ไม่ชอบเอามาก ๆ เลย! “อย่ามาเรียกฉันแบบนั้นนะ เรียกชื่อฉันซะ” เขาออกคำสั่ง “ฉันไม่…” ก่อนที่ซ่งอวิ้นอวิ้นจะทันได้พูดปฏิเสธให้จบคำ เจียงเย่าจิ่งก็จูบผนึกริมฝีปากจอมคัดค้านของเธอ เธอกัดฟันแน่นไม่ยอมให้เขาได้ครอบครองอีก! เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลงเผชิญกับสายตาท้าทายของซ่งอวิ้นอวิ้น “เธอไม่อยากให้ฉันจูบเหรอ? งั้นเธออยากให้ใครจูบล่ะ?” เขายิ้มเยาะ “กู้ฮว๋ายงั้นเหรอ?” ซ่งอวิ้นอวิ้นฝืนใจเอ่ยสวนทางกับความรู้สึกที่แท้จริงว่า “ใช่” เจียงเย่าจิ่งสีหน้าหม่นคล้ำ แลดูไม่พอใจสุดขีด ไม่พอใจสุด ๆ ไปเลย! เขาแค่นยิ้มเย็นชา “เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย!” เมื่อเขาพูดจบก็กดจูบใส่เธออีกครั้ง แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นก็ยังขัดขืน เขากัดริมฝีปากของเธออย่างแรงจนทำให้ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้สึกเจ็บ “อ๊ะ…” เธอสะดุ้งหนีพร้อมดวงตาไหวระริก ทั้ง ๆ ที่เธอรู้สึกอับอายสุดขีดแต่กลับแสร้งตอบรับ เจียงเย่าจิ่งตะลึงงันไปชั่วขณะเพราะเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ก่อนที่เขาจะทันได้เพลิดเพลิน วินาทีต่อมา ซ่งอวิ้นอวิ้นก็กัดริมฝีปากของเขาแรงสุดขีด มิหนำซ้ำยังกัดแรงยิ่งกว่าตอนที่เขากัดเธอมากมายนัก เจียงเย่าจิ่งไม่ขัดขืน ถึงขนาดไม่ขมวดคิ้วแล
“หยางเชี่ยนเชี่ยนถูกทำร้ายระหว่างที่เดินทางไปบริษัทสาขา” เจียงเย่าจิ่งพูดว่า “นายก็จัดการไปสิ” “เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและยืนกรานว่าจะพบคุณให้ได้ ไม่งั้นเธอจะไม่ยอมรักษาครับ” เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ฉันเข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็วางสาย! ฮั่วซุนไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร แต่หยางเชี่ยนเชี่ยนเอาแต่ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่ที่นี่ หลังจากนึกถึงเรื่องนั้น เขาก็ส่งที่อยู่ผ่านข้อความตัวอักษรให้เจียงเย่าจิ่ง! บางทีพอเขาเห็นที่อยู่อาจจะมาก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขาทำอะไรไม่ได้ แต่เป็นเพราะเขารับมือไม่ไหว ตอนนี้เขามั่นใจว่าเจียงเย่าจิ่งไม่ได้ชอบหยางเชี่ยนเชี่ยน มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงไม่โยกย้ายเธอไปที่บริษัทสาขาหรอก การที่ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่น่าจะเป็นเพราะความเชื่อมโยงกับจี้หยกเสียมากกว่า! ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรได้และต้องให้เจียงเย่าจิ่งมาจัดการเอง! เจียงเย่าจิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วบอกซ่งอวิ้นอวิ้นว่า “ทำตัวดี ๆ ล่ะ พอดีฉันต้องออกไปจัดการเรื่องบางอย่าง” ซ่งอวิ้นอวิ้นได้ยินคำว่า หยางเชี่ยนเชี่ยน ตอนนี้เขากำลังจะออกไปหาหยางเชี่ยนเชี่ยนอย่างนั้นเหรอ? เธอไ
เจียงเย่าจิ่งถอยหลังไปสองก้าวเพื่อหลบเลี่ยงเธอ เมื่อหยางเชี่ยนเชี่ยนโดนสลัดทิ้งอย่างไม่ไยดีก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมา เธอถามเจียงเย่าจิ่งพร้อมดวงตาแดงก่ำ “ทำไมคุณต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วยคะ?” เจียงเย่าจิ่งยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ “อย่างน้อยฉันก็เคยช่วยชีวิตคุณไว้ไม่ใช่เหรอคะ? คุณรู้ไหมว่าฉันเกือบโดนคนพวกนั้นข่มขืนแล้ว” หยางเชี่ยนเชี่ยนร้องไห้ด้วยท่าทีระทมทุกข์ เจียงเย่าจิ่งขมวดคิ้วด้วยความดูถูกดูแคลน “ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ไม่ไปบริษัทสาขาหรอกค่ะ!” เธอตีโพยตีพาย “เธอโตในต่างประเทศ ฉันจัดหางานอื่นให้เธอที่นั่นได้” เจียงเย่าจิ่งเอ่ยขึ้นมา แม้หยางเชี่ยนเชี่ยนจะทำแบบนี้ เขาก็ยังไม่ยอมผ่อนปรน หยางเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากเชื่อเลย เขาไม่มีหัวใจหรืออย่างไร? เธอมีบาดแผลบนใบหน้า เขามองไม่เห็นเลยเชียวเหรอ? ทำไมเขาต้องตีตัวออกหากด้วย? “ทำไมฉันถึงทำงานอยู่ในบริษัทต่อไปไม่ได้คะ? มีเรื่องอะไรที่ฉันทำได้ไม่ดีหรือเปล่าคะ? ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้…” “ฉันจัดหางานให้เธอเพราะปู่ และเป็นเพราะเธอเป็นเจ้าของจี้หยก ไม่งั้นเธอคิดว่าตัวเองจะได้มาอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? ฉันจัดการงานให้เธอก็นับว่าไว้หน้าเธ
