ภาคินมองหน้าเด็กทั้งสองสลับไปมาอย่างพินิจพิจารณานานนับนาที ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองหน้าหญิงสาวพร้อมเอ่ยถามเรื่องที่สงสัย "พวกเขาเป็นลูกผมใช่ไหม"เขาไม่ใช่ลูกคุณ อย่ามาพูดจามั่วๆ" คำถามของร่างสูงทำเอาเอวาใจกระหน่ำเต้นไม่เป็นจังหวะ รีบปฏิเสธทันควันสิ่งที่เธอกลัวกำลังจะเกิดขึ้นหากชายหนุ่มรู้ว่าเด็กทั้งสองเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แล้วเกิดเขาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อขึ้นมาเธอจะทำยังไงเธอกลัวเขาจะพรากดวงใจของเธอไป "ไปหาคุณยายกันค่ะอลัน อลินดา" เมื่อพูดกับร่างสูงจบเธอก็ก้มลงพูดกับสองแฝดจากนั้นก็รีบพาบุตรทั้งสองเดินออกไป "เดี๋ยวเอวา" ภาคินหาได้เชื่อคำพูดหญิงสาวไม่เขารีบส่าวเท้าเดินตามไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แล้วพูดต่อ "จะไม่ใช่ได้ยังไงดูจากหน้าตาก็รู้แล้วว่าเขาเป็นลูกใคร"คนถูกจับมือชะงักเท้าหันกลับไปเผชิญหน้ากับร่างสูงพลางพยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุมของมือหนา ดวงตากลมโตมองสบดวงตาคมกริบเขม็ง กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟันเพราะไม่อยากให้สองแฝดที่ยืนมองตาปริบๆ ได้ยิน "พ่อของพวกเขาคือคนรักของฉันที่อยู่นอร์เวย์ไม่ใช่คุณ""งั้นคุณกล้าพิสูจน์ไหมละเอวา" ใบหน้าหล่อเหลาโน้มไปกระซิบประชิดกกหูเล็กทำเอาอีกคนต้องรีบเ
@บ้านเอวาเอวานั่งมองบุตรสาวกับบุตรชายที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยแววตารักใคร่ทั้งสองคงเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลพอมาถึงบ้านเลยพากันหลับไม่เป็นท่าทั้งที่คุยกันว่าจะไปหาคุณยายที่โรงพยาบาล ใบหน้าคมพลันหุบยิ้มลงเมื่อหวนนึกถึงเรื่องในสนามบินดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าสองแฝดที่คล้ายคลึงกับผู้ชายคนนั้นทุกระเบียดนิ้วนิ่งๆ เมื่อก่อนตอนเธอคลอดลูกออกมาแล้วเห็นหน้าตาของทั้งสองครั้งแรกทำให้เธอรับไม่ได้อยู่หลายวันพอมองหน้าลูกก็เหมือนเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น กว่าจะมองหน้าลูกได้อย่างสนิทใจก็พยายามทำใจอยู่เกือบเดือนแต่ในตอนนี้เธอกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าทั้งสองคือหัวใจของเธอ และเธอจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนพรากไปจากอกแน่นอน"มามี๊คะอลินหิวค่ะ" เสียงใสๆ ของอลินสาวน้อยหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตาบลายธ์ดังขึ้นดึงให้คนเป็นแม่อย่างเอวาที่กำลังนั่งเครียดหลุดออกจากห้วงความคิด เธอระบายยิ้มบางๆ พร้อมยื่นมือไปโยกศีรษะเล็กทุยของบุตรสาวที่ลุกขึ้นนั่งเอามือขยี้ตาอย่างเอ็นดู "ตื่นมาก็หาคนกินเลยนะ แล้วคนสวยอยากทานอะไรคะเดี๋ยวมามี๊ทำให้""คนสวยอยากทานข้าวผัดค่ะ คิคิ" อลินดาตอบเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมหัวเราะคิกคักถู
'แกร็ก'เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ร่างสูงที่กำลังนั่งหลับตาเอนกายพิงพนักเก้าอี้ลืมตามองประตู เสียงทุ้มเปล่งถามอย่างไม่รอช้าเมื่อเห็นผู้ช่วยคนสนิท "ได้เรื่องไหม""ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ" "อืม" ภาคินเพียงพยักหน้ารับก่อนสะบัดมือเชิงบอกให้ลูกน้องออกไปหลังจากนั้นก็ก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ มือหนาปิดแฟ้มเอกสารลงแล้วลุกเดินออกจากห้องทำงานไปขึ้นรถเมื่อเห็นว่า5 โมงเย็นแล้วรถหรูเคลื่อนตัวมาจอดยังหน้าบ้านของเอวาที่เขารีบร้อนออกจากบริษัทก็เพราะอยากมาดูว่าสามคนแม่ลูกกลับจากโรงพยาบาลหรือยัง ดวงตาคมกริบพยายายามเพ่งมองผ่านกระจกรถมืดทึบเข้าไปในบ้านแต่ก็พบแค่ความเงียบสงัดแสดงว่าทั้งสามยังไม่กลับมาเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านภาคินก็ขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลทันทีในใจก็นึกตำหนิหญิงสาวที่ใกล้มืดค่ำแล้วยังไม่พาเด็กๆ กลับบ้าน ลมหายใจหนักๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งสันระคนหงุดหงิดบางทีเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดเป็นห่วงเด็กสองคนนั้นทั้งที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำจะเป็นลูกเขาไหมแต่สัญชาตญาณของเขากลับบอกว่าใช่ร่างสูงก้าวลงจากรถหรูเดินตรงไปยังห้องพักฟื้นที่เขาแอบตามหญิงสาวมาเมื่อเช้า เขา
2 วันต่อมา"เด็กๆ พร้อมไปหาคุณยายกันหรือยังคะ" เสียงของเอวาเอ่ยถามลูกๆ อย่างอารมณ์ดีสาเหตุที่เธออารมณ์ดีก็เพราะไม่มีชายหนุ่มมาคอยกวนใจไงละตั้งแต่คืนนั้นเขาก็หายหน้าหายตาไปเลยสงสัยคงสำเนียตตัวได้แล้วว่าไม่ควรมายุ่งวุ่นวายกับเธอ"พร้อมแล้วค่ะมามี๊ พร้อมแล้วครับมามี๊" อลัน อลินดาตอบมารดาเสียงเจื้อยแจ้ว"งั้นไปกันค่ะ" สิ้นเสียงพูดเอวาก็เดินจูงมือลูกๆ ออกมาหน้าบ้าน"ไปไหนกันจ้ะน้องอลัน หนูอลินดา" ขณะที่เธอกับลูกๆ กำลังยืนรอแกร็บคาร์เสียงของป้าเนยหญิงวัย45 ปีเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านข้างๆ เธอเมื่อวานก็ทักทายขึ้น"ไปเยี่ยมคุณยายที่โรงพยาบาลครับป้าเนย" อลันตอบพร้อมฉีกยิ้มกว้าง เมื่อวานป้าเนยมาทักทายและแนะนำตัวกับเอวแถมยังให้ขนมกับสองแฝดด้วยเลยทำให้ลูกของเธอเริ่มสนิทกับป้าเนยบ้างแล้ว"จ้ะ" ป้าเนยระบายยิ้มให้สองแฝดก่อนเงยหน้าขึ้นพูดกับเอวาต่อ "แม่หนูไม่สบายเหรอจ๊ะ""ใช่ค่ะ แต่อีกไม่กี่วันหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วค่ะ" "ขอให้แม่หายไวๆ นะจ๊ะ""ขอบคุณค่ะ งั้นหนูกับลูกๆ ขอตัวก่อนนะคะ" เอวาระบายยิ้มบางๆ ให้ป้าเนยก่อนขอแยกตัวเมื่อเห็นว่ารถมาถึงแล้วจากนั้นก็จูงลูกๆ เดินไปขึ้นรถมุ่งหน้าส
