แชร์

บทที่ 11

ผู้แต่ง: กวักทรัพย์เข้ากรุสมบัติ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ซ่งหยุนหยุนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง ขณะที่เธอหันหลังกลับไปมอง เธอเผลอดันกล่องใบนั้นตกลงบนพื้น!

เจียงเหยาจิงจ้องมองเธอด้วยสายตาโกรธเคือง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวมาก!

เธอรีบอธิบาย “ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

ขณะที่พูด เธอก็นั่งยอง ๆ และพยายามเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมา ขณะที่นิ้วของเธอกำลังจะแตะกล่อง ข้อมือของเธอกลับถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจนกระดูกแทบจะหัก

เจ็บ!

เธอเจ็บจนเหงื่อซึม และรู้สึกเหมือนมือกำลังจะหัก

เจียงเหยาจิงตาแดงก่ำด้วยความโมโห “เอามือสกปรกของเธอออกไป!”

เขาพูดพลางพลักเธอออกด้วยกำลังทั้งหมดของเขา ซ่งหยุนหยุนกระเด็นไปข้างหลังหัวโขกมุมตู้

ความเจ็บปวดบีบหัวใจทำให้เธอชาไปชั่วขณะ สมองดังตุบ ๆ เธอรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่น ๆ ไหลลงมา มือเรียวเอื้อมไปหลังคอ สัมผัสได้ถึงบางอย่างเหนียว ๆ

ไม่น่าแปลกใจ เธอมีเลือดออกแต่ไม่มาก

เธอเงยหน้าขึ้นเห็นเจียงเหยาจิงหยิบกล่องขึ้นมาอย่างระมัดระวังผ่านเส้นผมที่ยุ่งเหยิง แค่เห็นท่าทางการเคลื่อนไหวของเขาก็สามารถรับรู้ได้ว่าของสิ่งความสำคัญกับเขามาก

เจียงเหยาจิงเปิดกล่องเพื่อตรวจสอบของในนั้นอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าสิ่งที่อยู่ข้างในอาจจะเสียหาย

โชคดีที่มีกล่องป้องกันไว้ทำให้ของข้างในไม่เสียหาย

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนี้เกือบทำพัง เขาก็ยังคงโกรธอยู่!

เขาโกรธมากจนอยากจะฆ่าเธอ!

เขามองกลับมาด้วยสายตาเย็นชา หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงและดูกระหายเลือด "ซ่งหยุนหยุน ผมคิดว่าคุณคงไม่อยากมีมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?!”

ซ่งหยุนหยุนลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ตอนนี้อาการชาหายไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงกระตุ้นประสาท เธออดทนต่ออาการสั่นและพยายามลุกขึ้น “ฉันขอโทษ...”

เธอดูออกว่าสิ่งนั้นมีค่ากับเจียงเหยาจิงมาก

“ขอโทษ? คุณคิดว่าผมจะให้อภัยเหรอ?” ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่จะไร้ยางอายเท่านั้น แต่ยังบ้าระห่ำอีกด้วย!

เขาก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น แรงกดดันที่แข็งกร้าวจากภายในสู่ภายนอกทำให้ซ่งหยุนหยุนกลัวจนตัวสั่น ขาเรียวก้าวถอยหลังจนพิงกำแพง เธอตกใจมาก “คุณ คุณอย่าเข้ามานะ... ”

เจียงเหยาจิงบีบกรามของเธอด้วยนิ้วที่แข็งแรง

ซ่งหยุนหยุนรู้สึกได้ถึงเสียงกระดูกเคลื่อน เธอเจ็บปวดมากจนส่งเสียงไม่ได้ ได้แต่มองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว เจียงเหยาจิงในฉากนี้น่าสะพรึงกลัวมาก

เหมือนปีศาจที่ออกมาจากนรก!

บ้าระห่ำ!

ป่าเถื่อน!

เขาพุ่งเข้ามาหาด้วยความเดือดดาน ถึงแม้ว่าจะขัดขืน แต่เธอก็ต้านไม่ไหว เธอจึงทำได้เพียงปล่อยให้ริมฝีปากของเขามาแนบใบหู “ผมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณรัก!”

เขาเน้นย้ำสองคำสุดท้าย

เธอตัวสั่นเทา

เจียงเหยาจิงผลักเธอออก

ร่างของเธอเหมือนตุ๊กตาไม่มีกระดูก ถ้าไม่มีกำแพงรับไว้เธอคงล้มลงกับพื้นไปแล้ว

เธอยืนสั่นเงอะงะ ร่างกายไม่สามารถหลุดออกจากกำแพงได้ เธอยืนไม่ได้ถ้าไม่มีอะไรมาช่วยพยุง

เจียงเหยาจิงวางกล่องไว้ที่เดิม ข้าง ๆ เป็นกรอบรูปซึ่งเป็นรูปถ่ายครอบครัวของเขา มีพ่อ แม่ และเขา

ซ่งหยุนหยุนเหลือบมองไปเห็นโดยไม่ตั้งใจ สายตาไปเห็นสองวินาที

สิ่งของต่าง ๆ ในกล่องดูคุ้นเคยเล็กน้อย เจียงเหยาจิงตะโกนใส่เธอ ก่อนที่เธอจะมองเห็นชัด “ออกไป!”

ซ่งหยุนหยุนไม่มีเวลาสังเกตต่อ เธอรีบเอื้อมมือไปเปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก

เธอไม่แน่ใจว่าเจียงเหยาจิงจะฆ่าเธอหรือไม่ ถ้าหากเธอยังอยู่ในห้องนี้!

