับซืออี้ ข้าคงต้องหาสตรีสักคนมาแต่งด้วยแล้ว” “ดียิ่ง เจ้าทำดีแล้ว พ่อดีใจจริง ๆ ที่ได้ยินเช่นนี้” เรื่องบุตรสาวหลังจากได้ยินฮูหยินเคียงหมอนเล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมทั้งชี้แจงข้อดีของชินอ๋องซื่อจื่อ ฟ่านเฉียนจึงคล้ายจะยินยอมโด
20ถุงหอมย่อมล้ำค่ากว่า ส่วนคุณหนูฟ่านนั้นยามนี้กำลังถูกบุรุษตัวใหญ่ทั้งออดอ้อนและเอาใจอยู่ “ซีอิ๋งเจ้าทราบหรือไม่ว่าสำรับเมื่อครู่ พี่กินได้มากกว่ายามที่ไม่ได้พบหน้าเจ้า” “ท่านมิใช่เดินทางมาเหน็ดเหนื่อยจึงหิวมากหรือเจ้าคะ” มุมปากนางยกยิ้มคล้ายล้อเลียนบุรุษที่กินข้าวมากถึงสามถ้วย “ทั้งหมดย่อมเป็นเพราะเจ้า ยามไม่ได้เจอเจ้าพี่กินได้น้อย ใจคอยคะนึงถึงแต่เจ้า” “ท่านหยอกเย้าข้าแล้ว” นางยิ้มเขินอาย “เพราะพี่รักเจ้าพี่ย่อมหยอกเย้าแต่เพียงเจ้า แล้วสวนนี้อยากปลูกอันใดเพิ่มหรือไม่” เขากล่าวก่อนจะสวมกอดนาง ไม่เจอกันหลายวันเขาก็เพิ่งทราบตนเองว่าเขาปรารถนานางมากเพียงใด “ที่พวกเขากำลังจัดอยู่ก็สวยอยู่แล้วเจ้าค่ะ” “พี่ดีใจที่เจ้าชอบ ลองเดินชมให้ทั่วตำหนักอีกรอบดีหรือไม่ เผื่อเจ้าอยากปรับปรุงหรือทำสิ่งใดเพิ่ม” “พี่ซืออี้ท่านอย่าได้รีบร้อน ข้ายังเป็นเพียงคุณหนูฟ่าน หากมากะเกณฑ์ชี้นิ้วในตำหนักอ๋องเกรงว่าจะไม่เหมาะสม” “พี่อนุญาตแล้วใครจะกล้าว่าเจ้า” “มารดาข้านั่นแหละเจ้าค่ะ
“ยามนี้อยู่ในที่ลับตาคนแล้ว หวังว่าเจ้าจะจดจำวาจาของตนได้” สิ้นเสียงกระซิบ ริมฝีปากนางถูกครอบครองทันที ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดสลับกับกวาดชิมความหวานจากโพรงปากนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นนางอ่อนระทวยเขาก็จะถอนจุมพิตออกมาปล่อยให้นางพักหายใจเพียงสองสามอึดใจก่อนจะรุกเร้านางอีกครั้ง ลิ้นร้อนหยอกเย้า ริมฝีปากดูดดึงกลีบปากสีอ่อนไม่หยุด จนรถม้าจอดนิ่งที่หน้าจวนฟ่าน “พี่ไม่อยากส่งเจ้าลงจากรถม้าเลย” สองมือใหญ่ประคองดวงหน้าหวานที่แดงก่ำ นางหอบเหนื่อยจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงคล้ายถูกสูบพลังชีวิตไป ช่างแตกต่างจากเขาที่ดูสดชื่นขึ้นต่างจากก่อนหน้านี้ “ท่านกินเต้าหู้ข้าจนอิ่มท้องไปหลายวันแล้วกระมัง” “เต้าหู้นุ่มนิ่มแสนหวานเช่นเจ้า ต่อให้กินจนหมดตัวพี่ก็ไม่อิ่มท้อง มีแต่จะอยากกินเรื่อย ๆ ไม่หยุด” กล่าวจบก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อนอีกครั้ง เขารุกเร้าลิ้มรสความหวานและไล่ต้อนจนนางอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงอีกครั้ง ‘ถึงจวนฟ่านแล้ว ปล่อยน้องข้าลงจากรถม้าได้แล้วกระมัง’ เสียงของคุณชายฟ่านที่ติดจะรำคาญเล็กน้อยดังขึ้นนอกรถม้า “พี่ให
