“เคลื่อนทัพ”ฉินเกอหลงพร้อมด้วยเยี่ยนฉือหานจงซือกวานและแม่ทัพจงต่างเคลื่อนทัพออกจากสุ่ยจิงในเช้าตรู่ของปีฉินหลางที่3มุ่งหน้ายังแควันฉินเพื่อทวงบัลลังก์คืนซูตง“ท่านแม่ดูสิต้าเหนิงนางเย้บถุงหอมได้สวยกว่าลูกเป็นไหนๆทำไมนางทำได้แล้วลูกทำไมทำไม่ได้”มารดาหรูเหมินยิ้มน้อยๆหยิบถุงหอมของต้าเหนิงขึ้นมาดู“ลวดลายละเอียดงดงามเจ้าปักลายอะไรกันจึงสวยเช่นนี้ สิ่งนี้คือสัตว์ชนิดใด”“หมูเด้งสัตว?ชนินี้เรียกว่าหมูเด้ง อืมต้าเหนิงเกือบลืมไปแล้วว่ามันคือฮิปโปไม่ใช่หมู”หมูเด้ง ฮิปโป เจ้าหมายถึงสัตว์ชนิดใด”มารดาหรูเหมินกับไฉหรานถามขึ้นพร้อมกัน”“ฮิปโปที่กำลังเป็นกระแส ข้าเหมือนหมูเด้งอย่างไรเล่าดีดตลอดเวลา”“ฮิปโป”“อ่อฮิปโปก็คือสัตว์ชนิดหนึ่งที่เหมือนช้างแต่ตัวเล็กกว่าและเด้งได้”“มีสัตว์ที่มีอุปนิสัยเช่นนั้นด้วยหรือ”มารดาหรูเหมินทำสีหน้าสงสสัยอย่าที่สุด”“เจ้าค่ะทว่ามันอยู่ในที่ไกลแสนไกลหากอยู่ใกล้ๆต้าเหนิงจะพาท่านป้าไปเยี่ยมชมหมูเด้ง”ฮูหยินหรูเหมิน ยิ้มอ่อนโยน“เจ้านี่ช่างน่าเอ็นดูเสียจริงเผื่อแผ่คนอื่นจนไม่คิดถึงตัวเอง”“หวางเย่จะต้องชอบหมูเด้งของเจ้าแน่นอน”ไฉหรานพูดยิ้มๆวังหลวงเฉินอี้เหมยกลืนน้ำลา
“เจ้ารู้เรื่องนางในดวงใจของฉินเกอหลงด้วยหรือ อืมมมช่างเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ที่เข้าอกเข้าใจกันดีจริงๆ เอ่อต้าเหนิงนะเอ่อต้าเหนิงทำบุรุษคลั่งไคล้ทั้งๆที่ นางหักหลังข้าหลายครั้งแต่ข้าก็อดที่จะคิดถึงนางไม่ได้นางมีดีอะไร หรือเพียงเพราะนางไม่ยอมทอดกายข้าจึงหลงไหลนาง”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน เฉินอี้เหมยก็ไม่เคยยินยอมมอบกายผิดต่างกันตรงไหน แล้วทำไมกัวกั๋วอ่องเต้ถึงไม่ยอมข่มเหงเอ่อต้าเหนิง หรือเพราะนางมีฐานันดรสูงส่งกว่าอี้เหมย ครั้งนั้นก็เหมือนกันครั้งที่ฉินเกอหลงเอาแต่เฝ้าวนเวียนเดินตามเอ่อต้าเหนิงที่ตลาด แต่เฉินอี้เหมยที่ต้องฝึกกิริยาเพื่อหวังว่าเขาจะเลือกเฉินอี้เหมยในฐานะไท่จือเฟย แต่เขากลับเอาเวลาทั้งหมดที่เฉินอี้เหมยฝึกฝนกิริยามารยาทไปทุ่มเทให้กับเอ่อต้าเหนิงที่หยิ่งยะโสคนนั้น“แล้วอี้เหมยที่ไม่ยอมทอดกายทำไมฝ่าบาทจึงข่มเหงเพียงนี้”“ฮะฮะฮ่าาาาเจ้าคิดว่าอย่างไรข้าจำต้องอธิบายด้วยหรือ”ยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ปูดบวม“ข้าชอบเจ้าในแบบนี้ชอบน้ำตาของเจข้าหากแต่เอ่อต้าเหนิงข้าชื่นชมรอยยิ้มของนางข้าไม่อยากจะเห็นหยาดน้ำตาของนาง นางเหมาะกับรอยยิ้มที่สดใส”คำพูดเดียวกันนี้ที่เคยพูดไว้กับซุ่ยเอ่อ
เฉินอี้เหมยยิ้มเย็นเยือกไปถึงหัวใจ ขันทีเฒ่าเปิดประตูให้อี้เหมยเข้าไปในห้องบรรทมของกัวกั๋วฮ่องเต้“ทำไมวันนี้ ดุนิ่งงันเจ้าไม่กลัวข้าแล้วหรือ ถ้าไม่กลัวก็หมดสนุกสิแสร้งทำให้เหมือนว่ากลัวข้าหน่อยร้องไห้ดังอีกนิด แล้วเวลาอุ่นเตียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดเช่นนั้นข้าจึงจะสุขสม”“อี้เหมยเข้าใจแล้ว จะเล่นละครให้สมบทบาทที่สุดฝ่าบาทจะได้โปรดปราน”“อืมมมดี ดีมากข้าก็จะได้ไม่ต้องพูดมาก แต่ดูหน้าเจ้าสิแค้นเคืองข้าหรือไร เอาน่าข้าจะออมมือต่อไปก็คงหาคนอื่นมาแทนเจ้าหลังจากที่ ข้าได้กลับไปนั่งบัลลังก์แล้วเจ้าจะได้พักบ้างแต่เอาจริงๆนะอี้เหมย ข้าล่ะชอบสายตาหวาดกลัวของเจ้าที่สุดชอบเสียงกรีดร้องของเจ้าที่สุดข้าจะเบามือล่ะกัน ยกมือขึ้นบีบที่คางมนแลบลิ้นเลียที่แก้มเนียน เฉินอี้เหมย หลับตาไล่ความรู้สึกเกลียดชังขยะแขยงนั้นไปเสีย กลัวว่ากัวกั๋วฮ่องเต้จะจับอาการได้“นี่คือยาถอนพิษ ของข้าที่ใช้กับเจ้า ข้าให้ท่านหมอปรุงขึ้นเพื่อเจ้าเชียวนะเห็นไหมข้าก็ไม่ได้ใจดำ มอบให้เจ้าสำหรับสามเดือนหากทำดีข้าจะมอบมันให้ตรงเวลาก่อนที่พิษจะกำเริบ อ่อเดิมข้าคิดจะวางยาบิดาเจ้าให้ตายไปเสียแต่มาตอนนี้เพื่อเห็นแก่เจ้าข้าจะไว้ชีวิตบิ
ใต้เท้าเฉินเดินตรงไปชะโงกมองร่างไร้วิญญาของกัวกั๋วฮ่องเต้“มีดที่เจ้าสังหารฝ่าบาท”อี้เหมยวางมีดลงตรงหน้าใต้เท้าเฉินที่จับมีดมา โยนไว้ข้างแท่นนอน เปิดผ้าห่มออกเสีย“นั่งนิ่งๆอยู่ที่นี่รอพ่อจนกว่าพ่อจะกลับมาเจ้าไ่ต้องพุดเพียงแค่นั่งนิ่งๆก็พอ”“ขอบคุณท่านพ่อที่ช่วยลูก”“พ่อเช่นไรไม่ช่วยเจ้าเล่าลูกรัก เจ้าต้องฟันฝ่ามาถึงขั้นนี้ นับว่าต้องแลกด้วยหลายอย่างเจ้าพักเสียหน่อยดีไหมพ่อจะเข้าเฝ้าไทเฮาเพื่อเจ้าต่อไปทุกอย่างจึงง่านไม่เสียแรงที่ลงมือลงแรงไปแล้วเราจะต้องจัดการทุกอย่างใหเ้รียบร้อยโดยเร็วที่สุด อย่างไรเสียก็ดีที่ไม่ต้องหาทางกำจัดปลิงพวกนี้ เราสองคนพ่อลูกกำลังจะมีอำนาจสูงสุด”อี้เหมยสะอื้นอย่างหนัก น้ำตาไหลพร่างพรู จะเก็บไว้ทำไมระบายมันออกมาน้ำตาแห่งความเจ็บปวดและสาสมต่อไปก็ไม่ต้องมีน้ำตาอีกแล้ว ในเมื่ออี้เหมยจัดการปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว“ลูกขอบคุณท่านพ่อ”เฉินตงลี่ก้าวขาออกจากห้องบรรทมสวนทางกับหมอหลวงและขันทีเฒ่าที่ยังคงมีสีหน้าตื่นกลัว“มาแล้วหรือท่านหมอ” อี้เหมยปาดน้ำตาที่ไหลรินยิ้มหวานหยด“ท่านหมอ ข้ากับท่านไม่มีอะไรบาดหมางกัน ข้าจึงมีเรื่องอยากจะขอร้องท่าน หากว่ายังมีความเป็นหมอ
“ส่งคนไปที่ห้องบรรทมฝ่าบาทจับตัวฝ่าบาทไว้ทำผิดต้องยอมรับโทษทัณฑ์บัดนี้ไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์แล้ว”เหล่าขันทีนางกำนัลต่างทรุดกายลงกับพื้นก้มศีรษะจรดพื้นโศกสลด เฉินตงลี่ ก้มหน้าซ่อนยิ้มและเพียงครู่เดียวนั้นเอง“ฝ่าบาททรงสิ้นพระชนม์แล้ว ฝ่าบาททรงใช้มีดสั้นปลิดชีพตัวเองที่แทนบรรทม”“แย่แล้วฝ่าบาททรงคิดสั้นเพียงนั้นเชียวหรือโธ่ไม่น่าปลงพระชนม์ไทเฮาตั้งแต่แรกแล้ว มาถึงตอนนี้สำนึกผิดก็สายไป”“บัลลังก์ขาดฮ่องเต้และไทเฮาในวันเดียวกัน บ้านเมืองกำลังจะประสบบาปเคราะห์ ท่านราชครูเราควรจะทำอย่างไรดีข้าน้อยต้องพึ่งท่านเสียแล้ว”เฉินตงลี่ถอนหายใจยาว“ข้าเองก็หนักใจอีกทั้งยังคาดไม่ถึงว่าจะมาถึงวันนี้ เอาแบบนี้ข้าสั่งการแทนฝ่าบาทและจะต้องหาคนที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งฮ่องเต้ในเร็ววันหวังว่าพวกท่านจะไว้วางใจ้าเพราะที่ผ่านมาข้าเองก็เคียงข้างฝ่าบาทและไทเฮาทุกอย่างจะต้องสานต่อจากของเดิมและอาจจะดีขึ้นเรื่อยๆ”ขันทีข้างกายไทเฮาทรุดกายลงกับพื้น “คารวะท่านราชครู วางใจท่านราชครู วางใจท่านราชครู”เหล่าขันทีนางกำนัลและองครักษ์ต่างทรุดกายลงคุกเข่ากล่าวตามขันทีอาวุโสข้างกายไทเฮา“ส่งหนังสือเชิญฉินเกอหลง ให้กลับวังหลวงโดยเ
“ช่างเถอะเจ้าไปเสีย”หานจงหันหลังก้าวเดินเยี่ยนฉือรั้งร่างเล็กมากอดแนบอกอีกครั้ง“ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าห้ามพาตัวเองไปพบกับอันตรายไม่อย่างนั้นข้าจะ ข้าจะ”จุมพิตที่หน้าผากเบาๆ หานจงเบี่ยงตัวหลบ“เลิกคิดเถอะ”ก้าวขากลับไปยังกระโจมที่พัก เยี่ยนฉือถอนหายใจยาววังหลวง“ฉินเกอหลงกำลังจะเข้ามาในวังหลวงตามคำเชิญ เจ้าดีใจหรือไม่อี้เหมยลูกพ่อ”“เจ้าค่ะ แต่ท่านพ่อเหตุใดไม่รอให้พิธีศพผ่านพ้นไปก่อนจึงพาหวางเย่เข้ามา”“ไม่อาจกระทำ บัลลังก์ไม่อาจขาดฮ่องเต้ได้แม้แต่เพียงวันเดียว ทำเช่นนี้จึงไม่มีข้อครหา ดีที่เจ้ายังไม่ทันได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาของกัวกั๋วนับว่าสรรค์ยังมีตาหากได้รับการแต่งตั้งแล้วเกรงว่าฉินเกอหลงจะปฏิเสธเจ้า เพราะยังมีเอ่อต้าเหนิงคนนั้นที่ชาติตระกูลสูงส่งไม่น้อย เช่นนั้นการตั้งแต่งฮ่องเต้กับการแต่งตั้งฮองเฮา คงจะต้องเตรียมการพร้อมกันไปเลยแต่งตั้งฮ่องเต้เสียก่อนแล้วจึงเป็นฮองเฮา เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม”เฉินอี้เหมยยิ้มเย็น“ท่านพ่อคิดว่า หวางเย่มีใจให้กับเอ่อต้าเหนิงใช่ไหม เช่นนั้นหากหวางเย่จะแต่งตั้งนางในตำแหน่งฮองเฮา ท่านพ่อยอมหรือไร”เฉินตงลี่ยิ้มมุมปาก“เราจะไม่ยอมให้ตระกูลเอ่อได้กลับ
“เขาไม่มารับเธอแล้วต้าเหนิงคำอธฐานของฉันมีคาราแค่เท่านั้นมันหมดราคาแล้ว”ต้าเหนิงสะดุ้งสุดตัว ตื่นจากหลับไหลหยาดน้ำตายังพร่างพรายคนที่เคยรักมาวันนี้กลายเป็นคนแปลกหน้า ฉินเกอหลงที่ไม่แม้กระทั่งจำได้ว่าเคยแต่งงานกับต้าเหนิง แต่งตั้งเฉินอี้เหมยในตำแหน่งฮองเฮา สั่งคนมากวาดล้างซูตง ด้วยความแค้นเคืองเอ่อถูหวังซวนต้าเหนิงกับหยาดน้ำตานับหมื่นหยดก็ไม่อาจ ให้ความปวดร้าวบรรเทาเบาบางต้าเหนิงกลับรออยู่อย่างงมงายจะรักหรือเกลียดก็ไม่ทวงถามจนกระทั่งมาถึงตอนนี้ตระหนักได้ว่าไม่ควรคิดถึงคนที่ไม่ควรคิดถึงหัวใจด้านชาไปแล้วจริงหรือคนที่เคียงข้างปลอบใจคือ ท่านปู่เอ่อถูหวังซวนท่านแม่หรูเหมิน ไฉหรานและเชียวกงเล่อจดหมายบอกเล่าเรื่องราวต่างๆของเยียนฉือไมไ่ด้ให้ความกระจ่างอะไรทำได้เพียงหนีตายเมื่อเขาส่งข่าวว่าฉินเกอหลงกำลังส่งทัพหลวงมากวาดล้างซูตงตั้งใจกลับออกไปนอกเขตวังหลวงเพื่อไปยังโรงเตี๊ยมเดียวดายผู้คนมากมายล้วนต้องผ่านการตรวจตราจากทหารที่เฝ้าอยู่ที่กำแพงสูง“พรุ่งนี้พาข้ามาเที่ยวตลาดอีกได้ไหมพี่ใหญ่เชียว”ไฉหรานพูดขึ้นเบาๆ เชียวกงเล่อส่ายหน้าไปมา“เรื่องสำคัญคือทำตัวให้กลมกลืนเพื่อจะได้กลับออกไปได้ง่าย
“เฮ้อหลอกตัวเองว่าไม่อยากเจอเขา ฝ่าบาทนะฝ่าบาทท่านก็ ทำให้ต้าเหนิงนางเป็นแบบนี้เองใครจะช่วยได้ ไม่ลืมเลือนก็เหมือนลืมเลือนนากำลังลืมฝ่าบาทไม่น่าต้องมาพบกันอีกเลย”ไฉหรานบ่นเบาๆวังหลวง“ฝ่าบาทเสด็จไปที่แม่น้ำลั่วซาน เพื่อล่าสัตว์”เฉินอี้เหมยพยักหน้าขึ้นลง“ใครตามเสด็จพี่ใหญ่ข้าหรือว่าหานจง”“ท่านเฉิน ตอนนี้ถูกท่านราชครูเรียกเข้าพบเรื่องเอ่อถูหวังซวนได้ยินว่าท่านเฉินกับท่านราชครูมีปากเสียงกัน”อี้เหมยยิ้มบางๆ“เข้าใจได้ไม่ยาก พี่ใหญ่ยึดมั่นคุณธรรมคงอีกไม่นานจะต้องออกเดินทางไปยังซูตงแน่ๆหากท่านพ่อไม่รั้งไว้และพี่ใหญ่ไม่ห่วงใยฝ่าบาท”“ส่งคนสอดแนม ว่าหานจงตัวร้ายกับท่านหมอเยี่ยนฉือปลุกปั่นฝ่าบาทหรือไม่”“น้อมบัญชาฮองเฮา”องครักษ์ขางกายออกไปแล้วอี้เหมยเปิดกล่องโลหะสีทองหยิบเอาปอยผมที่มัดรวมไว้ด้วยสายรัดเอว ขึ้นมาพิศดูยิ้มเย็นน่ากลัวที่สุด“เจ้าจะไม่มีทางได้กลับมาเอ่อต้าเหนิง”เก็บปอยผมไว้ตามเดิมซ่อนมันไว้อย่างมิดชิด แม่น้ำลั่วซานฉินเกอหลงควบม้าไปตามแนวชายฝั่ง เหล่าทหารต่างไล่ ต้อนสัตว์ป่าให้ลงมายังที่โล่งริมน้ำ“เฮๆๆๆๆๆ”เสียงฝีเท้าม้าพุ่งตรงมาแต่ที่มาถึงก่อนคือสัตว์น้อยใหญ่ที่ตกใจเสียงโห่ร้อ
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ต้องแต่งแล้วหรือคะ ตายแล้วต้ายังไม่ได้บอกเพื่อนๆ เลยเรื่องนี้ ไวไปไหมคะ”จะมีกี่คนกันศัตรูจะมากมากกว่าสินะฮ่าาาาคุณปทุมส่ายหน้าระอาใจ“สมัยนี้เขาก็แต่งกันสายฟ้าแลบแบบนี้แหละ ใครๆเขาก็ทำกัน”“เขาแน่ใจหรือคะ ว่าเขาอยากจะแต่งหนูหน้าก็ยังไม่เคยเป็นกันสักครั้ง” นัดสองครั้งต้าเหนิงก็แกล้งไปไม่ตรง เวลาจนผู้ชายคนนั้นไม่รอใครจะรอเล่าไปสายสองชั่วโมงแต่มาบอกกับคุณปทุมว่า เป็นฝ่ายชายที่ไม่มาให้ต้าเหนิงรอเก้อถึงอย่างนั้นแม่กับพ่อก็ยังไปตกลงให้ต้าเหนิงแต่งกับเขาอีก“อย่างไงก็ต้องแต่ป๊าแกตกลงกับ พ่อกับแม่เขาไว้แล้ว”“แม่ ผู้ชายคนนั้นไม่มาดูตัวต้าเลยนะแม่คิดว่าเขารักลูกแม่จริงหรือ….” คุณ ปทุมถอนหายใจ“ป๊าแกอะ ตอนนี้ยังอยู่กับก๊วนเพื่อนตีกอล์ฟอยู่เมืองจีน เขาบอกว่าผู้ชายเขาเตรียมขันหมากมาแล้วเราแค่จัดสถานที่ไว้รอ เขาไปกินข้าวกับพ่อกับแม่ของผู้ชายตกลงกันแล้วเรียบร้อย ต้าก็แค่ยอมแต่งไปเขามีกิจการใหญ่โต กำลังขยายกิจการมาลงทุนในไทย แล้วต้าอะนะปีนี้26แล้วอยู่นานไปไม่ดีนะคนจีนเขาว่ายิ่งแต่งไวยิ่งสบายไปข้างหน้า แม่จ้างออแกไนท์ไว้แล้วเราแค่จัดสถานที่พรุ่งนี้ขันหมากก็มา”ต้าเหนิงขมวดคิ้วทำมต้องเป็นฝ่ายหญิงที
ภัตตาคารแห่งหนึ่งต้าเหนิงหอบกระเป๋าวิ่งเข้าไปข้างในเลยเวลานัดอีกแล้วจูหรานนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งคอยมองผู้หญิงที่ใส่เดสสีขาวสะอาดนั่นก็คือต้าเหนิง“สวยไม่เบา” พูดขึ้นเบาๆกวนหยงหลุบตามองโต๊ะอาหาร สวยสิสวยจนเขาตกตะลึงสวยกว่าจูหรานไม่น้อยเขานิยมผู้หญิงสวยหวานเวลานอนร่วมเตียงยามที่กำลังนัวเนียกัน จะหวานขนาดไหน แต่พูดไปเสียอีกทาง“นัดบ่ายสี่โมง มาหกโมงเย็น ใครจะรอ”“คุณอย่างไรเล่า คุณสือกวนหยงที่นั่งรออยู่ที่นี่แต่ไม่ไปพบ”“การนัดหมายของเราสองคนสิ้นสุดแล้วเขาไม่มาตอนสี่โมงก้เท่ากับไม่มาถ้าผมแสดงตัวว่ารอเขาตั้งสองชั่วโมงเขาก็จะหัวเราะเยาะหาว่าผมอยากแต่งกับเขาจนตัวสั่นสินะ”จูหรานยิ้มบางๆ“ผู้หญิงคนนี้เขาจะสำนึกไหมว่าตัวเองมาสายเลยทำให้ไม่เจอคุณ คุณไม่ออกไปพบเขาหน่อยหรือ”“ความจริงผมก็อยากจะพบเขานะแต่ จะลองนัดไปดูอีกครั้งว่าจะมาสายอีกไหม” จูหรานอมยิ้ม“สวยไหม”“ไม่เท่าไหร่” ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชะโงกแต่รีบหันหลังไม่ให้ต้าเหนิงเห็นเพราะต้าเหนิงที่เดินจ้ำกลับมาทางเดิมพร้อมกับคุยโทรศัพท์กับคุณปทุม“ไม่เจอค่ะคุณแม่คนอะไรให้ต้ามารอตั้งนานต้าไม่รอแล้วนะคะกลับบ้านดีกว่าค่ะเสียเวลา” กวนหยงยิ้มมุมปาก
“เป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ เลยครับ”“ผมเคยไปดูตัวมาแล้วผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นโสดจนตาย” หนุ่มคนหนึ่งพูดนินทาให้หนุ่มคนหนึ่งฟังเรื่องต้าเหนิง“เราพบผู้หญิงคนเดียวกันใช่ไหม”“นั่นใช่นางเลยแหละต้าเหนิงคนนั้นคนที่ ปากจัดเหลี่ยมเยอะ” ต้าเหนิงที่นั่งหันหลังอยู่อีกฝั่งของชายหนุ่มทั้งสองยิ้มมุมปากคุณปทุมส่ายหน้าไปมา“แย่จริง พรุ่งนี้แม่นักคนดูตัวให้อีกคนจากประเทศจีนอีกแล้ว”“ใครคะ”“ญาติห่างๆๆๆๆ กับเรา เขามีธุรกิจเป็นของตัวเองหล่อรวยและโปรไฟล์ดี”“ก็แบบนี้ทุกคน แต่คนนี้ไม่เชิงว่าดูตัวแม่กับพ่อลงความเห็นกันแล้วเราแค่อยากให้พวกลุกได้พบกันความจริงเราทาบทามและหาฤกษ์ดีไว้แล้ว”ต้าเหนิงเลิกคิ้ว ใช้ตะเกียบในมือพันเส้นหมี่ฮกเกี้ยนในจาน“มัดมือชกเลยหรือ”“กินข้าวกันสองสามครั้งแล้วแต่งเลยพรุ่งพบกันที่ร้านเดิมที่แม่เคยนัดหนุ่มๆ ไว้ให้ต้านั่นแหละลูก” ต้าเหนิงถอนหายใจเฉิงตู“ยังโสดครับท่าน ชื่อว่าคุณต้าเหนิงโสดสนิท มีคนมาดูตัวแต่ก็ไม่เคยตกลงกับใคร” ฉินเกอหลงพยักหน้าขึ้นลง “หาทางพามาที่นี่ได้หรือยัง” หานจงถอนหายใจ (หานจงก็มา) “ยังไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนเลยครับผมไม่รู้จะจัดการอย่างไร ถ้าเป็นที่นี่ใครๆ
ต้าเหนิง เดินทอดน่องอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า“กริ้งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรีบเอาแนบหู“สวัสดีค่ะ” ปลายสายพูดเบาๆ“ใครคะรู้จักเราด้วยหรือคะ”“ไม่รู้จักแค่จะโทรมาด่า อินังสารเลวอิชั่วแย่งผัวชาวบ้านอิหน้าด้าน อิ กระ…” ต้าเหนิงสตั้นแป็บ“นี่มาได้กันแบบนี้เลยหรือฉันไปทำอะไรให้คุณ”“ผัวฉันพูดถึงเธอทุกวัน คอยดูนะแม่จะบุกไปตบให้” ต้าเหนิงถอนหายใจ“ฉันแค่ขายบ้านผัวเธอชื่ออะไรฉันจะได้ไม่ต้องขายบ้านให้เคสนี้ขอผ่าน” เสียงปลายสายบ่นงึมงำ“คุณ กำธร” ต้าเหนิงถอนหายใจยาว“ขอบคุณ รอรับผลกรรมได้เลย” วางสายพร้อมกับยิ้มหยันยี่สิบนาทีต่อมา“เห็นไหมฉันอยู่กับใคร” ต้าเหนิงนอนบนเตียงด้วยชุดนอนบางเบา แกว่งเนกไทในมือไปมาวีดีโอคอลให้สาวคู่กรณีเมื่อครู่ได้เห็น“แกๆๆ นางต้าเหนิงแกเอาผัวฉันไปกกหรือ”“ฮะๆๆๆ ฮ่า ฉันไม่ได้กกเขา แต่เขากกฉันจริงไหมคะคุณกำธร อย่าลืมโอนเงินค่ามักจำบ้านด้วยนะคะเพิ่มอีก6แสน สำหรับเรื่องบนเตียงในวันนี้ของเรา ฮ่าาาา” หันไปทางด้านหลังทำหน้าเหยเกเหมือนกำลังกำลังโดนกระทุ้งด้วยอะไรบางอย่างอยู่ที่บั้นท้าย ปลายสายหน้าถอดสี“กรี๊ดดดดดดดฉันจะฆ่าแก แกนังต้าเหนิงฉันจะฆ่าแก” ต้าเหนิงกดวางสาย ยิ้มมุมปากเ
วิหารเทียมฟ้า“ไทฮองไทเฮาเพคะ มีคนผู้หนึ่งอยากจะไทฮองไทเฮาเพคะ”ร่างท้วมหยุดชะงักเงยหน้าขึ้นมองรูปสลักองค์พระประติมาที่แกะสลักจากหยกขาวสูงตระหง่านในวิหารเทียมฟ้า“เชิญเขาเข้ามาได้” ร่างสูงสวมหมวกปิดบังใบหน้า หนวดสีเทายาวลงมาที่กลางอกเดินเข้ามายืนตรงหน้าไทฮองไทเฮาที่หน้าถอดสี“ท่านผู้นี้ ท่านยังไม่ตายหรอกหรือ” เอ่อถูหวังชวนเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ“ซีโหยว ท่านยังความทรงจำเกี่ยวกับข้าอีกหรือ”“ความทรงจำมากมายด้วยเรื่องของเราสามคน” ไทฮองไทเฮาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ“ฮะฮะฮ่าาาา ข้ามาดีไม่ได้มาทวงความแค้นอะไรกับท่านหรอกแค่อยากจะบอกเรื่องที่เคยตกลงกันไว้”“เรื่องคนของตระกูลเอ่ออย่างนั้นหรือ ไท่ซางหวงพยายามตลอดมาที่จะให้คนในตระกูลเอ่ออยู่สบายแต่พอสิ้นไท่ซางหวง” ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงจะบอกว่าพยายามก็ไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครได้ ตอนนี้จึงได้ภาวนาให้นางรอดพ้นวิกฤติ” หมายถึงอะไรยังมีเหลือคนของตระกูลเอ่ออยู่อีกหรือไร”“ท่านไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้หรือ ข้าไม่อาจห้ามปรามนางได้นางเข้าวังไปอาศัยบารมีของไทเฮา นางช่างเดียงสานักไม่รู้หรือไรว่ากำลังขี่หลังเสืออยู่ เดิมข้าคิดแค่เพียงว่านางเข้าไปเพื่อพบ…ฉินเกอห