“ข้ากับเจ้า เราไม่ได้พบกันอีกเลยตั้งแต่ที่เข้าพาเจ้าไปซ่อนตัวที่วิหารเทียมฟ้า”“แล้วก่อนหน้านั่นเล่า”“ก่อนหน้านั้นเจ้าไม่มองข้าด้วยซ้ำไปเจ้าจำได้หรือไม่ว่าใครคนหนึ่งเดินตามเจ้าไปทั่วตลาดเข้าทุกร้านที่เจ้าเข้าไปซื้อของ”ต้าเหนิงตะลึงงัน เขากับเอ่อต้าเหนิงรักกันอย่างนั้นหรือไต้ซือวังหลวง“สี่ตระกูลใหญ่มีไว้ทำไมกัน เหตุใดต้องพึ่งพาสี่ตระกูลในเมื่อทีวังหลงมีไทเฮามีราชครู“ไทเฮาตั้งข้อสังเกต“พ่ะย่ะค่ะ แล้วกำลังพลของทั้งสี่ตระกูลเล่า ไทเฮาทรงคิดว่าทำอย่างไรเราจะได้กำลังคนเหล่านั้นมา”“สี่ตระกูล มีกลำงพลรวมๆแล้วสองแสนคนของท่านก็ห้าหมื่อนที่เหลืออีกหนึ่งแสนห้าหมื่นคนหากผู้นำสามตระกูลถูกข้าล้มล้างท่านก็รับกำลังคนพวกนั้นไว้เสีย”“แล้วมีวิธีไหนที่จะจัดการพวกเขา”“ส่งราชโองการให้สามตระกูลใหญ่มอบกำลังคนของพวกเขาให้กับไทเฮาอ้างว่าตอนนี้ไม่ไว้ใจอ๋องฉินที่หนีไปเพื่อเตรียมก่อการกบฎ พวกเขาทั้งสามตระกูลมอบคนก็ถือว่าภักดีไม่มอบจึงถือว่วกบฎตั้งใจสั่งสมกำลังพลเพื่อช่วยฉินอ๋อง จะมอบหรือไม่มอบเราก็ได้เปรียบ”เฉินตงลี่ออกคำสั่งไทเฮายิ้มหวานหยด มีเฉินตงลี่คนเดียวก็วางหมากได้ชนะทั้งกระดานบ้านเฉิน“เตรียมเข
“ไม่อยู่ได้ไหมอ่าาา ท่านอ๋องใจร้ายกับต้าเหนิงที่สุดเลย”อ้อมแขนแข็งแรงกอดรวบร่างบางแนบแน่นไม่สนใจสายตาของเยี่ยนฉือกับหานจงที่เขินไปตามๆกัน“ไมไ่ด้ใจร้ายแต่เพราะห่วงเจ้ากลัวเจ้าจะได้รับอันตราย หวางเฟยของข้าอยู่ที่นี่รอไม่นานข้าจะรีบสะสางทุกอย่างในทันทีเพื่อมารับเจ้าให้เร็วที่สุด มอบตำแหน่งฮองเฮาให้กับเจ้า”เยี่ยนฉืออมยิ้ม หานจงถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดฉินเกอหลงก็พร้อมที่จะชิงบัลลังก์พร้อมที่จะทวงทุกอย่างคืน ต้าเหนิงซุกหน้ากับอกกว้างยกมือขึ้นกอดรอบเอวหนา“สัญญาว่าจะรีบมาก็ต้องรีบมา ห้ามช้าแม้แต่วันเดียว ไม่อย่างนั้นต้าเหนิงไม่พูดด้วยนะ” ฉินเกอหลงกระชับอ้อมกอดแนบแน่น“ใจร้ายไปจริงๆเพิ่งจะแต่งกันหวางเย่ควรให้เวลาชายาของท่านสักหลายวันหน่อย”“ไม่ต้องห่วงหรอกท่านหมอ ข้าอยากจะฝากอ๋องน้อยไว้กับหวางเฟยข้าดว้ยซ้ำไป”เยี่ยนฉือยิ้ม หานจงก้มหน้าเขินอาย“เยี่ยนฉือมียาดี กินไปสองสามวันรับรองได้ข่าวดีเรื่องอ๋องน้อย หวางเย่ต้องลองว่าแล้วหานจงเราไปเคี้ยวยากัน จะได้ข่าวดีเรื่องอ๋องน้อยเร็วๆ”คว้ามือหานจงให้เดินตามปล่อยให้ฉินเกอหลงอยู่กับต้าเหนิงเพียงลำพัง“สัญญาว่าจะรอข้า รอว่าอีกไม่นานจะกลับมาทวงความท
วังหลวงตระกูลลู่ “ฮูหยินหนีไปนหนีไปหนีไปซะ"ลู่สือห่าวตะโกนบอกฮูหยินดังๆหลังจากที่มีบาดแผลทั่วร่าง ไม่ยอมส่งมอบกำลังพลแล้วยังส่งคนของตระกุลลุ่ไปที่สุ่ยจิงไทเฮามีบัญชาให้กวาดล้างกบฎซึ่งก็คือตระกูลลู่ส่วนตระกลูจางกับตระกูลลี่ รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ ลี่ฟ่านฟ่านและจางเหมียนรีบมอบตราหยกควบคุมกำลังคนของทั้งสองตระกูลในทันทีที่ได้รับราชโองการ สี่ตระกูลใหญ่ไม่มีอีกต่อไปแล้ว“สามีทะทะท่าน ท่านอยู่ข้าอยู่ท่านตายข้าจะอยู่ได้อย่างไร”วิ่งเข้าประคองร่างโชกเลือดของใต้เท้าลู่“ฮูหยินชาติหน้าจึงพบกัน อ้ากกกกก”ความเจ็บปวดนี้ไม่อาจแบ่งปันผู้ใดใต้เท้าลู่ได้แต่ขอให้สวรรค์เมตตา“หวางเย่จะต้องล้างแค้นให้ข้า”ตะโกนดังลั่น ก่อนที่จะฟุบกายลงกับพื้น“ตัดหัวส่งไปยังสุ่ยจิงเพื่อข่มขวัญอ๋องฉิน”เสียงสั่งดังประกาศิตของไทเฮาชวีเยว่ ที่ได้ยินเรื่องที่ใต้เท้าลู่ส่งคนไปสุ่ยจิงศีรษะของลู่ซือห่าวขาดกระเด็นหลุดออกจากบ่า ใบหน้าเหยเกทว่ากลับมีดวงตาแข็งกร้าวอาฆาตแค้นไทเฮาชวีเยว่ยิ้มเย็น"ต่อไปก็ถึงคิวเจ้าแล้วฉินเกอหลง"หมู่บ้านกลางหุบเขาซูตงถึงจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องตัดใจลาจูบหนักหน่วงในค่ำคืนแสนหวานบทรักอ้อยอิ่งที่ไม่อยาก
ในที่สุดคนทั้งหมดก็มาถึงสุ่ยจิงยามค่ำแล้ว ใบไม้แห้งถูกลมพัดปลิวไปบนถนนรกร้างว่างเปล่าราวกับเมืองร้าง ไม่มักคนที่อยู่ตรงนั้นผู้คนที่สัญจรต่างหลบเข้าที่พักอาศัย อากาศเย็นจนหนาว ฉินเกอหลงและผู้ติดตามต่างชักม้าเข้าไปในเมืองบนซุ้มประตูเมืองนั้น ศีรษะของลู่ซือห่าวแห้งเกรอะกรัง ห้อยต่องแต่งน่าขนลุกฉินเกอหลงแหงนคอมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ลู่ซือห่าวภักดีกับเขาตลอดมาไม่น่ามีจุดจบแบบนี้ กำบังเหียนม้าไว้แน่นสัญญาว่าจะต้องแก้แค้นให้กับใต้เท้าลู่ให้ได้“หวางเยว่ แย่แล้วการมาของเราไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว”ซือกวานพูดขึ้นเบาๆ สีหน้าของทุกคนต่างเป็นกังวล และสลดใจกับภาพสยดสยองตรงหน้า“ฉินเกอหลงคารวะใต้เท้าลู่ ข้าน้อยทำผิดต่อท่าน มาช้าไป จำต้องทำคุณไถ่โทษจะทวงแค้นคืนให้ท่านด้วยตัวเอง”ซือกวาน เยี่ยนฉือและหานจงต่างประสานมือนอบน้อมไว้อาลัยให้กับใต้เท้าลู่พร้อมกัน“หวางเย่เราจะทำอย่างไรกันดี ในเมื่อใต้เท้าลู่ไม่อยู่แล้ว”เยี่ยนแือถามขึ้นชักม้ามาเคียงข้างระแวดระวังภัยรอบๆตัวฉินเกอหลง“ถามหาตระกูลจง”ฉินเกอหลงพูดขึ้นเบาๆ“ซือกวานอารักขาหวางเย่ข้ากับหานจงจะไปเคาะประตูถามถึงตระกูลจงกับชาวบ้านที่เอาแต่
“ปลดท่านลู่ลงมา”ฉินเกอหลงประกาศดังๆ ทัพของตระกูลจงกับฉินเกอหลงที่ย้อนกลับมาที่ประตูเมืองสุ่ยจิงปลดเอาศีรษะของลู่ซือห่าว เพื่อทำพิธีศพฉินเกอหลงแม่ทัพจง เยี่ยนฉือซือกวานและหานจงต่างประสานมือนอบน้อมเพื่อพาศีรษะของท่านลู่ผ่านไป“อนาถนัก เห็นทีจะต้องเร่งยกทัพอยู่ที่นี่เป็นเป้านิ่งไม่ได้แล้ว พวกเขาประกาศดังรู้ว่าเรากำลังตั้งใจจะทำอะไร หวางเย่ทัพของตระกูลจงตอนนี้พร้อมแล้ว”“ทหารของเราฝึกปรือฝีมือถึงขั้นไหนแล้ว”“คนทั้งหมดนี้เป็นทหารที่ผ่านการฝึกฝนมากือบสามปีแล้วตั้งแต่ครั้งที่หวางเย่ออกผนวช ท่านลู่ส่งคนมาฝึกฝนอีกทั้งยังมีการรับคนเพิ่มในทุกๆเดือน เบี้ยหวัดพวกเขาล้วนมาจากเงินของท่านลู่ ดีที่ท่านลู่มีเพียงฮูหยินและคนรับใช้ไม่ได้มีบุตรีบุตรชายให้้องเลี้ยงดูพวกทหารเหล่านี้เปรียบเสมือนลูกหลาน มีทั้งคนที่รับเบี้ยหวัดจำนวนน้อยกับบางส่วนสมัครใจเพราะทนการกดขี่ของกัวกั๋วฮ่องเต้ไม่ได้ ทุกคนจึงตั้งใจฝึกฝนเพื่อรอวันนี้”“เช่นนั้นก็ถือว่าดี จำนวนทหารทั้งหมดกี่นาย”ฉินเกอหลงยิ้มบางๆรู้สึกขอบคุณใต้เท้าลู่ผู้ล่วงลับไม่น้อย“ตอนนี้จำนวนทหารเก่าใหม่รวมทั้งหมด450000นายพวกที่เพิ่มมามาจากคนที่เคยเป็นกำลังพลของสี่
“ปึก เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆสำเร็จแล้ว”ไฉหรานกระโดดตัวลอย ต้าเหนิงยิ้มภูมิใจอย่างที่สุดกับไก่ป่าตัวแรก “ข้ายกให้เจ้าเป็นที่สองในการแม่นธนูเลยทีเดียว”“แล้วใครเป็นที่หนึ่ง”“ไม่น่าถามก็ต้องข้าอยู่แล้วหรือเปล่า ข้าในซูตงนี่ไม่มีใครกล้าท้าดวลกับข้า”“นั่นเพราะหากเจ้าแพ้เจ้าก็จะไปเซ้าซี้ของท้าประลองอยู่แบบนั้นจนไม่มีใครกล้าประลองกับเจ้าจึงยกให้เป็นที่หนึ่ง เอาล่ะข้าเป็นที่สองก็ได้ แต่ไม่ให้เจ้าเป็นที่หนึ่ง”“อ้าวแล้วใครจะเป็นที่หนึ่ง”“ที่หนึ่งไม่มี มีเพียงข้าที่เป็นอันดับสองอิ_อิเจ้าแพ้ข้าแล้วไฉหราน”ไฉหรานยิ้ม มิตรภาพกำลังงอกเงยไม่มีสิ่งใดให้ต้องห่วงทุกอย่างกำลังจะเข้ารูปเข้ารอยต่อจากนี้ ต้าเหนิงยิ้ม ฉินเกอหลงจะต้องประหลาดใจถ้าต้าเหนิงจะยิงไก่ป่ามาย่างให้เขากิน“เจ้าเก่งเพียงนี้ท่านแม่ยังบอกให้เจ้าหัดเย็บถุงหอมตามอย่างของหญิงงามแต่ข้ากลับคิดว่าหญิงงามนั่งเย็บถุงหอม หญิงกล้าแกร่งเช่นเราหัดยิงธนูเหมาะสมกันแล้ว”“ไปเย็บถุงหอมกันเถอะ”“เย็บถุงหอม? เจ้าอยากเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อมเหมือนที่ท่านแม่พร่ำพูดกับข้าหรือไร”“ข้าอยากจเย็บถุงหอมให้กับหวางเย่ของเจ้าอย่างไรเล่า ตามประสาภรรยาที่ดีคราวหลังข้าจะได้ไ
“เคลื่อนทัพ”ฉินเกอหลงพร้อมด้วยเยี่ยนฉือหานจงซือกวานและแม่ทัพจงต่างเคลื่อนทัพออกจากสุ่ยจิงในเช้าตรู่ของปีฉินหลางที่3มุ่งหน้ายังแควันฉินเพื่อทวงบัลลังก์คืนซูตง“ท่านแม่ดูสิต้าเหนิงนางเย้บถุงหอมได้สวยกว่าลูกเป็นไหนๆทำไมนางทำได้แล้วลูกทำไมทำไม่ได้”มารดาหรูเหมินยิ้มน้อยๆหยิบถุงหอมของต้าเหนิงขึ้นมาดู“ลวดลายละเอียดงดงามเจ้าปักลายอะไรกันจึงสวยเช่นนี้ สิ่งนี้คือสัตว์ชนิดใด”“หมูเด้งสัตว?ชนินี้เรียกว่าหมูเด้ง อืมต้าเหนิงเกือบลืมไปแล้วว่ามันคือฮิปโปไม่ใช่หมู”หมูเด้ง ฮิปโป เจ้าหมายถึงสัตว์ชนิดใด”มารดาหรูเหมินกับไฉหรานถามขึ้นพร้อมกัน”“ฮิปโปที่กำลังเป็นกระแส ข้าเหมือนหมูเด้งอย่างไรเล่าดีดตลอดเวลา”“ฮิปโป”“อ่อฮิปโปก็คือสัตว์ชนิดหนึ่งที่เหมือนช้างแต่ตัวเล็กกว่าและเด้งได้”“มีสัตว์ที่มีอุปนิสัยเช่นนั้นด้วยหรือ”มารดาหรูเหมินทำสีหน้าสงสสัยอย่าที่สุด”“เจ้าค่ะทว่ามันอยู่ในที่ไกลแสนไกลหากอยู่ใกล้ๆต้าเหนิงจะพาท่านป้าไปเยี่ยมชมหมูเด้ง”ฮูหยินหรูเหมิน ยิ้มอ่อนโยน“เจ้านี่ช่างน่าเอ็นดูเสียจริงเผื่อแผ่คนอื่นจนไม่คิดถึงตัวเอง”“หวางเย่จะต้องชอบหมูเด้งของเจ้าแน่นอน”ไฉหรานพูดยิ้มๆวังหลวงเฉินอี้เหมยกลืนน้ำลา
“เจ้ารู้เรื่องนางในดวงใจของฉินเกอหลงด้วยหรือ อืมมมช่างเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ที่เข้าอกเข้าใจกันดีจริงๆ เอ่อต้าเหนิงนะเอ่อต้าเหนิงทำบุรุษคลั่งไคล้ทั้งๆที่ นางหักหลังข้าหลายครั้งแต่ข้าก็อดที่จะคิดถึงนางไม่ได้นางมีดีอะไร หรือเพียงเพราะนางไม่ยอมทอดกายข้าจึงหลงไหลนาง”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน เฉินอี้เหมยก็ไม่เคยยินยอมมอบกายผิดต่างกันตรงไหน แล้วทำไมกัวกั๋วอ่องเต้ถึงไม่ยอมข่มเหงเอ่อต้าเหนิง หรือเพราะนางมีฐานันดรสูงส่งกว่าอี้เหมย ครั้งนั้นก็เหมือนกันครั้งที่ฉินเกอหลงเอาแต่เฝ้าวนเวียนเดินตามเอ่อต้าเหนิงที่ตลาด แต่เฉินอี้เหมยที่ต้องฝึกกิริยาเพื่อหวังว่าเขาจะเลือกเฉินอี้เหมยในฐานะไท่จือเฟย แต่เขากลับเอาเวลาทั้งหมดที่เฉินอี้เหมยฝึกฝนกิริยามารยาทไปทุ่มเทให้กับเอ่อต้าเหนิงที่หยิ่งยะโสคนนั้น“แล้วอี้เหมยที่ไม่ยอมทอดกายทำไมฝ่าบาทจึงข่มเหงเพียงนี้”“ฮะฮะฮ่าาาาเจ้าคิดว่าอย่างไรข้าจำต้องอธิบายด้วยหรือ”ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ปูดบวม“ข้าชอบเจ้าในแบบนี้ชอบน้ำตาของเจข้าหากแต่เอ่อต้าเหนิงข้าชื่นชมรอยยิ้มของนางข้าไม่อยากจะเห็นหยาดน้ำตาของนาง นางเหมาะกับรอยยิ้มที่สดใส”คำพูดเดียวกันนี้ที่เคยพูดไว้กับซุ่ยเอ่อ
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ต้องแต่งแล้วหรือคะ ตายแล้วต้ายังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เลยเรื่องนี้ ไวไปไหมคะ”จะมีกี่คนกันศัตรูจะมากมากกว่าสินะฮ่าาาาคุณปทุมส่ายหน้าระอาใจ“สมัยนี้เขาก็แต่งกันสายฟ้าแลบแบบนี้แหละ ใครๆเขาก็ทำกัน”“เขาแน่ใจหรือคะ ว่าเขาอยากจะแต่งหนูหน้าก็ยังไม่เคยเป็นกันสักครั้ง” นัดสองครั้งต้าเหนิงก็แกล้งไปไม่ตรง เวลาจนผู้ชายคนนั้นไม่รอใครจะรอเล่าไปสายสองชั่วโมงแต่มาบอกกับคุณปทุมว่า เป็นฝ่ายชายที่ไม่มาให้ต้าเหนิงรอเก้อถึงอย่างนั้นแม่กับพ่อก็ยังไปตกลงให้ต้าเหนิงแต่งกับเขาอีก“อย่างไงก็ต้องแต่ป๊าแกตกลงกับ พ่อกับแม่เขาไว้แล้ว”“แม่ ผู้ชายคนนั้นไม่มาดูตัวต้าเลยนะแม่คิดว่าเขารักลูกแม่จริงหรือ….” คุณ ปทุมถอนหายใจ“ป๊าแกอะ ตอนนี้ยังอยู่กับก๊วนเพื่อนตีกอล์ฟอยู่เมืองจีน เขาบอกว่าผู้ชายเขาเตรียมขันหมากมาแล้วเราแค่จัดสถานที่ไว้รอ เขาไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของผู้ชายตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต้าก็แค่ยอมแต่งไปเขามีกิจการใหญ่โต กำลังขยายกิจการมาลงทุนในไทย แล้วต้าอะนะปีนี้26แล้วอยู่นานไปไม่ดีนะคนจีนเขาว่ายิ่งแต่งไวยิ่งสบายไปข้างหน้า แม่จ้างออแกไนท์ไว้แล้วเราแค่จัดสถานที่พรุ่งนี้ขันหมากก็มา”ต้าเหนิงขมวดคิ้วทำมต้องเป็นฝ่ายหญิงที
ภัตตาคารแห่งหนึ่งต้าเหนิงหอบกระเป๋าวิ่งเข้าไปข้างในเลยเวลานัดอีกแล้วจูหรานนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งคอยมองผู้หญิงที่ใส่เดสสีขาวสะอาดนั่นก็คือต้าเหนิง“สวยไม่เบา” พูดขึ้นเบาๆกวนหยงหลุบตามองโต๊ะอาหาร สวยสิสวยจนเขาตกตะลึงสวยกว่าจูหรานไม่น้อยเขานิยมผู้หญิงสวยหวานเวลานอนร่วมเตียงยามที่กำลังนัวเนียกัน จะหวานขนาดไหน แต่พูดไปเสียอีกทาง“นัดบ่ายสี่โมง มาหกโมงเย็น ใครจะรอ”“คุณอย่างไรเล่า คุณสือกวนหยงที่นั่งรออยู่ที่นี่แต่ไม่ไปพบ”“การนัดหมายของเราสองคนสิ้นสุดแล้วเขาไม่มาตอนสี่โมงก้เท่ากับไม่มาถ้าผมแสดงตัวว่ารอเขาตั้งสองชั่วโมงเขาก็จะหัวเราะเยาะหาว่าผมอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่นสินะ”จูหรานยิ้มบางๆ“ผู้หญิงคนนี้เขาจะสำนึกไหมว่าตัวเองมาสายเลยทำให้ไม่เจอคุณ คุณไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ”“ความจริงผมก็อยากจะพบเขานะแต่ จะลองนัดไปดูอีกครั้งว่าจะมาสายอีกไหม” จูหรานอมยิ้ม“สวยไหม”“ไม่เท่าไหร่” ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชะโงกแต่รีบหันหลังไม่ให้ต้าเหนิงเห็นเพราะต้าเหนิงที่เดินจ้ำกลับมาทางเดิมพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับคุณปทุม“ไม่เจอค่ะคุณแม่คนอะไรให้ต้ามารอตั้งนานต้าไม่รอแล้วนะคะกลับบ้านดีกว่าค่ะเสียเวลา” กวนหยงยิ้มมุมปาก
“เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ เลยครับ”“ผมเคยไปดูตัวมาแล้วผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นโสดจนตาย” หนุ่มคนหนึ่งพูดนินทาให้หนุ่มคนหนึ่งฟังเรื่องต้าเหนิง“เราพบผู้หญิงคนเดียวกันใช่ไหม”“นั่นใช่นางเลยแหละต้าเหนิงคนนั้นคนที่ ปากจัดเหลี่ยมเยอะ” ต้าเหนิงที่นั่งหันหลังอยู่อีกฝั่งของชายหนุ่มทั้งสองยิ้มมุมปากคุณปทุมส่ายหน้าไปมา“แย่จริง พรุ่งนี้แม่นักคนดูตัวให้อีกคนจากประเทศจีนอีกแล้ว”“ใครคะ”“ญาติห่างๆๆๆๆ กับเรา เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองหล่อรวยและโปรไฟล์ดี”“ก็แบบนี้ทุกคน แต่คนนี้ไม่เชิงว่าดูตัวแม่กับพ่อลงความเห็นกันแล้วเราแค่อยากให้พวกลุกได้พบกันความจริงเราทาบทามและหาฤกษ์ดีไว้แล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้ว ใช้ตะเกียบในมือพันเส้นหมี่ฮกเกี้ยนในจาน“มัดมือชกเลยหรือ”“กินข้าวกันสองสามครั้งแล้วแต่งเลยพรุ่งพบกันที่ร้านเดิมที่แม่เคยนัดหนุ่มๆ ไว้ให้ต้านั่นแหละลูก” ต้าเหนิงถอนหายใจเฉิงตู“ยังโสดครับท่าน ชื่อว่าคุณต้าเหนิงโสดสนิท มีคนมาดูตัวแต่ก็ไม่เคยตกลงกับใคร” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาทางพามาที่นี่ได้หรือยัง” หานจงถอนหายใจ (หานจงก็มา) “ยังไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยครับผมไม่รู้จะจัดการอย่างไร ถ้าเป็นที่นี่ใครๆ
ต้าเหนิง เดินทอดน่องอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า“กริ้งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรีบเอาแนบหู“สวัสดีค่ะ” ปลายสายพูดเบาๆ“ใครคะรู้จักเราด้วยหรือคะ”“ไม่รู้จักแค่จะโทรมาด่า อินังสารเลวอิชั่วแย่งผัวชาวบ้านอิหน้าด้าน อิ กระ…” ต้าเหนิงสตั้นแป็บ“นี่มาได้กันแบบนี้เลยหรือฉันไปทำอะไรให้คุณ”“ผัวฉันพูดถึงเธอทุกวัน คอยดูนะแม่จะบุกไปตบให้” ต้าเหนิงถอนหายใจ“ฉันแค่ขายบ้านผัวเธอชื่ออะไรฉันจะได้ไม่ต้องขายบ้านให้เคสนี้ขอผ่าน” เสียงปลายสายบ่นงึมงำ“คุณ กำธร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“ขอบคุณ รอรับผลกรรมได้เลย” วางสายพร้อมกับยิ้มหยันยี่สิบนาทีต่อมา“เห็นไหมฉันอยู่กับใคร” ต้าเหนิงนอนบนเตียงด้วยชุดนอนบางเบา แกว่งเนกไทในมือไปมาวีดีโอคอลให้สาวคู่กรณีเมื่อครู่ได้เห็น“แกๆๆ นางต้าเหนิงแกเอาผัวฉันไปกกหรือ”“ฮะๆๆๆ ฮ่า ฉันไม่ได้กกเขา แต่เขากกฉันจริงไหมคะคุณกำธร อย่าลืมโอนเงินค่ามักจำบ้านด้วยนะคะเพิ่มอีก6แสน สำหรับเรื่องบนเตียงในวันนี้ของเรา ฮ่าาาา” หันไปทางด้านหลังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังกำลังโดนกระทุ้งด้วยอะไรบางอย่างอยู่ที่บั้นท้าย ปลายสายหน้าถอดสี“กรี๊ดดดดดดดฉันจะฆ่าแก แกนังต้าเหนิงฉันจะฆ่าแก” ต้าเหนิงกดวางสาย ยิ้มมุมปากเ
วิหารเทียมฟ้า“ไทฮองไทเฮาเพคะ มีคนผู้หนึ่งอยากจะไทฮองไทเฮาเพคะ”ร่างท้วมหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักองค์พระประติมาที่แกะสลักจากหยกขาวสูงตระหง่านในวิหารเทียมฟ้า“เชิญเขาเข้ามาได้” ร่างสูงสวมหมวกปิดบังใบหน้า หนวดสีเทายาวลงมาที่กลางอกเดินเข้ามายืนตรงหน้าไทฮองไทเฮาที่หน้าถอดสี“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ตายหรอกหรือ” เอ่อถูหวังชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ“ซีโหยว ท่านยังความทรงจำเกี่ยวกับข้าอีกหรือ”“ความทรงจำมากมายด้วยเรื่องของเราสามคน” ไทฮองไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ“ฮะฮะฮ่าาาา ข้ามาดีไม่ได้มาทวงความแค้นอะไรกับท่านหรอกแค่อยากจะบอกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้”“เรื่องคนของตระกูลเอ่ออย่างนั้นหรือ ไท่ซางหวงพยายามตลอดมาที่จะให้คนในตระกูลเอ่ออยู่สบายแต่พอสิ้นไท่ซางหวง” ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงจะบอกว่าพยายามก็ไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครได้ ตอนนี้จึงได้ภาวนาให้นางรอดพ้นวิกฤติ” หมายถึงอะไรยังมีเหลือคนของตระกูลเอ่ออยู่อีกหรือไร”“ท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรือ ข้าไม่อาจห้ามปรามนางได้นางเข้าวังไปอาศัยบารมีของไทเฮา นางช่างเดียงสานักไม่รู้หรือไรว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่ เดิมข้าคิดแค่เพียงว่านางเข้าไปเพื่อพบ…ฉินเกอห