เย่ฉงเว่ยกล่าวเย้ย “เธอคิดว่าฉันอยากให้เธอทำอะไรให้ล่ะ? ในเมื่อเธอตั้งใจจะหลอกจิ่นหลี เธอก็ควรคิดถึงผลลัพธ์ตอนที่มันไม่สำเร็จไว้ด้วยสิ!”เย่ฉงเว่ยสะบัดมือของผู้หญิงคนนั้นออกขณะพูด และเดินออกจากห้องส่วนตัวไปโดยไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในนั้นอีก...กู้ลี่เฉินขับรถพาหลิงอี้หรานกลับไปยังบ้านเช่าของเธอ ระหว่างทางกลับบ้าน เขาก็พูดว่า “ถ้าฉงเว่ยมารบกวนคุณอีก โทรหาผมได้เลยนะ”หลิงอี้หรานเงียบปากอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คุณ... น่าจะปลุกฉัน... บนรถเมล์เมื่อวานนี้นะคะ”เขากล่าว “คุณเห็นวิดีโอแล้วเหรอ? ผมเห็นว่าคุณกำลังหลับอยู่ เลยคิดว่าคุณน่าจะได้งีบสักหน่อย แต่ผมลืมนึกไปว่าอาจจะมีคนถ่ายวิดีโอเราไว้และโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต ถ้าคุณไม่ชอบ ผมเอาลบให้ได้นะ”ปกติแล้วเขาเป็นพวกระวังกล้องแอบถ่ายมาก แต่เมื่อวานบนรถเมล์ เขาสนใจแต่เธอจนลืมสิ่งรอบตัวไปเลยเธอเผลอหลับบนรถเมล์ไปครึ่งชั่วโมง แต่ทุกนาทีและวินาทีที่ผ่านไปกลับทำให้เขามีความสุขเขาอยากจะขอบคุณคนที่ถ่ายคลิปไว้จากก้นบึ้งของหัวใจด้วยซ้ำที่เหลือความทรงจำตอนนั้นไว้ให้เขา!เมื่อเขาเห็นตัวเองในวิดีโอ เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้
“อี้หราน... ถ้าขออะไรได้ ผมจะไม่ขอความรู้สึกขอบคุณจากคุณ...” เขาพึมพำเขาเป็นคนที่มีระยะห่างจากคนอื่นโดยไม่รู้ตัว แม้แต่เพื่อนของเขาอย่างเย่ฉงเว่ยก็พูดได้ว่า เขาเย็นชามากเสียจนทำให้คนอื่นรู้สึกได้ถึงความหมางเมินราวกับว่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีใครสามารถเหยียบเข้ามาในหัวใจของเขาได้ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าการที่เข้าไปในหัวใจของคนอื่นได้มันเป็นอย่างไร เขาเข้าหาเธออย่างเต็มที่และอยากจะเข้าไปในโลกของเธอ แต่เขาก็รู้สึกถึงความเหินห่างจากเธอได้ตลอดมาแม้เธอจะยิ้มให้เขา แต่ดูเหมือนกับปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าใกล้เธออยู่กลาย ๆเขาต้องทำอะไรถึงจะได้เข้าไปในหัวใจของเธอได้จริง ๆ ? ...หลิงอี้หรานรีบไปยังชั้นของแผนกกุมารเวชผู้ป่วยใน เธอบอกชื่อของอาหยันน้อยกับพยาบาลที่โต๊ะพยาบาลและเดินไปหาที่ห้องพักผู้ป่วยอาหยันน้อยกำลังหลับอยู่เจ้าตัวน้อยนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล มีผ้าพันแผลพันรอบหน้าแข้งของเขา และใบหน้าก็ฟกช้ำ แม้ว่าดวงตาของเขาจะหลับอยู่ แต่มันก็บวมนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเขาจะโดนต่อยมาคุณนายโจวนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของอาหยันน้อย น้ำตาไหลลงมาตามใบหน้าของเธอเงียบ ๆหลิงอี้หรา
