“เราไม่ใช่คนที่ใช่ของกันและกันค่ะ” เบียงก้าบังคับตัวเองให้สบตาเขาแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง เธอต้องทำให้คำพูดทุกคำฟังดูน่าเชื่อถือที่สุด ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอร้องไห้อย่างหนักและมีอาการซึมเศร้า ตอนนี้มีความเศร้าโศกฝังแน่นเข้าไปในดวงตาเบียงก้า ด้วยความเสียใจที่แสดงออกผ่านแววตา ตอนเธอมองใครบางคนอย่างแน่วแน่ และพูดอะไรบางอย่างออกมา มันจึงฟังดูเป็นเรื่องน่าเชื่อ ลุคมองลงไปในดวงตาเบียงก้า ดวงตายังคงลึกและร้อนแรงเหมือนเมื่อก่อน ถึงกระนั้น สายตานั้นเหมือนจะเต็มไปด้วยเกร็ดน้ำแข็งที่ถูกบดขยี้ ทั้งเปลวไฟและน้ำแข็งอันแรงกล้าในสายตาลุคนั้น มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เห็นสายตาคู่นี้ "ฉันกำลังจะไปทำงานแล้วค่ะ" เบียงก้าหลบมือใหญ่ของชายคนนั้นและเดินไปที่ลิฟต์ ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็เดินเข้าไปในนั้น ขณะที่เธอเข้าไปในลิฟต์ เธอต้องพยายามสูดอากาศโดยรอบอย่างแผ่วเบา เบียงก้าลืมซื้ออาหารเช้าระหว่างทางและเดินทางไปโรงพยาบาลทั้งที่ท้องหิว ก่อนหน้านั้น ห้องพักอย่างดีที่เควินพักอยู่ รวมถึงทีมแพทย์ที่ดูแลเขาอยู่ ทุกคนล้วนมาจากความช่วยเหลือของลุค ดังนั้นเบียงก้าจึงรีบแจ้งกับทางโรงพยาบา
หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย ฌองก็กลับไปที่แผนกของตัวเอง เขาไม่มีอารมณ์ที่จะทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเบียงก้าเป็นครั้งคราว เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ฌองจับมือเบียงก้าระหว่างทางไปที่โรงอาหารของพนักงาน เขาออดอ้อนเธอด้วยสายตาคู่นั้น “มาคุยกันหน่อยเถอะนะ พี่ขอเวลาเธอสักห้านาที”"ระหว่างเราไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกค่ะ" เมื่อความสัมพันธ์จบลง มีผู้ชายบางคนสามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุด และไม่มีโอกาสกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกเลย “อย่าทำให้พี่ไม่มีทางเลือกนักนะ...” นัยน์ตาอ้อนวอนของฌองกลายเป็นดุเดือดในทันที เบียงก้าไม่สนใจเขา เธอกระชากมือออกแล้วเดินจากไปที่โรงอาหาร ซูเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากแผนก ขณะเช็คอีเมลในโทรศัพท์ เธอเดินลงไปที่โรงอาหารพนักงานและตรงไปหาเบียงก้า "ถ้าโครงการนี้ผ่านได้ด้วยดี และได้รับคำชมกลับมานะ บอกเลยว่าค่าตอบแทนที่เราจะได้รับต้องเพิ่มเป็นสองเท่าแน่" "สองเท่าเลยเหรอ อืม แม้แต่คนอย่างฉันน่ะเหรอ?" เบียงก้าคิดว่าตัวเองเป็นมือใหม่ ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเธอตั้งเป้าหมายทางการงานไว้สูงมากและพยายามบรรลุสิ่งนั้นให้ได้ กระนั้น คนอื่นที่อยู่ในสายงานนี
