ไม่มีใครบ่งบอกได้ว่าทำไมเราถึงฝัน บางคนฝันเรื่องราวเดิม ๆ ซ้ำซาก บางคนฝันดี บางคนฝันร้าย บางคนฝันเป็นตัวเลข บางคนฝันเห็นพระ บางคนฝันเห็นเทวดาเอาแหวนมาให้ แต่อริสากลับฝันว่าตัวเองหัวหมุนอยู่กับเด็ก ๆ ฝาแฝดชายหญิงโดยมีศารทูลคอยช่วย น่าแปลกที่อยู่ ๆ เธอก็ฝันแบบนี้
หญิงสาวยิ้มทั้งที่ยังหลับตาไม่รู้สึกตัวตื่น ในฝันเธอเห็นตัวเองไล่จับตาหนูและยัยหนูที่เหมือนเธอและศารทูลย่อส่วนมาใส่เสื้อผ้าหวีผม ตาหนูกับยัยหนูซนไม่น้อยเธอไล่ตามก็วิ่งหนีไปทางโน่นที ทางนี้ที พอจับได้จะดุหน่อยก็มาทำออดอ้อนจนเธอต้องปล่อย พอถูกปล่อยก็วิ่งหนีไม่ยอมให้จับแต่งตัว เธอวิ่งตามไปก่อนที่ศารทูลในชุดพร้อมไปทำงานจะโผล่มาดักหน้าหนูแฝด
“ปะป๊าช่วยหนูด้วย หม่าม้าจะจับหนูไปปล่อยป่า” ยัยหนูตัวจ้อยรีบฟ้องร้องทันที
“ปล่อยป่าอะไรลูก หม่าม้าจะพาไปโรงเรียนต่างหาก”
“ไม่ไป ไม่ไปนะปะป๊า หนูไม่ไป”
“ยัยหนู ไม่ไปไม่ได้นะ” คนเป็นแม่แย้ง
“ปะป๊า หนูไม่อยากไป”
“
แพนธีรามองแผ่นหลังของคนเดินจากไปด้วยความไม่ไว้ใจ ไม่ต่างจากชริมาที่รู้สึกตงิด ๆ ตฤณกันต์พูดจาน่าสงสัยเสียจริง“ไม่ได้ล่ะ พี่ต้องโทรไปเตือนอลิน”“ดีค่ะ”แพนธีราที่ได้รับคำสนับสนุนหยิบสมาร์ทโฟนมาขึ้นมาโทรศัพท์หาอริสาทันที ความจริงวันนี้เธอก็แปลกใจไม่น้อยที่อริสาไม่มาทำงานแต่ก็ไม่ได้เป็นกังวลด้วยรับรู้แล้วว่าเพื่อนสาวกำลังตั้งครรภ์แถมยังแพ้ท้องหนักเสียด้วย อริสาอาจจะแพ้ท้องจนมาทำงานไม่ไหวก็เป็นได้อีกฟากหนึ่งเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนที่วางไว้หัวเตียงทำให้คนกำลังหลับสบายรู้สึกตัวตื่น มือบางยื่นสะเปะสะปะไปหยิบสมาร์ทโฟนมารับสายโดยไม่มองรายชื่อที่โทร.เข้ามาแม้แต่น้อย“ฮะโหล” เสียงงัวเงียเอ่ยขณะที่ดวงตาลืมขึ้นและกะพริบไล่ความง่วงงุน ดูเหมือน...เธอจะตื่นสาย“เพิ่งตื่นเหรอ?”“อ้าว แพนเหรอ เออจริงสิ สายแล้วนี่ ฉันต้องไปทำงานนี่” คนเพิ่งตื่นตกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนสาวเป็นฝ่ายโทรมาหา จะต้องโทรมาตามไปทำงานแน่เลย“ทำงงทำงานอะไรยะ นี่มันบ่ายแล้วแก ไม่ต้องมาแล้ว ฉันบ
ในอีกหลายนาทีต่อมาสองหนุ่มสาวก็ออกจากห้องโดยที่อริสาเดินหน้าบึ้งตึงนำหน้า ขณะที่ชายหนุ่มนั้นเดินตามหลังมาโดยทิ้งระยะห่างประมาณหนึ่งช่วงแขน หญิงสาวพยายามก้าวยาว ๆ เพื่อที่จะถอยห่างแต่ชายหนุ่มก็ยังติดตามได้ทันยิ่งทำให้ใบหน้าบึ้งตึงขุ่นเคืองยิ่งขึ้นจะเดินห่างกว่านี้ก็ไม่เดิน จะมาเดินนำหน้าก็ไม่เดิน จะมาเดินข้าง ๆ ก็ไม่ ทำไมต้องมาเดินตามหลังในระยะที่น่าหงุดหงิดแบบนี้กันนะ มันน่านัก“นี่” คนทำให้หงุดหงิดส่งเสียงขึ้น“อะไร?”“ไม่รับสายเหรอ ดังมานานแล้วนะ” นาทีนี้เองที่อริสาได้รู้ว่าโทรศัพท์ของเธอมันกำลังส่งเสียงดังรบกวนอยู่ ให้ตายเถอะเธอเอาแต่หงุดหงิดศารทูลจนไม่ได้ยินไปได้ยังไงกันอีตาบ้านี้ทำให้ประสาทสัมผัสของเธอบกพร่องชัด ๆ อยู่ใกล้ที่ไรไม่ลืมหูลืมตา(?) ทุกที“กำลังจะรับ” หญิงสาวบอกก่อนจะเดินจ้ำอ้าวนำไปที่รถ พร้อมกับรับสายที่โทรเข้ามาไปด้วยโดยไม่ได้สนใจมองชื่อที่โชว์หราบนจอสมาร์ทโฟน“อริสาพูดค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทันทีที่รับสายก่อนจะเข้าไปนั
บ้านคุณตาของนลินญาเป็นบ้านไม้ในเนื้อที่หนึ่งไร่ รอบบ้านรายล้อมไปด้วยดอกไม้และพรรณไม้หลากหลายชนิด กลิ่นดอกไม้ที่บานสะพรั่งในยามค่ำคืนลอยโชยมาตามลมทำให้อริสาที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกับศารทูลรู้สึกสดชื่นสบายใจ“ดูเหมือนเจ้าตัวป่วนจะชอบดอกไม้นะ” ศารทูลเอ่ยเมื่อเห็นท่าทีของแม่ของลูก นี่ยืนดมดอกไม้ข้างประตูรั้วขวางทางคนอื่น ๆ เขายังไม่รู้สึกรู้สาเลย ดีนะที่นลินญาบอกว่าจัดแค่ในครอบครัวไม่ได้ชวนใครมา ไม่อย่างนั้นคงมีคนบ่นเข้าให้ว่าเขากับเธอกีดขวางทางอยู่“อยากกินอะ”“หะ อยากกินอะไร?”“ดอกไม้ไง ที่มันหอม ๆ เนี่ย อยากกิน” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับสูดกลิ่นหอมเข้าปอดอีกครั้ง ถ้าไม่ติดว่าคุณตาภานุของนลินญารักต้นไม้ ดอกไม้มากจนไม่ให้ใครแตะล่ะก็เธอจะขอลิ้มรสดอกไม้พวกนี้สักครั้งศารทูลกะพริบตาปริบ ๆ ทำไมคนท้องนี่ชอบกินอะไรประหลาดจังเลย ดอกไม้เนี่ยน่ะ มันกินได้ด้วยเหรอ?ปริ๊น ๆเสียงแตรรถยนต์ดังมาจากด้านหลังทำให้ศารทูลตื่นจากภวังค์ความงุนงง ชายหนุ่มรวบกอดร่างบางก่อนจะพาหลบจากทางรถ ดวงตาคมมองรถที่
ขณะที่ทุกคนพยายามทำตัวให้สนุกกับการพูดคุยและรับประทานอาหารเย็นโดยปล่อยเรื่องก่อนหน้านี้ไว้ข้างหลังคนที่นั่งเงียบมาตลอดกลับเลี่ยงออกมายืนโทรศัพท์ด้วยใบหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น แววตาที่เคยดูอ่อนโยนนิ่งสนิทแปรเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นหากไม่มองนาน ๆ ไม่มีทางดูรู้เลยว่ากำลังโกรธแค้นใครสักคนอยู่“แกทำบ้าอะไรของแกอยู่ ลูกไอ้เลวนั่นถึงยังนั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้” เสียงเข้มน่ากลัวที่แตกต่างไปจากเสียงปกติมากโขเอ่ยถามเมื่อปลายสายรับสาย“พี่เจออลินเหรอ?”“ฉันจะเจอยัยนั่นหรือไม่มันไม่สำคัญ สำคัญที่แกไปมัวทำอะไรอยู่ยัยนั่นถึงยังยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้ต่างหากล่ะ แกตอบฉันมาเดี๋ยวนี้นะไอ้ตฤณ” สิรานนท์ถามปลายสายที่ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่อริสารู้จักดีอย่างตฤณกันต์นั่นเอง“ผมก็กำลังทำให้เป็นไปตามแผนอยู่ แต่ผู้หญิงคนนี้ยากกว่าที่เราคิด”“แกไม่มีปัญญามากกว่ามั้ง ฉันให้โอกาสแกอีกแค่สองวันถ้าแกยังทำให้ได้ตามแผนไม่ได้ ฉันจะจัดการเอง”“พี่นนท์ พี่...” สิรานนท์ไม่นำพากับเสียงของปลายสาย ชายห
อริสานิ่งไปกับคำชวนโต้ง ๆ ของชายหนุ่ม มีใครที่ไหนชวนมารักกันเหมือนชวนเล่นขายของแบบนี้เล่าบ้าบอจริง โรแมนตง โรแมนติกไม่มีหรอก แล้วเธอจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย...อยู่ ๆ ก็ปฏิเสธไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น“อย่ามาพูดเล่นแบบนี้นะ ฉันไม่สนุกด้วย” ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น คิด ๆ ดูแล้วน่าจะเป็นคำพูดเล่นเสียมากกว่า“เรื่องแบบนี้ใครเขาเอามาพูดเล่นกันล่ะ เคยเห็นฉันพูดเล่นในเรื่องทำนองนี้มั้ย”“ก็ใครจะไปรู้เล่า นายอาจจะแกล้งพูดพอฉันเผลอหลวมตัวนายอาจจะหัวเราะเยาะฉันก็ได้”“ก็บอกว่าอย่าขี้มโนไงเล่า ฉันเคยทำแบบนั้นเหรอ?”“เคย” หญิงสาวสวนกลับอย่างรวดเร็ว “ที่ไปปลูกป่ากันตอนม.ห้าไง”ศารทูลเบิกตาแทบจะถลนเมื่อได้ยินคำว่าปลูกป่า ความทรงจำที่ฝังลงลึกจนแทบจะลืมเลือนไปแล้วผุดขึ้นมาในสมองราวกับก๊อกน้ำถูกเปิด ใบหน้าคมร้อนผ่าวจนต้องเบือนหนี มันเป็นความทรงจำที่ทำให้เขาเขินและอับอายขึ้นมาพร้อม ๆ กัน“หึ ถึงกับไม่กล้าสู้หน้าเชียวเหรอ ไงล่ะ ยังจะกล้าพูดว่านายไม่เคยทำแบบนั้นอีกรึเปล่า?”
“แต่ฉัน...” ศารทูลพูดเพื่อหยุดเด็กสาวไว้ก่อนจะถอนหายใจแรง ๆ อย่างตัดสินใจ“ฉันชอบนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยก่อนจะเว้นคำพูด “ชอบเธอน่ะ”“อะ อะ อะไรนะ?” เด็กสาวเบิกตากว้างไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากคนที่เป็นคู่ปรับกัน“ชอบไงเล่า มาคบกันมั้ย?”อริสามองดวงตาคู่คมที่ทอประกายจริงจังครู่นึงก็ต้องเบือนหนีด้วยความขัดเขิน ทว่าไม่ทันได้ตอบเสียงร้องเรียกของใครคนนึงก็ดังขึ้นศารทูลตอบรับเสียงนั้นซึ่งก็คือปุริมปรัชญ์และคนอื่น ๆ ก่อนจะหัวเราะ “ฮะฮะ ดูทำหน้าเข้า ฮันแหน หลงความหล่อพี่ล่ะสิน้อง”“นี่นาย...”“ไม่คิดว่าจะเคลิ้ม แหน่ะ ๆ ไม่เจอพี่ปีเดียว ทำไมเขินอะ เห็นพี่หล่อหวั่นไหวใช่มั้ยล่า”“บ้าสิ ฉันไม่ทางเป็นแบบนั้น เหอะ ต่อให้มีนายคนเดียวบนโลกฉันก็ไม่เอา ตายดีกว่าคบคนอย่างนาย” เด็กสาวเอ่ยก่อนจะกอดอกหันหนีคนที่มาพูดเล่นในเรื่องบ้าบอ เธอจะต้องทำให้ไอ้บ้านี่เสียดายที่พูดเล่นให้ได้คอยดูเถอะศารทูลได้ยินอย่างนั้นก็โมโหเบือนหน้า
ร่างสูงนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงขณะที่มือขวากำลังสไลด์หน้าจอสมาร์ทโฟนอ่านข้อความจากแอพพลิเคชั่นไลน์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดการสนทนาที่กำลังเกิดขึ้นเป็นของเขากับนายตำรวจหนุ่มจากญี่ปุ่น มิซาว่า เคนอิจิได้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่กำลังร่วมกันทำอยู่มาเพิ่มเติมและเป็นข้อมูลที่เขาอ่านแล้วอ่านอีก ทวนสามสี่รอบก็ไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายใช้คำผิดหรือเขาไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพิมพ์มา แต่ไม่เข้าใจที่ตัวเป้าหมายต่างหาก พ่อค้ายาข้ามชาติรายนี้ต้องการอะไรอยู่กันแน่เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกทำให้ดวงตาคมต้องละจากสิ่งที่เคร่งเครียดหันไปมอง คนเพิ่งออกจากห้องน้ำดูจะอารมณ์ดีไม่ผิดกับก่อนเข้าไปและดูเหมือนจะสดชื่นขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยอริสาเดินไปหยุดนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะทำท่าคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง เมื่อเห็นหญิงสาวอารมณ์ดีชายหนุ่มจึงไม่คิดขัดใจอะไร ดวงตาคมหันกลับมาสนใจการสนทนากับหนุ่มสัญชาติเจแปนอีกครั้ง“ป๊า”“หืม?” ศารทูลตอบรับอย่างลืมตัวก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง “ฮะ เมื่อกี้เรียกว่าป๊าเหรอ?”“อือ” หญิงสาวตอบรับก่อนจะกว
บนเตียงกว้างที่ยับยู่ยี่ราวกับผ่านศึกสงครามมาอย่างหนักหน่วงของอริสาชายหนุ่มยังคงกกกอดร่างเปลือยเปล่าไว้ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าจะรู้สึกตัวตื่นมาสักพักแล้วก็ตาม คนในอ้อมกอดยังคงหลับพริ้มซุกอยู่กับอกแกร่งโดยไม่มีทีท่าจะตื่นศารทูลไม่คิดที่จะปลุกแม่สาวขี้เซาให้ตื่นขึ้นมาจากนิทราภิรมย์ เขาชอบที่จะกอดเธอแบบนี้มากกว่าให้เธอตื่นมาโวยวายให้ถอยห่างใครมาเห็นตอนนี้คงคิดว่าเขาสติฟั่นเฟือน ไม่ก็กำลังเล่นละครหาความจริงใจไม่ได้อย่างแน่นอน อันเนื่องมาจากเวลาที่เขาอยู่กับอริสามันช่างน้อยจนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเปลี่ยนได้ปุ๊บปั๊บ แต่สำหรับเขาแล้วเวลาสองวันที่เขาได้อยู่กับอริสาไม่น้อยเลย มันให้ความรู้สึกราวกับเขาใช้ชีวิตกับเธอมาแล้วสองปีทีเดียวเรื่องของความรู้สึกมันไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน บางคนตกหลุมรักกันในเวลาเพียงไม่กี่นาที บางคนใช้เวลากว่าสิบปีกว่าจะรักคนคนนึงได้ ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าสิ่งที่เขากระทำ สิ่งที่เขารู้สึกมันเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งหรือว่าความจริงรักไม่มีทฤษฎีตายตัว ไม่มีถูกผิด เพราะรักคือความรู้สึก ใครจะไม่เชื่อว่าเขารักอริสาก็ช่าง แต่เขารู้ตัวเองดีว่าลึก ๆ ข้างใ
“เรื่องอะไรต้องง้อ” อริสาบอกพร้อมกับทำท่างุนงง ศารทูลหัน ขวับมามองก่อนจะส่งเสียงชิชะขัดใจในลำคอ“ไม่ง้อก็ไม่ง้อ อยากไปหอมแก้มให้รางวัลหรือจะไปจูบหน้าผากให้รางวัลไอ้กล้าก็ไปเลย”“จูบแน่” อริสาตอบกลับก่อนจะยืดตัวขึ้นจูบริมฝีปากชายหนุ่มที่ยังคงมึนงง มือบางยกขึ้นคล้องคอชายหนุ่มไว้ด้วยและจูบอย่างชำนาญ...ขึ้นมาหน่อยศารทูลทั้งงุนงงและใบ้กินไปชั่วขณะแต่ก็จูบตอบในเวลาต่อมา“ที่บอกจะหอมแก้มสักฟอดหรือดีมาก ๆ เลยนะหมายถึงนายต่างหากเล่าตาทึ่มเอ้ย” หญิงสาวเอ่ยหลังจากที่ผละจูบ “เป็นแมวบ้าสมองสล็อตยังไม่พอยังทึ่มอีก”“ทึ่ม?”“ก็ทึ่มสิ ที่ฉันยิ้มมาตลอดน่ะเพราะนายหึงฉันต่างหากเล่า ตัวเองเคยแกล้งเค้าแบบนี้เหมือนกันจำไม่ได้เหรอ?”“นี่...”“เอาคืนนิดหน่อยเอง”“ยัยเอเลี่ยน ร้ายนักนะ” คนที่ถูกแกล้งให้งอนให้หึงว่าให้เมื่อรู้ความจริงทุกอย่างจากจะงอนให้ง้อตอนนี้เริ่มชักจะงอนจริง ๆ แล้วนะ“ยัยผู้หญิงขี้แกล้ง”
การได้มาดูนักชกขวัญใจทำให้อริสาเอาแต่สนใจบนเวทีตั้งแต่นักมวยหนุ่มยังคงไหว้ครูจนศารทูลได้กลิ่นเน่าของหัวตัวเอง รู้สึกหัวเน่ายังไงไม่รู้สิ ไม่น่าปั้นไอ้เจ้าต้นกล้านี่ให้เก่งเล้ย“ไม่คิดว่าวันนี้เจ้าของค่ายจะมาดูด้วยนะ” น้ำเสียงคล้ายทักทายกันดังขึ้นทำให้ศารทูลต้องละสายตามามองคนทัก“ผมก็มาดูต้นกล้ากับเด็กในค่ายบ่อย เสี่ยไม่เคยเห็นเหรอ?” ชายหนุ่มตอบกลับในเชิงกวนประสาทอีกฝ่ายก่อนจะหันไปดูบนเวที คู่สนทนาไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเจ้าของค่ายมวยของคู่ชกที่ต้นกล้าต้องชกด้วยในวันนี้นั่นเอง“ก็เห็น แต่ระวังวันนี้ต้นกล้าจะถูกกระชากเข็มขัดแชมป์ล่ะเพราะวันนี้เด็กของอั๊วเตรียมตัวมาดี”“ผมมาดูมวยไม่ได้มาฟังใครวิเคราะห์มวย ผลออกมาค่อยว่ากันดีกว่านะเสี่ย”“หึ อวดดี”ศารทูลไม่ว่าอะไรทำเพียงยักไหล่ยิ่งทำให้ถูกมองอย่างไม่ชอบใจ แต่ถามว่าเขาแคร์มั้ย บอกเลยว่าไม่ ไอ้คนชอบเล่นนอกกติกาแบบนี้ทำไมเขาต้องแคร์หลายครั้งที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเล่นตุกติกจนนักชกในค่ายชนะมาแล้วหลายสนามแค่ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ไม่อยาก
“ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว” ในที่สุดสิรานนท์ก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าอย่างคนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ “ผมขอโทษพวกคุณด้วยที่ผมคิดจะทำร้ายชื่อเสียงพวกคุณ ผมเชื่อทุกหลักฐานในวันนี้นอกจากขอโทษแล้วยังขอบคุณด้วยที่ทำให้ผมได้รู้ความจริง”“มันสบายใจขึ้นนะ โล่งมาก ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้เลยตั้งแต่เริ่มสะสมความโกรธแค้นชิงชัง ผมไม่รู้จะพูดยังไงจริง ๆ” เขาพูดต่อก่อนจะยกมือไหว้ท่านอาทิตย์ “ผมขอโทษครับ ที่ผ่านมาผมคิดร้ายกับท่านมาโดยตลอด คิดจะทำร้ายลูกสาวท่านเพื่อให้ท่านเสียใจผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ”“มันไม่สายไปหรอกนะที่จะเริ่มต้นใหม่และเป็นมิตรต่อกัน” ท่านอาทิตย์บอกก่อนจะเดินมาตบไหล่ “ฉันไม่โกรธหรอก เพราะนายยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด โชคดีแล้วล่ะที่ยังไม่ได้ทำอะไร แต่คนที่ทำก็ต้องได้รับโทษของการกระทำ”ท่านอาทิตย์หมายถึงวิภาวีที่ตอนนี้นอกจากจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทและทำให้เสียชื่อเสียงแล้วยังมีคดีเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคดีเพราะชาวเน็ตช่วยกันขุดคุ้นคนที่ทำร้ายคนอื่นก็ต้องรับกรรมไป ทั้งโดนประณามในโลกออนไลน์และมีคดีความ นอกจากนี
อริสาปล่อยให้นักสืบโซเชียลตามสืบกันเอง เรื่องราวต่อจากนั้นเป็นยังไงอริสาขอไม่รับรู้ขอปล่อยให้เป็นไปตามเวรกรรมของแต่ละคนแม้ดูเหมือนเรื่องจะจบด้วยดีแต่ก็ยังมีเรื่องที่อริสาต้องจบอีกเรื่องนั่นก็คือเรื่องของสิรานนท์และตฤณกันต์เธออยากให้เลิกแล้วต่อกันด้วยดีไม่อยากให้ผูกใจแค้นกันต่อไป ถ้าฝั่งเธอผิดเธอก็จะเป็นฝ่ายขอโทษแทนผู้เป็นพ่อแต่ถ้าไม่ใช่เธอก็จะแก้ไขความเข้าใจผิดให้ทุกอย่างจบลง“เหลือเรื่องสิรานนท์กับตฤณกันต์ เรื่องตรวจDNAยังจะตรวจมั้ย?” สีหราชเอ่ยถามหลังจากที่ดูเหตุการณ์ในโลกโซเชียลว่าควบคุมเรื่องราวได้แล้ว“ไม่ต้องแล้วมั้ง เหมือนสองคนนั้นจะถอดใจแล้วนี่” นลินญาแสดงความคิดเห็น“ได้ไง สิงห์อุตส่าห์เสี่ยงไปเอาเส้นผมนายสิรานนท์มาอย่างยากลำบาก”“คือมันก็ไม่ยากมั้ย ทุกอย่างเป็นไปตามแผนแกเข้าถึงตัวสิรานนท์ได้แบบง่ายมากอะ” อริสาท้วงพ่อคนบอกว่าเสี่ยงอย่างลำบาก ทั้งที่จริง ๆ ทุกอย่างได้มีการวางแผนไว้แล้วตั้งแต่ต้น ตั้งแต่นัดเจอโดยมีศารทูล นลินญาและสีหราชซุ่มดูอยู่ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดคนใดคนนึงจะได้โผล่มา
อริสารอศารทูลอยู่ที่รถไม่ได้เข้าไปเยี่ยมลูกน้องของชายหนุ่มด้วยเพราะไม่อยากให้มีคนถ่ายรูป คงจะมีคนให้พิกัดโรงพยาบาลที่นภิตรารักษาตัวอยู่แล้วต้องมีคนมาจับตาดูแน่ เธอไม่อยากจะเข้าไปให้เป็นเป้าสายตาหรอกนะ รอให้เธอได้เรื่องคนปล่อยข่าวก่อนเถอะ เธอไปโชว์ตัวแน่อริสาไม่คิดจะเช็คสถานการณ์ในโลกออนไลน์แต่เธอก็พอเดาได้ว่าคนอย่างนภิตราไม่มีทางพูดให้ตัวเองดูแย่ มีแต่จะบอกว่าตัวเองถูกกระทำเท่านั้นล่ะ และอาจจะพูดว่าเธอท้องกับตฤณกันต์ด้วยแต่ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ เธอไม่ได้เป็นอย่างที่นภิตราป่าวประกาศ ยังไงซะเธอก็ย่อมคงอยู่ไม่ถูกทำลายง่าย ๆ หรอกศารทูลไปเข้าไปเยี่ยมพิมพ์นาราไม่นานก็กลับออกมาด้วยใบหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “ข้อเสียของโลกออนไลน์คือเมื่อมีหนึ่งข่าวโผล่ขึ้นมามันจะต้องมีคนเกาะกระแสสร้างข่าวปลอมขึ้นมา และก็จะมีคนพวกนึงที่ไม่กรองก่อนเชื่อทุกข่าวที่เห็น บางคนอ่านแค่พาดหัวด้วยซ้ำ มันน่ากลัวโลกออนไลน์เนี่ย”“แต่ยังไงทองแท้ก็ยังเป็นทองแท้ หรือนายคิดว่าฉันเป็นทองปลอม?”“ม้าของป๊านาะของแท้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ &ldq
แม้เช้าวันใหม่บรรยากาศในโลกโซเชียลจะยิ่งรุนแรงแต่อริสาก็ยังคงยิ้มแย้มและตอบรับการทานอาการเช้ากับครอบครัวของนลินญาด้วยใบหน้าที่ไร้วี่แววความเศร้าหรือเครียด“คุณแม่คะ พี่นนท์ล่ะคะ?” นปภาเอ่ยถามขึ้นเมื่อทุกคนมานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกันเกือบจะครบแล้ว ความจริงเธออยากจะถามอริสาเรื่องที่เกิดขึ้นแต่พอเห็นอริสายังคงยิ้มแย้มก็พูดไม่ออกจึงต้องเปลี่ยนไปถามเรื่องพี่ชายที่เธอไม่เห็นตั้งแต่เมื่อวาน“เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้เอง เห็นว่าจะไปทำธุระที่ภูเก็ตสักพักน่ะ” คุณแสงรวีตอบ แม้ว่าตัวเธอพอจะรู้ว่าเป็นธุระอะไรแต่ก็ไม่อยากจะพูดออกมา เธอไม่อยากให้พี่น้องต้องระแวงสงสัยกันเพียงเพราะพี่ชายไปเกี่ยวพันกับพ่อค้ายาเสพติด และไม่อยากจะพูดเรื่องนี้“ผมรู้มาว่านายหัวธีระมาที่นี่ในฐานะแขกของคุณสิรานนท์ บางทีอาจจะต้องสอบถามคุณแสงรวี คุณอาอนาคินทร์และตัวคุณสิรานนท์สักหน่อย หวังว่าจะให้ความร่วมมือนะครับ” ราวกับศารทูลรู้ความคิดคนชรากว่าจึงเอ่ยดักขึ้น คนที่พอจะให้ข้อมูลดี ๆ ได้คงมีแต่คุณแสงรวีนี่ล่ะ“เราให้ความร่วมมืออยู่แล้ว” คุณอนาคินทร์
กว่าสองชั่วโมงผ่านไปร่างมีน้ำมีนวลทรุดนั่งลงบนเตียงด้วยอาการเหม่อลอย เธอไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนและไม่เคยรู้สึกกลัวเท่านี้มาก่อนของเหลวสีแดงยังคงติดตาการได้เห็นนภิตราตกเลือดต่อหน้าต่อตาพาให้เธอกลัวขึ้นมาจับใจ ยิ่งได้รู้ว่าไม่อาจจะรักษาชีวิตของลูกในท้องนภิตราไว้ได้เธอยิ่งกลัว...กลัวเหลือเกินว่าเธอจะเป็นแบบนั้นบ้างกลัวว่าตัวป่วนของเธอจะ...ศารทูลมองร่างเหม่อลอยก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ มือหนายื่นไปโอบไหล่ก่อนจะลูบไหล่อย่างปลอบโยน “อย่าเก็บมาคิด เรามีหมอสิงห์คอยดูแลอยู่ตลอด หมอสิงห์ไม่ปล่อยให้ตัวป่วนของเราเป็นเหมือนลูกของตฤณกันต์หรอก”“แต่ฉันกลัว”“ป๊าอยู่ตรงนี้ อย่ากลัวไปเลย ป๊าอยู่ข้างม้ากับตัวป่วนเสมอ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอด ชายหนุ่มปวดใจไม่น้อยที่เห็นอริสาหวาดกลัวแบบนี้ แต่ตัวเขาเองแม้จิตใจจะหนักแน่นแค่ไหนก็ยังรู้สึกกลัว...กลัวเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นกับอริสาและลูก“ป๊าจะอยู่ข้าง ๆ ม้า ม้าอย่ากังวลเลยนะ”“จะอยู่ข้าง ๆ ไม่ทิ้
ขณะที่อริสาและศารทูลกำลังนอนหลับพักผ่อนนลินญาและสีหราชก็มุ่งตรงมาหาคุณอนาคินทร์อย่างไม่รอช้า คนที่จะบอกเล่าที่มาของสิรานนท์ได้มีแค่ผู้เป็นพ่อของเธอกับแม่ของสิรานนท์เองเท่านั้น แต่ด้วยความสัมพันธ์แม่ลูกคุณแสงรวีคงไม่บอกอะไรเกี่ยวกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้เธอรู้อย่างแน่นอนดังนั้นแล้วคนที่พอจะให้ข้อมูลได้ก็มีเพียงคุณอนาคินทร์เท่านั้นนับว่าโชคดีที่วันนี้คุณแสงรวีและลูกออกไปในเมืองส่วนสิรานนท์ก็ยังคงเฝ้าดูอาการนายหัวธีระอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งคู่จึงสอบถามคุณอนาคินทร์ได้อย่างสะดวก“นนท์เหรอ?”“ค่ะ คือว่าคะนิ้งสงสัยน่ะค่ะว่าครอบครัวทางพ่อของคุณนนท์ไม่มีเหรอคุณนนท์ถึงได้มาอยู่กับคุณน้ารวีแล้วก็คุณพ่อ คะนิ้งได้ยินจากน้ำค้างว่าไม่ได้อยู่กับคุณนนท์มาตั้งแต่เด็ก”“ตอนแรกเขาก็อยู่กับพ่อเขา พ่อก็ไม่รู้หรอกนะว่าพ่อเขาเป็นใครทำงานอะไร รู้แค่ว่าตอนแรกเขาอยู่กับพ่อเขา และพ่อเขาเสียคุณรวีก็เลยขอพามาอยู่ด้วย”“ตอนนั้นคุณนนท์อายุเท่าไหร่เหรอคะ?”“น่าจะเก้านะ” คุณอนาคินทร์ตอบอย่างไม่ปิดบัง เนื่องจากสีหราชใ
ขณะที่ศารทูลและอริสาออกไปหาข้าวเช้าทานสิรานนท์ก็มาหยุดหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความรู้สึกหลากหลายอะไรกัน นายหัวธีระน่ะเหรอค้ายา?ไม่จริง เขาบอกให้อีกฝ่ายอย่ากลับไปยุ่งกับยาเสพติดแล้วนี่ ทำไมกัน?“พี่นนท์ อาธีเป็นยังไงบ้าง” เสียงของใครอีกคนที่ไม่ควรจะมาถึงไวขนาดนี้เอ่ยขึ้นพร้อมกับการเดินเข้ามาใกล้“ตำรวจบอกว่าหมอให้เผื่อใจไว้” สิรานนท์ตอบก่อนจะพาตัวเองไปนั่งเก้าอี้ ตฤณกันต์ตามไปด้วยใบหน้าสลดก่อนจะต้องเปลี่ยนเป็นซีดเมื่อสิรานนท์ถามออกมา “แกมาได้ยังไง ฉันเพิ่งโทรไปไม่กี่นาทีเองนี่”“ผะ ผมเพิ่งลงเครื่องเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว”“มาทำไม?”“ระ เรื่องของผมน่าพี่” ตฤณกันต์ตอบพร้อมกับผินหน้าหนี เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขามาเพราะอริสา เพราะรูปที่อริสาโพสต์ลงในโซเชียลมิเดียทั้งก่อนหน้านี้และที่ไร่อารดา“แกมาเพราะอริสา แกหลงรักยัยนั่นใช่มั้ย?”“ผม...”“หึ แกไม่เคยปิดฉันได้หรอกตฤณ พฤติกรรมแกมันฟ้อง” สำหรับตฤณกันต์แล้วสิ