เธอรีบออกจากห้องโดยเร็วเท่าที่จะเร็วได้

ทันทีที่เธอออกจากห้อง สีหน้าเย็นชาของเจียงเหยาจิงก็ผ่อนลง เขาลดสายตาลงดูสิ่งที่อยู่ในกล่องด้วยสายตาอ่อนโยนที่หาได้ยาก

หลังจากที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิต หัวใจของเขาก็เย็นชามาโดยตลอด

เจ้าของของสิ่งนี้คือความอบอุ่นในใจ

แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าสิบปี แต่เขาก็ยังจำร่างเล็ก ๆ นั้นได้ ด้วยความพยายามอันเด็ดเดี่ยวของเขา ดวงตาคู่นั้นใสสะอาดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

ในน้ำ ร่างกายของเธอร้อนผ่าว

ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น

...

ข้างนอกห้อง

ซ่งหยุนหยุนปกปิดอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ ผู้เฒ่าเจียงเห็นใบหน้าซีดเผือดของเธอจึงถามว่า “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เจ็บนิดหน่อยค่ะ” เธอกระซิบ

ผู้เฒ่าเจียงสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขารู้ว่าเจียงเหยาจิงอารมณ์ไม่ดี แต่เขาคงไม่ทำร้ายผู้หญิงหรอกมั้ง?

“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้เฒ่าถาม

“หนูเผลอทำกล่องหล่น...”

“อันที่วางไว้กับรูปถ่ายครอบครัวเหรอ?” ผู้เฒ่ารีบถาม

ซ่งหยุนหยุนพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

ผู้เฒ่าเข้าใจทันทีพลางถอนหายใจ “ฉันเกรงว่าจะช่วยเธอไม่ได้ เพราะสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับเขา ฉันเองยังไม่กล้าแตะต้องมันเลย”

ซ่งหยุนหยุนรู้ว่าเจียงเหยาจิงวางสิ่งนั้นไว้กับรูปถ่ายของพ่อแม่ของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นสถานะในใจของเขา

เธอก็เคยมีของล้ำค่าอยู่ แต่มันหายไปแล้ว

นั่นเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นแรกที่ปู่ของเธอมอบให้

เธอยังจำได้แม่นว่าเธอสูญเสียมันไปอย่างไร ตอนที่เธออายุได้เจ็ดขวบ ปู่ของเธอพาไปที่บ้านเก่าตระกูลเจียง ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ไม่ค่อยเข้าใจอะไร เธอรู้แค่ว่าตระกูลเจียงจัดงานศพ แต่เธอไม่รู้ว่าใครเสียชีวิต พอโตขึ้น เธอถึงได้รู้ว่าวันนั้นเป็นงานศพพ่อแม่ของเจียงเหยาจิง

ตอนที่เธอยังเด็ก เธอวิ่งไปรอบ ๆ ในสวนหลังบ้านขนาดใหญ่ของตระกูลเจียง

ตอนที่เธอนั่งบนก้อนหิน เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผลักเด็กวัยรุ่นลงน้ำ...

นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นความชั่วร้ายในของมนุษย์

ตอนนั้นเธอกลัวมาก

กลัวจนอยากจะวิ่งหนี

แต่เมื่อเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง เธอก็รอให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปก่อน แล้วจึงกระโดดลงไปช่วยเขา

โชคดีที่เธอเคยเรียนว่ายน้ำมาก่อน แต่ยังคงยาก เธอเองก็แทบจะว่ายขึ้นไม่ได้ แม้ว่าจะดึงเขาขึ้นฝั่งแล้วก็ตาม โชคดีที่ปู่ของเธอมาทันเวลาพอดี จึงช่วยดึงเธอกับเด็กน้อยขึ้นมาได้

เด็กผู้ชายหมดสติ

เธอและปู่ช่วยกันผายปอดเด็กคนนั้นจนเขาสำลักน้ำออกมา แต่ขณะที่เขากำลังจะฟื้น ปู่กลับดึงเธอแล้ววิ่งหนีไป

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ของเธอถึงตื่นตระหนกนัก จึงถามด้วยความสงสัยว่า “คุณปู่คะ เด็กคนนั้นคือใครเหรอคะ? ทำไมถึงมีคนอยากทำร้ายเขาคะ?”

คุณปู่ตอบ “เขาก็เหมือนเธอนั่นแหละ เขาก็มาร่วมงานศพเหมือนกัน”

เธอไม่รู้ว่าปู่ไม่ได้บอกความจริง เขาโกหกเพราะกลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย

“เธอต้องลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้นะ ถ้าใครถามก็อย่าพูดอะไรเด็ดขาด ไม่ว่าใครก็ตาม” คุณปู่เตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

เธอเชื่อฟังคำพูดของปู่

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เธอก็พบว่าจี้หยกของเธอหายไป

มันคือพระเมตไตรยสีมรกต ปู่บอกว่าคำพ้องเสียงของพระคือคำอวยพร ท่านหวังว่าเมื่อโตขึ้นเธอจะเป็นคนที่มีความเมตตา ใจกว้าง มองโลกในแง่ดี

...

นั่นคือพรของคุณปู่ที่ให้เธอ

เธอใส่มันมาตั้งแต่เธออายุหนึ่งขวบ

ดังนั้นเธอจึงเข้าใจที่เจียงเหยาจิงโกรธ

เธอไม่เกลียดความรุนแรงของเจียงเหยาจิงที่มีต่อเธอ

อย่างไรก็ตาม เธอกลับกลัวผู้ชายคนนี้

นิสัยของเขาโหดร้ายเกินไป!

