“ขึ้นมา” ปากบาง ๆ ของเขาพูดสองคำนี้ออกมา คำพูดเป็นนัย ๆ ของการต่อสู้ปรากฏขึ้นต่อหน้าของชิน เหลียนอี อย่างกะทันหัน โทรศัพท์เครื่องนั้นของเธอมีค่า แต่อิสรภาพของเธอนั้นมีค่ายิ่งกว่า เธอไม่อยากถูกขังให้อยู่ในห้องของเขานานหลายชั่วโมงแบบเมื่อวาน ถ้า อี้หราน ไม่มากับอี้ จิ่นหลี เพื่อพาเธอออกมาเมื่อวาน เธอก็รู้ไม่เลยว่าเมื่อไหร่เธอจะได้ออกมา “ไม่เป็นไร ฉันกำลังคิดว่าจะเปลี่ยนโทรศัพท์อยู่พอดี ฉันไม่ต้องการโทรศัพท์เครื่องเก่าแล้ว” ชิน เหลียนอี พูดอย่างกลัว ๆ “คุณไม่ต้องการรูปถ่ายและบัญชีอินเทอร์เน็ตทั้งหมดในโทรศัพท์ของคุณแล้วเหรอ? ผมคิดว่ามันมีข้อมูลในบริษัทของคุณอยู่ด้วยนะ” ไป๋ ทิงซิน พูดเบา ๆ “ถ้าคุณไม่ต้องการแล้ว ก็ช่างมันเถอะ” นี่มัน... ภัยคุกคาม! ชิน เหลียนอี กัดฟัน แต่ปัญหาคือโทรศัพท์ของเธอมีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน หรือว่า... เขาปลดล็อกโทรศัพท์ของเธอ แล้วเจอรูปถ่ายและข้อมูลในนั้น? แล้วบัญชีโซเซียวต่าง ๆ ของเธอ... เขาก็สามารถถอดรหัสได้ใช่ไหม? “ทำไมคุณถึง?” เธอพูดด้วยความโกรธ “คุณอยากขึ้นามาหรือไม่?” เขาถามโดยไม่ตอบ เธอรู้สึกหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ ที่เธอไม่สามรถจะกลืนหร
ชิน เหลียนอี กระพริบตา อะไรกัน... เขาจะไม่ให้โทรศัพท์เธอคืนเหรอ?“ฉันต้องให้เงินคุณไหม?” ชิน เหลียนอี รู้สึกโง่ที่ถามออกไปแบบนั้น ด้วยสถานะของเขา เขาจะสนใจเรื่องเงินเหรอ?แน่นอนว่าเขายิ้มเยาะและมองเธอราวกับเป็นคนโง่“แล้วคุณต้องการอะไร?” เธอถามก่อนหายใจเข้าลึก ๆ ถ้าเธอไม่ได้เสี่ยงทำอะไรเลย เธอก็อยากลองเสี่ยงทำทุกอย่างดูสักครั้ง เธอเดาว่าเขากำลังใช้โทรศัพท์ของเธอเพื่อระบายความโกรธที่มีต่อเธอเมื่อสามปีก่อนเธอจะปล่อยให้เขาระบายความโกรธออกมา“ตลอดสามปีคุณได้คบกับใครไหม?” เขาถามเธอส่ายหัวอย่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงถามแบบนี้“แล้วคุณเคยชอบใครหรือเปล่า?” เขาถามขึ้นอีกครั้งมีหลายครั้งเลยล่ะ ถ้าเธอนับคนดังที่เธอชอบด้วยสิบนิ้วมือของเธอ มันคงไม่เพียงพอ เมื่อหันหน้าไปหาใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเขา เธอกลับส่ายหัวอีกครั้งด้วยสัญชาตญาณ“พูดแบบนี้ เหมือนคุณจะมีความสุขกับแฟนอย่างผมใช่ไหม?” เขากล่าวเสริมอย่างไม่เป็นทางการเธอแทบจะสำลักน้ำลาย นั่นเป็นเรื่องที่เธอเคยพูดเมื่อเธอยังเป็นเด็กและเป็นเรื่องที่โง่เขลา! ตามที่เคยคุยกับอี้หราน เขาเป็นเป็นประธานของ ไป๋ เฟิง กรุ๊ป คนที่ดูแลตระกูลไป๋ ไม่ใช
