เมื่อเขาพูดแบบนี้สีหน้าของครอบครัวคงก็เปลี่ยนไปทันทีคงจื่ออินรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ‘เขา... เขาหมายความว่ายังไง? หรือจะเป็น...’“เหวินหมิง... ฉัน... ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายความว่ายังไง? ฉัน... ฉันจะไปหลอกคุณได้ยังไงคะ? ฉัน... ฉันไม่เข้าใจ!” คงจื่ออินแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทันใดนั้นน้ำตาก็รื้นในดวงตาของเธอจนดูน่าสงสารสุด ๆแต่เย่เหวินหมิงก็มองว่าการที่เธอแสร้งบีบน้ำตาแบบนี้ช่างน่ารังเกียจสิ้นดี“เธอไม่เข้าใจเหรอ?” จู่ ๆ เขาก็หัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็หยิบมือถือออกมาแตะสองครั้งจากนั้นมือถืออก็เล่นคลิปเสียงบันทึกการสนทนาระหว่างธนาคารไขกระดูกกับคงจื่ออินสีหน้าของสมาชิกตระกูลคงเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในตอนที่เสียงคงจื่ออินดังออกมา ใบหน้าของคงจื่ออินแดงก่ำขณะที่เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาจากหน้าผากของเธอ‘นี่เป็น... เสียงบันทึกที่หลิงอี้หรานพูดถึงเมื่อวันก่อนเหรอ? หลิงอี้หรานต้องเอาเสียงบันทึกนี่ให้เหวินหมิงแน่ ๆ !’ ความเกลียดชังของคงจื่ออินที่มีต่อหลิงอี้หรานมากขึ้นกว่าเดิม“ดีจริง ๆ คงจื่ออิน เธอนี่ดีจริง ๆ...” เย่เหวินหมิงค่อย ๆ เดินไปที่เตียง ด้วยตาเรียวลึกของเขา
เย่เหวินหมิงเดินเข้าไปหาคงจื่ออินและจ้องมอง “เธอตั้งท้องลูกของโจวหยวนลู่ แถมยังรู้ว่าเป็นลูกของเขา เธอเลยจงใจวางแผนทำให้แท้งเพื่อกำจัดเด็กในท้อง ในขณะเดียวกันก็ได้ใส่ร้ายโจวเชียนหยุนไปด้วย อย่างนั้นใช่ไหม?”เมื่อเปรียบเทียบกับการพูดที่ร้อนใจของคงจื่ออิน เย่เหวินหมิงดูสงบนิ่งกว่ามากถึงอย่างนั้นความสงบนิ่งของเขาดูเหมือนจะเป็นภาพลวงตาที่มีคลื่นอันโกลาหลเชี่ยวกรากอยู่ข้างใต้ เมื่อภาพลวงตาแตกสลายไปความโกลาหลนั้นก็น่าจะกลายเป็นภัยพิบัติ คงจื่ออินตัวแข็งทื่อ เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเย่เหวินหมิงความคิดของเธอก็เกือบขะว่างเปล่า คำพูดที่เธอต้องการพูดปฏิเสธค้างอยู่ในคอและไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ดวงตาเย็นชาและทิ่มแทงของเขาดูเหมือนจะมองเธอจนทะลุปรุโปร่ง“ฉัน... ฉัน...” ริมฝีปากของเธอสั่นเทาเย่เหวินหมิงกล่าวว่า “หรือต้องให้ฉันหาหมอที่ผ่าตัดให้เธอ แล้วถามว่าเด็กในท้องเธออายุครรภ์กี่สัปดาห์? หรือเธออยากให้ฉันเจอว่าเธอติดสินบนหมอไปเท่าไหร่หรือไง?”คงจื่ออินรู้ว่าตอนนี้เย่เหวินหมิงกำลังสงสัย เขาจะเจอบางอย่างถ้าเขาเลือกที่จะสืบเรื่องนี้จริง ๆ จัง ๆ ทันใดนั้นเธอก็กอดเย่เหวินหมิงไ