บลองช์พูดเพียงว่าเขา 'แอบดูและเห็นเขาอาเจียนเป็นเลือด' ก่อนวางสายอย่างรวดเร็ว เบียงก้ารู้สึกกระวนกระวายใจ ขณะที่รถแท็กซี่เคลื่อนตัวไป เธอจึงโทรกลับหมายเลขนี้อีกครั้ง "ผมควรทำไงดีครับ?" ขณะที่บลองช์กำลังจะคืนโทรศัพท์ให้อาหลุยส์ เขาตื่นตระหนกเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง อาหลุยส์ได้บันทึกหมายเลขเบียงก้าไว้ภายในชื่อ 'พี่สะใภ้เบียงก้า' บลองช์รู้ว่านี่คือสายของน้าบี "รับสายสิ" ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกระตุ้นหลานชายตัวน้อยของเขา "เอ่อ ครับ!" บลองช์ดูเหมือนโดนคุณครูจับจ้องข้อหาทำผิดอะไรบางอย่าง ขณะยืนขึ้นรับสาย “สวัสดีครับน้าบี… คือ… น้าบีมารึยังครับ?” “ฉันกำลังไปจ้ะ บอกฉันที ลานี่ ตอนนี้คุณปู่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ? ต้องไปโรงพยาบาลไหม? หนูช่วยเรียกผู้ใหญ่สักคนมาพูดสายหน่อยได้ไหมจ๊ะ?” เบียงก้ากำลังคิดว่าจะโทรเรียกรถพยาบาลดีหรือไม่ การอาเจียนเป็นเลือดมันเป็นเรื่องใหญ่ บลองช์วางโทรศัพท์ไว้และเปิดลำโพง ภายใต้การแนะนำของชายชราทั้งสองคน พูดว่า "เราเรียกหมอประจำครอบครัวแล้วล่ะครับ แต่ปู่ทวดของผมเขายังอยู่... ยังอยู่ในห้องตรวจครับ... รีบมานะครับ น้าบี!" หลังจากพูดคำเหล่านั้น บลองช์ก็กดปุ่มเพ
“ขอโทษค่ะ ฉัน... คือฉันไม่รู้ว่าคุณอยู่ข้างใน...” ทันทีที่เบียงก้าหลับตา เธอก็นึกขึ้นได้ว่าควรหันหลังและเดินออกไป หลังจากปิดประตูห้องน้ำอย่างเร่งรีบ เบียงก้าโทษคุณปู่ทั้งสองที่ไม่ยอมบอกเธอว่าลุคอยู่ข้างใน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย... ชายสูงอายุสองคนรู้ว่าหลานชายกำลังอาบน้ำอยู่ในนั้น พวกเขาซึ่งมีประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์มานานหลายสิบปีทราบดีว่า 'สัมผัสอันใกล้ชิด' เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาความสัมพันธ์ของชายหญิง สัมผัสอันใกล้ชิดอาจอยู่ในรูปแบบของความใกล้ชิดทางร่างกายหรือสิ่งยั่วยวนทางสายตา หากปราศจากสิ่งยั่วยวนก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับความคิดที่โลดโผนและเพ้อฝัน หากปราศจากความคิดที่โลดโผนและเพ้อฝัน ก็จะไม่มีการพัฒนาหรือเติมเต็มต่อกัน ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดทำราวกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นความอับอายของเบียงก้าเลยแม้แต่น้อย และย้ายเก้าอี้มานั่งลง จากนั้นเขาเริ่มปอกแอปเปิลให้พ่อเฒ่าเรย์น เบียงก้ายืนอยู่นอกห้องน้ำ เธอคิดไม่ถึงว่าจะติดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ เมื่อลุคออกมาในชุดคลุมอาบน้ำ เขาก็เดินผ่านเธอไป ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งรีบร้อนตรงไปยังเ
เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดนั้น อลิสันก็บังคับตัวเองให้ยืดอกขึ้นและไม่ต้องกลัวสิ่งใด เธอผ่านความทุกข์ยากและความยากลำบากมานานหลายสิบปี ไม่มีอะไรที่เธอจะต้องกลัว เมื่อเธอขึ้นไปชั้นบนและมุ่งหน้าไปยังห้องของลุค อลิสันเห็นเตียงเสริมในห้องในทันที ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกำลังนั่งอยู่ถัดจากเบียงก้าบนเตียง “เกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่เธอเหรอ? บี ฉันได้ยินมาว่าเขาอาเจียนเลือดออกมา” อลิสันดูประหม่าขณะที่เธอเดินไปวางกระเป๋าหนังสุดหรูไว้บนโต๊ะ “คุณเรย์นเป็นโรคความดันโลหิตสูง ความเครียดและความวิตกกังวลทำให้อาการแย่ลง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับพักผ่อนให้เพียงพอและอย่าทำอะไรให้เขาโกรธ ถ้าเขาโกรธ ชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตราย” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดผู้ตื่นตระหนกอธิบาย แม้ว่าจะดูเหมือนผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกำลังคุยกับอลิสัน แต่คำพูดและเจตนาดูตั้งใจมุ่งไปที่เบียงก้าต่างหาก พ่อเฒ่าเรย์นกำลังนอนหลับอยู่ เขาอายุมากแล้ว และร่างกายต้องการพักผ่อนมากขึ้น เรื่องการงีบหลับระหว่างก็ไม่ควรเป็นเรื่องที่มองข้าม “เขาไม่ควรไปโรงพยาบาลเหรอคะ?” อลิสันถามอย่างไม่เข้าใจ “สภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลไม่เป็นผลดีสำหรับคุณเรย์นหรอก แพทย์ประจำ
คำพูดของลุคไม่ได้ส่อแววยั่วเย้าแม้แต่น้อย เขาแค่เยาะเย้ยเธอก็เท่านั้นเบียงก้าใบหน้าขึ้นสีและเอนหลังไปกับประตู เธอหลับตาลงอย่างช้า ๆ ทั้งยังลอบกลืนน้ำลาย ในขณะที่ต้องบังคับให้ตัวเองหายใจเธอก้มศีรษะลงและมองภาพตัวเองในหัว ‘เบียงก้าเอ๊ย เธอบ้าไปแล้วหรือยังไงถึงได้ไปคิดกับเขาแบบนั้น?!’‘เบียงก้า เธอต้องการความช่วยเหลือจริง ๆนั่นแหละ!’‘เธอลืมไปแล้วรึยังไงว่าเธอกับเขาเป็นอะไรกัน?’‘ลืมตาดูบ้างสิ!’หลังต้องระงับความรู้สึกที่กระอักกระอ่วนของตัวเอง เบียงก้าเข้าไปในห้องพร้อมกับจานอาหารในมือลุคในตอนนี้สวมเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มและกางเกงขายาวสีดำ การแต่งกายของเขายิ่งทำให้เขาดูลึกลับ ห่างไกล และเย็นชายิ่งกว่าเดิมตั้งแต่ลืมตาตื่น ดวงตาของเขาทั้งดูเหนื่อยล้าและเลื่อนลอย ในตอนที่เห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในห้อง เขาก็เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณเอาอาหารมาให้ผมเหรอ?”เบียงก้าวางจานลงเธอมองเขาก่อนจะกล่าว “คุณปู่บอกให้ฉันยกอาหารขึ้นให้มาคุณ แล้วฉันก็ปฏิเสธเขาไม่ได้”ลุคติดกระดุมเสื้อเชิ้ต เขาเงยหน้ามองเธอ แล้วพูด “นั่งกินด้วยกันสิ ผมรู้ว่าคุณยังไม่ได้กินอะไร เพราะคุณเพิ่งลงไปข้างล่างแค่เดี๋ยวเ