ใบหน้าแดงก่ำของชิน เหลียนอี เปลี่ยนเป็นซีดเผือก ริมฝีปากของเธอสั่น และกล่าวออกมาว่า “ฉันขอโทษ”เธอเป็นคนพูดคำเหล่านั้นและเธอเองที่เป็นคนไม่ได้ทำตามสัญญา“คุณทำให้ผมผิดหวัง” เขากล่าวภายในรถตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่านานแค่ไหนจนกระทั่งรถหยุด ชิน เหลียนอี เดินตามไป๋ ทิงซิน ออกจากรถและพบว่ามันเป็นคฤหาสน์หลังเดียวกันกับเมื่อวานที่เขาพาเธอมาชิน เหลียนอี หยุดไม่ได้ที่จะหยุดดูลาดเลาเมื่อคิดได้ว่าเธอถูกขังอยู่ในนั้นในคือที่ผ่านมา“ทำไม คุณกลัวที่จะเข้าไปเหรอ?” ไป๋ ทิงซิน หันหน้ากลับไปมองชิน เหลียนอีเธอขบที่มุมปากเพื่อฝืนยิ้มออกมา “เราคุยกันข้างนอกก็ได้นี่ มันมีค่าเท่ากันแหละ”ไป๋ ทิงซินยิ้มมุมปากและกล่าวว่า “ชิน เหลียนอี ผมมีหลายวิธีที่จะทำให้คุณอยู่ที่นี่ และผมรับประกันเลยว่าครั้งนี้มันไม่ง่ายที่อี้ จิ่นหลี จะมาช่วยคุณ”ชิน เหลียนอี ตกตะลึง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟัน ใครสนล่ะ? ถ้าเขาจะทำร้ายเธอ ด้วยสถานะของเธอในตอนนี้ ยังไงเธอก็หยุดเขาไม่ได้ชิน เหลียนอี ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวด้วยท่าทีกระฉับกระเฉงไป๋ ทิงซิน ยิ้มบางและก้าวไปข้างหน้าขณะที่สองคนก้าวเข้ามาในคฤหา
“ก็... ดี” เธอพูดไม่ออก และปากของเธอเต็มไปด้วยรสชาติของค็อกเทลเธอควรลิ้มรสเครื่องดื่มอย่างช้า ๆ แต่เธอกลับดื่มมันหมดแก้วในคราวเดียว “ไป๋ ทิงซิน คุณต้องการให้ฉันทำอะไรเพื่อจบเรื่องนี้เสียที? บอกฉันมา!”บางทีอาจเป็นเพราะค็อกเทลที่ทำให้เธอรู้สึกกล้าขึ้นและเสียงดังมากขึ้นดวงตาของเขามัวหมองลง “ไม่ว่าคุณจะติดหนี้อะไรผมไว้ คุณจะได้สะสางมันตอนนี้แหละ”เธอเอียงศีรษะไปข้างหนึ่ง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่เขาราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่าง “ฉันต้องสะสางหนี้อะไรก็ตามที่ติดค้างคุณไว้งั้นเหรอ?”“ใช่” เขากล่าวชิน เหลียนอี ยืนขึ้นและสายหัว เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในตัวเธอ ทำไห้เธอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยฤทธิ์ของค็อกเทลยังแรงเหมือนเดิมเพราะสิ่งนี้ทำให้เธอกล้าขึ้นและทำในสิ่งที่ปกติเธอไม่กล้าทำเหมือนกับตอนที่เธอกำลังปลดซิปเสื้อโค้ทของเธอและถอดมันออกในตอนนี้ไป๋ ทิงซิน หรี่ตามองการกระทำของชิน เหลียนอี ในตอนนี้ ดวงตาของเขามีประกายแวววาวชิน เหลียน ถอดเสื้อโค้ทของเธอออกและเริ่มถอดเสื้อกันหนาวข้างใน เมื่อเสื้อสเวตเตอร์อยู่บนพื้น เธอก็เริ่มถอดเสื้อยืดคอตตอน...“อะไร คุณคิดว่าผมต้องการคุณเหรอ?”