“นี่เจ้าค่ะ ของขวัญจากข้า” เพราะเอาตำลึงที่เก็บไว้ไปหอชายงามในครานั้น ตำลึงของนางจึงน้อยนิดจนไม่พอซื้อของล้ำค่าให้พี่ใหญ่ แต่พอมาคิดดูอีกครั้งการลงมือทำเองต่างหากจึงจะล้ำค่าที่สุด “ซีซีของพี่ ให้อันใดกันนะ” ฟ่านไห่ถิงกล่าวด้วยสีหน้าดีใจก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาไม่สบอารมณ์ของใครบางคน “...” ชินอ๋องซื่อจื่อที่ยืนเคียงข้างคนรักจ้องมองสหายที่เหมือนจะพูดผิดไป “เจ้าไม่เห็นต้องจ้องมองข้าเช่นนั้นเลย ข้าแค่ลืมตัว” แค่ลืมตัวใส่คำว่า ‘ของพี่’ ก็มีโทสะแล้ว ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเขาเป็นพี่ชายของนาง จะมาหวงอันใดกันหนักหนา “พี่ซืออี้อย่าเพิ่งกลั่นแกล้งพี่ใหญ่เลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ท่านรีบเปิดดูสิเจ้าคะ” “ได้ ๆ” แต่เมื่อห่อกระดาษนั้นถูกเปิดออก สีหน้าของชินอ๋องซื่อจื่อพลันเคร่งขรึมลงกว่าเดิม ‘แท้จริงของชิ้นนี้นางไม่ได้ทำให้ข้า’ ไม่คิดจริง ๆ ว่าเขาจะหลงคิดว่าตนสำคัญเช่นที่ฟ่านไห่ถิงเคยบอก “พี่ใหญ่มองออกหรือไม่ ว่ามันเป็นพู่ห้อยกระบี่” “ขอบคุณเจ้ามากซีอิ๋ง เจ้าตั้งใจทำให้พี่หรือ”
“ซีอิ๋ง พี่ขอโทษ เจ้าอยากต่อว่าอันใดพี่ก็ว่ามาเถิด หรือจะให้พี่คุกเข่าสำนึกผิดพี่ก็ยอม แต่อย่าเลื่อนวันที่เรานัดหมายกันได้หรือไม่ เจ้าก็ทราบว่าพี่เฝ้ารอวันพรุ่งนี้เพียงใด” “ชินอ๋องซื่อจื่อท่านน่ะเคยบอกข้าว่า หากมีเรื่องใดไม่พอใจหรืออยากทราบให้เอ่ยถามท่านตามตรง อย่าได้ตัดสินหรือสืบสาวเรื่องราวเอาเอง ท่านอยากให้ข้าทำเช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านไม่ทำเช่นที่ต้องการให้ข้าทำ ท่านตัดสินเรื่องราวเอาเองไม่ถามไถ่ข้า ทั้งยังโกรธเคืองข้าหน้าแทบไม่อยากจะมอง หากวันหน้ามีใครมาใส่ร้ายข้า หรือเกิดเรื่องราวเสียหายโดยที่ข้าไม่ได้เป็นคนทำ ท่านไม่ตัดสินใจเอาเองว่าข้ามีความผิดแล้วสั่งให้คนสังหารข้าโดยไม่ไต่สวนหรือ” “ซีอิ๋งเจ้าคิดไปไกลถึงเพียงนั้น พี่รักเจ้ามากขนาดนี้ พี่จะทำร้ายเจ้าเช่นนั้นได้อย่างไร” “ความรักสำหรับบุรุษ ย่อมจืดจางไปตามเวลา แล้วความรักของบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยชาติตระกูลเช่นท่านจะคงอยู่ได้นานสักเพียงใด” ‘ข้ากำลังน้อยใจนางเรื่องของขวัญมิใช่หรือ แต่เหตุใดเรื่องราวมันกลับพลิกเป็นข้าผิดกันเล่า’ แล้วคราวนี้เขาต้องง้อนางอย่างไร