“ถ้าฉันลองถามเหลียนอีให้หาทางย้ายอาหยันน้อยไปโรงเรียนอื่นล่ะคะ?” หลิงอี้หรานถามอย่างไรตอนนี้ทุกคนที่โรงเรียนอนุบาลคงรู้แล้วว่า โจวเชียนหยุนเคยติดคุกมาก่อน และถ้าอาหยันน้อยยังอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มีโอกาสที่เขาอาจจะโดนเลือกปฏิบัติได้อีกหลิงอี้หรานเคยเจอประสบการณ์นั้นมาก่อน และเธอไม่อยากให้อาหยันน้อยเจอเรื่องเดียวกันนี้! ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมที่นี่ได้ พวกเขาก็ทำได้แค่ต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมของตัวเองถึงอย่างนั้น โจวเชียนหยุนกลับไม่ได้ตอบข้อแนะนำของหลิงอี้หราน แต่กลับถามกลับแทน “ถ้าฉันรื้อคดีขึ้นมาตอนนี้ ฉันมีโอกาสที่จะชนะกี่เปอร์เซ็นต์?”หลิงอี้หรานผงะไปและคิดอย่างถี่ถ้วนอยู่สักพัก จากนั้นก็ตอบโจวเชียนหยุนว่า “30 เปอร์เซ็นต์ค่ะ”โจวเชียนหยุนยิ้มเจื่อน ‘แค่ 30 เปอร์เซ็นต์... ถ้ารื้อคดีขึ้นมา โอกาสที่จะชนะคือ 30 เปอร์เซ็นต์อย่างนั้นเหรอ?’ แต่คนธรรมดาก็จะสู้ แม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสชนะแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม!แต่นี่ก็น้อยไปสำหรับเธอ!“เพราะว่ามันก็ผ่านมานานแล้ว หลักฐานบางอย่างก็คงหายไป ดังนั้นต่อให้เรารื้อคดีขึ้นมา แต่ผู้พิพากษาก็จะอ้างอิงคำให้การเพิ่มเติมของพยานมากกว่า
คุณนายโจวกล่าวด้วยความโกรธเคือง “ลูกเข้าใจผิดแล้ว! เป็นยัยคงจื่ออินอะไรนั่นต่างหากที่ทำให้เป็นแบบนี้! ถ้าลูกกังวลเรื่องการโดนตราหน้า งั้นลูกก็ต้องรื้อคดีใหม่ อี้หรานบอกไม่ใช่เหรอว่ามีโอกาสถึง 30 เปอร์เซ็นต์น่ะ?”โจวเชียนหยุนไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เธอแค่มองดูลูกชายเงียบ ๆ หลังจากนั้นสักพักเธอก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “แม่คะ วันนี้หนูเหนื่อยแล้ว หนูขอกลับบ้านไปพักสักหน่อย หนูขอโทษที่ต้องรบกวนให้แม่ดูแลอาหยันน้อยที่โรงพยาบาลด้วยนะคะ”คุณนายโจวคิดว่านี่แปลก ๆ ด้วยนิสัยลูกสาวของเธอแล้ว ลูกสาวของเธอจะต้องนอนเฝ้าที่โรงพยาบาลแน่ ๆ แต่เมื่อคิดถึงความลำบากในการตั้งร้านในทุก ๆ คืน เธอก็คิดว่า โจวเชียนหยุนคงเหนื่อยกายจนทนไม่ไหวอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า “งั้นกลับบ้านไปพักเถอะ”“ค่ะ หนูกลับมาเปลี่ยนกับแม่พรุ่งนี้นะ” โจวเชียนหยุนพูดและออกจากห้องพักผู้ป่วยไปทว่าหลังจากออกมาจากโรงพยาบาล โจวเชียนหยุนไม่ได้กลับบ้าน และเดินไปยังป้ายรถเมล์แทน เธอกดโทรออก “ฉันโจวเชียนหยุน อยากจะคุยกับเย่เหวินหมิงเรื่องโจวหยันคืนนี้ ถ้าคุณไม่สะดวกเอาข้อมูลติดต่อของเขาให้ฉัน ก็ช่วยติดต่อเขาให้ฉันที ฉันจะรอการตอบกลับ
โจวเชียนหยุนขบฟันแน่นขณะที่เดินเข้าไปในห้องสวีทและปิดประตูเย่เหวินหมิงเดินไปที่โซฟาและนั่งลง เขาหยิบถ้วยชาบนโต๊ะกาแฟมาและยกขึ้นจิบเบา ๆ “เธออยากคุยเรื่องอะไร? คงไม่ได้มาบอกให้ฉันยอมแพ้เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงลูกหรอกใช่ไหม”ดวงตาของโจวเชียนหยุนแวววาว “ถ้าใช่ล่ะคะ? คุณจะยอมแพ้ไหม? ถ้าคุณยอมแพ้เรื่องสิทธิ์การเลี้ยงหยันน้อย ฉันยอมทำทุกอย่าง!”“ทำได้ทุกอย่างเลยเหรอ?” เย่เหวินหมิงเงยหน้ามองเธอ“ค่ะ!” เธอตอบ“คิดว่าตอนนี้ฉันจะต้องการอะไรจากเธอล่ะ?” เย่เหวินหมิงพูดราวกับว่านี่เป็นเรื่องตลก “คลอดเด็กมาสักคนเพื่อชดเชยให้จื่ออินเหรอ? แต่เราก็มีหยันน้อยแล้ว หรือเธอยากจะทำอะไรล่ะ? มีอะไรที่เจ้าของร้านข้างทางอย่างเธอจะทำให้ฉันได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?”ใบหน้าของโจวเชียนหยุนเปลี่ยนเป็นสีซีด เธอไม่มีอะไรไปขอร้องอ้อนวอนเขาได้เลย!ไม่มีอะไรที่เธอจะมอบให้เขาได้เลย!หลังจากเงียบไปพักใหญ่เธอก็พูดว่า “คุณ... เกลียดฉันหรือเปล่า? คุณเกลียดที่พ่อของฉันสร้างปัญหาให้กับตระกูลเย่และเกือบจะทำลายตระกูลเย่ เพราะอย่างนั้นคุณเลยจงใจเข้าหาฉันเพื่อแก้แค้น ถ้าคุณคิดว่ามันยังไม่พอ คุณจะแก้แค้นต่อไปก็ได้นะ คุณทำร้ายฉันได
ราวกับเขาพยายามพิสูจน์ว่า ผู้หญิงตรงหน้าไม่มีผลอะไรกับเขาทั้งนั้น!โจวเชียนหยุนสัมผัสได้ถึงร่องรอยของความขมปร่าในปากของเธอ แม้ว่าเธอจะจบกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว และไม่มีความรู้สึกอื่นใดกับเขาหลงเหลืออยู่อีก แต่เธอก็หยุดความรู้สึกขมขื่นที่กระจายออกมาหลังจากที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ไม่ได้เลย“ถ้า... ฉันบอกว่าไม่ได้เป็นคนผลักคงจื่ออินตกบันได และคงจื่ออินตั้งใจทำแบบนั้นเอง คุณจะ... คุณจะเชื่อฉันไหม?”โจวเชียนหยุนพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะนอบน้อมอ้อนวอน เธอกำลังขอร้องผู้ชายคนนี้ให้เชื่อใจและไม่เรียกเธอว่าอาชญากร เธอไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นอาชญากรไหม เพราะไม่ว่าเธอจะเป็นอาชญากรหรือไม่ นั่นก็ไม่สามารถเรียกคืนช่วงเวลาที่เธออยู่ในคุกกลับมาได้อยู่ดี! ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ต้องการให้คำนิยามว่าเป็น ‘อาชญากร’ ทำให้อาหยันน้อยต้องเจ็บปวด!เย่เหวินหมิงเหมือนได้ยินเรื่องตลก “เชื่อเธอ? เธออยากให้ฉันเชื่อเธอเนี่ยนะ? โจวเชียนหยุน พูดเรื่องนั้นออกมาตอนนี้ เธอไม่รู้สึกว่ามันตลกเหรอ? จื่ออินเสียลูกไปเพราะเธอ และประสบกับภาวะมีลูกยากไปตลอดชีวิต แล้วเธอล่ะ มีสิทธิ์อะไรมาเลี้ยงลูกของฉัน?”“ฉันไม่เคยทำอะไรพวกนั้นเล
