ซ่งอวิ้นอวิ้นทำตามอย่างว่าง่ายตอนนี้ยิ่งเธอเชื่อฟังมากเท่าไหร่ ชายผิวดำตัวผอมก็จะยิ่งวางใจมากขึ้นเท่านั้นในขณะที่เขากำลังปลดเข็มขัดเขาก็บอกให้ซ่งอิ้นอวิ้นถอดเสื้อผ้าเธอออก!ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกช้า ๆ เธอกวาดตามองสิ่งของที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ที่นี่มีแต่วัชพืชและก้อนกรวด เธอสะดุดตากับของมีคมชิ้นหนึ่งที่เอามาเป็นอาวุธได้อยู่ เธอจึงใช้เท้าเหยียบหญ้าที่อยู่บนพื้นก่อนจะเอ่ย “นอนหน่อยจะได้ไม่เจ็บ”ชายตัวดำไม่ทันได้ป้องกันตัวใด ๆ และชมเธอไปอีกว่าเธอน่าสนใจซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “งั้นคุณก็ถอดเสื้อไว้ที่พื้นสิ”“ได้”เขาอยากจะถอดเสื้อผ้าออกอยู่แล้ว แต่เมื่อมีสาวงามมาพูดแบบนี้ ชายตัวดำจึงรู้สึกดีใจซ่งอวิ้นอวิ้นฉวยโอกาสจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังถอดเสื้อผ้าก้มลงหยิบหินมาไว้ในมือ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ชายตัวดำและฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่ทันตั้งตัวทุบไปที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอจนเลือดไหลออกมาชายตัวดำได้ร้องโหยหวนออกมา เขาเอามือปิดคอตัวเองและด่ากราด “นังสารเลว กล้าดียังไงมาทำร้ายฉัน!”เขากำลังจะคว้าผมของซ่งอวิ้นอวิ้น แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นไหวตัวทัน เธอหลบได้ก่อนจะรีบวิ่งหน
รู้สึกดีชะมัด!เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ซ่งอวิ้นอวิ้นยังไม่ตายจุดที่เธอกระโดดลงไปนั้นน้ำลึกมากพอที่จะรองรับเธอได้ เธอเรียนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงมีทักษะการว่ายน้ำที่ดีเธอไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมโดยรอบและแค่อยากจะขึ้นฝั่งเร็ว ๆ แต่ก็ไม่กล้าขึ้นฝั่งที่นี่เพราะกลัวว่าไป๋ซิ่วฮุ่ยยังไม่ไปไหนตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อยแล้วทันใดนั้นก็มีแสงสว่างส่องมาที่เธอ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงบางอย่าง “มีคนอยู่ที่นี่”ซ่งอวิ้นอวิ้นสะดุ้ง ไป๋ซิ่วฮุ่ยมาตามหาเธอที่นี่เหรอ?เธอว่ายน้ำอย่างสิ้นหวัง แต่ไม่ว่าเธอจะว่ายน้ำเร็วแค่ไหนก็ไม่เร็วเท่าเรือได้ ลั่วเฉอได้ตะโกนขึ้นมา “เฉินเวินเหยียน? นั่นคุณเหรอ?“แสงนั่นส่องไปยังใบหน้าของซ่งอวิ้นอวิ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เฉินเวินเหยียนลั่วเฉอขมวดคิ้วด้วยความผิดหวังเล็กน้อยฮั่วซุนพาคนออกไปแล้ว แต่ก็ตามหาเฉินเวินเหยียนไม่เจอเลยทั้งคืน คงไม่ใช่ว่าเธอตายไปแล้วนะลั่วเฉอตามหาทุกที่ แต่ก็ไม่มีวี่แววเลยความหวังของลั่วเฉอเริ่มจะเลือนรางไปทุกทีในใจเขารู้สึกสูญเสีย“คุณว่ายน้ำอยู่ที่นี่เหรอ?” ลั่วเฉอเอ่ยถามเขารู้สึกแปลกใจเพราะที่นี่ไม่มีชายฝั่ง เป็นสถานท