วันต่อมา"มามี๊ข๋าาา" เสียงใสๆ ของอลินดาดังแว่วมาทำให้ร่างสูงที่กำลังนั่งดื่มกาแฟบนโต๊ะอาหารหยุดชะงักวางแก้วลงแล้วลุกเดินไปยืนริมหน้าต่างใช้มือแหวกผ้าม่านพอเป็นช่องเล็กๆ สอดส่องสายตามองไปยังบ้านข้างๆ ก็เห็นหญิงสาวกับลูกๆ กำลังยืนคุยกันอย่างอารมณ์ดีโดยมีป้าเนยยืนอยู่ด้วยดวงตาคมกริบจับจ้องร่างบางในชุดเดรสสายเดี่ยวสีฟ้าครามสั้นเหนือเข่าตาไม่กระพริบถึงแม้เธอจะผ่านการมีลูกมาถึงสองคนแต่ไม่ทำให้รูปร่าง และความสวยของเธอสร่างลงเลยกลับดูมีน้ำมีนวลน่าฟัดด้วยซ้ำไป ความรู้สึกบางอย่างเริ่มแทรกซึมเข้ามาโดยเขาเองก็ไม่รู้ตัวแปะ!"มึงคิดบ้าอะไรเนี่ยภาคิน" มือหนาตบลงบนแก้มเบาๆ พร้อมสะบัดศีรษะพรึบๆ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคิดเละเทะ ก่อนหมุนตัวเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิม"พวกเขาจะไปไหนกันครับป้าเนย" เสียงทุ้มเปล่งออกจากริมฝีปากหนาทันทีที่ป้าเนยเดินเข้ามาในบ้าน"เห็นหนูเอวาบอกว่าจะพาลูกๆ ไปเที่ยวค่ะ" "ครับ" เขาเพียงพยักหน้ารับแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มพลางใช้ความคิด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นประดับมุมปากเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ มือหนาวางแก้วกาแฟลงแล้วหันไปพูดกับป้าเนยอีกครั้ง "ป้าเนยครับเย็นนี้ป้าทำขนมสัก2-3
ร่างสูงของภาคินเดินวนไปมาหน้าเคาวท์เตอร์ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังด้วยความตื่นเต้นเพราะวันนี้จะได้รู้ผลดีเอ็นของเด็กสองคนนั่นแล้วว่าใช่ลูกเขาหรือไม่หลังจากเฝ้าอดทนรอมา7 วันเต็มๆ"ภาคิน" เท้าใหญ่ชะงักอัตโนมัติเมื่อเสียงของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนจะรีบหันไปมองทางต้นเสียงอย่างไม่รอช้าใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงคือลุงของเขาที่ฝากให้ช่วยตรวจดีเอ็นเอเส้นผมให้ มือหนายกขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม "สวัสดีครับคุณลุง" "หวัดดีไอ้หลานชาย" นายแพทย์วัยกลางคนยิ้มตอบพร้อมพาดซองสีน้ำตาลลงบนอกหลานชายดังปึก "ใช้ได้นี่หว่า""...." ภาคินเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าลุงตัวเองอย่างงงๆ กับคำพูดแปลๆ ของท่าน มือหนาค่อยๆ บรรจงเปิดซองสีน้ำตาลดึงเอกสารด้านในออกมาช้าๆ ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายพานกระหน่ำเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเริ่มเห็นตัวอักษรหัวกระดาษจนเขาต้องผ่อนลมหายใจเข้าออกเบาๆ ข่มความตื่นเต้นเอาไว้แล้วรีบดึงเอกสารออกมาอ่าน"ละ..ลูก" ร่างสูงอึ้งค้างไปชั่วขณะเมื่ออ่านผลตรวจบนกระดาษจบ ผลตรวจดีเอ็นเอของเด็กสองคนตรงกับเขาสองแฝดเป็นลูกเขาจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูเด
ภาคินกระตุกยิ้มมุมปากน้อยๆ กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดของร่างบาง ก่อนสอดส่องสายตามองหาสองแฝดทั่วบ้านเมื่อไม่เห็นจึงหันมาถามคนเป็นแม่ "ลูกๆ ไปไหน" "พูดให้มันดีๆ พวกเขาเป็นลูกฉัน ไม่ใช่ลูกคุณ" คนถูกถามถลึงตาใส่ร่างสูงอย่างไม่พอใจ รีบสวนกลับทันควันเขามีสิทธิอะไรมาเรียกลูกๆ ของเธอราวกับว่าตัวเองเป็นพ่อถึงแม้ในใจจะเถียงไม่ได้ก็ตามว่าเขาเป็นพ่อของเด็กจริงๆ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ขอปกป้องหัวใจสองดวงของตัวเองไว้ก่อน ทว่าอีกคนก็ไม่ยอมเช่นกันไม่ว่ายังเขาก็จะต้องทำให้เธอยอมรับออกมาให้ได้ว่าเด็กทั้งสองเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา"แน่ใจเหรอว่าอลันกับอลินดาไม่ใช่ลูกผม" ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าของคนที่ยืนกอดอกอย่างคาดคั้น"แน่ พวกเขาเป็นลูกฉันกับสามีของฉันที่อยู่นอร์เวย์ ไม่ใช่คุณ" "หึ" ร่างสูงเค้นหัวเราะในลำคอกับคำพูดของหญิงสาวไม่ว่ายังไงเธอก็คงไม่ยอมรับสินะว่าสองแฝดเป็นลูกเขา เขาคงต้องใช้ไม้ตายกับเธอแล้วละ มือหนาเปิดซองสีน้ำตาลแล้วดึงเอกสารในซองออกมา ก่อนลุกเดินไปหาร่างบางแล้วยื่นเอกสารไปตรงหน้าเธอ "แล้วหลักฐานบนกระดาษแผ่นนี้ละ คุณจะอธิบายว่ายังไง""อะไรของคุณ" เอวามองหน้าร่างสูงด้วยความสงสัยก่อนเลื่อนส
"ภาคินจะไปหาลูกเหรอ" ภาคินหยุดชะงักเมื่อเสียงของมารดาดังขึ้นขณะกำลังจะเดินผ่านห้องโถง เท้าใหญ่เปลี่ยนทิศทางก้าวตรงไปนั่งลงข้างมารดาแทน "ใช่ครับ" "พาสองแฝดมาเล่นกับแม่บ้างนะ หากลูกไม่พามาแม่จะไปหาที่บ้านเอง" คุณหญิงทิพาวดีพยักหน้ารับ ก่อนพูดต่อพร้อมกับระบายยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงความน่ารักของเด็กน้อยสองคนเธอรู้สึกดีใจมากเมื่อรู้ว่าทั้งสองเป็นหลานของเธอจริงๆ "ครับ แต่ดูถ้าแม่เขาจะไม่ยอมง่ายๆ ครับ พอเห็นหน้าผมก็ตั้งท่าไล่ตะเพิดอย่างเดียวเลย" ร่างสูงเอ่ยอย่างปลงๆ จนคนเป็นแม่ต้องตบไหล่เบาๆ เชิงให้กำลังใจ "ลูกก็พยายามเข้าอย่าท้อ ลูกต้องเข้าใจนะว่าตัวเองทำอะไรกับหนูเอวาไว้บ้างจะให้เธอให้อภัยลูกในเวลาอันรวดเร็วมันก็ไม่ได้ต้องให้เวลาเธอหน่อย พิสูจน์ให้เธอเห็นว่าจริงๆ แล้วลูกไม่ใช่คนเลวโดยเนื้อแท้ที่ทำไปเป็นเพราะความแค้นบดบังตาบดบังใจ""ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับม๊า เอวาเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยนผมเชื่อว่าสักวันเธอจะต้องใจอ่อนยอมให้อภัยผม" ใบหน้าหล่อเหลาดูมีความสุขขึ้นเมื่อพูดถึงแม่ของลูก ตอนแรกเขาก็แค่อยากจะทำดีไถ่โทษหญิงสาวเพื่อไม่ให้ตัวเองจมกับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ทว่าตอนนี้ดูเหมือนความคิด ความรู้สึก
5 ปีต่อมาวันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อย ๆ นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้วที่เอวากับภาคินได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ทั้งสองคนได้ตกลงแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสามปีก่อนมีลูกเป็นโซ่ผูกใจด้วยกันสามคนก็คืออลัน อลินดา อคิน และยังมีบุตรสาวบุตรธรรมอีกหนึ่งคนชื่อพะพายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอคินบุตรชายคนสุดท้อง"มามี๊ แด๊ดดี๊พี่อลันแกล้งพะพายอีกแล้วครับ" เสียงของอคินเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษ ๆ หน้าตาหล่อเหลาตั้งแต่เด็กวิ่งเข้ามาฟ้องบิดากับมารดาที่นั่งอยู่ในบ้านเสียงดั่งลั่น ภาคินกับเอวาที่กำลังนั่งคุยกันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนลุกเดินตามบุตรชายคนเล็กออกไปยังลานหน้าบ้าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายคนโตอย่างอลันทะเลาะกับลูกบุตรธรรมแต่มันเกิดขึ้นตลอดตั้งแต่พวกเขารับพะพายเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดู "พะพาย! ยัยตัวแสบกล้าทำฉันเลือดออกเหรอห๊ะ""พะพายไม่ได้ตั้งใจนะ ก็พี่อลันแกล้งพะพายก่อน""ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ใช่พี่เธอ" เสียงของอลันกับพะพายที่กำลังทะเลาะกันดังแว่วมาทำให้ภาคินต้องรีบเดินเข้าไปห้ามศึก "ทะเลาะอะไรกันอลัน พะพาย" อลันกับพะพายเงียบปากลงทันทีมองหน้าผู้เป็นบิดาตาปริบ ๆ ภาคิน
วันต่อมา"แด๊ดดี๊ มามี๊ๆ" เสียงร้องตะโกนของสองแฝดที่ดังอยู่หน้าห้องปลุกให้คนเป็นพ่อแม่อย่างเอวากับภาคินที่กำลังนอนกอดกันอยู่ภายในห้องรู้สึกตัวตื่น"คุณนอนต่อเถอะผมไปเปิดประตูให้ลูกเอง" ภาคินยกมือขึ้นรั้งไหล่เมียสาวที่กำลังจะลุกให้นอนลงเหมือนเดิมเพราะอยากให้เธอพักผ่อนเมื่อคืนเขาเล่นต่อแขนต่อขาให้ลูกจนเธอแทบหมดแรง ก่อนเขาจะลุกลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้ลูกแทน"กู๊ดมอร์นิ่งค่ะแด๊ดดี๊" อลินดาเอ่ยทักทายเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มจนตายีทันทีที่บิดาเปิดประตูออกมา"มอร์นิ่งคิดส์ครับคนสวย" ภาคินย่อตัวลงหอมแก้มซ้ายแก้มขวาของบุตรสาวฟอดใหญ่แล้วหอมแก้มบุตรชายต่อ "มอร์นิ่งคิดส์ครับคนหล่อ""มอร์นิ่งครับแด๊ดดี๊" อลันยิ้มตอบบิดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นก็พากันเดินเข้าไปในห้อง"ทำไมไม่นอนต่อ" ใบหน้าหล่อเหลาเลิ่กคิ้วขึ้นถามเมื่อเห็นว่าร่างบางนั่งพิงหัวเตียงอยู่"นอนไม่หลับแล้ว" เอวาระบายยิ้มตอบชายหนุ่มแล้วหันไปถามไถ่สองแฝดต่อ "เมื่อคืนนอนกับคุณปู่ คุณย่าเป็นไงบ้างคะ""สบายมากครับ สบายมากค่ะ" สองแฝดตอบเสียงเจื้อยแจ้วก่อนอลินดาจะกระโดดขึ้นเตียงไปนั่งทับหน้าขามารดาที่นั่งยืดขายาวเหยียด การกระทำของบุตรสาวสร้างความ
"ว๊าย!""ภาคินปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ" เอวาร้องท้วงเสียงดังลั่นเมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มก็เดินอ้อมมาช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่เธอกำลังลงจากรถหลังจากรถมาจอดลงหน้าบ้านวิโรจน์อัครโชติแล้ว"ปล่อยแน่...แต่หลังจากต่อแขนต่อขาให้ลูกแล้วนะ" ภาคินตอบหน้าระรื่นไม่ได้สนใจเสียงโวยวายของคนในวงแขนสักนิดอุ้มเธอเดินดุ้ม ๆ เข้าบ้าน "ฉันท้องอยู่นะ คุณคงจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้" คนฟังถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคำพูดจากริมฝีปากหนาทำได้เพียงส่งเสียงร้องท้วงไม่กล้าดิ้นหรือขัดขืนอะไรยกมือขึ้นคล้องคอร่างสูงไว้แน่นเพราะกลัวตกตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วร่างบางถูกภาคินอุ้มมาวางบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนเขาจะตามขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้จับจ้องใบหน้าคมที่ห่างกันเพียงคืบด้วยแววตาหวานเยิ้ม "ผมรักคุณนะ"เอวาระบายยิ้มหวานให้คนด้านบนมองสบแววตาหวานเยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยนยกมือขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลาพร้อมเอื้อนเอ่ยความรู้สึกในใจออกมา "ตอนนี้ฉันยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองรักคุณแล้วหรือเปล่า แต่ฉันมีความสุขและรู้สึกอบอุ่นที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันเชื่อว่าสักวันคุณจะทำให้ฉันกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันรักคุณ ฉันเปิดโอกาสให้คุณได้ทำ
วันเวลาหมุนเวียนมาจนถึงวันงานประมูลเครื่องเพชร รถลีมูซีนคันหรูที่มีสองหนุ่มสาวนั่งอยู่เบาะหลังเคลื่อนตัวมาจอดลงยังหน้าโรงแรมชื่อดังใจกลางเมืองกรุงซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องเพชรร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มเข้ารูปเปิดประตูลงจากรถด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกฝั่ง"ขอบคุณค่ะ" เอวาในชุดเดรสเปิดไหล่แขนพองสีเทาอ่อนยาวเสมอเข่าผ่าข้างเล็กน้อยโชว์เรียวขาขาวเนียนเรียบหรูดูดีก้าวลงจากรถพร้อมระบายยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเชิงขอบคุณ "พร้อมไหม" ชายหนุ่มระบายยิ้มบาง ๆ พร้อมยกแขนขึ้นให้อีกคนคล้อง มือเรียวสอดเข้ามาคล้องแขนแกร่งอย่างว่าง่ายพยักหน้าแทนคำตอบว่าเธอพร้อมแล้วจากนั้นทั้งสองก็เดินควงคู่เข้าไปในงานทันทีที่ภาคินกับเอวาย่างกรายเข้ามาในงานทุกสายตาก็มองมายังทั้งสอง ก่อนเสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นทุกคนต่างให้ความสนใจกับผู้หญิงหน้าตาสะสวยข้างกายนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังเพราะเขาไม่เคยควงผู้หญิงออกงานเลยสักครั้ง กล้องจากนักข่าวหลายสำนักก็กดชัตเตอร์รูปของสองหนุ่มสาวระรัวก่อนจะมีนักข่าวสองสามคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์ "สวัสดีค่ะคุณภาคิน""สวัสดีครับ" ภาคินตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนปรายตามองสี
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบเปลือกตาบางของร่างสูงที่นอนกอดลูกบนเตียงคิงไซส์ให้รู้สึกตัวตื่นในช่วงสาย ๆ ของวันใหม่ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้เจอหน้าลูกเมียเป็นอันดับแรกเขาหยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนโน้มไปจูบหน้าผากบุตรชายที่นอนข้าง ๆ อย่างแผ่วเบาแล้วเลื่อนไปจูบหน้าผากบุตรสาวต่อจากนั้นก็ลงจากเตียงเดินอ้อมไปริมเตียงอีกฝั่งที่แม่สองแฝดนอนอยู่โน้มลงจูบหน้าผากมนเบา ๆ "ผมรักคุณกับลูกนะ" ดวงตาคมกริบไล่มองใบหน้าสามคนแม่ลูกที่นอนหลับบนเตียงด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนละสายตาออกแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวหยิบโน้ตบุ๊คเดินลงมานั่งทำงานที่ห้องนั่งเล่นปล่อยให้เมียกับลูกนอนต่อโดยไม่คิดจะปลุกเพราะเมื่อคืนทั้งสามคนนอนดึกเพราะมัวแต่พูดคุยหยอกล้อกับเขาอยู่"คุณน้าจะไปไหนครับ" ภาคินเปล่งเสียงถามขึ้นเมื่อเหลือบสายตาาไปเห็นมารดาของหญิงสาวกำลังเดินถือตะกร้าผ่านห้องนั่งเล่นไป ดวงเดือนหยุดชะงักหันไปตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าที่ผ่านมา "ว่าจะออกไปจ่ายตลาดหน่อยนะ" ทำคนฟังอย่างภาคินแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของดวงเดือนทั้งที่ที่ผ่านมาเธอมักจะแยกเขี้ยวใส่เขาตลอดบาง
วันต่อมา"มามี๊คะเมื่อไรแด๊ดดี๊จะกลับมา อลินคิดถึงแด๊ดดี๊แล้วค่ะ" เสียงของอลินดาดังขึ้นทำลายความเงียบขณะที่ทุกคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ "อีกสองวันแด๊ดดี๊ก็จะกลับแล้วค่ะ อดทนอีกหน่อยนะคะ" เอวาวางช้อนลงเอื้อมมือไปลูบศรีษะเล็กทุยอย่างเอ็นดูเธอเองก็คิดถึงชายหนุ่มมากเหมือนกันไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงมากขนาดนี้ "อลันก็คิดถึงแด๊ดดี๊ครับ" อลันพูดเสริมอีกเสียงพร้อมทำหน้าเหงาหงอยจนคนเป็นแม่ต้องเลื่อนไปลูบศีรษะปลอบประโลม "เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็กลับมาแล้วครับ""ครับ ค่ะ" สองแฝดพยักหน้ารับรู้แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อเมื่อเสร็จก็ขอมารดาขึ้นไปนอนดูการ์ตูนบนห้องนอน ส่วนเอวาก็ช่วยมารดาเก็บจานล้างจากนั้นก็มานั่งคุยกันต่อที่โซฟา"แม่ว่าลูกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" ดวงเดือนไล่สายตามองบุตรสาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนพูดลอย ๆ เพราะดูบุตรสาวมีน้ำมีนวลอวบอิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก "สงสัยช่วงนี้คงเจริญอาหารค่ะ" คนโดนทักตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ดวงเดือนไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อพูดคุยเรื่องอีกแทนผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอจึงขอแยกตัวออกไปข้างนอกเพราะมีนัดกับเพื่อน ๆ"เฮ้อ" เอวาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เอนกายพิงพนักโซฟาแล้วค่อย ๆ หลับตาลงด้วยสมองหนัก
วันเวลาหมุนเวียนดำเนินไปเรื่อยๆ จากวันเคลื่อนไปเป็นเดือนนี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วที่ภาคินคอยตามดูแลเอวาและลูกๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ วันแรกเป็นยังไงวันนี้เขาก็ยังเป็นแบบนั้นความเสมอต้นเสมอปลายทำให้เอวายอมเปิดใจให้เขาในระดับหนึ่ง ความรู้สึกดีๆ เริ่มก่อตัวเธอยอมรับเลยว่ารู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อยที่มีเขาคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ "เป็นอะไรลูกนั่งหน้าหงอยเชียว คิดถึงภาคินเหรอ" เสียงของดวงเดือนทำให้คนที่นั่งดูทีวีแต่จิตใจกลับเหม่อลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหลุดจากภวังค์ ก่อนหันรีบหันไปปฏิเสธทันควัน "หนูจะคิดถึงเขาทำไมกันละแม่" "ใจลูก ลูกย่อมรู้ดีว่าทำไม" ดวงเดือนระบายยิ้มบางๆ มองบุตรสาวด้วยความเอ็นดูเธออาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมจะดูไม่ออกว่าบุตรสาวเปลี่ยนไปตั้งแต่พ่อของสองแฝดหายไปเพราะต้องบินไปดูงานที่ต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์"..." เอวาเพียงระบายยิ้มให้มารดาถึงปากเธอจะบอกออกไปแบบนั้นแต่ในใจเธอก็คิดถึงเขาจริง ๆ นั่นแหละ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มทำตัวติดเธอกับลูกตลอดไม่เว้นแม้แต่เวลานอนขนาดเธอกลับมาอยู่กับมารดาเขาก็ยังตามมานอนด้วยโดยให้เหตุผลว่าอยากนอนกับลูก ทุกวันเธอจะได้ยินคำหยอดหวาน ๆ จากปากเขาตลอ
หลายวันต่อมาเอวายังคงอยู่ที่บ้านของภาคินเหมือนเดิมไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่วันนั้นแล้วเหตุผลก็คงไม่ต้องบอกเพราะลูกๆ ของเธอยังไงละออดอ้อนให้อยู่ต่อ ดูเหมือนสองแฝดจะติดปู่กับย่าเอามากก็ผู้ใหญ่ทั้งสองเล่นตามใจหลานขนาดนั้นหลานจะไม่ชอบได้ยังไงคนลำบากก็เห็นจะมีแต่เธอนี่แหละถูกพ่อสองแฝดแทะโลมทางสายตา ทางคำพูดและการกระทำทุกวัน เวลานอนก็แอบย่องมานอนกอดเธอทุกคืนถึงแม้จะไม่มีอะไรเกินเลยก็ตามเถอะพอด่าเขาก็ทำหน้ามึนกลายเป็นเธอเสียเองที่ประสาทเสียอย่างเช่นตอนนี้เพี๊ยะ!"ภาคินคุณช่วยตั้งใจขับรถหน่อยได้ไหม" หญิงสาวตีลงบนมือปลาหมึกของร่างสูงที่อยู่ไม่นิ่งยื่นมาวางบนหน้าขาของเธอทั้งที่กำลังขับรถอยู่อย่างแรง"โอ้ย! ผมเจ็บนะ" คนโดนตีร้องโอยด้วยความเจ็บรีบหดมือกลับก่อนหัวเราะออกมาเบา ๆ มิหน่ำซ้ำยังพูดจาเย้าแหย่ให้อีกคนหัวเสียอีก "ผัวจับนิดจับหน่อยไม่ได้หรือไงครับเมีย""พูดจาให้มันดี ๆ ลูกอยู่เห็นไหม" ใบหน้าคมหันขวับไปมองค้อนคนข้างๆ ตาเขียว มือเรียวเอื้อมไปหยิกเอวหนาด้วยความหมั่นไส้"โอ้ยๆ เจ็บๆ" เสียงทุ้มร้องโอดโอยเบาๆ พลางเด้งเอวหนีมือเรียว เอวายกยิ้มมุมปากอย่างสะใจก่อนปล่อยมือออกจากเอวหนาและไม่มีที่จะพูดข
"ภาคิน! อะไรของคุณเนี่ยฉันจะนอน เมื่อกี้ยังไม่พอหรือไง" เอวาเอี่ยวหน้าต่อว่าร่างสูงที่นอนซ้อนหลังเธอภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ด้วยน้ำเสียงดุเพราะเขาเอาแต่กดจูบที่ไหล่สลับกับคลอเคลียซอกคอ มือก็อยู่ไม่นิ่งสอดผ่านเอวคอดกิ่วมาลูบวนหน้าท้องแบนราบแล้วแบบนี้เธอจะข่มตานอนได้ยังไงก่อนหน้านี้เขาก็ตักตวงความสุขจากร่างกายเธอนับครั้งไม่ถ้วนทั้งที่บอกว่าขอแค่ครั้งเดียวซึ่งครั้งเดียวของเขาไม่มีอยู่จริงเล่นเอาน้องสาวเธอบวมช้ำเจ็บแสบไปหมด"ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ" ภาคินยอมหยุดการกระทำนอนกอดร่างบางนิ่งๆ ก่อนกดจูบหนักๆ บนศีรษะเล็กทุยจากนั้นจึงหลับตาลง เอวาไม่ได้ขัดขืนอะไรยอมหลับตาลงในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างว่าง่ายเพราะรู้สึกเหนื่อยจากกิจกรรมก่อนหน้านี้อยากพักผ่อนเต็มทีแล้วเพียงไม่นานทั้งสองก็ผล็อยไป'ก็อก ก็อก'หลายชั่วโมงต่อมาเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มที่นอนกอดร่างบางรู้สึกตัวตื่น มือหนายกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนผงกหน้ามองคนในอ้อมกอดก็พบว่าเธอยังหลับอยู่ เขาค่อยๆ ดึงแขนออกจากเอวคอดกิ่วขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวทำให้อีกคนตื่น แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวจากนั้นก็เดินไ