“ผู้เฒ่าเฉียนเรียกหมอเสิ่นมาดูหยุนหยุนหน่อย” ผู้เฒ่าเจียงกล่าว

เมื่อซ่งหยุนหยุนได้ยินเสียง เธอจึงรีบพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ที่บ้านมีชุดปฐมพยาบาลไหมคะ? หนูทำเองได้ค่ะ”

เธอรู้ว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

เมื่อเห็นสายตาที่ไม่มั่นใจของผู้เฒ่าเจียง เธอจึงกล่าวว่า “หนูเป็นหมอค่ะ หนูทำเองได้”

เมื่อเห็นความมั่นใจของเธอ ผู้เฒ่าจึงยอม

อาการบาดเจ็บของเธอไม่ได้ร้ายแรงก็จริง แค่บาดแผลเล็ก ๆ แต่อาจจะลึกนิดหน่อยจึงมีเลือดออก

เธอทำแผลผ่านการมองกระจก เธอแค่ทำความสะอาด ไม่ได้ปิดบาดแผล และไม่ได้พันด้วยผ้ากอซ

ในเส้นผมไม่มีทางใช้ผ้ากอซและพลาสเตอร์ปิดแผลได้

พ่อบ้านเฉียนเหลือบมองห้องน้ำเพื่อให้แน่ใจว่าซ่งหยุนหยุนไม่ได้ยินและกระซิบว่า “คุณผู้หญิงเพิ่งจะเข้ามาในบ้านก็ได้รับบาดเจ็บซะแล้ว นี่ขนาดอยู่ใต้จมูกของท่านนะครับ แล้วถ้าเธอไม่อยู่ในบ้านล่ะ นายน้อยจะทำมากกว่านี้ไหม…”

พ่อบ่านเฉียนไม่ได้พูดต่อ

แต่ผู้เฒ่าเจียงเข้าใจดี “ถ้าเธอทนอารมณ์ของเหยาจิงไม่ได้และต้องการหย่า เธอต้องมีวิธีบางอย่าง”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 12

    ผู้เฒ่าเจียงคิดไว้แล้วว่าสักวันมันต้องเป็นแบบนี้ ดูเหมือนว่าตอนนี้พ่อบ้านเฉียนจะเข้าใจแล้ว “เรื่องที่ท่านขอให้ผมหาหัวใจ...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ ซ่งหยุนหยุนก็ออกมาพร้อมกับชุดปฐมพยาบาล พ่อบ้านเฉียนรีบหุบปากทันที คุณเจียงยืนขึ้นจากโซฟาพร้อมไม้เท้าแล้วพูดกับซ่งหยุนหยุนว่า “ตามฉันมา” หลังจากพูดจบ ผู้เฒ่าเจียงก็เดินนำไปที่ห้องสมุด ซ่งหยุนหยุนวางกล่องยาไว้บนโต๊ะแล้วเดินเข้าไป ผู้เฒ่าเจียงนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พ่อแม่ของเหยาจิงเสียชีวิตเร็ว ฉันจึงเลี้ยงดูเขาจนเติบโต ตอนเรียน เขาก็พักหอในมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบ เขาย้ายออกจากบ้านเก่า และเข้ามาบริหารบริษัท เขางานยุ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และแทบไม่กลับมาอีกเลย” เสียงของผู้เฒ่าเจียงเบามาก พ่อของเจียงเหยาจิงเป็นลูกชายคนโตของเขา ความเจ็บปวดที่คนผมขาวมอบให้คนผมดำจะยังคงเศร้าไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม มีเหตุผลอยู่ว่าทำไมเจียงเหยาจิงถึงไม่อยากกลับมา เขาเดาได้ว่าเจียงเหยาจิงจะจัดการกับครอบครัวของลูกคนที่สองอย่างไรหลังจากที่ตนจากโลกนี้ไป ความอดทนของเจียงเหยาจิงจนถึงตอนนี้ดูได้จากใบหน้าของเขา เขาต้องการให้เจียงเหยาจ

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 13

    “ผู้อำนวยการ ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นคะ?” ซ่งหยุนหยุนมีลางสังหรณ์ไม่ดี “คุณน่าจะรู้ว่าการถูกแบนจากแวดวงวิชาชีพหมายความว่าอย่างไร…” ผู้อำนวยการลังเลที่จะพูด “ผมเกรงว่าอาชีพหมอของคุณจะพัง ไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้าจ้างคุณอีก” ซ่งหยุนหยุนตกใจกับเรื่องกะทันหันนี้มาก เธอกำมือและคลายออกพลางพูดซ้ำหลายครั้ง “ผู้อำนวยการ ฉันรักงานนี้มาก ฉันเลิกทำงานนี้ไม่ได้ค่ะ” “ถึงแม้ผมอยากช่วย แต่ผมก็ไม่มีอำนาจพอ” ผู้อำนวยการรู้สึกเสียใจ เขาตระหนักและชื่นชมทัศนคติ และทักษะทางวิชาชีพของซ่งหยุนหยุนมาก แต่เขาไม่มีอำนาจปกป้องเธอ “ถ้าคุณยังอยากทำงานนี้ คุณต้องไปพบเจียงเหยาจิง ถ้าคุณทำให้เขาขุ่นเคืองก็ขอโทษเขาเถอะ ดีกว่าโดนไล่ออก” ผู้อำนวยการเตือนด้วยความหวังดี “ฉัน...” เธอลังเลที่จะพูด ความอคติของเจียงเหยาจิงที่มีต่อเธอสามารถลบล้างได้ด้วยคำขอโทษอย่างเดียวเหรอ? เธอรู้ดีว่าเจียงเหยาจิงทำกับเธอแบบนี้ ไม่เพียงเพราะเธอเกือบจะทำลายของมีค่าของเขาเมื่อคืนนี้ แต่ยังเป็นเพราะเขาไม่พอใจกับความจริงที่ว่า เธอกลายเป็นภรรยาของเขา นี่อาจเป็นการแก้แค้นเธอเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ และบังคับให้เธอคิดจะหย่า เธอสูดล

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 14

    ฮั่วซุนก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน เขาเองก็แปลกใจที่เห็นทั้งสองคุยและหัวเราะไปด้วยขณะกินข้าวด้วยกัน ถ้าเขาไม่บังเอิญเดินผ่านหน้าร้าน เขาคงไม่สังเกตเห็น “ลองโทรถามหมอเสิ่นดูไหมครับ?” ฮั่วซุนแนะนำ เจียงเหยาจิงตอบตกลงในลำคอ ฮั่วซุนไปโทรศัพท์ กว่ายี่สิบนาทีผ่านไป เสิ่นจือเฉียนก็มาถึงบริษัท ทันทีที่เขาเข้าไปในห้อง เสิ่นจือเฉียนก็พูดว่า “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณพอดี...” “คุณรู้จักซ่งหยุนหยุนเหรอ?” ก่อนที่เสิ่นจือเฉียนจะพูดจบ เจียงเหยาจิงก็พูดแทรก เขาพยักหน้างง ๆ “รู้จักครับ เธอเป็นรุ่นน้องของผม และเป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บของคุณเมื่อครั้งที่แล้ว” เจียงเหยาจิงเอนหลังบนโซฟาหนังสีน้ำตาล ดวงตาของเขามืดลง ขนตายาวและหนาสั่น วันนั้นคือเธอเหรอ? เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจ “ใช่ครับ” เสิ่นจือเฉียนเดินเข้ามาและนั่งลง “เหยาจิง คุณช่วยทำดีกับเธอมากกว่านี้หน่อยได้ไหม?” เจียงเหยาจิงยกคิ้วและเอนหลังในท่าสบาย ๆ คนที่รู้จักเขารู้ดีว่า ยิ่งเขาผ่อนคลายและเป็นกันเองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความคิดมากขึ้นเท่านั้น เสิ่นจือเฉียนกับซ่งหยุนหยุนสนิทกันมากแค่ไหน? เขารู้สึกไม่หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เ

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 15

    เธอคิดมาดีแล้ว แต่เมื่อคิดว่าต้องเผชิญกับเขา ในใจกลับรู้สึกท้อเล็กน้อย เรื่องร้าย ๆ ที่เขาทำกับเธอเมื่อวานยังปรากฏชัดเจนอยู่ในใจ! เธอหายใจเข้าลึก ๆ และรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้าไป เธอก็เห็นป้าหวู่ เธอยิ้มแล้วถาม “เลิกงานแล้วเหรอคะ?” ซ่งหยุนหยุนตอบพลางชายตามองเข้าไปข้างใน เห็นเพียงร่างคนนั่งอยู่บนโซฟา แต่ไม่เห็นหน้า ป้าหวู่กล่าวว่า “คุณผู้ชายมาค่ะ” ซ่งหยุนหยุนเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไป เธอพยายามยิ้มและกล่าวทักทาย “คุณเจียง” เจียงเหยาจิงวางนิตยสารในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ น้ำเสียงเยาะเย้ย “คุณเจียง?” ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะไม่ยอมหย่ากับเขาแล้ว ยังทำตัวห่างเหินอีก? คุณกำลังเล่นเกมกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับอยู่เหรอ? ซ่งหยุนหยุนขอโทษแล้วพลางพูดจริงจังอีกครั้ง “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแตะต้องของของคุณ ฉันขอโทษค่ะ” “คุณคงไม่คิดหรอกว่า คำขอโทษของคุณจะทำให้ผมยกโทษให้?” เจียงเหยาจิงเอนตัวไปข้างหลังในท่าสบาย ๆ พลางไขว้ขาอย่างสง่างาม เมื่อเขาเห็นผู้หญิงคนนี้ถ่อมตัว เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา เขาแค่ชอบเห็นท่าทางที่เธอถ่อมตัวตอนอยู่ต่อหน้าเขา การสยบเ

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 16

    ซ่งหยุนหยุนฝันว่าถูกงูตัวใหญ่สองตัวรัดจนหายใจไม่ออก ตอนที่เธอคิดว่าตัวเองกำลังจะอากาศหายใจ จู่ ๆ ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น เธอรีบคว้า... เมื่อเธอคิดว่าจะได้รับการช่วยชีวิต เปลือกตาพลันเบิกกว้างทันที... ทันทีที่ลืมตา เธอเห็นชายร่างสูงเสื้อผ้าหลุดรุ่ยยืนอยู่ตรงหน้า เขาดูน่ากลัวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ จู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นและซุกตัวอยู่ที่มุมโซฟาพลางพูดด้วยน้ำเสียงหวาดผวา “คุณ คุณกำลังจะทำอะไร?” เสียงของเธอแหบแห้งราวกับเพิ่งตื่นนอน ผสมกับสั่นเทาเล็กน้อย เจียงเหยาจิงหัวเราะเยาะ เห็น ๆ อยู่ว่าเธอจงใจกระชากชุดนอนของเขา แต่กลับแสร้งทำเป็นกลัว? “คุณไม่ได้ต้องการผู้ชายหรอกเหรอ ถึงได้จงใจแกล้งหลับแล้วลงมือกับผมแบบนี้?” ซ่งหยุนหยุนหายใจไม่ออก นิ้วเรียวค่อย ๆ งอ สายตาเขม็งพลางจ้องไปที่เขา “ฉันไม่ได้ทำ!” เจียงเหยาจิงไม่เชื่อ “เหรอ?” เขาเดินลงมาโดยไม่บอกกล่าว เขารุกเข้ามาประชิด ลมหายใจเย็นยะเยือกเต็มไปด้วยความกดดัน เธอยื่นมือออกไปกั้นเขาทันที มืออันอ่อนนุ่มของเธอแตะลงบนหน้าอกของเจียงเหยาจิง ความรู้สึกที่สัมผัสบนผิวหนังโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้เขาเกร็งไปทั่วทั้งร่าง สายตาแหลมคมค่อย ๆ ล

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 17

    เมื่อคืนเจียงเหยาจิงไม่ได้นอนในห้องที่เธอนอน ในห้องเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีอะไรถูกแตะต้อง เธอเดินเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัวแล้วออกไปโรงพยาบาล ทันทีที่ไปถึงก็พบว่าผู้อำนวยการจัดแจงงานของเธอให้คนอื่นแล้ว ไม่มีที่สำหรับเธอแล้ว เธอเดินกลับออกมาด้วยความสิ้นหวัง เมื่อออกจากโรงพยาบาล เธอยืนอยู่บนขั้นบันได รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ตกดึก เธอไปที่หลานเฉียว ขณะที่เธออยู่หน้าประตูและกำลังจะเดินเข้าไป เธอก็เห็นเฉินเหวินเหยียน เฉินเหวินเหยียนมาที่นี่ได้อย่างไร? เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจียงเหยาจิง ก็ไม่น่าแปลกใจ เธอแอบเดินตามเฉินเหวินเหยียนไปติด ๆ เธอเห็นเฉินเหวินเหยียนเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง แต่กลับไม่มีเจียงเหยาจิงอยู่ข้างใน แต่กลับเป็นลูกของเศรษฐีที่ตามจีบเฉินเหวินเหยียนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่าเขาจะร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้หน้าตาดีนัก ดังนั้นเฉินเหวินเหยียนจึงดูถูกพวกเขาอยู่เสมอ เฉินเหวินเหยียนไปเจอเขาได้อย่างไร? ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เธอต้องการหาคำตอบ เธอค่อย ๆ ย่องไปข้างหน้าและมองผ่านรอยแยกที่ประตู เธอเห็นลูกเศรษฐีกำลังโอบกอ

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 18

    หลังจากวางสาย เขาก็โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แปะ! ซ่งหยุนหยุนสะดุ้ง เธอยืนนิ่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เรื่องคลุมเครือกับแฟนเก่าแบบนี้ แม้แต่คนปกติทั่วไปก็รับไม่ได้ ยิ่งคนที่หยิ่งผยองอย่างเจียงเหยาจิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง! “คือ...” เธอพยายามจะพูดเสียงเบา ๆ เจียงเหยาจิงโกรธมาก แม้แต่เห็นซ่งหยุนหยุนก็ทำให้เขาขัดหูขัดตา เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เดินไปมาพลางกัดฟันกรอด ดวงตาของเขาฉายแววเดือดดาลยากที่จะควบคุม เขารู้ตัวว่าเขาโกรธมาก เพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงที่เขาต้องการนั้นน่าขยะแขยง! จินตนาการที่สวยงามในค่ำคืนนั้นของเขาพังทลายหายไป! เขาจะนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่ เขาก้าวออกจากห้องส่วนตัว ซ่งหยุนหยุนไล่ตามเขาออกไปทันที “คุณเจียง...” เจียงเหยาจิงโกรธมาก “ไปให้พ้น!” เธอหยุดฝีเท้า แม้ว่าเจียงเหยาจิงต้องการให้โอกาสเธอ แต่วันนี้คงไม่เหมาะจะพูดเรื่องนั้นแล้ว? ซ่งหยุนหยุนหยุดวิ่งตาม เหตุผลที่เธอมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อหวังว่าเจียงเหยาจิงจะเมตตาให้เธอได้กลับไปทำอาชีพหมอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงเตรียมตัวจะกลับ แต่เธอหันไปเห็นชายคนหน

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 19

    อย่างไรก็ตาม เจียงเหยาจิงก็เป็นคนพาผู้หญิงคนนี้มาให้เขาตั้งแต่แรก ซ่งหยุนหยุนรู้สึกเย็นชาในใจ เจียงเหยาจิงนี่เอง! “ผมมีห้องส่วนตัวของผมที่นี่ เราไปสนุกกันเถอะ จะว่าไปก็แปลก ที่เจียงเหยาจิงไม่ชอบคนสวย ๆ แบบคุณ หรือว่าเขาจะไม่ชอบผู้หญิง?” กู้ฮ่วยหัวเราะพลางมองซ่งหยุนหยุน เจียงเหยาจิงไม่เคยมีแฟน ทุกคนที่รู้จักเขารู้ดี รอบตัวเขามีแต่ผู้ชาย ไม่มีผู้หญิงเลย หลายคนบอกว่าเขาเสื่อมสมรรถภาพ บ้างก็บอกว่าเขาเป็นเกย์ แต่ที่แน่ ๆ คือเขาไม่ปกติ! ซ่งหยุนหยุนแสยะยิ้ม เขาไม่ชอบผู้หญิงตรงไหน? เขาแค่ไม่ชอบเธอ! ดูสิ เขาโกรธแค่ไหนที่เห็นเฉินเหวินเหยียนยังพัวพันกับแฟนเก่า ไม่ใช่เพราะเขาแคร์เหรอ ถึงได้โกรธขนาดนั้น? “แต่ถึงยังไง ผมก็ต้องขอบคุณเจียงเหยาจิงจริง ๆ” กู้ฮ่วยยิ้ม “ถ้าไม่มีเขา ผมจะรู้จักคุณได้ยังไงล่ะ?” ถึงแม้ว่าวันนั้นจะเจ็บตัวก็ตาม ท่าทางของผู้หญิงคนนี้ที่ข่มขู่เขาด้วยมีดทำให้เขาประทับใจเหลือเกิน ถ้าผู้หญิงไม่ยอม เธอก็แค่ร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัวไม่ใช่เหรอ? แต่เธอไม่ทำ! นัยน์ตาของซ่งหยุนหยุนเต็มเปี่ยมด้วยความเย็นชา เธอกัดฟัน “ฉันก็ต้องขอบคุณเขาเหมือนกัน!” ดวงตาขอ

บทล่าสุด

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 270

    เจียงเย่าจิ่งรีบเดินออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด! เบื้องหลังของเขาคือเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวของหยางเชี่ยนเชี่ยน ฮั่วซุนรู้สึกสับสน เจียงเย่าจิ่งไม่ใช่คนโหดเหี้ยมแบบนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก "คุณเจียงครับ?" เจียงเย่าจิ่งชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วพูดว่า "ไปบอกมู่ฉินว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของลูกชายเธออีก" เมื่อสักครู่นี้เขาไม่แยแส เพราะคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงละครตบตาของมู่ฉินกับหยางเชี่ยนเชี่ยน นี่เป็นการแสดงละครตบตากันชัด ๆ เพียงแต่มู่ฉินให้สัญญากับหยางเชี่ยนเชี่ยนว่าเธอจะไม่ถูกข่มขืน นั่นเป็นแค่คำหวานของเธอเท่านั้น เธอรู้ว่าการจะทำให้เจียงเย่าจิ่งเชื่อนั้น ลำพังแค่การแสดงละครตบตาย่อมหลอกเขาไม่ได้ ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่หยางเชี่ยนเชี่ยนตอบตกลงที่จะเล่นละครฉากนี้กับมู่ฉิน เธอก็ถูกลิขิตให้ต้องเสียความบริสุทธิ์แล้ว! ฮั่วซุนพยักหน้าอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเขาก็รีบกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าเกินไปเสียแล้ว น้ำเสียงของหยางเชี่ยนเชี่ยนฟังดูน่าสลดใจ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องนำความมาบอกกล่าว มู่ฉินยิ้มราวกับคาดเอาไว้แล

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 269

    ฮั่วซุนไม่มีทางเลือกนอกจากบอกเจียงเย่าจิ่ง เจียงเย่าจิ่งชะงักแล้วหันมามองฮั่วซุน "นายว่ายังไงนะ?" ฮั่วซุนทวนคำอีกครั้งแล้วพูดว่า "เขาคิดจะจับตัวหยางเชี่ยนเชี่ยน ทำยังไงดีครับ?" เจียงเย่าจิ่งยื่น "เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?" มู่ฉินพูดตรงเข้าประเด็น "ฉันได้ยินมาว่าตอนที่เธอตกน้ำ หยางเชี่ยนเชี่ยนช่วยเธอไว้ใช่ไหมล่ะ? ถ้าตอนนั้นเธอจมน้ำไปซะ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นของลูกชายฉันแล้ว เป็นหล่อนที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของฉัน เธอคิดว่าฉันจะปล่อยหล่อนไปงั้นเหรอ?" "ต้องการอะไรก็ว่ามา" เจียงเย่าจิ่งพูดตามตรง "เอาล่ะ ในเมื่อเธอตรงไปตรงมาขนาดนั้น ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมกับเธออีก หยางเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้มีพระคุณของเธอใช่ไหมล่ะ? ฉันขอแลกเธอกับลูกชายของฉันว่ายังไงล่ะ?" มู่ฉินเอ่ยขึ้น หลังจากได้พบหยางเชี่ยนเชี่ยน เธอก็รู้ว่าหยางเชี่ยนเชี่ยนชอบเจียงเย่าจิ่ง ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ตอนที่กำลังดำเนินแผนการครั้งนี้ มู่ฉินคิดว่าเธอสามารถใช้เหตุการณ์ครั้งนี้มาแลกเปลี่ยนเพื่อให้เจียงเย่าจิ่งยอมปล่อยลูกชายของเธอไป "ลูกชายของคุณไม่ไ

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 268

    เมื่อซ่งรุ่ยเจี๋ยได้ยินเสียง เขาก็รีบซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้ผ้าห่ม เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนทั้งซ่งอวิ้นอวิ้นหรือหานซินก็ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา! หานซินวางอาหารเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียง "เธอหิวหรือยัง? รีบมากินอาหารเช้าเถอะ" เมื่อหานซินพูดจบ เธอก็ค่อย ๆ หยิบอาหารที่เตรียมไว้ออกมา "ผมไม่อยากกิน ผมอยากอยู่คนเดียว" ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของซ่งรุ่ยเจี๋ยฉายแววเย็นชา ไม่ได้แสดงความเสียใจออกมานัก หานซินคิดจะเกลี้ยกล่อม แต่ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขัดจังหวะหานซินได้ทันเวลา "แม่คะ ให้เขาอยู่คนเดียวสักพักเถอะ" หานซินกล้ำกลืนคำพูดเกลี้ยกล่อมกลับลงไปแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "อาหารอยู่ตรงนี้นะ เธอหิวเมื่อไหร่ก็มากินล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยไม่พูดอะไร หานซินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ "เฮ้อ" "พอเถอะค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นดึงตตัวหานซินออกไป "รุ่ยเจี๋ย นายก็พักผ่อนด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นปิดประตูห้องพักผู้ป่วยแล้วบอกหานซินวว่า "รุ่ยเจี๋ยต้องการเวลาทำใจ เขากินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ อย่าไปเกลี้ยกล่อมเขาเลย ไป๋ซิ่วฮุ่ยเป็นแม่ของเขา เขาคงรับไม่ได้ไปสักพัก นี่เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้" หานซินเข้าใจแล้ว "แม่รู้ แม่เป็น

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 267

    ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "พี่มาแต่เช้าขนาดนั้น คงรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม?" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้ปิดบัง "ใช่" แววตาที่ไร้ชีวิตชีวาของซ่งรุ่ยเจี๋ย มองไปทางอื่นโดยไร้จุดมุ่งหมาย "ตำรวจมาถามเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วถามว่าผมได้เจอแม่หรือเปล่า" ซ่งอวิ้นอวิ้นฟังอยู่เงียบ ๆ ที่จริงเขารู้แก่ใจว่าเมื่อไป๋ซิ่วฮุ่ยถูกใครสักคนพาตัวออกไปก็หมดทางรอดแล้ว "นายต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่รู้ว่าจะปลอบใจเขาอย่างไรดี ซ่งรุ่ยเจี๋ยเงยหน้าขึ้น "แม่ผมตายเมื่อคืนนี้ พี่รู้เรื่องเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกัน?" "ฉัน..." พอนึกถึงสิ่งที่เจียงเย่าจิ่งพูด เธอก็เปลี่ยนเปลี่ยนคำพูดเป็น "ฉันเพิ่งจะได้ยินตำรวจพูดถึงรู้น่ะสิ" "อ้อ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่ชัด ๆ เธอกำลังปิดบังอะไรสักอย่างใช่ไหม? ทำไมต้องปิดบังด้วยเล่า? เพราะเธอรู้ว่าคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือเจียงเย่าจิ่งอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ตั้งใจที่จะปิดบังไม่ให้เขารู้ใช่ไหม? เขากำหมัดที่อยู่ใต้ผ้าห่มแน่น พลางรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ "ผมเสียใจด้วยนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยเสียงเบา ซ่งรุ่ยเจี๋ยยิ้มเหยีย

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 266

    พ่อบ้านเฉียนรวบรวมคำพูดแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า "ตอนนี้นายน้อยไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงประชันหน้ากับพวกเราได้เต็มที่ แต่ถ้าหลังบ้านเกิดไฟลุกไหม้ เขาก็จะเสียสมาธิแล้วพวกเราก็จะมีโอกาสขึ้นมา" "โอ้ พ่อบ้านเฉียนพูดถูก" มู่ฉินเห็นด้วยยิ่งนัก เธอถองข้อศอกใส่สามีตัวเอง "พูดอะไรบ้างสิ" เจียงอวี้จึงเอ่ยขึ้นมาว่า "เป็นความคิดที่ดีอยู่หรอก แต่… พวกเราจะจุดไฟหลังบ้านเจียงเย่าจิ่งได้ยังไงล่ะ นั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่รึไง?" นายท่านเจียงยังคงเงียบ เพราะเหตุผลเดียวกันนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจียงเย่าจิ่งกับซ่งอวิ้นอวิ้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ประกอบกับมีลูกเพิ่มเข้ามา ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแนบแน่นขึ้นไปอีก "ไม่เห็นจะยากเลย พวกเราก็แค่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งลงไปท่ามกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนเสียก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?" ถึงแม้ว่ามู่ฉินจะย่างเข้าวัยกลางคนแล้ว แต่เสน่ห์ของเธอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยากจะมองอายุที่แท้จริงของเธอออก เธอกลอกตาดำขลับ "ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง มือที่สามถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามที่สุดเลยเชียวล่ะ ถ้ามีมือที

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 265

    ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ได้รีบเข้านอนทันที แต่กลับไปหาซวงซวง ป้าหวู่พาซวงซวงเข้านอนแล้ว แต่เธอก็ยังอยากตรวจสอบดูให้แน่ใจ ตอนนี้ซวงซวงหลับลึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงย่องเบาออกมา เมื่อกลับมาที่ห้องนอน เธอก็นั่งตรงขอบเตียง แต่กลับไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป เธอกุมศีรษะแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องนั้น นอกจากหลินหรุ่ยกับตระกูลเจียงแล้ว เธอก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร หลังจากเจียงเย่าจิ่งเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็เห็นซ่งอวิ้นอวิ้นนั่งอยู่ตรงขอบเตียง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามากอดเธอแล้วนอนลงบนเตียง จากนั้นก็พลิกตัวอยู่เหนือร่างของเธอ จูบที่พร่างพรมลงมาทั้งดูดดื่มและเร่าร้อน ขณะที่บรรยากาศกำลังเป็นไปได้สวย ซวงซวงก็ร้องไห้ขึ้นมา พวกเขาทั้งสองคนต่างตะลึงงัน ซ่งอวิ้นอวิ้นเป็นฝ่ายที่มีท่าทีตอบสนองก่อนแล้วผลักเขาออกไป "ซวงซวงอาจจะหิวก็ได้" "ป้าหวู่จะป้อนเขาเอง" "แต่…" ก่อนที่เธอจะทันได้พูดให้จบประโยค เธอก็โดนจูบ สกัดกั้นคำพูดของเธอจนหมดสิ้น! ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูออกมา! ราตีช่างแสนยาวนาน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรักใคร่เร่าร้อน! …… คฤหาสน์ต้นตระกูลเจียงเปิดไฟสว่างจ้า คราวนี้แผนใส่ร้ายเจียงเย่าจิ่

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 264

    "ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ?" เจียงเย่าจิ่งเดินเข้ามา "ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยขึ้นมาว่า "เปล่าหรอก ฉันกำลังรอคุณอยู่น่ะ" เมื่อเธอพูดจบก็ลงจากเตียงแล้วเดินเข้ามากอดเขาไว้ จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับหน้าอกของเขา การเคลื่อนไหวของเธอทำให้เจียงเย่าจิ่งรู้สึกประหลาดใจเสียจนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ยิ้มพลางถามว่า "เธอเป็นอะไรไปน่ะ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นบอกว่าไม่มีอะไร "ฉันก็แค่อยากจะกอดคุณ" เจียงเย่าจิ่งก้มมองเธอ "ปล่อยก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำแล้วเธอค่อยมากอดก็ได้ ตอนนี้ฉันสกปรกจะแย่" ซ่งอวิ้นอวิ้นไม่ยอมปล่อยแล้วกอดเขาให้แน่นขึ้น ร่างกายของทั้งสองคนบดเบียดเข้าหากันอย่างแนบแน่น เจียงเย่าจิ่งถามเสียงเบาว่า "เธอเป็นอะไรไป?" ทำไมถึงรู้สึกว่าเธอไม่ปกติเลยล่ะ? ซ่งอวิ้นอวิ้นลูบหน้าอกของเขา "นับจากนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหนฉันก็จะเป็นบ้านให้คุณเอง ฉันจะรักคุณให้มาก ๆ" เจียงเย่าจิ่งหลุบตาลง ท่ามกลางแสงสลัวรางเลือน เขายังมองเห็นประกายในดวงตาของเธอและเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่บ้าง น้ำเสียงทุ้มของเขาปะปนความแหบพร่าเล็กน้อย "ซ่งอวิ้นอวิ้น วันนี้เธอเป็นอะไรไปกันแน

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 263

    เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้างมือแล้วไปหาซวงซวง เห็นเพียงป้าหวู่ที่กำลังอุ้มเขาอยู่ "ป้าหวู่" เธอรู้สึกประหลาดใจนัก ป้าหวู่ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณผู้ชายบอกให้ป้ามาที่นี่ เพราะไม่มีใครคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ เลยค่ะ" เจียงเย่าจิ่งเป็นห่วงเรื่องตามหาตัวคนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงเรียกป้าหวู่ให้มาที่นี่ ซ่งอวิ้นอวิ้นดีใจที่ได้ยินว่าป้าหวู่มาที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ ป้าหวู่ดีกับเธอมากทีเดียว เธอเป็นคนจิตใจดี "มีป้าหวู่อยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นเอ่ยพลางยิ้มให้ เธอรับซวงซวงมาจากอ้อมแขนของป้าหวู่ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันใดนั้นใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยับย่น ซ่งอวิ้นอวิ้นรู้ว่าเขาคงจะอึเป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา "เหม็นหรือเปล่าจ๊ะ?" ป้าหวู่จึงพูดว่า "เดี๋ยวป้าเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เองค่ะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นอยากจะทำเอง เธอรู้สึกว่าตนเองติดค้างลูกชายมาโดยตลอด เพราะเธอไม่มีเวลาดูแลเขานัก ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว "งั้นป้าจะเอาน้ำมาให้นะคะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นตอบตกลงแล้ววางซวงซวงลงไป เธอทิ้งผ้าอ้อมที่ใช้แล้วลงถังขยะ จากนั้นก็หยิบกระดาษมาเช็ดก้นของ

  • พันธะสัญญา วิวาห์ร้ายรัก   บทที่ 262

    ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบกลบเกลื่อนว่า "ไม่มีอะไรหรอก..." "จริงเหรอ?" ซ่งอวิ้นอวิ้นยื่นน้ำที่รินแล้วให้เขา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกว่าไม่เชื่ออยู่ชัด ๆ ซ่งรุ่ยเจี๋ยหลบสายตาแล้วรีบหาข้ออ้างขึ้นมาว่า "เป็นเรื่องในบริษัทน่ะ ส่วนเรื่องเมื่อคราวก่อนก็แก้ปัญหาได้แล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพยักหน้า "นายรับมือได้ดี" "แต่วิธีการก็เป็นความคิดของพี่อยู่ดี" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น เขารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง เขาต้องยอมรับว่าซ่งลี่เฉิงช่างมีสายตาแหลมคม ถึงให้ซ่งอวิ้นอวิ้นมาดูแลบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ถนัด แต่เธอก็เรียนรู้หลาย ๆ สิ่งได้รวดเร็ว! "ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี ฉันถึงต้องใคร่ครวญให้มากหน่อย อีกไม่กี่ปีนายน่าจะล้ำหน้าฉันไปแล้ว" ซ่งอวิ้นอวิ้นพูดให้กำลังใจ อันที่จริงแล้ว นับตั้งแต่ซ่งลี่เฉิงตายไป ซ่งรุ่ยเจี๋ยก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซ่งรุ่ยเจี๋ยแทบไม่เผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า "ผมไม่เป็นไรหรอก พี่น่าจะกลับไปดูแลซวงซวงก่อนนะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยเอ่ยขึ้น "ได้ ถ้านายมีเรื่องอะไรก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" ซ่งอวิ้นอวิ้นลุกขึ้น "อย่าลืมดื่มน้ำล่ะ" ซ่งรุ่ยเจี๋ยรีบยื่นมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมายกถ้วยชาขึ้นมา "ผมไม่ลื

DMCA.com Protection Status