ผู้หญิงคนนี้ผลักเขาลงนรกด้วยคำโกหกจากปากของเธอตอนนี้เขาต้องการให้เธอชดใช้ไปตลอดชีวิต! …หลังจากเดินออกมาจากห้อง เย่เหวินหมิงก็รู้สึกว่าหัวใจของเขามีแรงกดดันบางอย่างกดทับไว้จนทำให้เขาต้องหอบหายใจเขาเกลียดที่คงจื่ออินหลอกลวงเขาและใส่ร้ายโจวเชียนหยุน แต่เขาเกลียดตัวเองมากกว่าที่เป็นคนโง่งมตระกูลคงแค่ขยับปาก ส่วนเขาก็ทิ่มแทงผู้หญิงที่ช่วยชีวิตของเขาไว้ด้วยมีดที่มองไม่เห็นแม้แต่ตอนที่เขาเดินเข้าไปในห้องเมื่อกี้นี้ ภาพที่เขาบังคับให้โจวเชียนหยุนต้องคุกเข่ากราบขอโทษในห้องเดียวกันนี้ก็ฉายชัดในหัวของเขาอีกครั้งเสียงของหน้าผากเธอที่กระแทกกับพื้นดูเหมือนจะสะท้อนก้องอยู่ในหูและคอยทิ่มแทงเขา‘ทำไมฉันถึงใจร้ายได้ขนาดนี้?‘ฉํนทำแบบนั้นเพื่อคงจื่ออินเหรอ? หรือ... ฉันทำร้ายเธอก็เพื่อปกปิดความสนใจที่ฉันมีให้เธอกันแน่?’เป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนเธอทำให้เขาเป็นคนโง่และเธอทำให้จื่ออินแท้งเพื่อที่จะได้ทรัพย์สินของตระกูลเย่ดังนั้นเขาจึงโกรธจัดเพราะความอับอายและระบายความโกรธออกด้วยวิธีนี้เธอพูดถูกที่บอกว่าเขามันตาบอด เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าใครที่กำลังหลอกเขาอยู่!“คุณ... คุณเย่ สิ่งที่คงจื่ออ
เสียงโจวหยวนลู่ค่อย ๆ ไกลออกไปเรื่อย ๆ เย่เหวินหมิงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ‘เธอเป็น... ผู้หญิงธรรมดา ๆ งั้นเหรอ?‘ไม่! โจวเชียนหยุนไม่เคยเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ เธอเป็น... ผู้หญิงที่ฉันรักสุดหัวใจ!’ ความเจ็บปวดในอกของเขาชัดเจนขึ้นและมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมความเจ็บปวดนั้นท่วมท้นไปทั้งตัวของเขาบางทีสุดท้ายแล้วอาจมีแค่ตอนนี้ที่เขาเต็มใจจะยอมรับว่าเขายังรักโจวเชียนหยุนอยู่เขาเอาแต่คิดว่าเขาไม่ได้รักเธอและจะกำจัดเธอออกไปจากใจได้หลังจากส่งเธอเข้าคุกแล้วแก้แค้นสำเร็จ ทว่ากลับกลายเป็นว่าทั้งหมดคือการหลอกตัวเองถ้าเขาไม่ได้รักเธอเขาคงไม่สนใจเรื่องของเธอมากนัก เขาคงไม่หึงหวงเมื่อเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นและคงไม่โกรธมากเสียจนเปลี่ยนความโกรธนั้นเป็นการทำให้เธอขายหน้า เพราะเข้าใจผิดว่าเธอหลอกเขาเขาปกป้องคงจื่ออินและทำกับโจวเชียนหยุนอย่างโหดร้ายเพื่อเลี่ยงความรู้สึกตนเอง เขาไม่กล้ายอมรับว่าเขาหลงรักลูกสาวของศัตรูมือที่อยู่ข้างตัวของเย่เหวินหมิงกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ เลือกไหลออกมาจากนิ้วแต่เขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยเขาค่อย ๆ เดินไปยังห้องพักฟื้นของโจวเชียนหยุนแน่นอนว่าเข
บอดี้การ์ดหลายคนซึ่งติดตามเย่เหวินหมิงเดินเข้ามาแม้ว่าเย่เหวินหมิงจะมีคนมากกว่าแต่ชายสองคนที่เฝ้าหน้าห้องโจวเชียนหยุนกลับไม่ขยับตัวเลยอย่างไรก็ดี พวกเขาได้รับคำสั่งเด็ดขาดมาว่าไม่ให้คนบางคนมายุ่งวุ่นวายกับโจวเชียนหยุนและเย่เหวินหมิงก็เป็นหนึ่งใน ‘บางคน’ ที่ว่า“เราขอโทษที่ต้องทำแบบนี้นะคีบ!” ชายสองคนนั้นพูดทั้งสองฝ่ายกำลังจะตะลุมบอนต่อยตีกันในตอนนั้นเองที่ประตูห้องก็เปิดออกและเป็นโจวเชียนหยุนที่เดินออกมาเมื่อชายสองคนซึ่งคอยเฝ้าหน้าห้องเห็นโจวเชียนหยุน พวกเขาก็รีบพูดว่า “คุณโจว ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณไม่ต้องการพบคุณเย่ วันนี้ไม่ว่ายังไงเราก็จะไม่ยอมให้เขาบุกเข้าไป”เพราะพวกเขาถูกเลือกให้มาคอยเฝ้าระวังที่นี่ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องออกไปโจวเชียนหยุนมองมาและหยุดสายตาที่เย่เหวินหมิงเย่เหวินหมิงดูต่างไปจากครั้งสุดท้ายที่เธอเห็น แม้ว่าจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ไร้ที่ติ แต่สันกรามของเขามีตอหนวดและผมก็ดูยุ่งเหยิง ใบหน้าของเขาซีดเซียว และแม้แต่ดวงตาก็ดูเหมือนจะเป็นสีแดงนี่ห่างไกลจากรูปลักษณ์เคร่งขรึมของเขาตามปกติไปมากเย่เหวินหมิงดูเหมือนมีความปรารถนาต่อผู้หญิง
โจวเชียนหยุนพยายามดึงชายเสื้อออกจากมือของเย่เหวินหมิงพลางพูด แต่เย่เหวินหมิงมีหรือจะปล่อย?เขากลัวว่าถ้าเขาปล่อยไปแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะได้เจอเธออีกโจวเชียนหยุนขมวดคิ้วและหนึ่งในคนเฝ้าประตูหน้าห้องก็พูดว่า “คุณเย่ ช่วยปล่อยมือด้วยครับ ไม่อย่างนั้นคุณคงได้ทำทุกคนขายหน้าแน่” พูดจบชายคนนั้นก็จับมือเย่เหวินหมิงที่จับชายเสื้อของโจวเชียนหยุนไว้แต่เย่เหวินหมิงก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยิน และมองตรงไปยังโจวเชียนหยุน “ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉัน ใช่แล้วล่ะ ฉันสมควรกับมันแล้ว แต่ขอร้องได้ไหม ให้ฉันได้คุยกับเธอนะ? มีหลายอย่างที่ฉันอยากบอกเธอ!”“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” โจวเชียนหยุนกล่าว‘ไม่มีอะไรจะคุย?’ เย่เหวินหมิงยิ้มเจื่อน เขายังพยายามดึงชายเสื้อของเธอแม้ว่าบอดี้การ์ดจะพยายามแงะมือของเขาออกจนเจ็บก็ตามทั้งมือของเขารู้สึกราวกับกำลังจะหัก นิ้วของเขาถูกบิดไปแล้วแต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาแค่ไม่อยากปล่อย เขากลัวว่าถ้าปล่อยไปเขาจะไม่สามารถจับเธอไว้ได้อีกต่อไป! เขาอาจจะเสียการติดต่อเพียงเล็กน้อยอย่างนี้กับเธอไปก็ได้!โจวเชียนหยุนมองเขาอย่างเย็นชายและจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “เย่เหวินหมิง คุณนี่ยังเห