ลั่วเฉอไม่เชื่อเธอเขาหัวเราะเยาะ “เธอคิดว่าฉันโง่หรือไง? ดูหลอกง่ายขนาดนั้นเลย?”ซ่งอวิ้นอวิ้นยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันไม่ได้หลอกคุณนะ ฉันพูดจริง เพราะฉันก็มีความแค้นกับเจียงเย่าจิ่งเหมือนกัน”“เธอมีความแค้นอะไรกับเจียงเย่าจิ่ง?” ลั่วเฉอยังคงไม่เชื่อเธอซ่งอวิ้นอวิ้นอธิบายด้วยความอดทน “คุณบอกว่าคุณรู้ว่าฉันกับเจียงเย่าจิ่งมีความสัมพันธ์กันยังไง งั้นไหนบอกสิว่าเรามีความสัมพันธ์กันยังไง?”เธอถามแบบนี้อีกด้านหนึ่งก็เพื่อฟังน้ำเสียงของลั่วเฉอ และอีกด้านหนึ่งเพื่อต้องการทดสอบว่าลั่วเฉอรู้เรื่องราวของเจียงเย่าจิ่งกับเธอมากน้อยแค่ไหนแบบนี้จะทำให้เธอรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อดีลั่วเฉอเลิกคิ้ว เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจียงเย่าจิ่งและซ่งอวิ้นอวิ้นมากนัก เขาได้ยินสิ่งเหล่านี้มาจากปากของเฉินเวินเหยียนเพียงเท่านั้นถ้าลูกน้องไม่เตือนเขาเมื่อกี้ เขาคงจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ“พวกเธอจะมีความสัมพันธ์อะไรนอกเหนือจากนั้นไปได้อีกล่ะ? ก็ต้องเป็นแฟนกันอยู่แล้ว” เขาเอ่ยเจียงเย่าจิ่งยังไม่ได้แต่งงาน ถ้าเขาจะมีผู้หญิง ก็ต้องเป็นแฟนสิ!ซ่งอวิ้นอวิ้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลั่วเฉอรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องอะไรกับเจียงเย่
ดูเหมือนเป็นเสียงรินเหล้า!ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงต่ำในลำคอ “พี่ ไม่ต้องดื่มต่อแล้ว”“ทำไมพี่จะดื่มไม่ได้? เธอยังหักหลังพี่ได้เลย” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความผิดหวังและความเสียใจ และยากเกินกว่าที่จะยอมรับได้!“พี่ฟังฉันนะ ฉันจำได้แค่เบอร์พี่ ฉันเลยติดต่อพี่ไป ตอนนี้ฉันถูกคนจับตัวไปอยู่ที่โรงแรม ฉันจะบอกว่า…”ซ่งอวิ้นอวิ้นยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นเธอสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบวางสายมือถือไปทางด้านเสิ่นจือเชียนก็เมามากจนคิดตามสิ่งที่ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดไปเมื่อกี้ไม่ได้เลยสายตัดไปแล้วแต่เขาก็ยังคงงุนงงอยู่ซ่งอวิ้นอวิ้นรีบสวมเสื้อผ้าก่อนจะเดินไปเปิดประตูคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือลั่วเฉอดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาอีกครั้งเพราะนึกได้ว่าในโรงแรมมีโทรศัพท์มือถือให้เธอได้ติดต่อกับโลกภายนอกเขาก้าวเข้ามาก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปยังโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเขาเอ่ยถาม “เธอติดต่อกับเจียงเย่าจิ่งเหรอ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นจำเบอร์ของเจียงเย่าจิ่งไม่ได้ ไม่งั้นเมื่อกี้เธอติดต่อเจียงเย่าจิ่งไปแล้วเธอยิ้มพลางเอ่ย “เปล่า”ลั่วเฉอไม่เชื่อ ก่อนจะให้คนไปที่แผนกต้อนรับเพื่อตรวจดูบันทึกการโทรซ่งอว
ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าคนรุ่นสองที่ไม่เคยเจอความยากลำบากแบบเขาจะกลัวตายมาก“ปล่อยฉันไป” เธอพูดตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่สงบลั่วเฉอปฏิเสธ “ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะกล้าฆ่าฉัน”เขารู้สึกว่าซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะเอาความกล้าที่ไหนทำเรื่องแบบนี้!แต่เขาไม่รู้ว่าสำหรับหมอคนหนึ่งที่จับมีดผ่าตัดนับครั้งไม่ถ้วนจะขี้ขลาดได้อย่างไร!ซ่งอวิ้นอวิ้นกรีดแก้วที่แหลมคมเข้าไปในผิวหนังของเขาจนเกิดแผลลั่วเฉอรู้สึกเจ็บปวด ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสกับเลือดอุ่นข้นคลักที่ไหลออกมา!“เธอ เธอ เธอกล้าเหรอ?”เขาตื่นตระหนกจนแทบพูดไม่เป็นภาษา“คุณอยากทำลายฉันอยู่แล้ว ถ้าฉันยังไม่ลงมือฉันจะใช้ชีวิตต่อได้ไงล่ะ?” ซ่งอวิ้นอวิ้นที่จับมีดผ่าตัดตลอด เธอสามารถควบคุมแรงการจับมีดได้อย่างมั่นคงได้อยู่แล้ว ทำให้ลั่วเฉอรู้สึกเจ็บและมีเลือดไหลออกมา ความรู้สึกจากการมองก็จะรุนแรง แต่ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตอะไรเป็นเพราะเธอเลือกตำแหน่งการกรีดด้วย!ในฐานะที่เป็นหมอเธอย่อมต้องรู้จักโครงสร้างของร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดี!รู้ว่าจุดไหนจะถึงแก่ชีวิต! จุดไหนที่ไม่ถึงแก่ชีวิต!“ฉันแค่กลัวว่าเธอจะกลับคำพูดเลยมีข้อแลก
เมื่อกลับเข้ามาในห้อง เธอก็หยิบมือถือออกมา บนหน้าจอปรากฏชื่อสายที่ไม่ได้รับเป็นอันลู่นั่นเองที่โทรมาเธอโทรกลับไปทันทีไม่นานก็มีคนรับสาย“อวิ้นอวิ้น”น้ำเสียงของอันลู่ดูเคร่งเครียดมาก“อยู่ค่ะ” ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบรับ“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ติดต่อเธอไม่ได้เลย พี่เป็นห่วงเธอมากนะ”“ฉันไม่เป็นไรค่ะ พี่มาแล้วเหรอ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันไปหา” ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ย“ตอนนี้พี่ทำงานอยู่ เย็น ๆ ถึงจะว่าง หลัง 6 โมง เธอค่อยโทรมาหาพี่อีกทีนะ เดี๋ยวหาที่เจอกัน” อันลู่เอ่ย“ได้ค่ะ” ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบกลับ ก่อนจะเอ่ยถาม “แม่กับซวงซวงยังสบายดีใช่ไหมคะ?”“ใช่ พวกเขาอยู่กับพี่ เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”“โอเคค่ะ”ซ่งอวิ้นอวิ้นยังคงคิดถึงพวกเขามาก โดยเฉพาะซวงซวง เธอแยกกับเขาหลังจากที่คลอดเขาออกมาตอนนี้เธออยากกอดเขามาก ๆ “คุณผู้หญิง ฉันทำของกินให้ค่ะ คุณทานสักหน่อยนะคะ” ป้าหวู่เข้ามาอย่างกะทันหันอันลู่ได้ยินเสียงที่เข้าสายมาพอดีจึงเอ่ยว่า “รู้ว่าเธอยังสบายใจพี่ก็หายห่วงแล้ว งั้นวางสายก่อนแล้วกัน ค่อยติดต่อกันอีกทีเย็น ๆ นะ!”“ได้ค่ะ” ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบรับ ก่อนจะวางสายโทรศัพท์และตามป้าหวู่ลงไปชั
ตอนนี้แววตาของเจียงเย่าจิ่งที่มองซ่งอวิ้นอวิ้นนั้นราวกับมีดนับพันเล่มที่พร้อมจะหั่นเธอเป็นชิ้น ๆ!ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้ซ่งอวิ้นอวิ้นคงตายไปแล้วล่ะ!“ตอนนั้นฉัน…” ซ่งอวิ้นอวิ้นพยายามจะอธิบายเจียงเย่าจิ่งลุกขึ้นทันทีราวกับว่าเขาไม่คิดที่จะฟังสิ่งที่เธอพูดและข้ออ้างใด ๆ ของเธอทั้งนั้น ก่อนจะเดินออกห้องอาหารไปซ่งอวิ้นอวิ้นเม้มริมฝีปากแน่นและไม่ได้ตามเขาไปตอนนี้เจียงเย่าจิ่งโมโหหนักมาก ต่อให้ตามเขาไปเขาก็ไม่ใจเย็นฟังสิ่งที่เธอพูดหรอกก็คงทำได้แค่ให้เขาไปสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน รอเขาใจเย็นลงแล้วค่อยไปอธิบายอีกที“ฮัดเช่ย”ซ่งอวิ้นอวิ้นเอามือปิดปากตัวเองแล้วจามออกมาป้าหวู่เห็นดังนั้นจึงรีบเอ่ยถาม “คุณเป็นหวัดหรือเปล่าคะ?”ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้าป้าหวู่จึงไปเอายาแก้หวัดมาให้เธอกินซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ย “ขอบคุณนะคะ”ป้าหวู่ยิ้มแล้วเอ่ย “คุณเป็นภรรยาของคุณผู้ชาย หน้าที่ของป้าคือการดูแลคุณค่ะ”พูดถึงเจียงเย่าจิ่ง ซ่งอวิ้นอวิ้นก็หรี่ตาลงเธอเอายาเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ เธอก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแล้วออกไปข้างนอกเธอไปโรงพยาบาลก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไป๋ซิ
พอไม่มีซ่งอวิ้นอวิ้นแล้วเธอก็อารมณ์ดีเลยทันทีคิดว่าหลังจากนี้สมบัติของตระกูลซ่งก็จะตกเป็นของลูกชายเธอแล้วของของลูกชาย ก็คือของของเธอเช่นกัน“ฉันทำอาหารตามที่แพทย์สั่งมาให้คุณแล้วนะคะ มีส่วนผสมทั้งเนื้อสัตว์และผักคุณภาพดี คุณต้องทานเยอะหน่อยนะคะ อาการป่วยจะได้ดีขึ้นเร็วหน่อย” ไป๋ซิ่วฮุ่ยเอ่ยซ่งลี่เฉิงยืนขึ้นตามปกติไป๋ซิ่วฮุ่ยเข้ามาช่วยพยุงเขาขึ้นมาอย่างขยันขันแข็ง ก่อนจะหยิบหมอนมาวางไว้ข้างหลังเขาเพื่อให้เขาพิงหลังได้สบายมากขึ้น“ลี่เฉิง ฉันได้ยินมาว่าซ่งอวิ้นอวิ้นหายตัวไป” ไป๋ซิ่วฮุ่ยเอ่ยกับซ่งลี่เฉิงขณะจัดแจงชามซ่งลี่เฉิงหันไปมองหน้าเธอในทันทีไป๋ซิ่วฮุ่ยประหลาดใจกับสีหน้าของเขา ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ย “ทำไมคุณมองฉันแบบนั้นล่ะ?”ซ่งลี่เฉิงรู้ตัวทันทีว่าตัวเองตื่นเต้นเกินไป เขาจึงขัดจังหวะเก็บอาการไว้เพื่อไม่ให้เธอจับได้ว่ามีอะไรผิดปกติไป “ฉันว่าซุปวันนี้อร่อยดี เธอเคี่ยวมันนานเลยใช่ไหม?”“ไม่เลย ฉันไม่เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ถ้าคุณชอบก็กินเยอะ ๆ เลยนะ” ไป๋ซิ่วฮุ่ยเทซุปให้ซ่งลี่เฉิง ก่อนจะกลับมาพูดหัวข้อเดิมอีกครั้ง “คุณว่าที่อวิ้นอวิ้นหายไปแบบนี้จะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับเธ
เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล
ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ
เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น
ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย
พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที
ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่
"ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ
ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื