อลิสันเกลียดเบียงก้า เธอเกลียดเบียงก้าตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเบียงก้าคือคนของตระกูลเรย์น และเป็นลูกสาวของเควินผู้หญิงหน้าไหนก็สามารถแต่งงานกับลุคและเป็นลูกสะใภ้ของเธอได้ทั้งนั้น แต่ต้องไม่ใช่เบียงก้า!อลิสันจำต้องปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงที่เธอมีต่อเบียงก้า เพราะคำนึงถึงความรู้สึกของลูกชายและความแน่นแฟ้นของครอบครัว เธอต้องวางแผนเพื่อกีดกันเบียงก้าออกไปเธอรู้สึกผิดเล็ก ๆ เมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอโกรธเพียงใด แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่าเธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจเสียหน่อยเธอจะกีดกันผู้หญิงคนนั้นให้อยู่ห่างจากลุคอย่างโจ่งแจ้งทีเดียว!แม้ว่าเธอจะเป็นคนเผาสะพานรักของเบียงก้ากับลุคลง อย่างไรเสีย เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ความสัมพันธ์แม่ลูกจะไม่ถูกสะบั้นทิ้งและจะยังคงอยู่ตลอดไป"ลูกต้องการคำอธิบายหรือ? เรื่องอะไรล่ะ? เรื่องที่แม่ไปกับเศษขยะอย่างเควิน เรย์นนั่น หลังจากที่แม่ถูกพ่อแกทิ้งงั้นเหรอ?" อลิสันสารภาพเมื่อพิจารณาถึงความเฉลียวฉลาดและอารมณ์ที่ไม่หยุดยั้งของลูกชายของเธออย่างที่คิดไว้ ลุคดูตกใจเป็นอย่างมากอลิสันนิ่วหน้าและเริ่มร้องไห้ “แม่ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องอดีตที่ไม่น่าจดจำนั่น ตอนที่พ่
ผู้ดูแลทำตามที่อลิสันบอกทันที นิ้วของเธอสั่นเมื่อกดหมายเลขของลุค สายแรกไม่มีใครรับ สายที่สองก็เช่นกัน! แต่ก็ยังต้องโทรต่อไป หลังจากโทรไปนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดปลายสายก็รับ “ท่านลุคคะ ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดมีอาการหัวใจวายค่ะ ตอนนี้ท่านกำลังอยู่ที่โรงพยาบาล ได้โปรดไปดูอาการนายท่านด้วยนะคะ!” ผู้ดูแลพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง … ณ โรงพยาบาลเมืองเอผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดนอนอยู่บนเตียง แพทย์สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทัน อาการของเขาจึงกลับมาเป็นปกติ อลิสันนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง เธอเช็ดน้ำตาอย่างรู้สึกผิด ซูซานและหลุยส์ได้ข่าว จึงรีบมาโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ในฐานะลูกชายคนที่สองของแซคคารี่ หลุยส์ทั้งรักและเคารพปู่มาก เพราะอย่างน้อย เวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็กของเขาก็ใช้ไปกับผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ด ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดอาจจะเป็นคนเข้มงวด แต่เขาเป็นญาติผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ อันที่จริงแล้ว เขาสนิทชิดเชื้อกับปู่มากกว่าพ่อที่ป่วยและเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเด็กเสียอีก มีอีกเหตุผลที่หลุยส์เคารพปู่ของเขามาก ย้อนไปตอนที่พ่อทิ้งแม่ของเขาซึ่งเป็นภรรยาที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อที่
ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ด นอนหลับตาฟังการสนทนาระหว่างลูกสะใภ้กับหลานชายอยู่บนเตียง ในวินาทีนั้น อลิสันยกเหตุผลมาโยนความผิดให้ซูซาน “แม่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกเคลือบแคลงในตัวแม่มากขนาดนี้… แม่ก็คิดจะบอกลูกอยู่หรอกนะถ้าลูกคิดที่จะถาม แต่ลูกไม่เคยถาม!” อลิสันเผยสีหน้าเจ็บปวดหัวใจ ราวกับพยายามนึกถึงอดีตที่เจ็บปวดจนเกินทนของเธอ เธอเริ่มสะอื้นไห้ ก่อนยกผ้าขึ้นน้ำตา “แม่ถูกบังคับให้ออกจากเมืองตอนที่ต้องเลิกกับพ่อของลูก ตอนนั้นแม่ยังเด็กไม่รู้ประสา แม่ถึงทำได้แค่หนีอยู่ในเมืองที่ไกลที่สุด ซูซาน อาร์มสตรองยังไม่เลิกตามมาราวีแม่ เธอกับลูกน้องของเธอจะไม่เลิกตามหาแม่ ไม่ว่าแม่จะหนีไปที่ไหน!” “ตอนนั้น ซูซานยังไม่มีลูก ลูกควรรู้ว่าผู้หญิงที่แต่งเข้ามาในครอบครัวเศรษฐีต้องมีทายาท คุณก็เหมือนกันนั่นแหละ ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ด! ฉันต้องมีลูกชายให้ได้เท่านั้น! “แม่ไม่รู้ว่าซูซานรู้รึเปล่าว่าแม่มีลูกชาย แม่ก็เลยต้องส่งลูกไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อปกป้องลูกไงล่ะ เพราะอย่างน้อยที่นั่นก็คงจะดูแลลูกได้ดี ดีกว่าต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปกับแม่ แม่กลัว… เพราะแม่ไม่รู้ว่าแม่จะเป็นตายร้ายดียังไง!” ผู้อาวุโสครอ