“นั่นรั่วเช่อไม่ใช่เหรอครับ?” ฮั่วซุนเอ่ยด้วยความประหลาดจาก “เขาชอบเฉินเวินเหยียนมากไม่ใช่เหรอ? เขาดูเหมือนอยากจะตายเสียให้ได้แท้ ๆ ทำไมถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไวเสียขนาดนั้นล่ะ?” เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “ฉันสั่งให้นายคอยจับตาดูเขาไว้ แต่นายกลับไม่รู้เรื่องที่เขากำลังจะแต่งงานเลยงั้นเหรอ?” เขาเกรงว่ารั่วเช่อจะแก้แค้นเพราะเรื่องของเฉินเวินเหยียน ดังนั้นเขาจึงสั่งฮั่วซุนให้คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ฮั่วซุนรีบอธิบายให้ฟังว่า “ผมให้คนคอยจับตาดูเขาไว้แล้ว แต่เขาวางตัวดีมาก แม้แต่ผู้หญิงคนนี้ผมก็ไม่รู้จักเธอเลยครับ” “คุณเจียงครับ คุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาคล้ายกับเฉินเวินเหยียนไหมรับ?” ฮั่วซุนเจตนาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เพราะเกรงว่าเจียงเย่าจิ่งจะถือโทษที่เขาไม่ได้จัดการเรื่องราวให้ดี “หรือว่าเขาจะหาคนอื่นมาเป็นตัวแทน?” เจียงเย่าจิ่งไม่สนใจในตัวผู้หญิงที่อยู่กับรั่วเช่อ ทว่ากลับรู้สึกประหลาดใจที่เขาแต่งงานเร็วขนาดนั้น ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายไม่ลังเลที่จะล่วงเกินเจียงเย่าหมิงเพื่อเฉินเวินเหยียน อันแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกแท้จริงที่มีต่อเฉินเวินเหยียน “ไม่ต้อ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพราะเขาคิดว่าเป็นสายจากซ่งอวิ้นอวิ้น ดังนั้นเขาจึงรับสายอย่างรวดเร็ว "ฮัลโหล..." “แม่ของคุณอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว ถ้าคุณอยากให้พวกเราปล่อยเธอไป ก็ช่วยมาพบนายท่านของผมด้วยครับ” “พ่อบ้านเฉียน?” เมื่อกู้ฮว๋ายได้ยินเสียงก็หรี่ตา “คุณลักพาตัวแม่ของผมไปงั้นเหรอ?” “ครับ” พ่อบ้านเฉียนตอบ กู้ฮว๋ายเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ที่ไหนล่ะ?” “โลตัสการ์เด้น” พ่อบ้านเฉียนตอบกลับมา “ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ” เขาเอ่ยเน้นทีละคำด้วยสีหน้าคุกคาม แม้ว่าบางครั้งเขาจะเชื่อใจไม่ได้ แต่เขากลับกตัญญูกับพ่อแม่มากทีเดียว โดยเฉพาะแม่ของเขา นอกเหนือไปจากนั้น เขาก็ไม่เคยก่อคดีอุกฉกรรจ์เลย! “เตรียมรถให้ฉันที ฉันจะออกไปข้างนอก” กู้ฮว๋ายโกรธจัด ผู้ช่วยรู้สึกสับสนขึ้นมา เดี๋ยวก็บอกให้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ อีกประเดี๋ยวหนึ่งก็ให้เตรียมรถยนต์ เขาตรงเตรียมยานพาหนะแบบไหนกันแน่? “คุณกู้…” “เตรียมรถยนต์!” กู้ฮว๋ายขึ้นเสียงใส่ เมื่อผู้ช่วยเข้าใจแล้วก็รีบบอกว่า “ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ” เขาเกาลำคอด้วยท่าทีหงุดหงิดใจ เพราะไม่เพียงจะหาตัวซ่งอวิ้นอวิ้นไม่พบ ทว่าตอนนี้แม่ของเขาเองก็ต
เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาเกินไป เขาจึงซ่อนตัวลูกของซ่งอวิ้นอวิ้นเอาไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็กแล้วจ้างพี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพมาคอยดูแล เมื่อเข้ามาก็ดำเนินการตามขั้นตอนแล้วอุ้มเด็กออกมา เพราะเขาต้องขับรถจึงต้องวางซวงซวงเอาไว้บนเบาะหลัง โชคดีที่ซวงซวงเพิ่งจะดื่มนมแล้วหลับไป ขืนเด็กตื่นขึ้นมา เขาคงได้ร้องไห้เป็นแน่! เขาเหลือบมองกระจกมองหลังเป็นบางครั้งบางคราว เด็กคนนี้ไม่ค่อยเหมือนซ่งอวิ้นอวิ้นเลย แต่กลับเหมือนเจียงเย่าจิ่งเสียมากกว่า! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา ในที่สุดเขาก็จับตัวเด็กมาข่มขู่ซ่งอวิ้นอวิ้นได้ แต่ทุกอย่างกลับหายวับไปทันที! เขารู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจยิ่งนักทว่าตอนนี้กลับทำอะไรไม่ได้เลย เขาไม่อาจละเลยแม่ตัวเองได้ เขาจึงได้แต่เอาเด็กมาแลกเปลี่ยนกับนายท่านเจียง ต้องบอกเลยว่าวิธีการโต้ตอบชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันของนายท่านเจียงได้ผลดีทีเดียว กู้ฮว๋ายกำหมัดแน่นทันที เมื่อกู้ฮว๋ายขับรถมาถึงบ้านตระกูลเจียง เขาก็อุ้มซวงซวงแล้วเดินเข้ามา นายท่านเจียงกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะน้ำชาเฟิงสุ่ย(1) ท่าทางชงชาและรินชาอันสงบนิ่งพลางถามไถ่เรื่องชาและลิ้มรสชาไปด้วย ช่างแ
ถึงแม้ว่าแม่กู้ฮว๋ายจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เธอก็รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะคุยกัน เมื่อพวกเขาขึ้นรถไปแล้ว เธอจึงกุมมือของลูกชายแล้วพูดว่า “บอกแม่มาเถอะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากประสบการณ์อันแสนสาหัสในครั้งนี้ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา “อาฮว๋าย หลังพ่อของลูกจากไป เขาก็มอบอำนาจในบริษัทให้ลูกอย่างเต็มที่ แม่ก็ไม่เข้าใจเรื่องบริษัทนักก็เลยช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย แม่รู้ว่าลูกลำบาก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกอย่าได้บีบบังคับคนที่ไม่ได้รักลูกให้มาแต่งงานด้วยเลย เพราะลูกเองก็จะไม่มีความสุขนะ” แม่กู้ฮว๋ายแสดงความเป็นห่วงลูกชาย เพราะไม่อยากให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักเขาเลย ถึงตอนนั้นเขาเองก็คงจะไม่มีความสุข! เธอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และเธอก็คิดจากมุมมองของผู้หญิงที่โดนบีบบังคับเช่นกัน การแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักนับเป็นเรื่องโชคร้าย “แม่หวังว่าลูกสะใภ้ของแม่จะเป็นคนอ่อนโยนช่างเห็นอกเห็นใจ ที่สำคัญที่สุดคือเธอต้องรักลูกและลูกก็รักเธอเหมือนกัน การแต่งงานแบบนี้ต่างหากถึงจะยั่งยืน ที่แม่ไม่ยอมไปกับพ่อของลูกก็เพราะแม่ทนจากลูกไปไม่ได้” แม
เมื่อนายท่านเจียงเงยหน้าขึ้นก็เห็นเจียงเย่าเทียนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขาพับสิ่งที่อยู่ในมือเก็บใส่กระเป๋าแล้วถามว่า “แกมาทำอะไรที่นี่?” “พาเพื่อนมาหาหมอน่ะครับ…” ก่อนที่เขาจะทันได้พูดให้จบ ก็มีสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาควงแขนของเจียงเย่าเทียน เจียงเย่าเทียนชักแขนออกทันที เขากระซิบบอกเธอว่า “กลับไป” ผู้หญิงคนนั้นไม่เข้าใจแล้วยิ้มออกมา “เย่าเทียน…” “ฉันบอกให้เธอกลับไปยังไงเล่า เธอไม่เข้าใจหรือไง?” สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าก้มตาเดินจากไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก “คุณปู่ครับ...” นายท่านเจียงเหลือบมองผู้หญิงที่เดินจากไปแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงขรึมเคร่งว่า “แกไม่ใช่เด็กแล้วนะ แต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ อย่ามัวแต่ให้ผู้หญิงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้มาห้อมล้อมอยู่เลย” เจียงเย่าเทียนยิ้ม “ครับ ๆ ผมเชื่อฟังปู่อยู่แล้วล่ะ เอ้อจริงสิ ผมได้ยินปู่พูดว่าพี่ชายผมมีลูกแล้วงั้นเหรอ?” ขณะที่เขาพูดก็มองมาที่อ้อมแขนของบอดี้การ์ด นายท่านเจียงพูดขัดจังหวะขึ้นมาทันทีว่า “แกได้ยินผิดแล้วล่ะ พี่ชายแกจะมีลูกได้ยังไงกันเล่า?” เขาจง
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื