หลังจากพูด เขาก็ถามเพิ่ม “ถ้าไม่ใช่เพื่อซวงซวง แต่เป็นเพื่อฉันล่ะ?”ที่เขาแสดงออกมาคือความรู้สึกของเขาซ่งอวิ้นอวิ้นโน้มตัวลงไปโอบรอบคอของเขา ซุกใบหน้าที่ลำคอของเขา และฮัมเสียงเบา ๆเพราะเธอชอบผู้ชายคนนี้เป็นเพราะเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแล้วทำให้เธอโกรธเธออยากจะแย่งเขามา ไม่เพียงอยากให้ซวงซวงมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ก็ยิ่งเป็นเพื่อตัวเองด้วยในเวลานั้นฮั่วซุนก็กลับมาเป็นเพราะเขารีบก็เลยไม่ได้เคาะประตู พอผลักประตูเข้ามาเห็นซ่งอวิ้นอวิ้กำลังกอดเจียงเย่าจิ่งอยู่ ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนั้นบุ่มบ่ามเข้ามาเกินไปเมื่อคิดที่จะปิดประตู ก็ได้ยินเสียงเจียงเย่าจิ่ง “ไปรอฉันที่ห้องประชุม”“ครับ” พูดเสร็จฮั่วซุนก็ออกไปพร้อมกับปิดประตูซ่งอวิ้นอวิ้นทำตัวไม่ถูก เธอชักมือที่โอบรอบคอเจียงเย่าจิ่งกลับ “พวกคุณจะคุยเรื่องหาวิธีมาช่วยซวงซวงใช่ไหม?” เธอถามเจียงเย่าจิ่งตอบ “อืม ถ้าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว รออยู่ที่นี่สักพักนะ ฉันไปคุยกับฮั่วซุนเสร็จแล้วจะกลับมา”ซ่งอวิ้นอวิ้นจับเสื้อ ความร้อนใจนั้นก็ทำได้แค่เก็บไว้ ตอนนี้เธอไม่อยากก่อความวุ่นวายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตามคนที่จับซวงซวงไปคือคนตระกูลเจียง เจียงเ
“นายคิดว่าไงล่ะ?” เจียงเย่าจิ่งเคร่งขรึม “ก่อนเย็นวันนี้ต้องให้คำตอบฉัน”พูดจบเจียงเย่าจิ่งก็ลุกขึ้นเขาเหมือนจะคิดอะไรออกอีก ก็เลยพูดกับฮั่วซุนว่า “เอาข้อมูลหญิงคนนั้นของเจียงเย่าเทียนทั้งหมดส่งมาให้ฉันในอีเมล”“ครับ” ฮั่วซุนตอบรับเจียงเย่าจิ่งกลับไปที่ห้องทำงาน ซ่งอวิ้นอวิ้นยังไม่กลับมา เขานั่งที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อเข้าไปตรวจดูอีเมลดูข้อมูลที่ฮั่วซุนส่งมาอย่างคร่าว ๆ มีหนึ่งจุดในนั้น ทำให้เขาต้องครุ่นคิดหลังจากที่เจียงเย่าเทียนกับผู้หญิงคนนี้อยู่ด้วยกัน ตอนนี้ผ่านไปครึ่งปีแล้วที่เขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนอื่นเลยหาแบบนี้ได้ยากนักปกติเจียงเย่าเทียนจะเปลี่ยนผู้หญิงทุกเดือน และไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนไหนนานเกินครึ่งปีเลยบางทีเจียงเย่าเทียนอาจจะเริ่มจริงจังขึ้น?ไม่แน่ใจซ่งอวิ้นอวิ้นขึ้นมา เห็นว่าเจียงเย่าจิ่งอยู่ในห้องแล้ว ก้าวเท้าเข้าไป แล้วถาม “มีวิธีช่วยซวงซวงไหม?”“ไม่ต้องรีบ” เจียงเย่าจิ่งขยับเมาส์ไปปิดหน้าต่างข้อมูลนั้น ซ่งอวิ้นอวิ้นเห็นข้อมูลของผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เลยถาม “เธอเป็นใครเหรอ?”เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้ว คิดว่าสายตาของเธอช่างเฉียบแหลม “ก็แค่ผู้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” เจียงเย่าจิ่งลุกขึ้น ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ขยับเมาส์ แล้วพูด “ถ้าคุณรู้จักเธอดีก็สามารถต่อสู้ได้”เธอมองข้อมูลของผู้หญิงคนนั้นเจียงเย่าจิ่งมองใบหน้าของซ่งอวิ้นอวิ้น รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ชื่นชมความเอาใจใส่ของเธอหลังจากซ่งอวิ้นอวิ้นดูข้อมูลของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ก็พูดขึ้น “สนิทกับเธอไม่น่าจะยาก”“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” เจียงเย่าจิ่งถามซ่งอวิ้นอวิ้นพูด “คุณดู เธอทำงานเกี่ยวกับการเต้น หรือพูดง่าย ๆ ว่าเธอเต้นเก่ง บังเอิญมาก ฉันก็เต้นได้นิดหน่อย แบบนี้ก็ถือว่าคืบหน้าแล้วหรือเปล่าคะ?”เจียงเย่าจิ่งมองเข้าไปที่นัยน์ตาของเธอ มันช่างเป็นประกายใช่สิ ผู้หญิงคนนี้ทำเป็นหลายอย่างเล่นเปียโนเป็น แล้วยังวาดรูปได้ แล้วก็เต้นเป็น อีกทั้งยังเป็นศัลยแพทย์อีก“ใช่สิ” จู่ ๆ เธอก็นึกถึงคนคนหนึ่ง เธอดึงเจียงเย่าจิ่งไว้ “คุณจำประธานหวังเจ้าของรุ่ยคังเภสัชกรรมได้ไหม?”เจียงเย่าจิ่งพูดกับเธอ “จำได้สิ ยังติดต่อธุรกิจกันอยู่”“ภรรยาของเขาเปิดสตูดิโอสอนเต้น พวกนักเรียนต้องสอบวัดระดับ บางทีครูหลี่น่าจะรู้จักนะ” ซ่งอวิ้นอวิ้นตื่นเต้นเล็กน้อย……ยังดีที่ครูหลี่ยังไม่ลืมซ่งอวิ้นอวิ้น
เจียงเย่าจิ่งถาม “เธอทำได้ใช่ไหม?”“คุณวางใจได้ ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบาก ฉันดูแลตัวเองได้ เป้าหมายของฉันคือการช่วยซวงซวง จะไม่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย อีกอย่างฉันคิดว่า การเข้าใกล้ของฉันไม่ทำให้จับได้แน่นอน” ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดออกมาอย่างมั่นใจราวกับว่าจงใจบอกเจียงเย่าจิ่งว่าเธอไม่เป็นอะไรแน่นอน ไม่ต้องห่วงเจียงเย่าจิ่งรู้ว่าเธอนั้นฉลาด แต่ว่าถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เธอก็เอาชนะไม่ได้แน่“อย่าประมาทนะ”“อืม” ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบรับหลังจากนั้นในรถก็เงียบลงทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พบว่าตัวเองไม่รู้จะพูดอะไรไม่นานก็ขับรถมาถึงที่ศูนย์วัฒนธรรม ซ่งอวิ้นอวิ้นลงจากรถแล้วพูดไปหนึ่งประโยค “คุณขับรถดี ๆ นะ”เจียงเย่าจิ่งมองเธอ แล้วพูด “ได้สิ”ซ่งอวิ้นอวิ้นเดินเข้าไป ที่นี่เธอไม่คุ้นเคยเลย พอจะถามก็เจอกับแผนกพัสดุพอดี เธอรู้สึกโชคดีมาก คนที่ทำงานอยู่ข้างในคือหลินหรุ่ยเธอเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปเพื่อให้เห็นว่าเธออยู่ตรงนี้ “สวัสดีค่ะ ฉันมาส่งรายชื่อการสอบวัดระดับค่ะ”“เอามาให้ฉันก็ได้ค่ะ” หลินหรุ่ยนั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์
