วันนี้ต้าเหนิงถูกคุณปทุมคุมตัวมานั่งที่ห้องด้านล่างเพื่อใช้สำหรับแต่งตัว ไมไ่ด้จัดงานที่โรงแรมอย่างที่ควรจะเป็นเพียงจัดที่บ้านหลังใหญ่ราคาหลายสิบหลานที่ป๊าของต้าเหนิงเป็นคนสร้างมันขึ้นเองกับมือไม่มีแขกมีแค่ญาติผู้ใหญที่มาคอยดูความสำเร้จของลูกหลาน ตามธรรมเนียมไทยแท้“วาสนาจริงๆ นะคะเนี๊ยะ ดูสิสินสอดตั้ง100ล้านทำบุญด้วยอะไรคะเนี๊ยะ” หนึ่งในญาติผู้ใหญ่ที่แม่บอกต้าเหนิงแต่ความจริงแล้วก้แค่เพื่อนสมัยปฐมของแม่ที่ยังแวะเวียนกินข้าวเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน ตั้งประเด็นให้คนอื่นพลอยชื่นชมสิ่งที่ต้าเหนิงและคุณปทุมกำลังจะได้รับ“มีลูกสาวสวยก้บแบนี้แหละค่ะ ว่าแต่หนูต้านี่26แล้วใช่ไหมคะทำไมหน้าเด็กๆ แล้วยังสวยกว่าดาราบางคนอีก” เพื่อนอีกคนที่มักจะชอบพูดไปในด้านดีเสียหมดพูดขึ้นบ้างคุณปทุมยิ้มจะได้โอกาสคุยโม้ก็วันนี้แหละ“ยัยต้านะเหรอคะโอ๊ย เขาก็หน้าเด็กแบบนี้แหละค่ะ แต่สมองอะนะเกินตัวคิดอะไรนี่อย่างกับคอมพิวเตอร์ มียัยต้าคนเดียวสบายแปดอย่างนี่เขาเหมือนพ่อเขานะ เดินทางสายอสังหาเหมือนกันเดือนๆ หนึ่งยัยต้าขายบ้านได้เป็นสิบๆ หลังได้เงินมาก็คงไปแต่งสวยเขาแหละแม่กับพ่อไม่เคยขอสักบาทแต่จะว่าไปของแทร่ทั้งนั้น
“ไม่มีจริงๆ แล้วสินะ ต้าเหนิง ลูกแม่แกเสียใจไหม” คุณปทุมถาม ต้าเหนิงน้ำเสียงเศร้าๆ“ไม่นี่แม่ ไม่ได้รู้สึกอะไรโล่งใจด้วยซ้ำ”“ต้าอย่าทำเป็นฝืนใจเลยต้า แม่ขอโทษ ที่ทำให้..หนูอายคนอื่นเขา”“ไม่ใช่แม่สักหน่อย เป็นคนพวกนั้นต่างหากที่ตั้งใจมาหลอกเราจะว่าไปได้ที่ดินตั้งเกือบร้อยไร่เพื่อต่อทุนทำไมพวกเขาไม่ยอมมาแต่งนะ” ตั้งข้อสังเกตคุณปทุมถอนหายใจยาว“ป๊าส่งคนตามกวนหยงแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าว”“ช่างเถอะค่ะใครสนกันไม่แต่งก็ไม่แต่งก็แค่ดูตัวไปเรื่อยๆ จะยากอะไร”คุณปทุมยิ้มเศร้าๆ“แม่กับป๊าไม่น่าบังคับต้าเลย” ต้าเหนิงกอดรอบเอวอวบของคุณปทุม“อย่าคิดมากน่าคุณนายปทุมใครเขาโทษป๊ากับแม่เล่า ดีจะตายไม่ได้แต่งไม่งั้นคืนนี้ไม่ได้หลับได้นอน” คุณปทุมขำกับความทะลึ่งของต้าเหนิง“ดีสิแบบนั้นแม่จะได้มีหลานเร็วๆ”“ไม่อย่างนั้นสิคะ ที่ไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดรายรับรายจ่ายจนหัวหมุนกว่าจะขาดทุน” คุณปทุมอมยิ้ม“ป๊าแกก็เสียใจป่านนี้คงโทรไปต่อว่าคนพวกนั้น ดึกขนาดนี้ใครจะรับโทรศัพท์ ต้าไปนอนได้แล้วลูกเกือบจะตีหนึ่งแล้ว” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงอย่างว่าง่ายเดินขึ้นไปชั้นบนห้องนอนของต้าเหนิงที่ถูกจัดเป็นห้องหอผ่าน
บ้านเฉิน“นางกำนัลที่ชื่อเจายี่”“เจ้าค่ะคุณหนูรอง พูดคุยกับนางแล้วเจ้าค่ะ นางยินดีรับเงินที่คุณหนูรองมอบให้นางและนางยินดีทำตามคำสั่งของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“ดีมากมอบยาให้นางหรือยัง”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยสงสัยเจ้าค่ะยานั่นไม่ทำให้ตายทำไมคุณหนูไม่ให้ยาที่ทำให้ตายได้เลยเจ้าคะจะยื้อเวลาไปทำไมกัน พระสนมเอ่อตายได้ก็สาวมาไม่ถึงคุณหนูรองอยู่ดี เพราะท่านเฉินเป็นถึงผู้นำสี่ตระกูลใหญ่”“ข้าตั้งใจให้นางค่อยๆ ป่วยและตายไปในที่สุดกว่าทุกอย่างจะพร้อมให้นางอยู่ในฐานะสนมให้สบายพอท่านอ๋องกลับมานางก็จากไปพอดีช่างน่าสมเพชยิ่งนัก” สาวใช้นิ่งงันคิดไม่ถึงว่าเฉินอี้เหมยจะมีความคิดที่ร้ายกาจเช่นนี้“ส่งยาเข้าไปเรื่อยๆ คงอีกสักพักว่านางจะล้มป่วย”ตำหนักสิบหก“เครื่องเสวยที่ฝ่าบาทประทานมาให้กับพระสนมเอ่อเป็นเครื่องเสวยที่ได้วัตถุดิบจากโพ้นทะเล อีกอย่างอาหารทะเลพวกนี้หายากยิ่งแล้วกว่าจะส่งมาต้องใช้กล่องไม้ที่สั่งทำเป็นพิเศษใส่น้ำทะเลลงไปให้สัตว์น้ำที่ต้องการ นำมาถวายเป้นเครื่องบรรณาการกับฝ่าบาทได้อาศัยและยังต้องให้อาหารเลี้ยงดุจนพวกมันอ้วนท้วนส่งมาถึงนี่เพื่อปรุงเครื่องเสวยที่สดใหม่” ขันทีตัวเค่อเดินยกปูม้าตัวใหญ่สองสาม
“ส่งข่าวบอกกับเสด็จย่า ข้ายังไม่สะดวกที่จะกลับไปแสวงบุญที่วิหารเทียมฟ้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะโยกย้าย” หานจงถอนหายใจยาว หันหลังก้าวเดิน เสียงลูกดอกแหวกอากาศมาแต่ไกลพุ่งเข้าใส่ฉินเกอหลงที่นั่งนั่งทว่าฉินเกอหลงกลับใช้ประคำในมือตวัดเข้าใส่ดอกให้ตกลงข้างกายหานจงพุ่งตัวตามต้นตอของลูกดอก บุรษที่สวมอาภรณ์พรางตัว พุ่งตัววิ่งลัดเลาะบนกำแพงหนีออกจากวัดไปง่ายดาย“ไม่ต้องตาม”“หวางเย่ แย่แล้วใครกันที่คิดทำร้ายหวางเย่ได้อีกก็ในเมื่อร่างข้อตกลงว่าจะไม่ ทำร้ายและสังหารหวางเย่แล้วนอกจากนั้นหวางเย่ยังมีใครที่คิดจะทำร้ายอีก”ฉินเกอหลง ขมวดคิ้วดกดำ“นั่นสินะ ข้าไร้สามารถที่จะบอกว่าใครเป็นคนที่คิดจะจัดการกับข้า”“หวางเย่ ควรจะคิดเสียใหม่เถิด ใครจะปล่อยให้ศัตรูยังมีชีวิตอยู่เป็นหอกข้างแคร่ไปวันๆ”“นั่นสินะข้าเองที่เข้าใจผิดไปเองว่ายอมถอยแล้วกัวกั๋วฮ่องเต้จะปล่อยข้าไป” หมู่บ้านซูตง“เรีบบร้อยหรือไม่”“ขอรับท่านจ้าวบ้านข้าน้อยแค่ทำให้ฉินเกอหลงรู้ว่ามีคนปองร้าย”“ดีมากจัดการ ต่อไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะยอมเดินทางกลับวังหลวง” เอ่อถูหวังซวนยิ้มมุมปาก“อีกไม่นานอีกไม่นานเท่านั้นฉินเกอหลงจะต้อง
ซุยเออ่ร์จากไปแล้วคนที่ยังอยู่คือเจายี่“พระสนมเจ้าขา วันก่อนนางกำนัลซุยเอ่อร์นางสั่งตัดอาภรณ์ชุดใหม่โดยให้มาเก้นเงินที่ตำหนักที่สิบหกเจายี่จึงเอาเงินของเจายี่จ่ายให้ ช่างตัดอาภรณ์ไปก่อน”“ข้าจะดตัดเบี้ยหวัดนางคืนเจ้า”“แต่พระสนมเจ้าขานางได้เบี้ยหวัดจากฝ่าบาทมิใช่หรือเจ้าค่ะไม่แน่ว่าฝ่าบาทจะรู้เรื่องของนาง”“ไม่มีทาง ซุยเอ่อร์กับข้าเดิมเติบโตมาด้วยกัน ข้าถึงจะบอกว่าไม่รู้ใจซุยเอ่อร์แต่ก็พอจะเดานิสัยใจคอนางได้ แค่กๆๆๆ นางเป็นคนที่เอาเข้าจริงก็ไม่ไม่กล้าเช่นนั้นข้าจึงข่มขู่นางเพื่อนางจะได้สำนึกๆ ได้ว่าไม่ควรจะเหิมเกริมมากไปกว่านี้แค่กๆๆ” เจายี่ยิ้ม“พระสนมเจ้าขา พระสนมมีอาการบ่อยขึ้นเราควรตามหมอหลวงดีไหม เผื่อว่าจะได้จัดเทียบยาเพื่อบรรเทาอาการไอ”“ดีเหมือนกันหลายวันมานี้ข้าร่างกายอ่อนแอจนคิดว่าครจะพบท่านหมอสักครั้ง”“เจายี่ตามท่านหมอเจ้าค่ะ” เจายี่จากไปอีกแล้วเอ่อต้าเหนิงเอนกายลงช้าๆลงบนแท่นอนร่างอกายอ่อนแรงดวงตาพร่ามัว เมื่อไหร่จะจบสิ้นเสียทีการต่อสู้ดิ้นรนนี้ วันหนึ่งๆ ต้องรับมือกับอะไรบ้างจะมีใครมารู้กับเอ่อต้าเหนิง ความหวังเดียวในตอนนี้คือการได้พบฉินเกอหลงรอให้เขากลับมาเผื่อว่ายังเห
“พระสนมเจ้าขาหมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ” เจายี่เดินนำหมอหลวงเข้ามา”“แค่กๆๆๆ ท่านหมอมาแล้วหรือ” หมอหลวงรับปิดปากปิดจมูก“ขอรับพระสนมข้าน้อยรีบมาเมื่อไดยินว่าพระสนมประชวร ทิ้งงานสำคัญไปหลายอย่างทีเดียว” เจายี่หันไปเบ้ปากเสียอีกทาง“ขอบคุณท่านหมอเจายี่ไปหยิบสินเดิมของข้าที่หีบใบใหญ่ มามอบให้ท่านหมอเป้นทองสักสองก้อนดีไหม” หมอหลวงยิ้มร่ารีบจับตรวจชีพจร“อาการพระสนม ไม่ได้มีอะไรหนักหนาลงกว่าเดิมข้าน้อยจัดเทียบยาบำรุงร่างกายและยาที่ทำให้อาการอ่อนเพลียและอาการไอหายไป” ต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลงเจายี่ที่เดินไปที่หีบสินเดิมของเอ่อต้าเหนิงเปิดหีบออก ดวงตาเบิกโพลงก่อนจะหยับเอาทองสองก้อนและหยิบ กำไลหยกที่เนื้อเนียนละเอียดซุกไว้ในแขนเสื้อ“มีตั้งมากมายเจายี่หยิบสักชิ้นสองชิ้นก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม พระสนมก็ควรจะแบ่งข้าบ้างสินะข้าทนรับใช้มาตั้งนาน” เดินกลับมาพร้อมกับก้อนทองในมือหมอหลวงยิ้มเจ้าเลห์แต่ต้าเหนิงกลับไม่ทันได้มอง“ยาชนิดนี้ดีสุดในตำรับยาพระสนมกินไม่นานก็หาย” เอ่อต้าเหนิงพยักหน้าขึ้นลง“หลายวันมานี้ข้ายิ่งรู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้นเรื่อยๆ แทบไม่อยากจะลุกจากแท่นนอน และยังรู้สึกเหมือนกับหายใจไม่สะดวก”“ข้า
“พระสนม เจายี่ได้ยินว่า ซุยเอ่อร์นางจะไม่ยอมไปปรนนิบัติฝ่าบาท”“ทำไมกัน”“นางบอกว่าที่ผ่านมานางลำบากเพียงลำพังแต่พระสนมกลับได้ประโยชน์”“นางพูดอย่างนั้นเลยหรือ” เอ่อต้าเหนิงกัดฟันแน่นข่มความรู้สึกโมโหซุยเอ่อร์เดินเข้ามาในห้อง“ใช่เจ้าค่ะ พระสนมท่านควรจะรู้แล้วว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วท่านยังคิดว่าท่านเป็นคุณหนูเอ่อผู้สูงส่งอยู่อีกหรือทุกวันนี้สิ่งที่ข้าทำส่งเสริมท่านและท่านเองก็ยังต้องพึ่งพาข้า ต่อไปก็ควรทำตัวให้ดีอยู่ให้เป็น” คำพูดไม่ได้นอบน้อมอีกต่อไปแล้วซุยเอ่อร์นางกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไรเจายี่ยิ้มมุมปาก “จริงสินะข้าลืมข้อนี้ไปเสียสนิทต่อไปข้าจะต้อง ทำดีกับเจ้าสินะ มานี่สิซุยเอ่อร์ ข้ามีอะไรจะให้เจ้า” พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ซุยเอ่อร์ยิ้มหยัน“ดีแล้ว พระสนมท่านคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว ต่อไปท่านก็แค่เอาใจข้าไม่เช่นนั้นข้าอาจไม่ยอมไปปรนนิบัติฝ่าบาททำให้เกิดปัญหาตามที่หลังได้หากว่าความจริงจะถูกเปิดเผย พระสนมท่านก็ควรจะดีกับข้าหน่อย” เดินเข้าไปไกลๆเอ่อต้าเหนิงลุกขึ้นยืน แล้วคว้าที่คอหอยของซุยเอ่อร์อย่างรวดเร็วทำให้ซุยเอ่อร์ไม่มีโอกาสได้หนี“อะ อะ พระสนมทำไมยังกล้าทำร้ายข้าต่อไปข้าไม่ทำ
วัดทางเหนือฉินเกอหลงบนหลังมา หานจงบนหลังม้าควบทะยานออกจากวัดไป“ท่านเจ้าอาวาส” ไต้ซือท่านหนึ่ง เอ่ยขึ้นเบาๆ เจ้าอาวาสที่นั่งนับประคำยังไม่ยอมลืมตา“จวิ้นหวัง ยอมผิดสัญญากลับไปที่วังหลวง ท่านเจ้าอาวาสไม่ห่วงความปลอดภัยหรือขอรับ”“ไม่ ตามธรรมดาแล้วนี่คือวิถีของบุรุษ จะตัดขาดได้หรือรักโลภโกรธหลงในเมื่อยังคงมีลมหายใจ”“แต่จวิ้นหวัง บำเพ็ญเพียรมานานแล้วนะขอรับ”“บำเพ็ญเพียรแต่จิตใจไร้ความสงบ เช่นไรจึงจะถือว่าละทางโลกได้ปล่อยเขาไปเถิดทางนู่นยังต้องการเขามิใช่ให้เขาละทิ้งทุกอย่างทั้งๆ ที่ยังมีคนอยากจะให้เขาช่วยและยังต้องการตัวเขา”หมู่บ้านซูตง“ท่านพ่อขอรับให้ข้าน้อยส่งคนอารักขาใครกัน คนผู้นั้นคือใครกัน” เอ่อถูหวังซวนโบกมือให้สาวใช้ออกไปจากห้องลุกขึ้นยืนเดินไปที่ริมหน้าต่าง“เชียวกงเล่อ ข้าสั่งให้อารักขาคนผู้หนึ่งไม่ได้สั่งเจ้าเพราะงานปกป้องซูตงของเราสำคัญยิ่ง หลายวันก่อนทหารของวังหลวงวนเวียนอยู่ที่นี่ซึ่งไม่แน่ว่าจะพบทางเข้าหมู่บ้านของเรา” เอ่อถูหวังซวนถอนหายใจยาวตั้งใจเบี่ยงเบนความสนใจของเชียวกงเล่อเสีย“ลูกทราบแล้ว จะอารักขาหมู่บ้านของเราให้ดีที่สุด”บ้านของลู่ซือห่าว“ท่านอ๋อง หลายวันม
ฉินเกอหลงก้มลงจูบที่หน้าผากเธอหนึ่งทีแล้วพูดติดตลก “อย่าทำแบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวใจฉันจะละลาย”ต้าเหนิงกลั้นยิ้มหลังอาหารเย็น ฉินเกอหลงยืนล้างจานอยู่ในครัวโดยมีเด็กแฝดทั้งสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ ช่วยส่งจาน พ่อบ้านคนเก่งพูดคุยกับลูก ๆ ไปด้วย เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสามคนทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าที่เคยเป็น ต้าเหนิงยืนพิงขอบประตูดูภาพตรงหน้า แอบอมยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ใครจะเชื่อว่าผู้ชายเย็นชาจากโลกเดิม จะกลายมาเป็นคนที่อบอุ่นจนสามารถละลายกำแพงในใจเธอได้ทั้งหมดฉินเกอหลงคนนนี้งดงามกลางใจต้าเหนิงไม่มีเสื่อมคลายทุกเช้า เขาจะตื่นก่อนเพื่อเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางวันมีซาลาเปาไส้หมูฉ่ำ ๆ ที่เขานวดแป้งเอง บางวันก็มีข้าวต้มร้อน ๆ กับไข่เยี่ยวม้าราดซอสขิง เธอแค่ลุกมาก็เจอกลิ่นหอมลอยมาจากครัว พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มเรียกชื่อเธออย่างคุ้นเคย “ต้าเหนิงที่รัก ตื่นได้แล้ว กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยนอนต่อก็ได้”เขาไม่เคยปล่อยให้ต้าเหนิงต้องทำงานอะไรในบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะซักผ้า ทำสวน พาเด็กไปหาหมอ หรือแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเปิดฝาน้ำปลาที่ว่ายาก ๆ เขาก็จะโผล่มาทันที พร้อมกับสายตาห่วงใยที่ไม่เคยจางไป เขาใส่ใจ
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังเบา ๆ เมื่อต้าเหนิงผลักประตูบ้านเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้ากับกลิ่นขิงและน้ำซุปลอยมาแตะจมูกทันที ฉินเกอหลงคงวุ่นอยู่ในครัวเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา แค่ก้าวเข้าไปยังไม่ทันได้วางกระเป๋าถือ มือของใครบางคนก็คว้าสัมภาระไปจากเธออย่างแผ่วเบา“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มที่ฟังเมื่อไรก็อบอุ่นใจเสมอดังขึ้นจากข้างหลัง ฉินเกอหลง สวมผ้ากันเปื้อนผืนบาง ทับเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนพับขึ้นถึงข้อศอกทำไมเขาดูน่ารักในตอนที่สวมผ้ากันเปื้อนนะ ดวงตาหยีเมื่อยิ้ม“ทำกับข้าวอีกแล้วเหรอ คงจะยุงสินะวันนี้” ต้าเหนิงยิ้มพลางถอดรองเท้า “เหนื่อยนิดหน่อย...แต่เห็นหน้าคุณแล้วหายเนื่อยทันที”ต้าเหนิงอมยิ้ม “พูดแบบนี้ จะหวานเกินไปแล้วนะคุณสามี” “อยากจะให้หวานกว่านี้ไหมไปที่ห้องนอนกันสิ” เขากระซิบใกล้หู ทำเอาหัวใจต้าเหนิงเต้นตุ้บ ๆทันใดนั้น เสียงเท้าเล็ก ๆวิ่งลงบันได ฉินเกอหลงถอนหายใจก่อนจะยิ้มกว้างส่ายหน้าไปมา “หม่าม๊าาาาาาาาา~” เสียงใสของ หนูน้อยต้าเล่อ วิ่งมากอดขาแม่แน่น ตามหลังมาด้วยน้องชายฝาแฝด ต้าโย่ว ที่ถือของเล่นไม้ในมือ “คุณแม่กลับมาแล้ว! ”ต้าเหนิงย่อตัวลงกอดลูกทั้งสองแน่น
หนึ่งปีผ่านไปที่คลินิกใหญ่แห่งหนึ่งของย่านที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาต้าเหนิงหอบหิ้วข้าวของมากมายเดินเข้าไปข้างใน ที่นั่นหมอดนัยนั่งไขว่ห้างพนิงพนักเก้าอี้หานจงกำลังเดินออกมาพร้อมกับของว่างได้เวลาของว่างพอดีสินะ“กำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมคุณกับหลานๆ” หมอดนัยกล่าวทักแล้วรีบมาช่วยต้าเหนิงรับเอาของพรุงพะรังไปวางที่โต๊ะตัวกลางหน้าโซฟา หันมองสบตากับหานจงยิ้มๆ ต้าเหนิงเบ้ปาก“ฮันนีมูนมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง” ต้าเหนิงพูดไปด้วยวางขนมลงบนโต๊ะทำงานของหมอดนัย “ดีที่สุดดีมากและดีจริงๆ” หันไปยิ้มกับหานจงอีกครั้งโกลมันเปลี่ยนไปแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม หานจงรีบกุลีกุจอนำจานมาแกะห่อขนมวางตรงหน้าหมอดนัย “หือน่ากินจังต้าเหนิงเก่งจริงๆ ทำขนมเป็นด้วยหรือ” ต้าเหนิงส่ายหน้ายิ้มๆ“ทายสิว่าใครทำ” หมอดนัยอ้าปากค้าง“เมืองจีนนี้เขาสอนลูกหลานเขาอย่างไรน้าาา ผู้ชายสุภาพทุกคนและยังเอาใจเก่งอีกด้วยอิจฉาต้าเหนิงจังมีคนทำกับข้าวให้เลี้ยงลูกให้แล้วยังนอนกล่อมกลางคืนด้วย” ต้าเหนิงส่ายหน้าไปมายิ้มๆ“แล้วคนของหมอเล่า” พยักหน้าไปทางหานจง“ผมไม่เกี่ยวนะ ผมไม่สุภาพตรงไหนผมเอาใจคุณหมอทั้งคืน” หานจงพูดตามแบบที่เข้าใจภาษาไทยได้เล
“เราจะรักกันตลอดไป” ฉินเกอหลงกระซิบเบาๆ ข้างหูขย่มเขย่าร่างเล็กใต้ร่างเขา เร่งจังหวะพาอีกคนไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมกัน“ข้ารักเจ้าต้าเหนิง” คำรักที่ส่งผ่านริมฝีปากออกมาแล่นเข้าสู่หัวใจของต้าเหนิงบทรักหวานฉ่ำในคืนเข้าหอและจากนี้ตลอดไปยังวนเวียนคำรักไม่สำคัญแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสุขแล้วความเข้าใจเช้าสดใส“คุณชอบกินกุ้งผมสั่งกุ้งย่างมาให้คุณ” ฉินเกอหลงแกะกล่องหยิบกุ้งมาวางในจานเช็ดมือใกับผ้ากันเปื้อนตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาเป็นคนทำอาหารที่ตรงเวลาและใส่ใจอย่างที่สุด เลื่อนจานกุ้งย่างไปตรงหน้าต้าเหนิง“ต้าวแมวอ้วนของผมจะต้องกินกุ้งอร่อยๆ จนหมดแน่เลย” ต้าเหนิงยิ้มรับเอาจานกุ้ง…แต่“อะอะ โอ๊กกกกกกโอ๊กกกกกอ้วกๆๆๆๆ” วิ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนออกมาทั้งที่ยังไม่ด้กินอะไรตั้งแต่เช้า ฉินเกอหลง วิ่งมาลูบหลังไหล่ให้อย่างอ่อนโยน“เป็นอะไรต้องไปหาหมอแล้วไหม” ต้าเหนิงส่ายหน้าอีกคนโอบไหล่กดหัวให้ซบลงบนอกกว้าง แล้วอุ้มต้าเหนิงไปที่เตียงนอน“อือ แย่จริงผมอยากจะทำอีกแล้วสิบ้าจริงคุณไม่ค่อยสบายแต่ผมกลับอยากจะนอนกับคุณอีกแล้ว” ต้าเหนิงยิ้มบางๆ“เวียนหัวค่ะอยากจะนอน แล้วกุ้งนั่นเหม็นจังเลยค่ะ”“ผมก็เห็
ทุกอย่างหมุนวนไปตามครรลองของมันต้าเหนิงเคียงข้างฉินเกอหลงในโบสถ์ชุดแต่งงานสีขาวสะอาด สายตาจับจ้องที่เจ้าบ่าวที่พูดตามบาทหลวงด้วยคำสัญญาจะรักมั่นเพียงต้าเหนิงคนเดียวน้ำตาไหลริน ไม่สายไป ยังไม่สายไปที่จะรักกันใหม่แหวนทองถูกสวมลงบนนิ้วนางของต้าเหนิงต้าเหนิงเองก็บรรจงสวมแหวนทองให้กับฉินเกอหลงใบหน้ายิ้มแย้มของคุณปทุมกับคุณพ่อของต้าเหนิงราวกับว่ายกภูเขาออกจากอกท่านประธานอี้ตวนคนหล่อยิ้มสมใจต่อนี้ไปจะกุมมือต้าเหนิงไว้ไม่ยอมปล่อยช่อดอกไม้ถูกโยนออกไป ร่างสูงของใครบางคนคว้าช่อดอกไม้ช่อสีขาวสะอาดไว้ในอ้อมแขนต้าเหนิงยิ้มทำตาโตเมื่อเห็นใบหน้าคนที่รับช่อดอกไม้ไว้ได้นั่นมัน หานจงนี่ คิดถึงหมอดนัย แสงสว่างวาบขึ้นในหัวจะต้องแนะนำหานจงให้กับคุณหมอดนัยสินะเฮ้อโลกกลมจริงกัวกั๋วยืนพิงต้นดอกท้อที่นำมาประดับในงานมองมาที่คนทั้งสอง“ในที่สุดพี่ก็มีความสุขอีกแล้วครับทุกอย่างก็เป็นพี่ที่ต้องได้มันไป” ถอนหายใจยาวฉินเกอหลงกุมมือต้าเหนิงพาวิ่งไปที่รถกสปร์อตที่จอดผูกโบไว้ด้านหลังผูกกระป๋องก๋องแก๋งให้ดูตลก ฉินเกอหลงเปิดประตูอุ้มต้าเหนิงขึ้นนั่งบนรถเข้าเองก็เปิดประตูเข้านั่งข้างๆ พารถเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ“ในที
“ฝ่าบาทแย่แล้วลูกดอกของฝ่าบาทคงไปโดนชาวบ้านที่ผ่านทางมาทางนี้” หานจงพูดขึ้นดังๆตกใจไม่น้อยแต่ทว่าฉินเกอหลงกลับมีท่าทีเฉยชาไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรลูกดอกยิงลงเขาเช่นไรจึงไปโดนคนด้านล่างได้ จะบังเอิญอะไรเพียงนั้น“เอ่อ ฝ่าบาทเราจะไม่ลงไปดูคนที่โดนลูกดอกหน่อยหรือขอรับ”หานจงส่งเสียงเตือนเพราะเห็นว่าฉินเกอหลงไม่สนใจแล้วยังจะควบม้าหันหน้าขึ้นไปบนเขาเพื่อตามกวางที่บาดเจ็บต่อไป“ข้าจะลงเขาไปดูพวกเขา ด้วยตัวเอง” สวรรค์นำพาแน่แล้ว ต้าเหนิงดวงตาพร่ามัวมองเห็นใบหน้าของไฉหรานเลือนลางเวลานี้เจ็บปวดที่บาดแผลที่ถูกลูกดอกแทบขาดใจ แต่พยายามที่จะตั้งสติไว้ ความเจ็บปวดนั้นแล่นเข้าสู่หัวใจและสมองบอกว่า ไม่ไหวแล้วดวงตาพร่ามัวกอ่นที่จะค่อยๆหลับลง“เจ้าจะตายแล้วหรือต้าเหนิงไม่ง่ายไปหน่อยหรือเจ้ากล้าตายทั้งๆ ที่ฝ่าบาทยังจำเจ้าไม่ได้หรือไรอิอิ ข้าสงสารเจ้าเสียจริงรักเขาแต่กลับต้องจบชีวิตลงง่ายดายเพียงนี้กลับไปที่ของเจ้าเสียดีไหม ข้าจัดการได้ดีกว่าเจ้าเชื่อข้าเถอะ” เสียงหวานของเอ่อต้าเหนิงที่ต้าเหนิงจำได้ขึ้นใจในอุโมงค์ที่เต็มๆ ไปด้วยสีสันหลากหลายหมุนวนจนปวดหัว“ไม่ข้าไม่มีทางยอมแพ้ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้ว
เฉินอี้เหมยเดินนวยนาดเข้าไปยังจวนราชครูที่ประดับตกแต่งราวกับตำหนักของฮ่องเต้ แม้แต่เก้าอี้ที่นั่งยังทำให้ออกมาคล้ายบัลลังก์มังกรเฉินตงลี่นั่งหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวสบายใจไมไ่ด้มีเรื่องใกทุกร้อนยทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินตงลี่“ท่านพ่อ ส่งคนสังหารเอ่อต้าเหนิงลุล่วงไปแล้วหรือ” เฉินตงลี่เลิกคิ้วสูงไม่สู้ชอบใจกิริยาของอี้เหมยนัก ตั้งแต่นางนั่งบัลลังก์ฮองเฮานางก็ไม่เคยจะเห็นหัวเขา แต่ในใจของเฉินอี้เหมยรู้ดีว่าเป็นเพราะบิดาและไทเฮาในตอนนั้นที่ทำให้อี้เหมยต้องจดจำช่วงเวลาเลวร้ายที่ถุกกัวกั๋วย่ำยีไปจนตายความศรัทธาในตัวใต้เท้าเฉินบิดาจึงหมดลง“ข้าส่งคนสังหารนางกับเอ่อถูหวังซวน ผู้โฉดชั่วคนนั้นทว่าคนพวกนั้นไร้ฝีมือไม่อาจจัดการตัวการใหญ่อย่างเอ่อถูหวังซวนได้สำเร็จ คนผู้นี้สมควรตายที่สุดแล้วแต่ยังรอดมาได้ข้าส่งคนลอบสังหารเขาอีกคราแต่ทว่าเอ่อถูหวังซวนผู้นี้ฉลาดเป็นกรดไม่มีทางให้พบตัวได้ง่ายๆ แต่ก็นั่นแหละที่กบดานของเขาถูกคนของข้าเผาทำลายคงเจ็บปวดใจไม่น้อยสินะเหมือนครั้งที่ข้าส่งคนเผาทำลายตระกูลเอ่อแต่เอ่อต้าเหนิงคนนั้นดวงดีรอดตายมาได้”“ท่านพ่อท่านวางมือเสียเรื่องสังหารนางให้เป็นหน้าที
“หากพบกันเจ้าจะพูดกับเขาว่าอย่างไร” ไฉหรานถามขึ้นยิ้มๆ“เจ้าหมายถึงใคร” ถามกลับเพราะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไฉหรานพูด“จะหมายถึงใครข้าก็หมายถึงฝ่าบาทในเมื่อเขาทิ้งเจ้าไปเจ้าพบเขาก็ควรจะตัดพ้อเขาให้เขารู้ว่าตัวเองทำผิดกับเจ้า”“ท่านหมอบอกว่า ฝ่าบาทจำอะไรไม่ได้บางทีอาจจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทวงคำสัญญาเขาคำสัญญาบนแท่นนอนเจ้าคิดว่าเชื่อถือได้หรือ” ไฉหรานยิ้มเจื่อนๆ“แต่ข้าก็มองว่าเขารักเจ้ามากกว่าใครเขาไม่เคยเหลียวแลหญิงใดเลยมิใช่หรือ หรือแม้แต่ข้าที่อิจฉาเจ้าตลอดมา”“นั่นมันก่อนที่เขาจะเป็นแบบนี้ ท่านหมอบอกว่าคนที่มีอิทธิพลกับเขาที่สุดก็เฉินตงลี่และเฉินอี้เหมย”“ดีนะที่ไม่มีพี่ใหญ่เฉินข้าด้วย”“พี่ใหญ่เฉินของเจ้า ดีจังอย่างน้อยก็ยังได้พูดถึงเขาสินะ เจ้าแอบชอบเขาใช่ไหมบอกข้ามา” ไฉหรานหน้าแดงควบม้านำหน้าต้าเหนิงไปเสียวังหลวงฉินเกอหลงที่นั่งกุมขมับที่ศาลาริมน้ำ ข้างหน้าคือฉินที่กำลังรอใครสักคนบรรเลงเพลงไม่ว่าจะเป็นเพลงหวานหรือเพลงเช่นไรก็ควรจะถูกบรรเลงขึ้นได้แล้วแต่เปล่าเลยฉินเกอหลงนั่งมองเครื่องเล่นฉินนิ่งงันลืมเลือนท่วงทำนองเพลงไปเสียสิ้นหานจงจึงเลือกที่จะบอกเล่าเรื่
“ฝ่าบาท น่าจะรู้ดีกว่าใครในใจของฝ่าบาทที่มีแต่เอ่อต้าเหนิงทั้งที่นางทำร้ายทำลายแม้กระทั่งมารดาของฝ่าบาทก็ตามฝ่าบาทก็ยังหลงงมงายกับนางไม่เปลี่ยน นางคงมีเล่ห์เหลี่ยมกลใดจึงทำให้ฝ่าบาทเป็นแบบนี้” “หุบปากเจ้าเสียข้าไม่คิดเลยว่าเฉินอี้เหมยที่สดใสน่ารักจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้น้องสาวตัวเล็กที่เอาแต่ใจแต่ก็น่าเอ็นดูคนนั้นหายไปไหนเสีย เจ้าพูดถึงนางแล้วทำไมไม่ให้ข้าถามเจ้าบอกว่าข้ารักนางแล้วทำไมนางต้องทำร้ายข้าและมารดาข้า”เฉินอี้เหมยกัดฟันจนเป็นสันนูน“ฝ่าบาทตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ากับท่านพ่อหวังดีกับฝ่าบาทมาตลอดข้าทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อเปิดโปงเอ่อต้าเหนิงว่าทำผิดต่อฝ่าบาทเพียงใดแต่กระนั้นฝ่าบาทก็ยังไม่ตัดใจจากนางข้าควรจะฆ่านางเสียใช่ไหม”ฉินเกอหลงนิ่งงัน“นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าจะฆ่านางหรือเก็บไว้ก็แล้วแต่เจ้า ที่ข้าสงสัยก็แค่นางจะทำร้ายข้าเพื่ออะไรมิสู้ทำดีกับข้ารอให้ข้านั่งบัลลังก์แล้วยกย่องนางไม่ดีกว่าหรือ”“ฝ่าบาทมีอี้เหมยแล้ว จะรักหรือไม่เราสองคนก็คือสามีภรรยา อี้เหมยจะทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อนหากเรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อเรื่องที่ฝ่าบาทยังคลางแคลงสงสัยในความภักดีของท่านพ่อและอี้เห