เขาเคยบอกไว้ว่าดวงตาของเธอสดใส และเมื่อเธอมองไปยังผู้คนด้วยดวงตาเสี้ยวพระจันทร์ที่โค้งขึ้นยามยิ้ม ผู้คนเหล่านั้นต่างก็รู้สึกเปี่ยมสุขเขายังบอกด้วยว่า ดวงตาของเธอมีเสน่ห์ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาปลายนิ้วของเขามักจะลูบไล้ดวงตาของเธอเมื่อพวกเขาใกล้ชิดกันครั้งหนึ่งเธอเคยภาคภูมิใจในดวงตาของตัวเองแค่เพราะ... เขาชอบมันตอนนี้เขาต้องการให้เธอเป็นคนทำลายมัน ตลกสิ้นดี!โจวเชียนหยุนลืมตาและมองไปยังเย่เหวินหมิงตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ และพวกเขาก็อยู่ใกล้กัน เธอเงยหน้า และรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่พวกเขาเคยใกล้ชิดสนิทสนมกัน เพียงแค่ตอนนี้เขาไม่ได้วางแขนลงบนเอวของเธอ และเธอก็ไม่ได้โอบรอบคอของเขา หรือมีความรักใคร่ในตัวเขาเลยโจวเชียนหยุนจ้องผู้ชายตรงหน้าเงียบ ๆ ครั้งหนึ่งเธอเคยรักเขา เกลียดเขา และในท้ายที่สุดอารมณ์ความรู้สึกของเธอก็สงบลง เขาหน้าตาดี และมีเสน่ห์ดึงดูด ไม่อย่างนั้นเธอจะตกหลุมรักเขาได้ง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร?บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เห็นเขา!จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา เธอน่าจะมองอ่หยันน้อยให้นานกว่านี้ก่อนที่เธอจะออกมาคืนนี้ แ
ถึงอย่างนั้นตอนนี้ เย่เหวินหมิงก็ได้ประกาศกร้าวแล้วว่า เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะลองเสี่ยง!“เย่เหวินหมิง คุณต้องเอาหยันน้อยไปจากฉันด้วยเหรอ?” โจวเชียนหยุนเงยหน้าและจ้องมองไปที่เขาเขาดูค่อนข้างจะประหม่ากับสายตาของเธอ!‘ทำไมฉันต้องประหม่าด้วยล่ะ? มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะได้รับสิทธิ์ในการดูแลลูกชายตัวเองสิ!’“ใช่แล้วล่ะ โจวเชียนหยุน ฉันจะไม่ยอมให้อาหยันน้อยอยู่กับเธอ ถ้าต้องอยู่กับเธอ เขามีแต่จะต้องลำบาก เธอให้อะไรเขาได้บ้างล่ะ? เธอคิดว่าตั้งแผงขายอาหารจะพอเลี้ยงเขาหรือไง?” เย่เหวินหมิงตะโกนถึงอย่างนั้นโจวเชียนหยุนก็ฝืนพยักหน้า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”เธอก้าวถอยหลังด้วยความใจเย็นที่ผิดปกติและก้มลงมองมือของเธอที่ยังอยู่ในกำมือของเขา “คุณเย่ ปล่อยได้ไหมคะ? ฉันไม่พยายามทำให้ตัวเองตาบอดแล้ว เพราะถึงฉันตาบอด ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเลย ใช่ไหมคะ?”ใบหน้าของเย่เหวินหมิงบูดบึ้ง และเขาก็คลายมือออก หลังจากนั้นเขาถึงรู้ตัวว่าทั้งฝ่ามือและแผ่นหลังของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ เสียแล้วผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาเหงื่อแตกซิกอีกครั้ง เหมือนกับครั้งนั้นที่เธอแทงเข้าที่ท้องของตัวเองโจวเชียนหยุนเดินถอย