พอนึกได้เรื่องที่เขาดูแลฉันเมื่อคืนLine[ฉัน: คุณหมอ ขอบคุณนะคะ เมื่อคืน หนักไหม ฮ่า ๆ][Dr. Nine: หนัก ปวดแขนเลย ตัวแสบเอ้ย][ฉัน: กินอะไรยังคะ งานยุ่งมั้ย][Dr. Nine: ยังเลย เดี๋ยวมีเคสเข้า รอจบเคสนี้ก่อนครับผม หวานล่ะ กินอะไรยัง ไปหาอะไรกินกันมั้ย]ฉันหันไปมองนาฬิกา เอ้อก็พอมีเวลา แฟลชไดร์ฟพี่ทีก็ไม่รู้หาให้ยัง ออกไปข้างนอกก็ดี เบื่อบ้าน เผื่อเจอแฟลชไดร์ฟ ได้แว๊บไปเอา[ฉัน: ไปคับผม! คุณหมอรอคนไข้เลย เดี๋ยวหวานขับรถไปเอง เอ้อ... เดี๋ยวถ้ามีเวลาไปเป็นเพื่อนหวานแว๊บเอาแฟลชไดร์ฟที่ โรงแรมพี่ทีได้ไหมคะ หวานฝากเขาหาไว้ให้][Dr. Nine: ได้ ขับรถดี ๆ นะตัวแสบ]ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้า วันนี้ฉันไม่ทาลิปสติกสีแดง เปลี่ยนเป็นสีพีชหวาน ๆ แทน อยากซอฟ ๆ บ้างแต่เอ๊ะ ปวดท้อง เมนส์มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ดีไม่ออกไปทั้งแบบนี้ เผลอกินน้ำเย็นแต่เช้า ไม่น่าล่ะ มาปุ๊บปวดท้องขึ้นมาเลยฉันจัดการตัวเองก็ขับรถมาโรงพยาบาล แวะซื้อกาแฟให้เขาหนึ่งแก้ว...‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ อยู่ไหมนะ“ครับเข้ามา” ฉันเปิดประตูเข้าไปก็เจอ อ้าว… พี่ที เมย์ และหมอนายฉันมองทุกคนสลับกัน สงสัยมาปรึกษาหมอมั้ง“อ้าวมาเร็วจัง” พี่ทีม
“จะกินอะไรอีกไหมตัวแสบ” ฉันเลื่อนหาของกินในมือถือ อยากกินแพนเค้กอีกแล้ว มนุษย์เมนส์ผู้หิวโหย“แพนเค้กค่ะ” ฉันเดินลูบพุงมาต่อที่ร้านคาเฟ่แพนเค้กร้านเดิม แต่เจอลิงซะก่อน“นั่นแน่!” ณีเวีย กระโดดกอดคอฉัน“เห้ย… บ้าแก ทำตัวเป็นลิงเป็นข่าง ท้องอยู่นะ!” ฉันตีแขนนางเบา ๆ“เออลืม มาทำอะไรอะ สวัสดีค่าคุณหมอนาย อิอิ” ณีเวียสะกิดแขนคุณเซ็นที่สำรวจรอบ ๆ ห้างอยู่ ให้หันมา“สวัสดีครับ” หมอนายทักทุกคน“สวัสดีครับ” คุณเซ้นก้มหัวเบา ๆ สไตล์เขา อะไรจะงานดีกันขนาดนี้ สองคนนี้อยู่ด้วยกัน ออร่าทวีคูณขึ้นไปอีก!“เดทเหรอคะ คุณหมอ” ณีเวียแซวเบา ๆ ฉันได้แต่เอื้อมมือไปตีมัน อายไม่รู้จะเก็บหน้าไว้ตรงไหน“ครับ พาเด็กแสบมากินหมูสามชั้น” ณีเวียยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แซวฉันไม่หยุด แซวอะไรแค่มากินหมูย่างบ้าจริงพอเราแยกกับคู่รักแห่งชาติคู่นั้น ฉันก็รู้สึกอิ่มไม่อยากกินแพนเค้กขึ้นมา เบื่อณีเวียชะมัด“หมอทำงานกี่โมงคะ”ฉันหยุดอยู่ร้านน้ำผลไม่ปั่นร้านนึง อยากกิน ๆ“เที่ยงคืน เวรดึก หวานจะไปไหน ไปสิ”ฉันยิ้มกริ่ม ฉันอยากกินน้ำปั่นชะมัด แต่มีคุณหมอสูติคนนี้อยู่ข้าง ๆ“กินอะไรอีกไหม”“อยากกินน้ำปั่น” ฉันทำหน้าอ้อน อยากกินสักค
ฉันยื่นถ้วยหูฉลามให้เขา หน้าร้อนผ่าวไปหมด น้ำหวานผู้แรดลืม ตอนนี้หายไปไหน ทำไมฉันทำตัวไม่ถูกแบบนี้!“ขอบคุณนะ ว่าที่แฟนหมอสูติ” ฉันแทบอยากจะวิ่งขึ้นห้อง ปิดประตูแล้วกรี๊ดดัง ๆ แต่แม่ฉันเดินมาสะกิดฉันเสียก่อน!“อร่อยไหมคะคุณหมอ” แม่เดินยิ้มมาถาม ฉันได้แต่นั่งลงมองเขากิน จมูกโด่งจังสะบัดหน้า! ไม่เอาหวาน เธออย่า บุ่มบ่าม ทน!“มากครับ ขอบคุณนะครับ” แม่ฉันยิ้มดีใจก่อนจะเดินไปตักใส่ปิ่นโตมาวางไว้ให้คุณหมออีก“ฝากเอาไปให้พ่อแม่คุณหมอชิมด้วยนะ” แม่!ฉันหันควับมองหน้าแม่ทันที โอ้ยแม่ฉัน เกินหน้าเกินตาไปแล้ว!“ขอบคุณมากครับ” คุณหมอยกมือไหว้ขอบคุณแม่ พ่อแม่ฉันดูแฮปปี้มาก ก่อนที่แม่ฉันจะขอหมอนายเป็นแฟนซะเอง ฉันจึงรีบเดินมาส่งเขาขึ้นรถ ให้กลับทำงานก่อน“ฝันดีนะตัวแสบ”“ค่ะ ตั้งใจทำงานนะ สู้ ๆ ค่ะ” เขาลูบผมฉันอีกครั้ง ก่อนจะเอามือนุ่ม ๆ ดันหัวฉันเข้าไปหอม ‘ฟอด’“ได้กำลังใจแล้ว” ฉันยืนนิ่ง หน้าร้อนไปถึงหู ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองน่าถนุถนอมยังไงอย่างงั้นเขาขับรถออกไปแล้ว เมื่อรถเขาออกจากบ้านฉันจึงรีบขึ้นห้องมาทำโปรเจคต่อทันที อีกสองวันฉันก็จะเรียนจบแล้ว! เย้ ๆ ฉันจะไปแรดให้เต็มที่ อิอิ‘ตึ้ง’ กลั
“หวาน หวานพูดอะไร?” พี่ทีหันมามองฉัน ก่อนจะปล่อยคอเสื้อหมอนายออกช้า ๆ“อย่ายุ่งกับแฟนหวานค่ะ” ฉันกำหมัดแน่น เมย์ขยับเข้ามาร้องไห้ข้างฉันอีกแล้ว เมย์ดูกลัวและตกใจ“หวาน... ไม่เอาแบบนี้สิ พี่ทำเพื่อหวานอยู่นะ” ฉันปวดหัวตุบ ๆ หมอนายจับมือฉันแน่น และบีบอยู่เป็นระยะ“พี่ไม่มีสติแล้วพี่ที ไม่รักเมย์ก็รักลูกบ้างเถอะ”เมย์ร้องไห้หนักมาก ฉันได้แต่แตะบ่าเบา ๆ ปลอบใจ“ก็รักหวาน แค่มันเสี่ยงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เองไม่ใช่เหรอ” ไม่กี่เปอร์เซ็นต์มันเสี่ยงไหมละ“พี่ทีหวานยังอยากให้พี่เป็นพี่ชายหวานนะ ขอร้องตั้งสติก่อนได้ไหม” ฉันพยายามข่มอารมณ์ และเตือนสติพี่ทีอีกครั้ง“หวาน แต่ละวันพี่ทรมานแค่ไหนที่ไม่มีหวาน หวานให้พี่ทนได้ยังไง ไม่มีอะไรทำให้พี่ดีขึ้นเลย เพื่อน เหล้า มันมีแต่หวานเท่านั้น พี่เลยต้องทำไงหวาน” ฉันหลับตาปี๋ ปวดหัวมาก อยากจะกรี๊ดดัง ๆ อยากจะโวยให้บ้านแตก“ถ้าพี่ทีทำแบบนี้ หวานก็จะหายไปจากชีวิตพี่จริง ๆ คำว่าพี่ชาย หวานก็จะไม่มีให้” เขาหยุดชะงัก ตาคมคู่นั้น มีน้ำตาไหลออกมาช้า ๆ“หวาน...”“หวานให้โอกาสพี่มาตลอดเลยค่ะ พี่ทีรู้ไหมว่าหวานไม่ได้หมดรักพี่เลยนะ ฮือ ๆ มันแค่เปลี่ยนเท่านั้นเอง มันเป