เนิ่นนานกว่าหนึ่งเค่อคุณหนูฟ่านจึงจะเก็บงำความรู้สึกตนแล้วเตรียมออกจากโรงเตี๊ยมหนานเหิง แต่ก่อนจะลุกจากโต๊ะนางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองชั้นสองของโรงน้ำชาฝั่งตรงข้าม และก็ได้สบตาเข้ากับบุรุษผู้นั้นอีกครั้ง ดวงตาที่ฉายแววโศกเศร้าทำให้นางรู้สึกสะดุดใจก่อนจะรั้งสายตากลับมาแล้วกลับจวนของตนเอง “ซีอิ๋ง...เจ้ากำลังจะกลับแล้วหรือ” เป็นคังซืออี้ที่เดินตรงมาหาคู่หมั้นของตนเองซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นรถม้า “พี่ซืออี้ ท่านมาได้อย่างไร” “พอพี่เสร็จงานก็รีบตรงมาหาเจ้า ตั้งใจจะมารับเจ้ากลับจวน” “เช่นนั้นเราก็กลับจวนฟ่านกันเถิดเจ้าค่ะ” นางยิ้มเล็กน้อย แววตายังบ่งบอกถึงความโศกเศร้า “อืม” ชินอ๋องซื่อจื่อตอบรับก่อนจะช่วยประคองคู่หมั้นตนขึ้นรถม้า เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวเขาจึงเอ่ยปากชักชวนให้นางพูดคุย หวังจะทำให้นางคลายความโศกเศร้า แต่สิ่งที่ได้รับฟังกลับเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมหนานเหิงและความจริงที่ว่าบัณฑิตโจวคุนต๋าผู้นั้นได้หายไปจากแผ่นดินนี้แล้ว “ซีอิ๋ง เจ้าอย่าได้โศกเศร้าเลย พี่ไม่ชอบเลยยามเห็นเจ้าโศกเศร้าเช่น
21ลาก่อนสหายคนแรก การได้ตบแต่งกับบุรุษที่รักและปรารถนาในตัวเรามันดีเช่นนี้เอง เพราะมันทำให้นางไม่ต้องอดทนอดกลั้นต่อการถูกกดดัน ในตอนนั้นนางเพียงโดนนางกำนัลอาวุโสตำหนิเรื่องการย่อตัวที่ไม่อ่อนช้อยหลายครั้งจนถูกลงโทษให้ย่อตัวค้างเช่นนั้นเกือบหนึ่งชั่วยาม แม้จะไม่ใช่เรื่องหนักหนาอันใดแต่คนที่โกรธเคืองกลับเป็นชินอ๋องซื่อจื่อที่ต่อรองกับนางกำนัลด้วยตนเอง ว่านางเป็นเพียงชายาอ๋อง หาใช่ฮองเฮา เหตุใดจะต้องเคร่งครัดถึงเพียงนั้น สุดท้ายนางจึงได้เรียนเพียงมารยาทพื้นฐานหากต้องเข้าไปร่วมงานเลี้ยงของวังหลวงในฐานะชายาอ๋องเพียงเท่านั้น ส่วนชุดแต่งงานและทุกอย่างที่ฝ่ายสตรีต้องเตรียมยามออกเรือนช่างของวังหลวงก็เป็นคนตัดเย็บและปักให้ ช่างเป็นการเอาอกเอาใจที่ทำให้นางรู้สึกหวงแหนความโปรดปรานนี้และคิดจะรักษามันไว้ให้ดีที่สุด ในวันนี้เป็นวันที่นางนัดพบสหายที่โรงเตี๊ยมหนานเหิง ซึ่งนอกจากนางจะเตรียมถุงเครื่องรางไปให้เขาแล้ว นางยังเตรียมเทียบเชิญหวังจะเชิญสหายมาร่วมงานมงคลของตน และเพราะยามนี้นางกลายเป็นคู่หมั้นของชินอ๋องซื่อจื่อไปแล้วการมาพบปะสหายที่เป็นบุรุษนอกจา
“ถุงหอมนี้พิเศษกว่าถุงหอมทั่วไปนะเจ้าคะ” ฟ่านซีอิ๋ง กลับมายิ้มแย้มได้เช่นเดิม ก่อนจะอธิบายว่าในถุงหอมมีเครื่องหอมใดบ้างและมีประโยชน์ใด “เจ้าช่างรอบคอบ” “และที่สำคัญมีแผ่นเครื่องรางแคล้วคลาดปลอดภัยอยู่ด้านใน” “เจ้าช่วยห้อยให้พี่เลยได้หรือไม่” “เจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะทำตามคำขอของเขา “พี่ชอบรอยยิ้มเช่นนี้ของเจ้าที่สุด” คังซืออี้กล่าว เขาสัญญากับตนเองว่าจะไม่ทำให้นางโกรธเด็ดขาด เห็นน่ารัก ซุกซนคล้ายเด็กน้อยแต่ใครจะคิดว่าแท้จริงนางเด็ดขาดยิ่งนัก เมื่อครู่ยามเห็นดวงหน้าหวานไร้รอยยิ้มเขาใจตกไปอยู่ตาตุ่มหวาดกลัวว่านางจะเลื่อนไม่ให้เขาส่งแม่สื่อไปสู่ขอจริง ๆ ยามที่เขาน้อยใจ เขาก็ไม่รู้ตัวว่าได้ทำสีหน้าเย็นชาเช่นนั้นใส่นาง หลังจากนี้เขาคงต้องไปฝึกซ้อมเมื่อเกิดอาการน้อยใจต้องทำสีหน้าเช่นใดนางถึงจะได้เอ็นดู มากกว่าโกรธเคืองเขาเช่นนี้ “หากท่านอยากเห็นรอยยิ้มของใคร ท่านก็จงยิ้มให้คนผู้นั้น มิเช่นนั้นท่านจะได้รับสีหน้าเช่นเดียวกันกลับคืน” “พี่เข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ปลายยามเฉิน (07.00-0
“ซีอิ๋ง พี่ขอโทษ เจ้าอยากต่อว่าอันใดพี่ก็ว่ามาเถิด หรือจะให้พี่คุกเข่าสำนึกผิดพี่ก็ยอม แต่อย่าเลื่อนวันที่เรานัดหมายกันได้หรือไม่ เจ้าก็ทราบว่าพี่เฝ้ารอวันพรุ่งนี้เพียงใด” “ชินอ๋องซื่อจื่อท่านน่ะเคยบอกข้าว่า หากมีเรื่องใดไม่พอใจหรืออยากทราบให้เอ่ยถามท่านตามตรง อย่าได้ตัดสินหรือสืบสาวเรื่องราวเอาเอง ท่านอยากให้ข้าทำเช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านไม่ทำเช่นที่ต้องการให้ข้าทำ ท่านตัดสินเรื่องราวเอาเองไม่ถามไถ่ข้า ทั้งยังโกรธเคืองข้าหน้าแทบไม่อยากจะมอง หากวันหน้ามีใครมาใส่ร้ายข้า หรือเกิดเรื่องราวเสียหายโดยที่ข้าไม่ได้เป็นคนทำ ท่านไม่ตัดสินใจเอาเองว่าข้ามีความผิดแล้วสั่งให้คนสังหารข้าโดยไม่ไต่สวนหรือ” “ซีอิ๋งเจ้าคิดไปไกลถึงเพียงนั้น พี่รักเจ้ามากขนาดนี้ พี่จะทำร้ายเจ้าเช่นนั้นได้อย่างไร” “ความรักสำหรับบุรุษ ย่อมจืดจางไปตามเวลา แล้วความรักของบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยชาติตระกูลเช่นท่านจะคงอยู่ได้นานสักเพียงใด” ‘ข้ากำลังน้อยใจนางเรื่องของขวัญมิใช่หรือ แต่เหตุใดเรื่องราวมันกลับพลิกเป็นข้าผิดกันเล่า’ แล้วคราวนี้เขาต้องง้อนางอย่างไร
“นี่เจ้าค่ะ ของขวัญจากข้า” เพราะเอาตำลึงที่เก็บไว้ไปหอชายงามในครานั้น ตำลึงของนางจึงน้อยนิดจนไม่พอซื้อของล้ำค่าให้พี่ใหญ่ แต่พอมาคิดดูอีกครั้งการลงมือทำเองต่างหากจึงจะล้ำค่าที่สุด “ซีซีของพี่ ให้อันใดกันนะ” ฟ่านไห่ถิงกล่าวด้วยสีหน้าดีใจก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาไม่สบอารมณ์ของใครบางคน “...” ชินอ๋องซื่อจื่อที่ยืนเคียงข้างคนรักจ้องมองสหายที่เหมือนจะพูดผิดไป “เจ้าไม่เห็นต้องจ้องมองข้าเช่นนั้นเลย ข้าแค่ลืมตัว” แค่ลืมตัวใส่คำว่า ‘ของพี่’ ก็มีโทสะแล้ว ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเขาเป็นพี่ชายของนาง จะมาหวงอันใดกันหนักหนา “พี่ซืออี้อย่าเพิ่งกลั่นแกล้งพี่ใหญ่เลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ท่านรีบเปิดดูสิเจ้าคะ” “ได้ ๆ” แต่เมื่อห่อกระดาษนั้นถูกเปิดออก สีหน้าของชินอ๋องซื่อจื่อพลันเคร่งขรึมลงกว่าเดิม ‘แท้จริงของชิ้นนี้นางไม่ได้ทำให้ข้า’ ไม่คิดจริง ๆ ว่าเขาจะหลงคิดว่าตนสำคัญเช่นที่ฟ่านไห่ถิงเคยบอก “พี่ใหญ่มองออกหรือไม่ ว่ามันเป็นพู่ห้อยกระบี่” “ขอบคุณเจ้ามากซีอิ๋ง เจ้าตั้งใจทำให้พี่หรือ”
“ยามนี้อยู่ในที่ลับตาคนแล้ว หวังว่าเจ้าจะจดจำวาจาของตนได้” สิ้นเสียงกระซิบ ริมฝีปากนางถูกครอบครองทันที ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดสลับกับกวาดชิมความหวานจากโพรงปากนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเห็นนางอ่อนระทวยเขาก็จะถอนจุมพิตออกมาปล่อยให้นางพักหายใจเพียงสองสามอึดใจก่อนจะรุกเร้านางอีกครั้ง ลิ้นร้อนหยอกเย้า ริมฝีปากดูดดึงกลีบปากสีอ่อนไม่หยุด จนรถม้าจอดนิ่งที่หน้าจวนฟ่าน “พี่ไม่อยากส่งเจ้าลงจากรถม้าเลย” สองมือใหญ่ประคองดวงหน้าหวานที่แดงก่ำ นางหอบเหนื่อยจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงคล้ายถูกสูบพลังชีวิตไป ช่างแตกต่างจากเขาที่ดูสดชื่นขึ้นต่างจากก่อนหน้านี้ “ท่านกินเต้าหู้ข้าจนอิ่มท้องไปหลายวันแล้วกระมัง” “เต้าหู้นุ่มนิ่มแสนหวานเช่นเจ้า ต่อให้กินจนหมดตัวพี่ก็ไม่อิ่มท้อง มีแต่จะอยากกินเรื่อย ๆ ไม่หยุด” กล่าวจบก็กดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อนอีกครั้ง เขารุกเร้าลิ้มรสความหวานและไล่ต้อนจนนางอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงอีกครั้ง ‘ถึงจวนฟ่านแล้ว ปล่อยน้องข้าลงจากรถม้าได้แล้วกระมัง’ เสียงของคุณชายฟ่านที่ติดจะรำคาญเล็กน้อยดังขึ้นนอกรถม้า “พี่ให
20ถุงหอมย่อมล้ำค่ากว่า ส่วนคุณหนูฟ่านนั้นยามนี้กำลังถูกบุรุษตัวใหญ่ทั้งออดอ้อนและเอาใจอยู่ “ซีอิ๋งเจ้าทราบหรือไม่ว่าสำรับเมื่อครู่ พี่กินได้มากกว่ายามที่ไม่ได้พบหน้าเจ้า” “ท่านมิใช่เดินทางมาเหน็ดเหนื่อยจึงหิวมากหรือเจ้าคะ” มุมปากนางยกยิ้มคล้ายล้อเลียนบุรุษที่กินข้าวมากถึงสามถ้วย “ทั้งหมดย่อมเป็นเพราะเจ้า ยามไม่ได้เจอเจ้าพี่กินได้น้อย ใจคอยคะนึงถึงแต่เจ้า” “ท่านหยอกเย้าข้าแล้ว” นางยิ้มเขินอาย “เพราะพี่รักเจ้าพี่ย่อมหยอกเย้าแต่เพียงเจ้า แล้วสวนนี้อยากปลูกอันใดเพิ่มหรือไม่” เขากล่าวก่อนจะสวมกอดนาง ไม่เจอกันหลายวันเขาก็เพิ่งทราบตนเองว่าเขาปรารถนานางมากเพียงใด “ที่พวกเขากำลังจัดอยู่ก็สวยอยู่แล้วเจ้าค่ะ” “พี่ดีใจที่เจ้าชอบ ลองเดินชมให้ทั่วตำหนักอีกรอบดีหรือไม่ เผื่อเจ้าอยากปรับปรุงหรือทำสิ่งใดเพิ่ม” “พี่ซืออี้ท่านอย่าได้รีบร้อน ข้ายังเป็นเพียงคุณหนูฟ่าน หากมากะเกณฑ์ชี้นิ้วในตำหนักอ๋องเกรงว่าจะไม่เหมาะสม” “พี่อนุญาตแล้วใครจะกล้าว่าเจ้า” “มารดาข้านั่นแหละเจ้าค่ะ
“ข้าขอโทษที่เคยหลอกลวง เล่นงิ้วตบตาพวกท่าน จนทำให้พวกท่านเข้าใจผิดว่าข้าเป็นต้วนซิ่ว” “ไม่เป็นไร แม่เข้าใจ...เจ้าว่าอันใดกัน! เจ้าบอกว่าเป็นข้ากับบิดาเจ้าเข้าใจผิด” “ขอรับ ที่ข้าต้องเป็นต้วนซิ่ว เพื่อจะได้เข้าใกล้องค์ชายรองที่เป็นต้วนซิ่วโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว ข้าที่รูปงามเกินไปจึงต้องเล่นงิ้วฉากใหญ่ แต่เพราะนี่เป็นเรื่องที่เดิมพันด้วยบัลลังก์มังกร ข้าจึงไม่อยากให้พวกท่านมาเสี่ยงอันตรายด้วยจึงไม่ได้บอก และการจะหลอกผู้อื่นให้ได้ ควรต้องทำให้คนใกล้ตัวหลงเชื่อก่อน ด้วยเหตุนี้ ที่ผ่านมาข้าจึงต้องแสร้งเป็นต้วนซิ่ว” “ที่เจ้าเอ่ยมาเป็นเรื่องจริงหรือ” เจ้ากรมยุติธรรมคล้ายจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ขอรับ บัดนี้จบเรื่องแล้วข้าจึงอยากบอกกล่าวความจริงให้พวกท่านได้คลายกังวล อีกไม่นานซีอิ๋งก็จะต้องแต่งกับซืออี้ ข้าคงต้องหาสตรีสักคนมาแต่งด้วยแล้ว” “ดียิ่ง เจ้าทำดีแล้ว พ่อดีใจจริง ๆ ที่ได้ยินเช่นนี้” เรื่องบุตรสาวหลังจากได้ยินฮูหยินเคียงหมอนเล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมทั้งชี้แจงข้อดีของชินอ๋องซื่อจื่อ ฟ่านเฉียนจึงคล้ายจะยินยอมโด
“คิดถึงพี่หรือไม่” เขาเอ่ยถามเสียงอ่อนลงจากที่คิดจะต่อว่านางสักเล็กน้อยที่เดินเหม่อลอยเช่นนั้นหวังจะได้ลงโทษด้วยการกินเต้าหู้นาง “ย่อมคิดถึงเจ้าค่ะ ท่านปลอดภัยดีหรือไม่” นางกล่าวพลางดันตัวออกห่างเขาก่อนจะยืนนิ่งเพื่อกวาดตามองสำรวจเขา “พี่ปลอดภัยดี พี่ก็คิดถึงเจ้ายิ่งนัก” ความห่วงใยของนางทำให้เขารู้สึกหวานล้ำในใจยิ่งนัก “ท่านกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อใดเจ้าคะ พี่ไห่ถิงเล่าเป็นเช่นใดบ้าง” “พี่กับไห่ถิงเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงเมื่อครู่ พอเห็นเจ้าเดินเหม่อลอยอยู่ พี่จึงให้ไห่ถิงกลับจวนฟ่านไปก่อน ส่วนพี่ก็รีบมาหาเจ้า” “เป็นเช่นนั้นเอง” เขาและพี่ใหญ่ปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว “ตำหนักอ๋องกำลังจะรื้อสวนแล้วปลูกดอกไม้ใหม่ เจ้าไปช่วยพี่ดูสักหน่อยดีหรือไม่ อย่างไรวันหน้าที่นั่นก็จะกลายเป็นตำหนักของเจ้า” “ข้าควรไปดีหรือไม่กันนะ” “ควรไป สวนจะได้ออกมาสวยถูกใจเจ้า” “เช่นนั้นไปก็ได้เจ้าค่ะ แต่ต้องเป็นหลังจากที่ข้าไปหาซูฉีที่โรงเตี๊ยมหนานเหิงแล้ว ข้าให้นางไปซื้อเสี่ยวหลงเปามาให้” “เ