เมื่อเขาบอกเธอว่าเขาเป็นลูกนอกสมรส เธอยิ้มอย่างสดใสและกล่าวว่า “คุณเป็นลูกนอกสมรสแล้วยังไง? คุณก็คือคุณและคุณมีเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ การที่คนจะประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับชีวิตสมรมของพ่อแม่สักหน่อย”“คุณไม่คิดว่ามันน่าขายหน้าที่ผมเกิดมาเหรอ?”เธอกล่าวด้วยความจริงใจว่า “ฉันคิดว่าพ่อแม่ของคุณขาดความรับผิดชอบในเรื่องการแต่งงาน ตอนนี้พวกเขามีลูกแล้ว พวกเขาควรแต่งงานกัน แต่ถ้าพวกเขาแต่งงานกันไม่ได้ พวกเขาควรรักษาระยะห่างหรือไม่ก็ควรป้องกันตั้งแต่แรก ไม่เคยมีคำพูดไหนที่บอกว่าการมีความสัมพันธ์โดยปราศจากการแต่งงานเป็นการล่วงละเมิดทางเพศนี่?”เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนั้นถึงพ่อแม่ต่อหน้าเขาเธอจะรู้ไหมว่าบางครั้งคนที่มีความสัมพันธ์กันโดยไม่ได้คำนึงถึงการแต่งงานเพราะมันมีข้อพิจารณาอื่น ๆ อีกมากมายการแต่งงานไม่มีอะไรมากกว่าการเลือกผู้หญิงที่ช่วยให้พวกเขาได้ประโยชน์สูงสุด“คุณอยากมีความสัมพันธ์เพื่อแต่งงานเหรอ?” เขาถาม“แน่นอน” เธอตอบ “ถ้าฉันอยากจะแต่งงานในอนาคต ฉันจะแต่งงานกับผู้ชายที่ฉันรักมากและเขาก็รักฉันมากเช่นกัน เราจะรักกันและกันตลอดไป บางทีหลังจากนั้นไม่นาน ความรักที่โรแมนติกจ
เขาจับมือของเธอไว้เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หลับใหลอยู่ในที่สุดเขาก็เจอเธอ! เธอไม่ได้มีตัวตนอยู่แค่ในความทรงจำของเขาอีกต่อไป แต่ตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว“วันนี้คุณตอบตกลงแล้ว ผมจะไม่ให้คุณผิดสัญญาอีก” เสียงแผ่วเบาของเขาดังขึ้นในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงลมสายใจของอีกคนเท่านั้นที่ให้คำตอบเขา...หลิง อี้หราน กลับไปยังคฤหาสน์ อี้ หลังจากเธอสอบสัมภาษณ์เสร็จ การสอบสัมภาษณ์ในวันนี้ค่อนข้างง่ายสำหรับเธอ ผู้สัมภาษณ์แค่ดูใบตรวจสุขภาพร่างกายของเธอและถามคำถามเบื้องต้นเมื่อถูกถามว่าทำไมเธอที่จบการศึกษาด้านกฎหมายที่เก่งกาจถึงอยากเป็นพนักงานส่งอาหาร เธอก็พร้อมที่จะตอบคำถามนั้นแล้ว แต่เธอรู้สึกประหม่าที่จะตอบว่าเธอถูกจำคุกเพราะความผิดเกี่ยวกับการจราจร ดังนั้นใบอนุญาตการเป็นทนายความของเธอถึงถูกเพิกถอนไม่มีคำถามเพิ่มเติมเมื่อเธอตอบเช่นนั้น พวกเขาแค่บอกให้เธอกลับบ้านได้และรอการตอบกลับเธอรู้ว่าเธออาจจะสอบตกการสอบสัมภาษณ์แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลีกเลี่ยงคำถามเช่นนั้นเมือง เฉิน มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่กำลังมองหาพนักงานขนส่งอาหาร หลิง อี้หราน ส่งใบสมัครไปทุก ๆ บ
หลิง อี้หราน ดูตกใจ “คุณว่ายังไงนะ?”“พี่ไม่ได้ยินเหรอ?” อี้ จิ่นหลี ถามด้วยความอดทน “ผมบอกว่าถ้าพี่ไม่ชอบบริษัทนั้น ผมก็จะกำจัดเขาออกไป”ราวกับว่าเขากำลังพูดเรื่องธรรมดาอยู่แต่กำจัดออกไปงั้นเหรอ?!รูม่านตาของหลิง อี้หราน หดตัวลงอย่างกะทันหัน เธอกำลังเข้าใจอะไรเขาผิดหรือเปล่า? บริษัทนั้นเป็นมือใหม่ในอุตสาหกรรมการจัดส่งอาหาร แม้ว่าจะไม่ได้ดีเท่าบริษัทที่มีชื่อเสียง แต่ก็มีผลงานที่ค่อนข้างดีเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้เธอยังอ่านเจอข่าวที่ว่าบริษัทนี้กำลังระดมเงินลงทุนอีก 1.7 ล้านดอลลาร์จะกำจัดบริษัทอย่างนั้นง่ายได้ได้อย่างไร?แต่... ถ้าเป็นอี้ จิ่นหลี อะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้สำหรับเขาอยู่ดี“แค่เพราะฉันไม่ชอบน่ะเหรอ?” เธอถามและมองไปที่อี้ จิ่นหลี ด้วยความตกใจเขายิ้ม “ผมไม่ชอบคนที่เอาความลับของคนอื่นไปขาย ผู้นำบริษัทที่ต้องการผลประโยชน์จากการขายความลับของคนอื่นอาจจะทำอะไรไม่ได้มาก ถ้าผมไม่ได้เข้าไปยุ่ง หรือในกรณีนั้นอาจจะหายไปก่อนหน้า”ทันใดนั้น เธอเริ่มรู้สึกว่ามีคำพูดมากมายติดอยู่ในลำคอเขาหัวเราะและกล่าวถึงความอยู่รอดของบริษัทด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ผู้นำบริษัทอาจจะไม่โทรม
ที่นี่... คือที่ไหน?เธอตะลึง จากนั้นก็เริ่มนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า เธอจึงลุกขึ้นนั่งทันทีเธอดื่มอีกครั้งและยังเมาเหมือนเดิม!“ตื่นแล้วเหรอ?” หลังจากเสียงในห้องดังขึ้น ชิน เหลียนอี ตัวแข็งทื่อและหันศีรษะไปมองแน่นอนว่าไป๋ ทิงซิน นั่งอยู่บนโซฟาไม่ไกลจากเตียง สายตาของเขาจ้องมองมาที่เธอ“ฉัน... ฉันตื่นแล้ว...” เธอกล่าวตะกุกตะกักและตะกายออกจากเตียง เธอมองไปที่เสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อผ้ายังอยู่ครบถ้วน ดังนั้นเธอเลยคิดว่า... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นชิน เหลียนอี คิดกับตัวเอง แต่เธอก็ยังเอ่ยปากถามว่า “ฉันทำอะไรตอนเมาหรือเปล่า?”“คุณทำหลายอย่างเลยล่ะ คุณอยากให้ผมพูดถึงเรื่องไหนก่อนดี?” ไป๋ ทิงซิน ถามอย่างขี้เกียจชิน เหลียนอี อ้าปากค้างหลายอย่าง... อะไรนะ... เธอทำอะไร?! ครั้งนี้เธอรู้สึกมึนหัวหลังจากอาการเมา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เธอจำได้เกือบทุกอย่างว่ามีอะไรเกิดขึ้น“อะไร... ฉันทำอะไร?” เธอกลืนน้ำลายที่ไหลลงคอและเปร่งเสียงถามอย่างสุขุมเขาหน้าแดงโดยไม่มีเหตุผลชิน เหลียนอี จ้องมองแก้มที่แดงของเขา จากนั้นเธอก็พบว่าเขาดูคล้ายกับผู้ชายที่เธอจำได้“เมื่อคืน... ฉันบังคับตัวเองกับคุณอ