ฉันอายไม่รู้จะทำยังไง พี่ทีดูโอเคขึ้นมาก ถึงจะมีน้ำตาอยู่ ฉันดีใจที่พี่ทีเข้าใจ ต่อไปคงเป็นเวลาที่จะรักษาเราทุกอย่างฉันตัดสินใจเดินออกมาคุยกับพี่ทีข้างนอกสองคน มีหลายอย่างที่ฉันอยากคุยกับเขา และอยากฟังจากเขาเองด้วย“หวาน หวานเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ หวานมีสติ หวานดูไม่อารมณ์ร้อนเหมือนแต่ก่อน หวานมีเหตุผล หวานทำได้ไง” พี่ทีชมฉันและยิ้มให้ฉันเบา ๆ“ก็หวานเคยพลาดเพราะทำอะไรไม่มีสติไงคะ แต่ก่อนหวานดื้อไม่ฟังใคร คิดว่าตัวเองเก่ง พอเจอบทเรียน มันก็กลัวที่จะเป็นแบบนั้นอีก ซึ่งหวานก็ไม่ได้เปลี่ยนทั้งหมดได้ในวันเดียวหรอก หวานพยายามควบคุมทีละนิด ถ้าเป็นแต่ก่อนหวานคงตบเมย์ไปแล้ว เราเข้มแข็งบางทีก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกแบบก้าวร้าวก็ได้นิ หวานพยายามอยู่ พี่ทีลองมาพยายามด้วยกันสิ หวานว่าโอเคนะสบายใจดีอะ”พี่ทีขมวดคิ้วใส่ฉัน“พี่ไม่เคยเจอแบบนี้ พี่ไปไม่ถูก เอาจริง ๆ พี่หวังแต่ได้ พอเสียหวานไปเหมือนตัวเองเสียหลัก เครียดจนบางทีไม่มีสติ ฟุ้งซ่านไปหมด เพราะความเจ้าชู้แท้ ๆ”ก็ใช่ ถ้าพี่ทีไม่เจ้าชู้จะดีมาก“พี่ทีน่ารักจะตาย แค่เจ้าชู้เอง ซึ่งหวานรับไม่ได้ ฮ่า ๆ แต่หวานรู้นะ ว่าพี่ทีเลิกแล้ว ใช่มั้ย” เขาหัวเร
กว่าฉันจะมาถึงตึกคุณเซ็นก็เกือบชั่วโมง รถติดมากทรมานเท้า ทรมานตูดณีเวียลงลิฟต์มารับฉันขึ้นไปข้างบน ก่อนจะเริ่มปริ้นโปรเจค ออกมาเตรียมไว้ ดวงตากลมโตแอบมองฉันเป็นระยะ เหมือนสงสัยอะไรบางอย่างอะไรของมันอีกวะ“อะไรของแก มองอยู่ได้”“แกคบกับหมอยัง” มันจะถามทุกวันเลยรึไงเนี่ย!“ไม่อ่ะ ยัง... แกถามทุกวันเลยนะ” ณีเวียขมวดคิ้ว เบะปาก“แกอยู่กับเขาตลอดเลยนะ ทำเป็นไม่อยากคบใคร ขอโสดสะบัดบ๊อบสักพัก แต่ทำไมไปตัวติดผู้ชาย หรือ... มีอะไรกันยังอะ” ณีเวียกินขนมไปด้วยล้อเลียนไปด้วย แถมยังถามคำถามติดเรทแถมมาถึงจะเคยใจง่าย แต่ครั้งนี้มันจะไม่ง่ายนะเว้ย“บ้า ยัง นี่ไงโสด ไม่ได้คบใคร หาอะไรสบายใจให้ชีวิต ก็เลือกทำแต่สิ่งที่สบายใจอ่ะ จะไปพร่ำเพ้อ นอนคิดคนเดียวทำไม”“อยู่กับหมอแล้วสบายใจเลยเลือกที่จะอยู่ใกล้เขา คุยกับเขาบ่อย ๆ สินะ อื้ม... มันไม่ต่างกันเลยกับโสดไม่โสด เหมือนแกถูกดามใจไว้ตลอด”ณีเวียหัวเราะคิกคัก หมั่นไส้มันจริง ๆ“นี่ ฉันไม่อยากตั้งสเตตัสกับใคร กลัวต้องไปคาดหวังว่ะ แบบนี้ก็ดีนะ ถึงจะโดนหยอดทุกวันแทบจะทนไม่ไหวก็เถอะ แต่ขอไม่คบใครก่อน ไม่อยากคาดหวังอะไรทั้งนั้นล่ะ ฉันอยากแน่ใจก่อน ไม่กล้า
ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ฉันขอบคุณอาจารย์ทุกคน ก่อนจะเดินลงมานั่งกับเพื่อน มือฉัน ยังจับสร้อยข้อมือกำลังใจนี้ตลอดเวลาฉันนึกถึงเขาขอบคุณนะคะ แต่รอหวานหน่อยนะเราสามคนแทบจะกระโดดฉีกเสื้อผ้าตัวเอง เพราะเรียนจบแล้ว! เรียนจบแล้วค่า!กรี๊ด... ใครจะมีหลัว ก็มีได้แล้วน๊า!ณีเวียกับแตงโม ต่างคนต่างรอแฟนมารับ ฉันเองก็รอเขามารับเหมือนกัน คุณหมอผู้งานยุ่งคนนั้น“นี่ถ้าเป็นแต่ก่อน เราไปหลังมอกินเหล้าแล้วฮ่า ๆ” ณีเวียเขย่าแขนพวกเราทุกคน ใช่สิ แต่ก่อนสอบเสร็จเที่ยวเฮฮา ไม่สนใจอะไร ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว มีลูกกันแล้ว ส่วนฉันก็ปลง สงสัยแก่“เราไปฉลองกันมั้ย ๆ” ณีเวียดี๊ด๊า ไม่ดูพุงตัวเองเลยนะชะนี“เดี๋ยวสวามีก็มารับแล้วนิ จะไปไหนได้ ดูท้องด้วยจ่ะสาว ๆ” พวกมันทำหน้ามุ่ย“เห็นมั้ยพอท้องก็หมดเวลาสนุก รู้งี้ป้องกันดีกว่า พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมีเนอะ” ณีเวียหันไปบ่นพึมพำกับแตงโม“พวกแกไม่ตั้งใจเรียนเพศศึกษาเหมือนฉัน ฮ่า ๆ ท้อปฟอร์ม เรื่องเกรดบอกเลย”“นั่นสิ ได้หมอสูติมาเป็นแฟนคงท็อปฟอร์มไปอีก ฮ่า ๆ”ณีเวียล้อฉันจนฉันเบะปากใส่ เบื่อทะเลาะกับมัน เรื่องเถียงกับณีเวียเป็นเรื่องปกติจริง ๆ เถียงไปมาแต่เราไม่เคยทะเลาะ
ฉันมองแม่พูดอึ้ง ๆ ฉันอยากเปิดใจนะ รออีกสักพักแล้วกันฉันไม่ได้คุยกับหมอเลยคืนนั้น เขาผ่าเคสใหญ่สองเคส ฉันก็เหนื่อยด้วย เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นเช้ามาก็มีไลน์จากเขาLINE | Dr.Nine05:45[Dr.Nine: ฝันดีตัวแสบ]ฉันยิ้มให้จอมือถือ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ วันนี้ฉันไปลองชุดเป็นเพื่อนสองสาว ตัวฉันเองก็เลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวไปด้วย ทั้งสองงานอยากใส่ชุดเจ้าสาวจัง ณีเวียกับแตงโมสวยมาก ท้องณีเวียป่องหน่อย ๆ ส่วนแตงโมยังไม่ค่อยชัด เท่าไหร่ สวยทั้งคู่ ปลื้มจัง เห็นสองคนนี้เป็นฝั่งเป็นฝาสักที“ไม่เลือกไว้เลยล่ะ” ณีเวียเลือกมาทาบตัวฉัน แต่ไม่ดีกว่า กลัวอาถรรพ์ไม่ได้แต่ง“ค่อยเถอะ ฝาชีไปไหนอะ ไม่มาเลือกด้วยเหรอ” ณีเวียส่ายหัว“ประชุม เอะอะประชุม”“อย่าไร้สาระให้มาก เป็นแม่คนแล้ว เขาทำงาน” ณีเวียถอนหายใจเบา ๆ“รู้ล่ะ อยากให้แฟนมาเลือกด้วยป้ะล่ะ” ก็จริง ดูแตงโมสิมันไม่เห็นเครียด“แตงพี่เอสไปไหน”“นอน” ณีเวียเงยหน้ามองแตงโมทันที“บ้า นอนนี่นะ น่างอลนะเนี่ย”“แกบ้านฉันเปิดผับป่ะ กลางคืนก็ไม่ได้นอนอยู่แล้ว เขาทำงานน่า” ณีเวียคือคนที่ฮอร์โมนคนท้องพุ่งพล่านสุดตอนนี้“เออ” นางหน้ามุ่ย เมื่อเราเลือกชุดกันเสร็จก
--- น้ำหวาน --- ฉันคลอดลูกมาเกือบปีแล้ว ตอนนี้ลูก ๆ สามคนกำลังนั่งเล่นสนุกสนานกับเพื่อน ๆ ในคอกเด็กขนาดใหญ่ ในนั้นมี... เวียร์ ซินน์ ไออุ่น นาวา นาวิน และน้ำปั่น วันนี้เรานัดทานข้าวและมีปาร์ตี้เล็ก ๆ กันที่บ้านแตงโม เหล่าแม่ ๆ อย่างเรานั่งคุยกัน และมองดูลูกตัวเองเป็นระยะ “แง...” ไออุ่นร้องไห้ เมื่อนาวินดึงของเล่นออกจากมือ แตงโมหัวเราะ เบา ๆ แล้วเดินไปอุ้มลูกมานั่งตัก “เบา ๆ นะลูกเดี๋ยวโดนน้อง” และปรามน้องไออุ่นไปด้วย เพราะกลัวโดนน้องอีกคนที่อยู่ในท้อง ใช่ค่ะ แตงโมท้องอีกแล้ว! ท้องได้สามเดือนแล้ว ส่วนณีเวียกับฉันขอบาย เราขอพักก่อน ผ่าคลอดมา ยังเสียวท้องอยู่เลย อย่างอื่นก็ยังเสียวอยู่นะ ว่างก็กินกับสามี ว่างบ่อยก็กินบ่อย เฮ้อ... มันเป็นความสุขของชีวิตอีกอย่างหนึ่งจริง ๆ สามีสูตินารีแพทย์ของฉัน เดินไปอุ้มน้ำปั่นที่คอก ก่อนจะเดินยิ้มมาหาฉัน มองยังไงก็หล่อคุณพ่อคนนี้ “น้ำปั่น น้ำหนักขึ้นหรือเปล่าลูก” คุณพ่อสูตินารีแพทย์แซวลูกสาวคนเล็ก ลูกสาวตอบไม่ได้ ได้แต่ยิ้มและหัวเราะให้ผู้เป็นพ่อ แถมยังใช้แก้มป่อง ๆ ซบคลอเคลียพ่อของเขาอีก น้ำปั่นติดหมอนายหนักมาก! สงสัยคนที่ได้ยินเ
ฉันหันหาคุณพ่อคุณแม่ทันที “คุณพ่อคุณแม่ขับรถช้าเหมือนเต่า” หมอเท็นเดินตามฉัน และบอกมาหน้านิ่ง ๆ “โอ้ย! ปวดท้อง... ปวด! ไม่ไหวแล้ว!” ฉันกรีดร้อง! ทำไม ฉันไม่มีสามีวิ่งตามจับมือเหมือนชาวบ้านเขาเนี่ย ให้ตาย! มีแค่น้องสามีที่เหมือนมาแต่วิญญาณ ฮือ ๆ ไม่นานฉันก็ถูกเข็นเข้ามาในห้องคลอดแล้ว! ฉันหอบเหนื่อยเหงื่อท่วมตัว และถูกพามาห้องนึง ก่อนที่พยาบาลจะตรวจอะไรต่าง ๆ นา ๆ เร็ว ๆ เถอะ! ฉันจะตายแล้ว! “พยาบาลฉันจะตายแล้วค่ะ ตามหมอ ตามหมอด่วน” ฉันส่ายหน้าไปมา ปวดท้องหน่วงมาก แขนสองข้างสั่นแทบจะไม่มีแรงแล้ว ลูกสามคน สามคนเลยนะเว้ย! “ค่ะ คุณน้ำหวาน เดี๋ยวให้ยาแก้ปวดก่อนนะคะ ตอนนี้ห้องผ่าตัดยังไม่พร้อมค่ะ” ยังไม่พร้อม! รอให้ฉันตายก่อนใช่ไหม! “หะ! หวานจะตายก่อนไหม ไม่ผ่าก็ได้ คลอดธรรมชาติเลย หวานพร้อม ฮือ ๆ หวานทนไม่ได้แน่ ๆ” ฉันกุมท้องกรีดร้องบนเตียง “ไม่ได้ค่ะ คุณน้ำหวานมีทารกในครรภ์สามคน คุณน้ำหวานอาจจะช็อกได้ อดทนหน่อยนะคะ” อดทน! ใครจะไปทนได้!
ฉันนั่งมองหมวยน้อยกับณีเวีย ก็อดยิ้มตามไม่ได้ แตงโมคลอดธรรมชาติ! ไม่อยากจะเชื่อ ฉันหน่ะสิ สามคนในท้อง หากคลอดธรรมชาติฉันอาจจะขาดใจตายก่อน ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว ไม่ต้องถามว่าท้องใหญ่แค่ไหน มันใหญ่จนฉันเดินไม่ไหวเลยล่ะ ฮ่องกงถูกแคนเซิลถาวร ไม่มีกำหนดไป แต่ได้หุ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์กับเบนซ์เอสคลาสเป็นของขวัญแต่งงานนะจ๊ะ ฉันนั่งคุยกับเพื่อนสักพัก เพื่อรอสามีออกเวร สลับไปห้องแตงโมบ้าง ห้องณีเวียบ้าง ณีเวียเจ็บแผลคุณเซ็นจึงเป็นคนเลี้ยงลูก วุ่นวายจนต้องเอางานมาทำที่โรงพยาบาล เห็นแล้วน่ารักดี แต่ก็แอบขำ ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ หมอนายเปิดประตูเข้ามา เดินมาตรวจแผลณีเวีย “อย่าหัวเราะดังนะ ระวังแผลฉีก” ณีเวียตกใจเอามือปิดปากทันที “ค่ะ อิอิ จะพยายาม” หมอนายยิ้ม แล้วเดินกลับมาหาฉัน เขานั่งลง เอามือสองข้างโอบท้องฉันไว้ “ไงครับ ลูกพ่อ” เท่านั้นล่ะ! ตุบ ๆ ฉันหลับตาปี๋ ฉันจุก! ลูกถีบหนักมาก รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวทันที เมื่อได้ยินเสียงพ่อเขา “โอ้ย เบา ๆ ลูก แม่จุกแล้ว” ฉันลูบท้องปราม ณีเวี
ฉันอยากจะบ้า อยากจะบ้าจริง ๆ ฉันทรมานมากตอนนี้ “ใช่สิสามชั่วโมงผ่าไม่ได้ แตงโมกินเยอะไหม” หมอนายถามฉันอีกครั้ง พลางยกนาฬิกาข้อมือดู… “เรื่อย ๆ ค่ะ คุยไปกินไป ฮือ ๆ” ฉันหลับตาปี๋ ปวดทรมานไปหมด “งั้นประมาณ หกชั่วโมง ไม่เป็นไรเดี๋ยวให้ยาแก้ปวดก่อน” ฮือ ๆ หกชั่วโมง กับยาแก้ปวด โอ้ย! แล้วมันหายปวดเป็นปลิดทิ้งมั้ยล่ะ! “หมอคะ เร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ” ไออุ่นเริ่มถีบท้องฉันรัวแล้ว โอ้ยลูก! อย่าซน ใจเย็น ๆ ลูกแม่ปวด “ไม่ได้จริง ๆ ปกติ ต้องงดข้าวงดน้ำหนึ่งวันเต็ม ๆ” “หมอ แตง... โอ้ย ๆ แตงแจ้งตั้งแต่ฝากครรภ์แล้ว ฮือ ๆ ว่าจะผ่า ไม่คลอดธรรมชาติเด็ดขาด” หมอนายเดินมาใกล้ ๆ ฉัน “ทำไม คลอดธรรมชาติมันปลอดภัยกว่านะ แผลหายเร็วด้วยเจ็บแป๊บเดียว ปวดขนาดนี้ลองเบ่งดูก่อนไหม” ฉันกุมท้องนอนร้องไห้ ในใจนึกโกรธสามี ทำไมฉันต้องมาทรมานคนเดียวด้วย อิตาเอส! “หมอ... ฮือ ๆ ขอยาแก้ปวดก่อนค่ะ ๆ ด่วน” ฉันถูกเข็นไปอีกห้อง และได้ยาแก้ปวดเรียบร้อย อาการทุเลาลง แต่ถามว่ายังปวดไหม ปวดสิ! “พยาบาล
ฉันยืนมองณีเวียและคุณเซ็น ยิ้มกันมีความสุข ก็อดยิ้มตามไม่ได้เลย ลูก ๆ พวกเขาน่ารักมาก น่ารักจริง ๆ เยี่ยมเพื่อนและหลาน ๆ เสร็จ ฉันกับตาเอสก็ออกมาจากโรงพยาบาล ระหว่างอยู่ในรถฉันก็คิดวนเวียนอยู่เรื่องเดียว จะเจ็บแค่ไหนนะ! ณีเวียบอกกับฉันว่าตอนปวดท้องคลอด มันปวดมาก ปวดเหมือนจะตาย ตุบ ๆ นั่นไง พอนึกถึงเรื่องนี้ ลูกสาวตัวดีของฉันก็ดิ้นใหญ่ ฉันลูบท้องเบา ๆ จนสามีเอื้อมมือมาลูบด้วย “ลูกสาวพ่อ พร้อมหรือยัง” ถามแม่บ้างเถอะ! กลัวชะมัด “ฉันยังไม่พร้อม! อย่าเพิ่งสิ” ตาเอสหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มฉัน “หมวยเธอมันพลังช้างอยู่แล้ว เบ่งเลยสะใจ” “นายลองไปนอนเบ่งดูไหมล่ะตาบ้า!” เขาหัวเราะชอบใจ หน้ากวน ๆ หันมายักคิ้วให้ฉัน “หรือจะผ่าก่อน… จะได้ไม่ต้องเจ็บสองทาง” ฉันหันไปมองเขาทันที เจ็บสองทางงั้นเหรอ “ถ้าถึงกำหนดคลอดก็คลอดเลยสิ ถ้าไม่ปวดก่อน” เอ๊ะก็ดีเหมือนกัน ว่าแต่สามีกวน ๆ ของฉัน ทำไมรู้ดีนัก “รู้ดีนะ” เขายักคิ้วยิ้มกริ่ม
23.56 ฉันเดินเข้าออกห้องน้ำเป็นว่าเล่น สามีนักธุรกิจของฉัน เขายังคงนั่งทำงานที่ห้องทำงานอีกฝั่ง ส่วนฉันตอนนี้ไม่มั่นใจเลยจริง ๆ ว่าตัวเองท้องเสีย หรือจะคลอด ทำไมปวดท้องแบบนี้ ฉันค่อย ๆ จับผนังหวังประคองตัวเองเปิดประตู อยากไปอยู่ใกล้ ๆ คุณเซ็นให้อุ่นใจ แต่ซ่า... นะ น้ำอะไร ฉันไม่ได้ฉี่ราดนะ หรือมันจะเป็น... เป็นน้ำคล่ำ! “กรี๊ด...” ฉันจับประตูกรี๊ดลั่น ดังทั้งเพนท์เฮ้าส์ จนสามีวิ่งออกมาจากห้องทำงาน “เป็นอะไร! เห้ย…” คุณเซ็นวิ่งมาประคองฉันทันที ตอนนี้ฉันเหงื่อท่วมตัว อาการปวดท้องหน่วงมันเริ่มหนักขึ้น หนักจนฉันพรรณนาออกมาไม่ได้! “ไม่ไหว ปวดท้องแล้ว ปวดแล้ว! ฮือ!” ฉันบีบมือเขาแน่น น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม คุณเซ็นรีบโทรหาคนขับรถ และโรงพยาบาลทันที “ผมเซ็นดิณภัทร! ณีเวียภรรยาผม เธอปวดท้องครับ หมอเจ้าไข้ หมอนาย ขอบคุณครับ” เขารีบวางสายแล้วโทรอีกครั้ง “นพเตรียมรถด่วน!” โอ้ย! อะไรนักหนา พาฉันไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้! ไม่ไหวแล้ว! “คุณ ไปโร
กว่าจะได้นอนคือเช้าค่ะ เช้าจริง ๆ หมอสูติคนนี้เขาไม่ได้เล่น ๆ เขากินฉันทั้งคืนเอาหล่ะ วันนี้มาถึงแล้ว ฉันจะได้รู้สักที ว่าลูกฉันเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายก่อนแต่งงานหมอนายให้ฉันเจาะเลือดไว้ เขาจะได้เอาไปตรวจความผิดปกติของโครโมโซม และเพศของลูก ๆ ในครรภ์แล้ววันนี้… ผลก็ออกแล้วค่ะ สามีสูตินารีแพทย์เข้าเวรบ่ายโมง ซึ่งฉันเองก็ต้องรอคิวเข้าไปพบเขาเหมือนคนอื่น ๆ“คุณน้ำหวานเหมือนคนท้องสี่ ห้าเดือนเลยค่ะ” พยาบาลพี่ภาเดินเข้ามาลูบท้องฉัน ฉันท้องโตขึ้นทุกวัน ลูก ๆ ทั้งสามคน คงตัวใหญ่ขึ้นมาก ทั้งที่ตอนนี้ฉันท้องเกือบสามเดือนเองส่วนณีเวียกับแตงโมท้องจะหกเดือนแล้ว ณีเวียเหมือนคนใกล้คลอดมาก ลูกสาวลูกชายดิ้นใหญ่“เริ่มอึดอัดแล้วค่ะ เพื่อนหวานท้องแฝดสองคน ตอนนี้หกเดือนแล้ว ท้องโตมาก ท้องหวานคงโตกว่านั้น” พยาบาลพี่ภายิ้ม และทำท่านึกคิด“อ๋อ คุณณีเวียภรรยาคุณเซ็นใช่ไหมคะ รายนั้นแข็งแรงมากค่ะ ดิฉันทาเจลอัลตราซาวด์ให้ ถีบมือดิฉันไม่หยุดเลย ของคุณน้ำหวานเริ่มตอดหรือยังคะ” ตอดงั้นเหรอ“ยังไงคะ” ฉันถามสงสัย เอามือลูบท้องตัวเองไปด้วย“คุณหมอไม่ได้บอกเหรอคะ เด็กในครรภ์เขาดิ้นตลอดเวลาค่ะ อยู่ที่เราจะรู้สึกตัว
หมอนายไม่เมาเลยสักนิด พวกผู้ชายพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรหมอนายได้ นอกจากไอ้ยาดองบ้า ที่ตอนนี้มันกำลังปั่นป่วนอยู่ในตัวเขา!น้ำหวาน อะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิดนะ“หวาน...” นั่นไงหมอสูติเดินมาจากด้านหลัง มือนุ่ม ๆ ค่อย ๆ ปลดกระดุมฉันออก ทีละเม็ดทีละเม็ด“คะ คุณหมอ มันออกฤทธิ์แล้วเหรอคะ” เขาไม่ตอบ แต่ก้มลงจูบไหล่ฉันเบา ๆ ไล่ลงไปเรื่อย ๆ ตามแผ่นหลังมือนุ่มล้วงเข้ามาบีบอกตึง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เค้น ช้า ๆ ราวกลับ ปรารถนามันมาแสนนาน“อื้ม... หมอคะ” ฉันเงยหน้ามองเพดาน ยกมือขวาลูบไล้ต้นคออุ่น ๆ ของเขา เขาดึงชุดแต่งงานที่ปลดกระดุมเสร็จลงพื้น จนฉันตกใจหันไปจ้องหน้าสูตินารีแพทย์ที่แสนเร่าร้อนคนนี้“อยากกินหวานมากเลยตอนนี้” เขาพูดเบา ๆ ด้วยเสียงเซ็กซี่ฉันยิ้มกริ่มจ้องตาเขาไม่ละสายตา ฉันจ้อง... จ้องราวกับเชิญชวนให้เขาหิวกระหายตัวฉันมากขึ้นไปอีก“กินสิคะ หวานเป็นของคุณหมอแล้ว หวานเป็นภรรยาคุณ” เขาอมยิ้ม หน้าขาว ๆ เริ่มแดงระเรื่อ ก่อนที่เขาจะช้อนตัวฉันอุ้มมาวางบนเตียงริมฝีปากสวยของหมอสูติ โน้มลงมาบดจูบฉันช้า ๆ เขาส่งลิ้นอุ่น ๆ แสนเร่าร้อนเข้ามา คลอเคลียหยอกล้อกับลิ้นฉันข้างใน หวานเหมือนเดิมสามีฉัน
และแล้ววันนี้ก็มาถึง ฉันนั่งมองกระจกบานใหญ่ ที่ตอนนี้มีเครื่องสำอาง เครื่องประดับตั้งเรียงรายอยู่ ฉันสวมชุดไทยศิวาลัยสีโอรส ผมถูกเกล้าขึ้นปักปิ่นเรียบ ๆอกข้างซ้ายส่งเสียงดัง ‘ตึก ตึก’ ฉันตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นที่จะได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรัก และมีพยานตัวน้อยถึงสามคนในท้อง“แกสวยมาก แกโชคดีที่เจอรักดี ๆ ต่อไปนี้มีแต่ความสุขแล้วนะ”ณีเวียกับแตงโม อยู่ในชุดไทยเพื่อนเจ้าสาว สไบสีขาวนวล ผ้าถุงไทย ๆ สีฟ้าอ่อนอมเขียว มันอาจจะไม่เหมาะกับหน้าหมวย ๆ และหน้าจิ้มลิ้มน่าถนุถนอมนั้น แต่วันนี้เพื่อนเจ้าสาวของฉันสองคน ก็สวยเกินจะบรรยายเสียงขันหมากดังมาจากหน้าบ้าน ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนฉันต้องลุกขึ้นแอบมองผ่านหน้าต่าง เจ้าบ่าวรูปหล่อของฉันกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับพ่อแม่ น้องชาย ข้างกายมีพานสินสอดทองหมั้น ที่ญาติสนิททั้งหลายของเขาช่วยกันถือณีเวียกับแตงโมกำลังออกจากห้องฉันเพื่อไปกั้นประตูเงินประตูทองหมอนายผ่านประตูเงินประตูทอง ด่านแรกของเมย์และสายฝนด้านล่างมาแล้ว และตอนนี้เขาก็ขึ้นมาถึงหน้าห้องฉัน“หมอนายคะ รักน้ำหวานแค่ไหน” ฉันได้ยินเสียงแตงโมถามหมอนายหน้าห้อง“รักมากที่สุดเลยครับ มากจนบอกไม่ได้” ฉ