“ฉันขอให้เพื่อนที่ฉันช่วยไว้มีสุขภาพแข็งแรงและไม่เจ็บไม่ป่วย ตอนนี้คำทำนายออกมาดี เขาคงไม่เป็นอะไรแล้ว”“เพื่อน? เพื่อนคนไหน?”“เพื่อนที่ฉันไม่เคยเจอค่ะ แต่บางทีวันหนึ่งฉันอาจจะเจอเขาก็ได้ ถ้าเจอฉันจะแนะนำคุณกับเขาให้รู้จักกันนะ!” เธอพูดด้วยรอยยิ้มหวาน“เพื่อนแบบไหน ทำไมไม่เคยเจอ? เพื่อนในโลกออนไลน์เหรอ?” เขาถาม“ความลับค่ะ! ไว้ฉันจะบอกคุณในอนาคตนะ!” เธอพูดด้วยรอยยิ้มกว้างเมื่อเขามานึกถึงมันในตอนนี้ เขาก็พบว่าเพื่อนคนนั้นที่เธอพูดถึงคือเขา!เธอช่วยเขาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกันแต่เธอก็ยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเขาแต่เขากลับทำลายชีวิตเธอ!ถ้าเขาได้ถามรายละเอียดเรื่องเพื่อนของเธอมากกว่านี้ เขาก็น่าจะได้เบาะแสอะไรบ้างแต่เขาก็พลาดไปเขาไม่เคยคิดที่จะฟัง ‘ความลับ’ นั้นของเธออีก เพราะในตอนนั้นเขารู้ว่าเธอและเขาจะไม่มีวันมีอนาคตด้วยกันอย่างไรเขาก็คบเธอเพื่อแก้แค้นเท่านั้นในตอนนั้นเองที่บอดี้การ์ดข้างตัวเย่เหวินหมิงเดินเข้ามาและพูดว่า “คุณเย่ เป็นอะไ...” เสียงของเขาหยุดลงในเวลาไม่นานเป็นเพราะดวงตาของเย่เหวินหมิงในตอนนี้แดงก่ำและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและดูราวกับทั้งหมดของเขา
‘เย่เหวินหมิงมือเจ็บเหรอ?’ การคาดเดาปรากฏขึ้นในหัวของโจวเชียนหยุนในเวลาสั้น ๆ แต่ไม่นานเธอก็เลิกสนใจความคิดนั้นไปเธอไม่อยากคิดเรื่องผู้ชายคนนี้อีกแล้ว“เมื่อคืนนี้ที่เขามา เขาได้พูดอะไรไหมคะ?” หลิงอี้หรานถามพลางนั่งลงโจวเชียนหยุนพูดเสียงเบา “ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องการบริจาคไขกระดูกและความจริงที่ว่าตระกูลคงวางแผนเรื่องการแท้ง เขาพูดว่าเขาจะชดเชยเรื่องนี้ให้ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจำเป็นอะไรอีกแล้วล่ะ”โจวเชียนหยุนพูดเรื่องนี้อย่างแผ่วเบา แต่หลิงอี้หรานรู้ว่าเธอคงโดนทำร้ายมาอย่างหนักจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงสงบมากเมื่อความจริงปรากฏออกมา“คงจื่ออินใส่ร้ายและโกหกเย่เหวินหมิง เย่เหวินหมิงคงไม่ปล่อยตระกูลคงไปง่าย ๆ” หลิงอี้หรานกล่าวโจวเชียนหยุนยิ้มจาง ๆ “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันอีกแล้วล่ะ”เมื่อเห็นอย่างนี้หลิงอี้หรานก็รู้แล้วว่าโจวเชียนหยุนไม่อยากพูดเรื่องเย่เหวินหมิงอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง “คุณป้าไปส่งอาหยันน้อยที่โรงเรียนแล้วเหรอคะ?”“ใช่” โจวเชียนหยุนพูด ระหว่างที่เธออยู่ในโรงพยาบาลแม่ของเธอจะมาที่นี่กับอาหยันน้อยทุกคืนเพื่อนอนเป็นเพื่อนเธอถึงอย่างนั้นเธอก็สงสัยว่าคุณน