ในตอนเช้า หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เบียงก้าก็ตรงไปทำงานที่บริษัท ที คอร์ปอเรชั่น อลิสันโทรหาเธอในตอนเที่ยง“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้ลุคอารมณ์ไม่ดี?”"ฉันไม่รู้" เบียงก้าไม่อยากได้ยินเสียงของอลิสันสักเท่าไหร่ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็ตามอลิสันลดเสียงต่ำและย้ำเตือนเธออีกครั้ง “ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจระหว่างข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้ การเลิกรากับลุคอาจจะทำให้เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดนานหลายเดือน แต่ถ้าเธอบอกความจริงกับเขา ฉันเกรงว่าความเจ็บปวดจะคงอยู่ตลอดไป”เบียงก้าพูดอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่รู้ว่าลุคควรจะรู้สึกโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่มีแม่แบบคุณ”หลังจากที่พูดจบ เบียงก้าก็วางสาย เธอกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างขุ่นเคืองซูมองเห็นเหตุการณ์จากด้านหลัง เธอสัมผัสได้ว่าเบียงก้าอารมณ์ไม่ดีและอ่อนไหวในเวลาเดียวกันเบียงก้าลุกขึ้นเพื่อเดินไปถ่ายเอกสารในขณะที่ยืนอยู่หน้าเครื่องพิมพ์ เธอก็ครุ่นคิดในสิ่งที่เธอไม่ต้องการยอมรับ อลิสันเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอได้อย่างไร? เธอเลือดเย็นเกินไปและเธอก็ไม่เคยสนใจเลือดเนื้อของตัวเองเลย…คำโบราณกล่าวเอาไว้ว่า ถึงแม้ว่าเสือดุแต่มันก็จ
ลุครีบออกจากที่ทำงาน ไปยังย่านที่เบียงก้าและคุณปู่ของเธออาศัยอยู่อย่างรวดเร็ว รถเรนจ์โรเวอร์สีดำจอดอยู่ที่ประตูเพื่อนบ้าน ทันทีที่เขาลงจากรถ ลูกน้องที่มีสายตาเฉียบแหลมก็เข้ามารายงานต่อชายรูปร่างสูงโปร่ง “คุณครอว์ฟอร์ดครับ พวกเขาถูกจับและรถถูกลากออกไปแล้วครับ”“ทำได้ดี” ลุคพูดสามคำนั้นอย่างไม่แยแส พลางเดินไปหาชายชราที่กำลังตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชายด้านหลังไม่ได้ตามลุคเขามา หลังจากรายงานภารกิจเสร็จ พวกเขาไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรต่อไปตำรวจจับกุมชายที่มีแผลเป็นทั้งสองคนออกไป ตำรวจจราจรยังได้สั่งให้รถบรรทุกลากรถคันที่เสียแล้วออกไป กระนั้น ฝูงชนจากบริเวณใกล้เคียงยังคงตื่นเต้นและล้อมรอบชายชราลุคเข้าไปช่วยพยุงชายชราขึ้นแล้วพูดว่า “คุณปู่ครับ เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วครับ”“ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก… ฉันเองโทรหาบีไม่ติดน่ะ คนกลุ่มนั้นเลยโทรหาคุณแทน…” คุณปู่หายใจเหนื่อยหอบและแสดงท่าทีเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขามักคิดว่าตนแก่และไร้ประโยชน์ชอบสร้างปัญหาให้พวกเขาอยู่เสมอ“ไม่ครับคุณปู่ แค่เรื่องเล็กน้อย” ลุควางตั้งใจพาชายชรากลับห้องพักก่อน ลุคพยักหน้าเล็กน้อยให้กับหญิงวัยกลางคนส
เบียงก้าคาดไม่ถึงว่าลุคจะพาเด็กน้อยสองคนไปดูภาพยนตร์แนวอวกาศเอเลี่ยนอย่างเรื่องไลฟ์ ถึงแม้ว่าแม่ไม่เคยดู แต่เคยเห็นเพื่อนร่วมงานและอดีตเพื่อนร่วมชั้นหลายคนโพสต์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยบอกว่าฉากบางส่วนในภาพยนตร์เรื่องนี้ น่ากลัวและนองเลือดมากมายขนาดไหน บางคนถึงกับบอกว่าเป็นภาพยนตร์น่าขนลุกมากกว่าเสียอีกเบียงก้าเหลือบมองที่ลุคและไม่พูดอะไร เธออุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนและเดินก้มศีรษะเข้าไปในคฤหาสน์เรนนี่แอบอิงบนไหล่ของน้าบี แต่ดูเหมือนเธอจะรู้สึกความรู้สึกบางอย่างได้เมื่อเดินผ่านพ่อของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและแลบลิ้นใส่หน้าผู้เป็นพ่ออย่างจัง ลุค "..."อลิสันยืนอยู่บนระเบียงบนชั้นสอง และมองไปยังทางเข้าหลักชั้นล่างด้วยท่าทางที่รังเกียจ'ฉันบอกให้เธออยู่ห่างจากลุคไม่ใช่รึไง? ทำไมยังเสนอหน้ามาที่นี่อยู่อีก? ความละอายแก่ใจเคยสลักในสมองบ้างไหม?'ยังกล้าทำตัวเหมือนแบบครอบครัวสุขสันต์สามคนพ่อแม่ลูกอยู่เลย!'หลังจากที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อลิสันปรับสีหน้าของเธอและลงไปข้างล่างชายชราสองคนในสวนก็เห็นเหตุการณ์ที่ประตูเช่นกันผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดหัวเราะและถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ฉันรอคอยวัน
ตอนนี้ลุคกำลังใจลอยคิดเรื่องอื่นอยู่ และไม่ได้จดจ่ออยู่กับการเล่นกับลูก ๆ นัก แต่เขารู้ว่าถ้าอยู่ใกล้กับลูกสาว เขาจะเข้าใกล้เบียงก้าอย่างแน่นอน เบียงก้าเดินไปและมองดูลุค จากนั้นเธอก็ก้มลงเพื่อเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของหนูน้อยเรนนี่เรนนี่เอนตัวหาเบียงก้าอีกครั้งเบียงก้าอุ้มหนูน้อยขึ้นและปลอบประโลมเด็กน้อย เมื่อหันกลับมาเห็นใบหน้าที่ดูสับสนของลุคเธออดไม่ได้ที่จะต่อว่าเขา "ถ้าไม่รู้ว่าจะต้องเล่นกับเด็ก ๆ ยังไง ก็ช่วยไปทำอย่างอื่นเถอะค่ะ"เด็กทั้งสองอายุพอไล่เลี่ยกันกับลูกสาวเธอเบียงก้าหวังว่าลูกของเธอจะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากพ่อแบบเขาลุคยืนอยู่ด้านข้างอย่างสงบเสงี่ยม เขามองไปที่ใบหน้าของลูกสาวที่ดูคล้ายกับของเบียงก้าแล้วพูดด้วยความงุนงง “คุณเป็นใครถึงมาบอกผมว่าควรเป็นพ่อแบบไหน? ถ้าคนนอกเกิดได้ยิน พวกเขาอาจคิดได้ว่าคุณเป็นแม่ของลูก ๆ ของผมก็ได้นะ”"..." เบียงก้าเหลือบมองชายคนนั้นอย่างรวดเร็วณ ช่วงอาหารค่ำชายชราสองคนนั่งลง อลิสันก็อยู่ที่นั่นด้วย ลุคนั่งทางขวาขณะที่เด็กน้อยทั้งสองนั่งข้างเบียงก้าพวกเขาไม่มีท่าทีจะญาติดีกับพ่อของตนสักนิดบลองช์ใช้กำลังทั้งหมดของมือน้
ฌองเดินออกจากห้องไปรับประทานอาหาร นีน่าก็ออกไปกับเขาด้วย เธอบอกเขาว่าเธอขอล้างมือในห้องน้ำก่อน หลังจากที่แน่ใจว่าพี่ชายนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอก็แอบเข้าไปในห้องพี่ชายอีกครั้งเธอหยิบกระเป๋าแล็ปท็อปขึ้นมา และหมุนไปหมุนมาอยู่ครู่หนึ่ง กระนั้น เธอจึงเข้าใจได้จากนั้นว่าเธอจำเป็นที่จะใช้รหัสผ่านเพื่อเปิดกระเป๋าใบนี้วัสดุของกระเป๋าคอมพิวเตอร์เป็นแบบพิเศษ ซึ่งไม่ได้ทำมาจากผ้าธรรมดา หากใช้กรรไกรตัดก็คงจะไม่ขาดเป็นแน่“ไอ้พี่กะล่อน อย่าให้จับได้นะว่าทำเรื่องอะไรเลว ๆ อยู่น่ะ” นีน่าโกรธมากจนอยากจะทุบแล็ปท็อปของเขาเป็นเสี่ยง ๆ... เวลากลางคืนล่วงเลยไป เรนจ์โรเวอร์สีดำค่อย ๆ ขับไปตามถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ลุคขับรถอย่างตั้งใจ เขาสวมชุดสูทสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งดูเหมือนว่านั้นจะทำให้ท่าทางที่เอาจริงเอาจังและยากที่จะเข้าถึงยิ่งดูเย็นชายิ่งขึ้นไปอีก ความเย็นชาตามวิสัยคือภาพจำแรกที่ชายคนนี้มีให้ผู้คนรอบข้าง เบียงก้านั่งเงียบ ๆ ในที่นั่งผู้โดยสาร “จะว่าอะไรไหมถ้าจะขอสูบบุหรี่หน่อย?” ลุคขออนุญาตเธออย่างสุภาพบุรุษ เนื่องจากเขาเอ่ยถามอย่างสุภาพอย่างไม่เคยเป็น เบียงก้าจึงอยู่ในท
“เบียงก้าบอกกับฉันว่า…” หลุยส์ไม่กล้าบอกความจริงกับเขา แต่เขาคิดเรื่องโกหกที่แนบเนียนพอจะหลอกลุคที่แสนฉลาดไม่ได้ ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็ติดชะงักอยู่และไม่สามารถพูดต่อให้จบประโยคได้ ลุคขยี้บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เขาหยิบกุญแจรถและตั้งใจจะออกไปไหนสักแห่ง “ดื่มเหล้ามากขนาดนี้ นายจะขับรถไหวอยู่อีกเหรอ? ตื่นมาพรุ่งนี้นายจะต้องเสียใจแน่!” หลุยส์ไม่เคยเห็นลุคเมามาก่อน นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาไม่อยากให้พี่ชายประสบอุบัติเหตุ “ถ้าจะไปไหน ก็ให้คนขับรถขับไปส่งนายเถอะ” หลุยส์เกลี้ยกล่อมให้เขาวางกุญแจรถได้สำเร็จ เพราะมีฝนตกหนัก ทั้งเมืองจึงถูกน้ำท่วม ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ลุคไม่ยอมให้คนขับรถเป็นคนขับ และหลุยส์เองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ตามเขาไปเมื่อไปถึงที่ย่านอยู่อาศัยของเบียงก้า เขาก็เปียกโชกไปทั้งตัวชายคนนั้นกดกริ่งที่ประตูบ้านของเธอเป็นครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งที่สาม...ห้องเช่านี้ราคาไม่แพงเพราะสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานทั้งนั้น ตัวอย่างเช่นกริ่งประตูไม่ทำงาน เมื่อมีคนกดกริ่งประตูจากด้านนอก ไฟสีแดงจะกะพริบ แต่คนด้านในไม่ได้ยิน
“เราไม่ใช่คนที่ใช่ของกันและกันค่ะ” เบียงก้าบังคับตัวเองให้สบตาเขาแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง เธอต้องทำให้คำพูดทุกคำฟังดูน่าเชื่อถือที่สุด ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอร้องไห้อย่างหนักและมีอาการซึมเศร้า ตอนนี้มีความเศร้าโศกฝังแน่นเข้าไปในดวงตาเบียงก้า ด้วยความเสียใจที่แสดงออกผ่านแววตา ตอนเธอมองใครบางคนอย่างแน่วแน่ และพูดอะไรบางอย่างออกมา มันจึงฟังดูเป็นเรื่องน่าเชื่อ ลุคมองลงไปในดวงตาเบียงก้า ดวงตายังคงลึกและร้อนแรงเหมือนเมื่อก่อน ถึงกระนั้น สายตานั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยเกร็ดน้ำแข็งที่ถูกบดขยี้ ทั้งเปลวไฟและน้ำแข็งอันแรงกล้าในสายตาลุคนั้น มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เห็นสายตาคู่นี้ "ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ" เบียงก้าหลบมือใหญ่ของชายคนนั้นและเดินไปที่ลิฟต์ ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็เดินเข้าไปในนั้น ขณะที่เธอเข้าไปในลิฟต์ เธอต้องพยายามสูดอากาศโดยรอบอย่างแผ่วเบา เบียงก้าลืมซื้ออาหารเช้าระหว่างทางและเดินทางไปโรงพยาบาลทั้งที่ท้องหิว ก่อนหน้านั้น ห้องพักอย่างดีที่เควินพักอยู่ รวมถึงทีมแพทย์ที่ดูแลเขาอยู่ ทุกคนล้วนมาจากความช่วยเหลือของลุค ดังนั้นเบียงก้าจึงรีบแจ้งกับทางโรงพยาบา
หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย ฌองก็กลับไปที่แผนกของตัวเอง เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเบียงก้าเป็นครั้งคราว เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ฌองจับมือเบียงก้าระหว่างทางไปที่โรงอาหารของพนักงาน เขาออดอ้อนเธอด้วยสายตาคู่นั้น “มาคุยกันหน่อยเถอะนะ พี่ขอเวลาเธอสักห้านาที”"ระหว่างเราไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกค่ะ" เมื่อความสัมพันธ์จบลง มีผู้ชายบางคนสามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุด และไม่มีโอกาสกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกเลย “อย่าทำให้พี่ไม่มีทางเลือกนักนะ...” นัยน์ตาอ้อนวอนของฌองกลายเป็นดุเดือดในทันที เบียงก้าไม่สนใจเขา เธอกระชากมือออกแล้วเดินจากไปที่โรงอาหาร ซูเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากแผนก ขณะเช็คอีเมลในโทรศัพท์ เธอเดินลงไปที่โรงอาหารพนักงานและตรงไปหาเบียงก้า "ถ้าโครงการนี้ผ่านได้ด้วยดี และได้รับคำชมกลับมานะ บอกเลยว่าค่าตอบแทนที่เราจะได้รับต้องเพิ่มเป็นสองเท่าแน่" "สองเท่าเลยเหรอ อืม แม้แต่คนอย่างฉันน่ะเหรอ?" เบียงก้าคิดว่าตัวเองเป็นมือใหม่ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเธอตั้งเป้าหมายทางการงานไว้สูงมากและพยายามบรรลุสิ่งนั้นให้ได้ กระนั้น คนอื่นที่อยู่ในสายงานนี
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