“ข้ากับเจ้า เราไม่ได้พบกันอีกเลยตั้งแต่ที่เข้าพาเจ้าไปซ่อนตัวที่วิหารเทียมฟ้า”“แล้วก่อนหน้านั่นเล่า”“ก่อนหน้านั้นเจ้าไม่มองข้าด้วยซ้ำไปเจ้าจำได้หรือไม่ว่าใครคนหนึ่งเดินตามเจ้าไปทั่วตลาดเข้าทุกร้านที่เจ้าเข้าไปซื้อของ”ต้าเหนิงตะลึงงัน เขากับเอ่อต้าเหนิงรักกันอย่างนั้นหรือไต้ซือวังหลวง“สี่ตระกูลใหญ่มีไว้ทำไมกัน เหตุใดต้องพึ่งพาสี่ตระกูลในเมื่อทีวังหลงมีไทเฮามีราชครู“ไทเฮาตั้งข้อสังเกต“พ่ะย่ะค่ะ แล้วกำลังพลของทั้งสี่ตระกูลเล่า ไทเฮาทรงคิดว่าทำอย่างไรเราจะได้กำลังคนเหล่านั้นมา”“สี่ตระกูล มีกลำงพลรวมๆแล้วสองแสนคนของท่านก็ห้าหมื่อนที่เหลืออีกหนึ่งแสนห้าหมื่นคนหากผู้นำสามตระกูลถูกข้าล้มล้างท่านก็รับกำลังคนพวกนั้นไว้เสีย”“แล้วมีวิธีไหนที่จะจัดการพวกเขา”“ส่งราชโองการให้สามตระกูลใหญ่มอบกำลังคนของพวกเขาให้กับไทเฮาอ้างว่าตอนนี้ไม่ไว้ใจอ๋องฉินที่หนีไปเพื่อเตรียมก่อการกบฎ พวกเขาทั้งสามตระกูลมอบคนก็ถือว่าภักดีไม่มอบจึงถือว่วกบฎตั้งใจสั่งสมกำลังพลเพื่อช่วยฉินอ๋อง จะมอบหรือไม่มอบเราก็ได้เปรียบ”เฉินตงลี่ออกคำสั่งไทเฮายิ้มหวานหยด มีเฉินตงลี่คนเดียวก็วางหมากได้ชนะทั้งกระดานบ้านเฉิน“เตรียมเข
“ไม่อยู่ได้ไหมอ่าาา ท่านอ๋องใจร้ายกับต้าเหนิงที่สุดเลย”อ้อมแขนแข็งแรงกอดรวบร่างบางแนบแน่นไม่สนใจสายตาของเยี่ยนฉือกับหานจงที่เขินไปตามๆกัน“ไมไ่ด้ใจร้ายแต่เพราะห่วงเจ้ากลัวเจ้าจะได้รับอันตราย หวางเฟยของข้าอยู่ที่นี่รอไม่นานข้าจะรีบสะสางทุกอย่างในทันทีเพื่อมารับเจ้าให้เร็วที่สุด มอบตำแหน่งฮองเฮาให้กับเจ้า”เยี่ยนฉืออมยิ้ม หานจงถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดฉินเกอหลงก็พร้อมที่จะชิงบัลลังก์พร้อมที่จะทวงทุกอย่างคืน ต้าเหนิงซุกหน้ากับอกกว้างยกมือขึ้นกอดรอบเอวหนา“สัญญาว่าจะรีบมาก็ต้องรีบมา ห้ามช้าแม้แต่วันเดียว ไม่อย่างนั้นต้าเหนิงไม่พูดด้วยนะ” ฉินเกอหลงกระชับอ้อมกอดแนบแน่น“ใจร้ายไปจริงๆเพิ่งจะแต่งกันหวางเย่ควรให้เวลาชายาของท่านสักหลายวันหน่อย”“ไม่ต้องห่วงหรอกท่านหมอ ข้าอยากจะฝากอ๋องน้อยไว้กับหวางเฟยข้าดว้ยซ้ำไป”เยี่ยนฉือยิ้ม หานจงก้มหน้าเขินอาย“เยี่ยนฉือมียาดี กินไปสองสามวันรับรองได้ข่าวดีเรื่องอ๋องน้อย หวางเย่ต้องลองว่าแล้วหานจงเราไปเคี้ยวยากัน จะได้ข่าวดีเรื่องอ๋องน้อยเร็วๆ”คว้ามือหานจงให้เดินตามปล่อยให้ฉินเกอหลงอยู่กับต้าเหนิงเพียงลำพัง“สัญญาว่าจะรอข้า รอว่าอีกไม่นานจะกลับมาทวงความท
วังหลวงตระกูลลู่ “ฮูหยินหนีไปนหนีไปหนีไปซะ"ลู่สือห่าวตะโกนบอกฮูหยินดังๆหลังจากที่มีบาดแผลทั่วร่าง ไม่ยอมส่งมอบกำลังพลแล้วยังส่งคนของตระกุลลุ่ไปที่สุ่ยจิงไทเฮามีบัญชาให้กวาดล้างกบฎซึ่งก็คือตระกูลลู่ส่วนตระกลูจางกับตระกูลลี่ รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ ลี่ฟ่านฟ่านและจางเหมียนรีบมอบตราหยกควบคุมกำลังคนของทั้งสองตระกูลในทันทีที่ได้รับราชโองการ สี่ตระกูลใหญ่ไม่มีอีกต่อไปแล้ว“สามีทะทะท่าน ท่านอยู่ข้าอยู่ท่านตายข้าจะอยู่ได้อย่างไร”วิ่งเข้าประคองร่างโชกเลือดของใต้เท้าลู่“ฮูหยินชาติหน้าจึงพบกัน อ้ากกกกก”ความเจ็บปวดนี้ไม่อาจแบ่งปันผู้ใดใต้เท้าลู่ได้แต่ขอให้สวรรค์เมตตา“หวางเย่จะต้องล้างแค้นให้ข้า”ตะโกนดังลั่น ก่อนที่จะฟุบกายลงกับพื้น“ตัดหัวส่งไปยังสุ่ยจิงเพื่อข่มขวัญอ๋องฉิน”เสียงสั่งดังประกาศิตของไทเฮาชวีเยว่ ที่ได้ยินเรื่องที่ใต้เท้าลู่ส่งคนไปสุ่ยจิงศีรษะของลู่ซือห่าวขาดกระเด็นหลุดออกจากบ่า ใบหน้าเหยเกทว่ากลับมีดวงตาแข็งกร้าวอาฆาตแค้นไทเฮาชวีเยว่ยิ้มเย็น"ต่อไปก็ถึงคิวเจ้าแล้วฉินเกอหลง"หมู่บ้านกลางหุบเขาซูตงถึงจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ต้องตัดใจลาจูบหนักหน่วงในค่ำคืนแสนหวานบทรักอ้อยอิ่งที่ไม่อยาก
ในที่สุดคนทั้งหมดก็มาถึงสุ่ยจิงยามค่ำแล้ว ใบไม้แห้งถูกลมพัดปลิวไปบนถนนรกร้างว่างเปล่าราวกับเมืองร้าง ไม่มักคนที่อยู่ตรงนั้นผู้คนที่สัญจรต่างหลบเข้าที่พักอาศัย อากาศเย็นจนหนาว ฉินเกอหลงและผู้ติดตามต่างชักม้าเข้าไปในเมืองบนซุ้มประตูเมืองนั้น ศีรษะของลู่ซือห่าวแห้งเกรอะกรัง ห้อยต่องแต่งน่าขนลุกฉินเกอหลงแหงนคอมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ลู่ซือห่าวภักดีกับเขาตลอดมาไม่น่ามีจุดจบแบบนี้ กำบังเหียนม้าไว้แน่นสัญญาว่าจะต้องแก้แค้นให้กับใต้เท้าลู่ให้ได้“หวางเยว่ แย่แล้วการมาของเราไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว”ซือกวานพูดขึ้นเบาๆ สีหน้าของทุกคนต่างเป็นกังวล และสลดใจกับภาพสยดสยองตรงหน้า“ฉินเกอหลงคารวะใต้เท้าลู่ ข้าน้อยทำผิดต่อท่าน มาช้าไป จำต้องทำคุณไถ่โทษจะทวงแค้นคืนให้ท่านด้วยตัวเอง”ซือกวาน เยี่ยนฉือและหานจงต่างประสานมือนอบน้อมไว้อาลัยให้กับใต้เท้าลู่พร้อมกัน“หวางเย่เราจะทำอย่างไรกันดี ในเมื่อใต้เท้าลู่ไม่อยู่แล้ว”เยี่ยนแือถามขึ้นชักม้ามาเคียงข้างระแวดระวังภัยรอบๆตัวฉินเกอหลง“ถามหาตระกูลจง”ฉินเกอหลงพูดขึ้นเบาๆ“ซือกวานอารักขาหวางเย่ข้ากับหานจงจะไปเคาะประตูถามถึงตระกูลจงกับชาวบ้านที่เอาแต่
“ปลดท่านลู่ลงมา”ฉินเกอหลงประกาศดังๆ ทัพของตระกูลจงกับฉินเกอหลงที่ย้อนกลับมาที่ประตูเมืองสุ่ยจิงปลดเอาศีรษะของลู่ซือห่าว เพื่อทำพิธีศพฉินเกอหลงแม่ทัพจง เยี่ยนฉือซือกวานและหานจงต่างประสานมือนอบน้อมเพื่อพาศีรษะของท่านลู่ผ่านไป“อนาถนัก เห็นทีจะต้องเร่งยกทัพอยู่ที่นี่เป็นเป้านิ่งไม่ได้แล้ว พวกเขาประกาศดังรู้ว่าเรากำลังตั้งใจจะทำอะไร หวางเย่ทัพของตระกูลจงตอนนี้พร้อมแล้ว”“ทหารของเราฝึกปรือฝีมือถึงขั้นไหนแล้ว”“คนทั้งหมดนี้เป็นทหารที่ผ่านการฝึกฝนมากือบสามปีแล้วตั้งแต่ครั้งที่หวางเย่ออกผนวช ท่านลู่ส่งคนมาฝึกฝนอีกทั้งยังมีการรับคนเพิ่มในทุกๆเดือน เบี้ยหวัดพวกเขาล้วนมาจากเงินของท่านลู่ ดีที่ท่านลู่มีเพียงฮูหยินและคนรับใช้ไม่ได้มีบุตรีบุตรชายให้้องเลี้ยงดูพวกทหารเหล่านี้เปรียบเสมือนลูกหลาน มีทั้งคนที่รับเบี้ยหวัดจำนวนน้อยกับบางส่วนสมัครใจเพราะทนการกดขี่ของกัวกั๋วฮ่องเต้ไม่ได้ ทุกคนจึงตั้งใจฝึกฝนเพื่อรอวันนี้”“เช่นนั้นก็ถือว่าดี จำนวนทหารทั้งหมดกี่นาย”ฉินเกอหลงยิ้มบางๆรู้สึกขอบคุณใต้เท้าลู่ผู้ล่วงลับไม่น้อย“ตอนนี้จำนวนทหารเก่าใหม่รวมทั้งหมด450000นายพวกที่เพิ่มมามาจากคนที่เคยเป็นกำลังพลของสี่
“ปึก เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆสำเร็จแล้ว”ไฉหรานกระโดดตัวลอย ต้าเหนิงยิ้มภูมิใจอย่างที่สุดกับไก่ป่าตัวแรก “ข้ายกให้เจ้าเป็นที่สองในการแม่นธนูเลยทีเดียว”“แล้วใครเป็นที่หนึ่ง”“ไม่น่าถามก็ต้องข้าอยู่แล้วหรือเปล่า ข้าในซูตงนี่ไม่มีใครกล้าท้าดวลกับข้า”“นั่นเพราะหากเจ้าแพ้เจ้าก็จะไปเซ้าซี้ของท้าประลองอยู่แบบนั้นจนไม่มีใครกล้าประลองกับเจ้าจึงยกให้เป็นที่หนึ่ง เอาล่ะข้าเป็นที่สองก็ได้ แต่ไม่ให้เจ้าเป็นที่หนึ่ง”“อ้าวแล้วใครจะเป็นที่หนึ่ง”“ที่หนึ่งไม่มี มีเพียงข้าที่เป็นอันดับสองอิ_อิเจ้าแพ้ข้าแล้วไฉหราน”ไฉหรานยิ้ม มิตรภาพกำลังงอกเงยไม่มีสิ่งใดให้ต้องห่วงทุกอย่างกำลังจะเข้ารูปเข้ารอยต่อจากนี้ ต้าเหนิงยิ้ม ฉินเกอหลงจะต้องประหลาดใจถ้าต้าเหนิงจะยิงไก่ป่ามาย่างให้เขากิน“เจ้าเก่งเพียงนี้ท่านแม่ยังบอกให้เจ้าหัดเย็บถุงหอมตามอย่างของหญิงงามแต่ข้ากลับคิดว่าหญิงงามนั่งเย็บถุงหอม หญิงกล้าแกร่งเช่นเราหัดยิงธนูเหมาะสมกันแล้ว”“ไปเย็บถุงหอมกันเถอะ”“เย็บถุงหอม? เจ้าอยากเป็นหญิงงามที่เพียบพร้อมเหมือนที่ท่านแม่พร่ำพูดกับข้าหรือไร”“ข้าอยากจเย็บถุงหอมให้กับหวางเย่ของเจ้าอย่างไรเล่า ตามประสาภรรยาที่ดีคราวหลังข้าจะได้ไ
“เคลื่อนทัพ”ฉินเกอหลงพร้อมด้วยเยี่ยนฉือหานจงซือกวานและแม่ทัพจงต่างเคลื่อนทัพออกจากสุ่ยจิงในเช้าตรู่ของปีฉินหลางที่3มุ่งหน้ายังแควันฉินเพื่อทวงบัลลังก์คืนซูตง“ท่านแม่ดูสิต้าเหนิงนางเย้บถุงหอมได้สวยกว่าลูกเป็นไหนๆทำไมนางทำได้แล้วลูกทำไมทำไม่ได้”มารดาหรูเหมินยิ้มน้อยๆหยิบถุงหอมของต้าเหนิงขึ้นมาดู“ลวดลายละเอียดงดงามเจ้าปักลายอะไรกันจึงสวยเช่นนี้ สิ่งนี้คือสัตว์ชนิดใด”“หมูเด้งสัตว?ชนินี้เรียกว่าหมูเด้ง อืมต้าเหนิงเกือบลืมไปแล้วว่ามันคือฮิปโปไม่ใช่หมู”หมูเด้ง ฮิปโป เจ้าหมายถึงสัตว์ชนิดใด”มารดาหรูเหมินกับไฉหรานถามขึ้นพร้อมกัน”“ฮิปโปที่กำลังเป็นกระแส ข้าเหมือนหมูเด้งอย่างไรเล่าดีดตลอดเวลา”“ฮิปโป”“อ่อฮิปโปก็คือสัตว์ชนิดหนึ่งที่เหมือนช้างแต่ตัวเล็กกว่าและเด้งได้”“มีสัตว์ที่มีอุปนิสัยเช่นนั้นด้วยหรือ”มารดาหรูเหมินทำสีหน้าสงสสัยอย่าที่สุด”“เจ้าค่ะทว่ามันอยู่ในที่ไกลแสนไกลหากอยู่ใกล้ๆต้าเหนิงจะพาท่านป้าไปเยี่ยมชมหมูเด้ง”ฮูหยินหรูเหมิน ยิ้มอ่อนโยน“เจ้านี่ช่างน่าเอ็นดูเสียจริงเผื่อแผ่คนอื่นจนไม่คิดถึงตัวเอง”“หวางเย่จะต้องชอบหมูเด้งของเจ้าแน่นอน”ไฉหรานพูดยิ้มๆวังหลวงเฉินอี้เหมยกลืนน้ำลา
“เจ้ารู้เรื่องนางในดวงใจของฉินเกอหลงด้วยหรือ อืมมมช่างเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ที่เข้าอกเข้าใจกันดีจริงๆ เอ่อต้าเหนิงนะเอ่อต้าเหนิงทำบุรุษคลั่งไคล้ทั้งๆที่ นางหักหลังข้าหลายครั้งแต่ข้าก็อดที่จะคิดถึงนางไม่ได้นางมีดีอะไร หรือเพียงเพราะนางไม่ยอมทอดกายข้าจึงหลงไหลนาง”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน เฉินอี้เหมยก็ไม่เคยยินยอมมอบกายผิดต่างกันตรงไหน แล้วทำไมกัวกั๋วอ่องเต้ถึงไม่ยอมข่มเหงเอ่อต้าเหนิง หรือเพราะนางมีฐานันดรสูงส่งกว่าอี้เหมย ครั้งนั้นก็เหมือนกันครั้งที่ฉินเกอหลงเอาแต่เฝ้าวนเวียนเดินตามเอ่อต้าเหนิงที่ตลาด แต่เฉินอี้เหมยที่ต้องฝึกกิริยาเพื่อหวังว่าเขาจะเลือกเฉินอี้เหมยในฐานะไท่จือเฟย แต่เขากลับเอาเวลาทั้งหมดที่เฉินอี้เหมยฝึกฝนกิริยามารยาทไปทุ่มเทให้กับเอ่อต้าเหนิงที่หยิ่งยะโสคนนั้น“แล้วอี้เหมยที่ไม่ยอมทอดกายทำไมฝ่าบาทจึงข่มเหงเพียงนี้”“ฮะฮะฮ่าาาาเจ้าคิดว่าอย่างไรข้าจำต้องอธิบายด้วยหรือ”ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ปูดบวม“ข้าชอบเจ้าในแบบนี้ชอบน้ำตาของเจข้าหากแต่เอ่อต้าเหนิงข้าชื่นชมรอยยิ้มของนางข้าไม่อยากจะเห็นหยาดน้ำตาของนาง นางเหมาะกับรอยยิ้มที่สดใส”คำพูดเดียวกันนี้ที่เคยพูดไว้กับซุ่ยเอ่อร
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก “อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย”ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูก ๆ ไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำ ๆ ที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย “ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายาก ๆ เขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุงสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเนื่อยทันที”ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆวิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา~” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว! ”ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสองแน่น
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพนิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย “ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโกลมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย “หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล
“เราจะรักกันตลอดไป” ฉินเกอหลงกระซิบเบาๆ ข้างหูขย่มเขย่าร่างเล็กใต้ร่างเขา เร่งจังหวะพาอีกคนไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมกัน“ข้ารักเจ้าต้าเหนิง” คำรักที่ส่งผ่านริมฝีปากออกมาแล่นเข้าสู่หัวใจของต้าเหนิงบทรักหวานฉ่ำในคืนเข้าหอและจากนี้ตลอดไปยังวนเวียนคำรักไม่สำคัญแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขแล้วความเข้าใจเช้าสดใส“คุณชอบกินกุ้งผมสั่งกุ้งย่างมาให้คุณ” ฉินเกอหลงแกะกล่องหยิบกุ้งมาวางในจานเช็ดมือใกับผ้ากันเปื้อนตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาเป็นคนทำอาหารที่ตรงเวลาและใส่ใจอย่างที่สุด เลื่อนจานกุ้งย่างไปตรงหน้าต้าเหนิง“ต้าวแมวอ้วนของผมจะต้องกินกุ้งอร่อยๆ จนหมดแน่เลย” ต้าเหนิงยิ้มรับเอาจานกุ้ง…แต่“อะอะ โอ๊กกกกกกโอ๊กกกกกอ้วกๆๆๆๆ” วิ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนออกมาทั้งที่ยังไม่ด้กินอะไรตั้งแต่เช้า ฉินเกอหลง วิ่งมาลูบหลังไหล่ให้อย่างอ่อนโยน“เป็นอะไรต้องไปหาหมอแล้วไหม” ต้าเหนิงส่ายหน้าอีกคนโอบไหล่กดหัวให้ซบลงบนอกกว้าง แล้วอุ้มต้าเหนิงไปที่เตียงนอน“อือ แย่จริงผมอยากจะทำอีกแล้วสิบ้าจริงคุณไม่ค่อยสบายแต่ผมกลับอยากจะนอนกับคุณอีกแล้ว” ต้าเหนิงยิ้มบางๆ“เวียนหัวค่ะอยากจะนอน แล้วกุ้งนั่นเหม็นจังเลยค่ะ”“ผมก็เห็
ทุกอย่างหมุนวนไปตามครรลองของมันต้าเหนิงเคียงข้างฉินเกอหลงในโบสถ์ชุดแต่งงานสีขาวสะอาด สายตาจับจ้องที่เจ้าบ่าวที่พูดตามบาทหลวงด้วยคำสัญญาจะรักมั่นเพียงต้าเหนิงคนเดียวน้ำตาไหลริน ไม่สายไป ยังไม่สายไปที่จะรักกันใหม่แหวนทองถูกสวมลงบนนิ้วนางของต้าเหนิงต้าเหนิงเองก็บรรจงสวมแหวนทองให้กับฉินเกอหลงใบหน้ายิ้มแย้มของคุณปทุมกับคุณพ่อของต้าเหนิงราวกับว่ายกภูเขาออกจากอกท่านประธานอี้ตวนคนหล่อยิ้มสมใจต่อนี้ไปจะกุมมือต้าเหนิงไว้ไม่ยอมปล่อยช่อดอกไม้ถูกโยนออกไป ร่างสูงของใครบางคนคว้าช่อดอกไม้ช่อสีขาวสะอาดไว้ในอ้อมแขนต้าเหนิงยิ้มทำตาโตเมื่อเห็นใบหน้าคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้นั่นมัน หานจงนี่ คิดถึงหมอดนัย แสงสว่างวาบขึ้นในหัวจะต้องแนะนำหานจงให้กับคุณหมอดนัยสินะเฮ้อโลกกลมจริงกัวกั๋วยืนพิงต้นดอกท้อที่นำมาประดับในงานมองมาที่คนทั้งสอง“ในที่สุดพี่ก็มีความสุขอีกแล้วครับทุกอย่างก็เป็นพี่ที่ต้องได้มันไป” ถอนหายใจยาวฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถกสปร์อตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที
“ฝ่าบาทแย่แล้วลูกดอกของฝ่าบาทคงไปโดนชาวบ้านที่ผ่านทางมาทางนี้” หานจงพูดขึ้นดังๆตกใจไม่น้อยแต่ทว่าฉินเกอหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรลูกดอกยิงลงเขาเช่นไรจึงไปโดนคนด้านล่างได้ จะบังเอิญอะไรเพียงนั้น“เอ่อ ฝ่าบาทเราจะไม่ลงไปดูคนที่โดนลูกดอกหน่อยหรือขอรับ”หานจงส่งเสียงเตือนเพราะเห็นว่าฉินเกอหลงไม่สนใจแล้วยังจะควบม้าหันหน้าขึ้นไปบนเขาเพื่อตามกวางที่บาดเจ็บต่อไป“ข้าจะลงเขาไปดูพวกเขา ด้วยตัวเอง” สวรรค์นำพาแน่แล้ว ต้าเหนิงดวงตาพร่ามัวมองเห็นใบหน้าของไฉหรานเลือนลางเวลานี้เจ็บปวดที่บาดแผลที่ถูกลูกดอกแทบขาดใจ แต่พยายามที่จะตั้งสติไว้ ความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจและสมองบอกว่า ไม่ไหวแล้วดวงตาพร่ามัวกอ่นที่จะค่อยๆหลับลง“เจ้าจะตายแล้วหรือต้าเหนิงไม่ง่ายไปหน่อยหรือเจ้ากล้าตายทั้งๆ ที่ฝ่าบาทยังจำเจ้าไม่ได้หรือไรอิอิ ข้าสงสารเจ้าเสียจริงรักเขาแต่กลับต้องจบชีวิตลงง่ายดายเพียงนี้กลับไปที่ของเจ้าเสียดีไหม ข้าจัดการได้ดีกว่าเจ้าเชื่อข้าเถอะ” เสียงหวานของเอ่อต้าเหนิงที่ต้าเหนิงจำได้ขึ้นใจในอุโมงค์ที่เต็มๆ ไปด้วยสีสันหลากหลายหมุนวนจนปวดหัว“ไม่ข้าไม่มีทางยอมแพ้ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้ว
เฉินอี้เหมยเดินนวยนาดเข้าไปยังจวนราชครูที่ประดับตกแต่งราวกับตำหนักของฮ่องเต้ แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งยังทำให้ออกมาคล้ายบัลลังก์มังกรเฉินตงลี่นั่งหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวสบายใจไมไ่ด้มีเรื่องใกทุกร้อนยทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินตงลี่“ท่านพ่อ ส่งคนสังหารเอ่อต้าเหนิงลุล่วงไปแล้วหรือ” เฉินตงลี่เลิกคิ้วสูงไม่สู้ชอบใจกิริยาของอี้เหมยนัก ตั้งแต่นางนั่งบัลลังก์ฮองเฮานางก็ไม่เคยจะเห็นหัวเขา แต่ในใจของเฉินอี้เหมยรู้ดีว่าเป็นเพราะบิดาและไทเฮาในตอนนั้นที่ทำให้อี้เหมยต้องจดจำช่วงเวลาเลวร้ายที่ถุกกัวกั๋วย่ำยีไปจนตายความศรัทธาในตัวใต้เท้าเฉินบิดาจึงหมดลง“ข้าส่งคนสังหารนางกับเอ่อถูหวังซวน ผู้โฉดชั่วคนนั้นทว่าคนพวกนั้นไร้ฝีมือไม่อาจจัดการตัวการใหญ่อย่างเอ่อถูหวังซวนได้สำเร็จ คนผู้นี้สมควรตายที่สุดแล้วแต่ยังรอดมาได้ข้าส่งคนลอบสังหารเขาอีกคราแต่ทว่าเอ่อถูหวังซวนผู้นี้ฉลาดเป็นกรดไม่มีทางให้พบตัวได้ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละที่กบดานของเขาถูกคนของข้าเผาทำลายคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเหมือนครั้งที่ข้าส่งคนเผาทำลายตระกูลเอ่อแต่เอ่อต้าเหนิงคนนั้นดวงดีรอดตายมาได้”“ท่านพ่อท่านวางมือเสียเรื่องสังหารนางให้เป็นหน้าที
“หากพบกันเจ้าจะพูดกับเขาว่าอย่างไร” ไฉหรานถามขึ้นยิ้มๆ“เจ้าหมายถึงใคร” ถามกลับเพราะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไฉหรานพูด“จะหมายถึงใครข้าก็หมายถึงฝ่าบาทในเมื่อเขาทิ้งเจ้าไปเจ้าพบเขาก็ควรจะตัดพ้อเขาให้เขารู้ว่าตัวเองทำผิดกับเจ้า”“ท่านหมอบอกว่า ฝ่าบาทจำอะไรไม่ได้บางทีอาจจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทวงคำสัญญาเขาคำสัญญาบนแท่นนอนเจ้าคิดว่าเชื่อถือได้หรือ” ไฉหรานยิ้มเจื่อนๆ“แต่ข้าก็มองว่าเขารักเจ้ามากกว่าใครเขาไม่เคยเหลียวแลหญิงใดเลยมิใช่หรือ หรือแม้แต่ข้าที่อิจฉาเจ้าตลอดมา”“นั่นมันก่อนที่เขาจะเป็นแบบนี้ ท่านหมอบอกว่าคนที่มีอิทธิพลกับเขาที่สุดก็เฉินตงลี่และเฉินอี้เหมย”“ดีนะที่ไม่มีพี่ใหญ่เฉินข้าด้วย”“พี่ใหญ่เฉินของเจ้า ดีจังอย่างน้อยก็ยังได้พูดถึงเขาสินะ เจ้าแอบชอบเขาใช่ไหมบอกข้ามา” ไฉหรานหน้าแดงควบม้านำหน้าต้าเหนิงไปเสียวังหลวงฉินเกอหลงที่นั่งกุมขมับที่ศาลาริมน้ำ ข้างหน้าคือฉินที่กำลังรอใครสักคนบรรเลงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงหวานหรือเพลงเช่นไรก็ควรจะถูกบรรเลงขึ้นได้แล้วแต่เปล่าเลยฉินเกอหลงนั่งมองเครื่องเล่นฉินนิ่งงันลืมเลือนท่วงทำนองเพลงไปเสียสิ้นหานจงจึงเลือกที่จะบอกเล่าเรื่
“ฝ่าบาท น่าจะรู้ดีกว่าใครในใจของฝ่าบาทที่มีแต่เอ่อต้าเหนิงทั้งที่นางทำร้ายทำลายแม้กระทั่งมารดาของฝ่าบาทก็ตามฝ่าบาทก็ยังหลงงมงายกับนางไม่เปลี่ยน นางคงมีเล่ห์เหลี่ยมกลใดจึงทำให้ฝ่าบาทเป็นแบบนี้” “หุบปากเจ้าเสียข้าไม่คิดเลยว่าเฉินอี้เหมยที่สดใสน่ารักจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้องสาวตัวเล็กที่เอาแต่ใจแต่ก็น่าเอ็นดูคนนั้นหายไปไหนเสีย เจ้าพูดถึงนางแล้วทำไมไม่ให้ข้าถามเจ้าบอกว่าข้ารักนางแล้วทำไมนางต้องทำร้ายข้าและมารดาข้า”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน“ฝ่าบาทตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ากับท่านพ่อหวังดีกับฝ่าบาทมาตลอดข้าทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อเปิดโปงเอ่อต้าเหนิงว่าทำผิดต่อฝ่าบาทเพียงใดแต่กระนั้นฝ่าบาทก็ยังไม่ตัดใจจากนางข้าควรจะฆ่านางเสียใช่ไหม”ฉินเกอหลงนิ่งงัน“นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าจะฆ่านางหรือเก็บไว้ก็แล้วแต่เจ้า ที่ข้าสงสัยก็แค่นางจะทำร้ายข้าเพื่ออะไรมิสู้ทำดีกับข้ารอให้ข้านั่งบัลลังก์แล้วยกย่องนางไม่ดีกว่าหรือ”“ฝ่าบาทมีอี้เหมยแล้ว จะรักหรือไม่เราสองคนก็คือสามีภรรยา อี้เหมยจะทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนหากเรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อเรื่องที่ฝ่าบาทยังคลางแคลงสงสัยในความภักดีของท่านพ่อและอี้เห