ในตอนที่อลิสันได้ยินว่าลูกชายกับเบียงก้าเลิกรากันแล้ว เธอก็ดีใจเหลือเกิน หากแต่ภายนอกนั้นอลิสันแสร้งทำเป็นใจสลายราวกับเสียใจมากมายที่ต้องสูญเสียว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตัวเองคาดหวังเอาไว้อย่างเบียงก้า “ทำไมถึงเลิกกันแล้วล่ะ? มีปัญหาอะไรร้ายแรงจนยากเกินแก้รึยังไง?”เบียงก้าหันหลังกลับแล้วเดินจากไปอลิสันแสร้งรั้งเบียงก้าไว้ไม่ให้ไป “บี ฉันขอร้องเถอะนะ… อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้คนเฒ่าคนแก่ทั้งสองคนเลย ร่างกายของพวกเขารับเรื่องนี้ไว้ไม่ไหวหรอก”ลุคเงยหน้าขึ้นมองไปที่ประตูบานที่บัดนี้ไม่มีเบียงก้ายืนอยู่อีกแล้วในขณะเดียวกันนั้นก็มีสายตาอีกคู่มองไปที่ประตู ก่อนที่สายตาของซาเวียร์หันไปทางลุคอลิสันหันหลังให้ทั้งสามคน เธอถูนิ้วมือของตัวเองไปมา ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้อีวอนน์อย่างให้กำลังใจอีวอนน์ได้คำใบ้ เธอเทน้ำหนึ่งแก้วแล้ววางข้างมือซ้ายของลุค “ลุคคะ ดื่มน้ำสักหน่อย”ลุควางมือจากงาน เขาหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นนวดตรงระหว่างคิ้ว เขาไม่สนใจใครหน้าไหน รวมไปถึงอีวอนน์ผู้อ่อนหวานข้างกายซาเวียร์ลุกขึ้นยืนตรงขอบหน้าต่าง และจุดบุหรี่ขึ้นสูบ มือข้างหนึ่งถือบุหรี่ไว้ ในขณะที่อีกข้างดันหน้าต่างให้เปิดอ
เมื่อลุคเดินเข้ามา เบียงก้าเงยหน้าขึ้นมองเขาเมื่อเห็นว่าเบียงก้ากำลังจัดที่นอนของเธออยู่นั้น สายตาของชายคนนั้นก็จ้องเธอ เขาโยนยาทานั้นลงบนที่นอนโดยไม่พูดอะไรสักคำ เบียงก้าหยุดจัดเตียงอย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาของเธอเลื่อนลงไปเห็นบรรจุภัณฑ์ชิ้นหนึ่งบนผ้าห่ม ฉลากของบรรจุภัณฑ์นั้นเขียนว่า ‘สำหรับบรรเทาอาการยุงกัดในเด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก’ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดยกแว่นอ่านหนังสือขึ้นและมองไปที่หลานชาย เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามลุค “หลานรู้ได้ยังไงว่าบีถูกยุงกัด?”ลุคไม่ได้ตอบอะไร“รีบทายาเถอะ เผื่อหลานจะแพ้ยุง…” เมื่อพ่อเฒ่าเรย์นพูดเช่นนั้นจบ เราก็เริ่มเล่าเหตุการณ์หนึ่งให้ทุกคนได้ฟัง “ตอนที่หลานสาวผู้น่าสงสารของฉันยังเป็นเด็ก ไม่มีใครไยดีเธอเลยสักคน เธอถูกยุงป่ากัดเข้าที่เปลือกตาข้างหนึ่ง ตาของเธอบวมขึ้นจากการติดเชื้อและอักเสบ ถ้าลูกชายของฉันไม่กลับมาที่บ้านแล้วพาเธอไปฉีดยาเพื่อลดการอักเสบ ฉันกลัวว่าตอนนี้เธออาจจะกลายเป็นคนตาบอดไปแล้ว”“มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกค่ะ ปู่” เบียงก้าเอ่ยขัด เพราะไม่อยากให้ปู่เล่าเรื่องส่วนตัวของเธอให้คนนอกฟังลุคยืนอยู่แถวขอบเตียง เขาหันหลังให้กับชายอาวุโสท
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