เธอคิด ที่เจียงเย่าเทียนพูดถึงเด็กจะใช่ซวงซวงไหม?อยู่ไกลเกินไป เธอได้ยินไม่ค่อยชัด พอได้ยินคำว่าเด็กก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาเจียงเย่าเทียนยืนอยู่ตรงหน้าประตูรถ คุยกับคนในสายต่อ “นายพาเธอมา ฉันอยากจะดูสักหน่อย”เขาหาผู้หญิงที่เคยคลอดลูกมา เพราะซวงซวงนั้นร้องไห้หนักมาก แล้วก็ไม่ยอมกินนมผง เขาค้นหาจากในอินเทอร์เน็ตข้อมูลบอกว่า เด็กน้อยไม่ยอมกินนมผง เพราะต้องการนมแม่ ดังนั้นเขาก็เลยให้คนไปหาผู้หญิงที่เคยคลอดลูกมาก่อน ผู้หญิงที่เคยคลอดลูกออกมานั้นมีน้ำนมก็จะสามารถเลี้ยงซวงซวงได้ ซวงซวงก็จะหยุดร้องที่จริงที่ซวงซวงร้องไห้ ไม่ใช่เพราะเขาไม่กินนมผง แต่เป็นเพราะนมผงที่เอาให้เขากินนั้น ไม่ใช่ยี่ห้อก่อนหน้านี้ รสชาติเปลี่ยน ไม่เหมาะสมก็ไม่ยอมกิน ถ้าเปลี่ยนเป็นยี่ห้อที่เคยกิน เขาต้องกินอย่างแน่นอนแต่เจียงเย่าเทียนนั้นไม่รู้ฝั่งนั้นตอบรับเขาก็วางสายไป เมื่อขึ้นรถ เขามองไปที่หลินหรุ่ยที่ยืนอยู่ไม่ไกล หายใจเข้าลึก ๆ ยังเป็นห่วงเธอประโยคนี้ แต่ว่าก็กลัวว่าจะให้ความหวังเธอ ทำได้แค่ขึ้นรถแล้วจากไปซ่งอวิ้นอวิ้นร้อนใจ เมื่อกี้เจียงเย่าเทียนพูดถึงเด็ก เป็นเพราะเขากำลังไปเจอเด็กตอนนี้เหรอ?เมื่อตนเอ
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ซ่งอวิ้นอวิ้นถามหลินหรุ่ยรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร มันเจ็บปวดเกินที่จะพูดออกไป “ฉันกับเขาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่เวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั้นมีความสุขมาก เขามาดูฉันแสดงละคร แล้วยังพาฉันไปกินอะไรอร่อย ๆ ไปเดินเล่นด้วยกัน ฉันชอบพิงไหล่เขาเวลาดูหนัง…”เธอนึกถึงตรงนี้ ในตาก็รู้สึกชื้นขึ้นมา“จริง ๆ ฉันก็เข้าใจนะ พวกเราสองคนไม่เหมาะสมกัน ภูมิหลังของเราต่างกัน เขาเป็นนายน้อยตระกูลเจียง ฉันเป็นแค่นักแสดงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร จะอยู่กับเขาได้ยังไง ก็แค่มันกะทันหันเกินไป ฉันตั้งรับไม่ทัน แต่ฉันก็เข้าใจชัดเจน ไม่ช้าก็เร็วพวกเราจะต้องเป็นแบบนี้ในสักวัน”ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอย่างตั้งใจ แล้วลองถามออกไป “ทำไมจู่ ๆ เขาก็อยากเลิกล่ะ หรือว่ามีผู้หญิงคนอื่น พวกผู้ชายชอบนอกใจ”หลินหรุ่ยคิดอย่างรอบคอบ “ไม่น่าจะมีนะ แต่ช่วงนี้เขาดูยุ่ง ๆ”“เขายุ่งเรื่องอะไรกัน?” ซ่งอวิ้นอวิ้นแกล้งถามออกไปอย่างไม่รู้“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” จู่ ๆ หลินหรุ่ยก็พบว่าที่เธอถามนั้นมันเกี่ยวกับเจียงเย่าเทียน และเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น “คุณจะอยากรู้ไปทำไมกัน?”ซ่งอวิ้นอวิ้นแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร “ฉันไม่
“ทำไมเธอดูตกใจจัง?” หลินหรุ่ยมองซ่งอวิ้นอวิ้นซ่งอวิ้นอวิ้นควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันเป็นหมอ งานอดิเรกของฉันคือการเต้น ไม่เคยเล่นการพนันเลย แล้วยิ่งเป็นการไปกาสิโน ฉันก็รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้น ก็เลยแปลกใจมากน่ะ…”หลินหรุ่ยพูด “ฉันพูดกับเธอ เธออย่าเอาไปบอกใครนะ ยังไงก็แล้วแต่ธุรกิจประเภทนี้ไม่ได้รับอนุญาต ถ้าเกิดจับได้ เขาก็จะถูกดำเนินคดี”ซ่งอวิ้นอวิ้นแสดงออกว่าจะไม่มีทางพูดออกไป หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง “เขาอยากเลิกกับเธอ ทำไมเธอถึงยังนึกถึงเขา?”“ยังไงก็เคยใส่ใจกันมาก่อน” หลินหรุ่ยพูดเสียงเบา น้ำเสียงดูสิ้นหวังและเศร้ามาก “แม้จะเลิกกันไปแล้ว ก็ไม่อยากเห็นเขาต้องติดคุก”“เธอบอกว่าเขาเป็นนายน้อยของตระกูลเจียงไม่ใช่เหรอ? ตระกูลเจียงมีทั้งเงินและอำนาจ คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง?” ซ่งอวิ้นอวิ้นแกล้งทำว่าไม่รู้อะไรเลยหลิยรุ่ยพูด “ถึงแม้ฉันจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเขามากนัก แต่ว่าฉันรู้อยู่เรื่องหนึ่งว่า เขากับลูกพี่ลูกน้องเขานั้นมีความแค้นต่อกัน ดังนั้นเขาก็เลยแอบเปิดกาสิโน ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จริง ๆ ถ้าเกิดลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่ยุ่งกับเขา เขาก็คงไม่กลัวอะไร”ซ่งอว
ถ้าหลินหรุ่ยไม่บอกเธอ เธอก็ไม่คิดเลยว่าในตู้คอนเทนเนอร์จะมีกาสิโนอยู่“ไป ฉันจะพาเธอไป” หลินหรุ่ยพาเธอไปที่เรือลำเล็ก เรือลำเล็กมีพนักงานอยู่สองคน คนที่จะเข้าไปในกาสิโน ต้องผ่านเรือลำเล็กนี้เพื่อเข้าไปทั้งหมดเมื่อพนักงานทั้งสองคนเห็นหลินหรุ่ย ก็ให้เธอขึ้นเรือไปแต่พวกเขาไม่เคยเห็นซ่งอวิ้นอวิ้น ก็ขวางเธอไว้ “คุณขึ้นไปไม่ได้”“เธอมากับฉัน” หลินหรุ่ยบอก “เธอเป็นเพื่อนฉัน นายน้อยของพวกคุณให้ฉันมา ไม่ต้องพูด ฉันก็รู้ เพื่อนของฉันก็รู้ วันนี้ที่ฉันมาก็เพราะมาหานายน้อยของพวกคุณ เขาอยู่ใช่ไหม?”ครั้งที่แล้วเจียงเย่าเทียนพาหลินหรุ่ยมาทุกคนก็รู้กันว่าเธอคือผู้หญิงของเจียงเย่าเทียนแต่เธอก็พูดไปแล้ว พนักงานทั้งสองคนก็ทำได้แค่ปล่อยให้ซ่งอวิ้นอวิ้นขึ้นไป“แต่ว่าพวกคุณต้องเอาโทรศัพท์มาให้ผม”หลินหรุ่ยรู้กฎดีก็เลยเป็นคนเอาโทรศัพท์ให้พวกเขาเป็นคนแรกซ่งอวิ้นอวิ้นจำเป็นต้องติดต่อกับเจียงเย่าจิ่งถ้าเอาออกไป เธอต้องส่งข่าวเกี่ยวกับซวงซวง แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะติดต่อกับเจียงเย่าจิ่งได้“นี่…”“มันคือกฎ กลัวว่าคนบนเรือจะติดต่อกับคนข้างนอก” หลินหรุ่ยเห็นเธอลังเล ก็เลยพูดกับเธอซ่งอวิ้นอวิ้นก็ท
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื