ฮั่วอู๋ซวนก้าวเดินออกมาจากป่าอนธการด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งภาคภูมิใจในความสำเร็จและในขณะเดียวกันเขาก็มีความรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้ายแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเมื่อเขาก้าวพ้นจากป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยอันตราย เส้นทางข้างหน้าที่เขาต้องเดินไปยังคงยาวไกล แต่กระนั้นหัวใจของเขากลับยังคงหวนระลึกถึงใครบางคนในป่าแห่งนั้นฮั่วอู๋ซวนก้าวเดินออกมาจากป่าอนธการด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งภาคภูมิใจในความสำเร็จและความรู้สึกหนักอึ้งที่ซ่อนลึกอยู่ภายในใจ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเมื่อเขาก้าวพ้นจากป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยอันตราย เส้นทางข้างหน้าที่เขาต้องเดินไปยังคงยาวไกล แต่กระนั้นหัวใจของเขากลับยังคงหวนระลึกถึงใครบางคนในป่าแห่งนั้น“ผลอมฤต” สิ่งล้ำค่าที่เขาเสี่ยงชีวิตไปตามหาจนสำเร็จ บัดนี้ถูกเก็บไว้ในถุงผ้าที่รัดแน่นอยู่ในอกเสื้อ มันเป็นผลไม้ในตำนานที่มีพลังทิพย์ ว่ากันว่าผู้ใดได้ครอบครองจะสามารถรักษาโรคภัยและฟื้นฟูพลังชีวิตได้อย่างมหัศจรรย์บรรดาปีศาจที่เคยคอยรอซุ่มโจมตีและคุกคามตลอดการเดินทางก่อนหน้านี้ ต่างถอยห่างเมื่อเขาถือผลอมฤตไว้อยู่กับตัว ราวกับว่ามันปล่อยพลังที่เป็นเสมือนเขตห
ในห้องที่เงียบสงัด ฮั่วอู๋ซวนขังตัวเองอยู่เพียงลำพัง ใจจดจ่ออยู่กับหม้อต้มยาที่ค่อยๆ ร้อนขึ้นทีละน้อย ภายใต้แสงไฟสีส้มที่ส่องวาบจากตะเกียง เขาเพิ่มสมุนไพรทีละชนิดลงไปอย่างระมัดระวัง กำหนดอัตราส่วนอย่างละเอียดอ่อนและแน่นอน ผลอมฤตที่ถูกขบเคี้ยวด้วยความมุ่งมั่นรอคอยขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมยาในขณะที่เขาค่อยๆ หย่อนผลอมฤตลงไปในหม้อ แสงสีขาวเจิดจ้าก็วาบสว่างไปทั่วห้อง เขาสะดุ้งเฮือกและปิดตาแน่น หัวใจเต้นรัวขึ้นอย่างหวาดระแวงว่าอาจทำผิดขั้นตอนบางอย่างไป ทันใดนั้น เมื่อแสงหายไป ภาพเหตุการณ์ในอดีตเริ่มพรั่งพรูขึ้นในจิตใจเขาเป็นฉากๆ อย่างกับมันเป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำที่คุ้นเคยฮั่วอู๋ซวนเห็นใบหน้าของฉีเยี่ยนหลี่ ทุกภาพล้วนสะท้อนถึงความทรงจำที่แก่นวิญญาณของนางฝากไว้กับผลึกในผลอมฤตนี้ในชาติที่แล้ว ฮั่วอู๋ซวนยังคงเป็นนักพรตผู้มีความสามารถสูงในการปราบปีศาจเช่นเดียวกับในชาตินี้ แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือเขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักใหญ่แห่งคุนหลุน และถูกวางตัวไว้ให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักในอนาคตบิดาของเขาหมายมั่นให้เขาก้าวขึ้นเป็นผู้ดูแลและปกป้องสำนัก คาดหวังในศักดิ์ศรีและหน้าที่ที่
ฮั่วอู๋ซวนหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของจิ้งจอกสาวแล้วหยิบขลุ่ยไม้จากในห่อสัมภาระของเขา เขามอบขลุ่ยให้กับนาง"ของขวัญจากข้า เจ้าอยากลองเป่าดูไหม?"หญิงสาวรับขลุ่ยมาอย่างงุนงง "ให้ข้าหรือ?"ฮั่วอู๋ซวนยิ้มแล้วสอนนางจับขลุ่ย "นี่ไง จับอย่างนี้ แล้วก็เป่าเบาๆ แบบนี้"เสียงขลุ่ยดังขึ้นแผ่วเบาในป่าหิมะ สร้างบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่นในใจของทั้งคู่ฮั่วอู๋ซวนใช้ชีวิตกับจิ้งจอกหิมะในป่าอนธการอย่างสงบสุข ทั้งสองต่างพึ่งพาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน วันแล้ววันเล่า กลางป่ามืดมิดที่เต็มไปด้วยกลิ่นของไอปีศาจ แม้จะเป็นสถานที่ที่อันตราย แต่ฮั่วอู๋ซวนก็กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดวันหนึ่งขณะที่เขานั่งซ่อมขลุ่ยที่เขามอบให้กับจิ้งจอกหิมะ หญิงสาวจิ้งจอกก็เดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าผลไม้"นี่ ผลไม้สด ข้าเก็บมาจากริมลำธาร ลองกินดูเถิด" ฉี่เยี่ยนหลี่ยิ้มพลางยื่นผลไม้ให้เขา"ขอบใจนะ" ฮั่วอู๋ซวนรับตะกร้ามา รู้สึกถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ เขานั่งลงข้างหญิงสาว ก่อนจะเล่าถึงการเดินทางของเขาและชีวิตในสำนัก"ข้าไม่เคยคิดเลยว่า การอยู่ห่างจากสำนักจะทำให้ข้ารู้สึกสงบสุขเช่นนี้ บางที… ข้าก็คิดว่าชีวิตนี้น่าจะใช้ร
“ท่านพ่อ… ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”ฮั่วอู๋ซวนถามด้วยความงุนงง แต่ทันใดนั้น เขาเห็นแววตาของบิดาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธ“เจ้าบังอาจกลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกับปีศาจเช่นนี้ได้อย่างไร?” บิดาของเขาตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“เจ้ามิได้รู้หรือว่าการเป็นนักพรตต้องรักษาความบริสุทธิ์ เพื่อพลังที่บริสุทธิ์และคงอยู่ในสัจธรรม แต่เจ้ากลับ… กลับเลือกที่จะเสพสมกับปีศาจ!”ฮั่วอู๋ซวนขบกรามแน่น “ท่านพ่อ ข้าไม่สนใจสัจธรรมที่ท่านกล่าว ข้ารู้เพียงว่า นางเป็นคนเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกสงบสุข และนางมิได้มีเจตนาร้ายใด ๆ ท่านอย่าได้โทษนางเลย”หญิงสาวจิ้งจอกที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เริ่มรู้สึกผิดหวังในตัวเอง“ท่านอาจารย์ ข้ามิได้มีเจตนาทำร้ายฮั่วอู๋ซวน ข้ารักเขาจริง ๆ… ข้าจะยอมถอยไปเพื่อไม่ให้ข้าต้องเป็นภาระของเขา…”แต่ฮั่วอู๋ซวนคว้ามือของฉี่เยี่ยนหลีไว้แน่น“ไม่! เจ้าจะไม่ไปไหน ข้าเลือกแล้วที่จะอยู่กับเจ้า หากท่านพ่อไม่อาจเข้าใจ ข้าก็จะไม่กลับไปที่สำนักอีก”เจ้าสำนักนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึกและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ในเมื่อเจ้าเลือกเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ข้าจะนับว่าเจ้าไม่ใช่บุ
หลังจากเจ้าสำนักและศิษย์สำนักจากไป ฮั่วอู๋ซวนพยุงร่างที่อ่อนแรงของฉีเยี่ยนหลี่กลับมาที่กระท่อม หญิงสาวบาดเจ็บสาหัส และในใจของเขาก็เจ็บปวดไม่น้อยเมื่อเห็นคนรักในสภาพนี้"ขอโทษนะหลี่เอ๋อร์ ข้าคงไม่มีพลังมากพอที่จะรักษาเจ้าได้แล้ว… ตอนนี้ข้าเองก็ไร้พลังจินตาน กลายเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น"ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"เพื่อเขียนบรรยายเรื่องราวอย่างละเอียด ฉากนี้สามารถขยายโดยให้ความสำคัญกับการแสดงอารมณ์ของตัวละครและการกระทำที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง นอกจากนี
ฉีเยี่ยนหลี่หัวเราะเบา ๆ แม้จะอ่อนแรง "ข้าไม่สนใจหรอกอู๋ซวน… ข้ารู้แค่ว่า เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว"ทันใดนั้น ฮั่วอู๋ซวนก็คิดถึงผลไม้ในตำนานที่เคยได้ยินเรื่องราวจากชายชราที่เคยพบระหว่างการฝึกฝนเมื่อครั้งยังเป็นศิษย์ เขาหวังว่าผลไม้วิเศษนั้นอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉีเยี่ยนหลี่ได้"ข้าจะออกตามหาผลอมฤตในป่าอนธการ ข้าเชื่อว่ามันจะรักษาเจ้าได้" ฮั่วอู๋ซวนกล่าวขึ้นด้วยความมุ่งมั่น"แต่… ป่าอนธการเต็มไปด้วยปีศาจอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า""ข้าไม่มีทางเลือกอื่น" ฮั่วอู๋ซวนยิ้มอย่างอบอุ่น "รอข้ากลับมา ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่เพียงลำพัง"ฮั่วอู๋ซวนเดินผ่านป่าลึก หันมองรอบตัวด้วยสัญชาตญาณนักพรตที่คุ้นเคย ภายในป่าอนธการนี้เต็มไปด้วยอันตราย ไม่เพียงแต่ความมืดที่แฝงอยู่ในหมอกขาว แต่ยังมีปีศาจที่จ้องจะเล่นงานเขาในทุกซอกมุมทันใดนั้น เงาดำพุ่งเข้ามาจากพุ่มไม้ ปีศาจรูปทรงคล้ายหมาป่าโจนเข้าใส่เขาด้วยความดุร้าย ฮั่วอู๋ซวนพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว มือคว้าเอามีดสั้นจากเอว ฟันเข้าไปที่ด้านข้างของปีศาจอย่างแม่นยำแม้พลังจินตานของเขาจะอ่อนลง แต่วิชาการต่อสู้ที่สั่งสมมาทำให้เ
เช้าตรู่บนยอดเขาคุนหลุนในวันนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงบ หมอกบางเบาลอยอ้อยอิ่งคลุมยอดเขาสูงเสียดฟ้า“ฮั่วอู๋ซวน” ยืนอย่างสง่างามอยู่บนเนินเขา สายตาจ้องไปยังเรือนพักของ “ลั่วอี๋เฟิง” ที่ตั้งอยู่เบื้องล่าง ดวงตาของเขาทอแสงแห่งความมุ่งมั่นที่ไม่หวั่นไหว แม้ว่าในห้วงความคิดจะเต็มไปด้วยภาระอันหนักอึ้ง เขาไม่อาจหันหลังกลับได้อีกแล้ว... “ข้าสัญญากับท่านแล้ว ศิษย์พี่…ข้าจะนำผลอมฤตกลับมาให้ท่านให้จงได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคใดก็ตาม”ฮั่วอู๋ซวนกระชับสายกระเป๋าผ้าแนบไหล่ กระเป๋าใบนี้เต็มไปด้วยของจำเป็นที่จะช่วยเขาในการเดินทางอันยาวไกล“ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ข้าจะต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”เขาบอกกับตัวเองในใจจะไม่ยอมล้มเหลวอีกเป็นอันขาด เพราะความเป็นความตายของลั่วอี๋เฟิงนั้นอยู่ในกำมือของเขาฮั่วอู๋ซวนในวัยเด็กนั้นเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวเพราะเป็นเด็กกำพร้า บิดาและมารดาถูกปีศาจร้ายฆ่าตายทั้งคู่ เขาจึงเติบโตมาโดยไม่มีครอบครัวอยู่เคียงข้างจนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสำนักคุนหลุน ที่ผู้คนเชื่อว่าเป็นสำนักฝึกเซียนอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะหล่อหลอมผู้คนให้มีจิตใจแข็งแกร่งและปราบปีศ
ทุกครั้งที่ฮั่วอู๋ซวนเห็นลั่วอี๋เฟิงเจ็บป่วย ซึ่งเป็นผลจากการใช้พลังอย่างหนักในการต่อสู้กับปีศาจในคืนนั้น ความรู้สึกผิดในใจเขาก็ยิ่งทวีคูณ ร่างกายที่เคยเข้มแข็งของนางค่อยๆ เสื่อมถอยไปตามกาลเวลาเมื่อเห็นนางไอเบาๆ หรือจับหน้าอกด้วยความเจ็บปวด ฮั่วอู๋ซวนก็เหมือนถูกแผดเผาด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่อาจบรรเทาได้ ด้วยรู้ดีว่าเหตุที่นางต้องเจ็บป่วยเช่นนี้เป็นเพราะเขา หากวันนั้นนางไม่ต้องมาปกป้องเขา นางคงยังคงแข็งแรงอยู่และความจริงอีกอย่างที่ฮั่วอู๋ซวนเก็บซ่อนไว้ลึกในใจ คือความรู้สึกที่มีต่อลั่วอี๋เฟิง ไม่ใช่เพียงแค่ศิษย์พี่ผู้ใจดีที่คอยดูแลเขาเท่านั้น แต่สำหรับเขา นางคือผู้หญิงที่งดงามและมีคุณค่ามากที่สุดในชีวิต แม้เขาจะไม่กล้าแสดงออกว่ารัก แต่เขาก็ปรารถนาจะดูแลและทำสิ่งดีๆ เพื่อนาง สายตาที่เขามองศิษย์พี่หญิงจึงแฝงไปด้วยความรักที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยหลังจากที่ค้นหาตำราและเอกสารเก่าแก่หลายเล่ม ฮั่วอู๋ซวนก็พบเข้ากับบันทึกที่เขียนถึง “ผลอมฤต”ว่ากันว่าผลอมฤตนั้นเป็นผลไม้ที่หาได้ยากยิ่ง หากนำไปหลอมเป็นโอสถทิพย์จะสามารถรักษาโรคทุกชนิดได้ แม้แต่ความเจ็บป่วยเรื้อรังก็รักษาได้หายเป็นปลิดทิ้งฮั่วอู๋ซวนอ่า