หลังจากอธิบายเสร็จ เพื่อนร่วมงานก็ลงไปชั้นล่าง บนชั้นสอง เบียงก้าใช้กุญแจเปิดประตู ห้องนี้มีขนาดประมาณสามร้อยตารางฟุต พื้นถูกปูด้วยกระเบื้องไม้สีอ่อน ในห้องมีเพียงเตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้าเรียบ ๆ เท่านั้น ก่อนที่เธอจะแกะสัมภาระออก เพื่อนร่วมงานอีกคนจากแผนกอื่นก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู เขาเป็นเพื่อนร่วมงานชายอายุยี่สิบปลาย ๆ เขายืนอยู่นอกห้องโดยไม่ได้เข้ามาข้างใน “คุณคือ เบียงก้า เรย์น จากแผนกออกแบบใช่ไหมครับ? ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมโจ คาร์ลสัน” “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเบียงก้า เรย์นค่ะ” เธอกล่าวทักทายเพื่อนร่วมงาน โจชี้ลงไปชั้นล่างแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “ทุกคนยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน เราไปที่ร้านอาหารในเมือง ที่สภาพก็… แย่กว่าที่คิด สาว ๆ เมืองกรุงรับเรื่องนี้ไม่ได้ ผมได้ยินจากหัวหน้าแผนกว่าคุณเติบโตที่นี่ ดังนั้น ผมก็เลยคิดว่าจะถามคุณว่าคุณสามารถพาทุกคนไปทำความคุ้นเคยรอบ ๆสถานที่แถวนี้ได้ไหม พวกเราจะได้หาพวกวัตถุดิบสำหรับอาหารกลางวันกันเองได้ด้วย” เบียงก้าเข้าใจสิ่งที่เขาพูด เธอวางกระเป๋าลงและพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้เลย” “ไม่ต้องรีบหรอกครับ คุณควรพักผ่อนก
หลังจากก่อความวุ่นวายในครอบครัวแทนเนอร์ได้สำเร็จ อลิสันก็กลับบ้าน กลับไปที่โรงพยาบาล อลิสันไม่เห็นซูซานและหลุยส์ ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดกำลังนอนอยู่บนเตียงขณะที่ลุคนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอเห็นว่าลูกชายเป็นห่วงอาการของปู่ไม่น้อย เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อลิสันสวดอ้อนวอนให้ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดฟื้นตัวช้าลงอย่างเงียบ ๆ เพราะหากเขาอาการแย่ลง ลูกชายของเธอจะต้องอยู่เคียงข้างเขา! ด้วยวิธีนี้ หลานชายคนโตของผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดก็จะไปที่เมืองบ้านนอกนั่นไม่ได้! ไม่เช่นนั้น สังคมก็จะตราหน้าเขาว่าเป็นหลานอกตัญญู! อลิสันรู้สึกราวกับว่าการพยายามที่จะแยกเบียงก้าออกจากลูกชายของเธอนั้นเธอทำให้สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปไม่น้อย แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น เพราะถ้าลุคแต่งงานกับเบียงก้าขึ้น ชีวิตเธอทั้งชีวิตก็คงไม่ต่างจากตายทั้งเป็น เบียงก้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอ! แม่บ้านผู้เป็นคนดูแลการควบคุมอาหารของผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดมาส่งอาหารกลางวัน อลิสันหยิบกล่องอาหารกลางวันออกจากกระเป๋า “พ่อคะ ป้าเจมม่าทำอาหารที่พ่อชอบมาให้ทั้งนั้นเลย แถมยังดีต่อสุขภาพของพ่อด้วย” ขณะที่อลิสันพูด เธอก็นั่งลงและตักอาหารให้ผู้อาวุ
ในตอนที่เจสันได้รับข้อความจากซูนั้น เขากำลังรอลูกทั้งสองคนของเจ้านายอยู่ที่หน้าโรงเรียน “คุณลุงดอยล์!” เรนนี่วิ่งออกจากประตูเข้าไปในอ้อมแขนของเจสัน เจสันอุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยด้วยแขนข้างหนึ่ง จับมือเจ้าชายตัวน้อยด้วยมืออีกข้าง แล้วจึงเดินไปที่รถ “เมื่อไหร่พ่อจะมารับเราจากโรงเรียนอีกล่ะครับ คุณลุงดอยล์” ลานี่ถามคำถามที่ฟังดูไม่มีนัยอยู่เลยตัวเขาและน้องสาวรู้ดีว่าพ่อยุ่งมากแค่ไหน ในบางครั้งที่พ่ออยู่ที่บ้านซึ่งก็เรียกได้ว่านับครั้งได้เลย เขาก็มักจะห่างเหินและหงุดหงิดง่ายอยู่ตลอด ณ ตอนนี้เด็ก ๆ จึงรู้ว่าพวกตนเหมือนไม่มีพ่อให้พึ่งพิงเลย เดี๋ยวนี้พ่อเริ่มให้ความอบอุ่นกับพวกเขามากขึ้นแล้ว แต่เขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้สองสามวันมาแล้ว ในตอนที่เจสันพาเรนนี่เข้าไปในรถ เธอได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูด ก่อนหันมองเจสันเพื่อรอคำตอบอย่างไร้เดียงสา หลังจากเด็กสองคนนั่งอยู่ในรถแล้ว เจสันก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้คุณพ่อพวกคุณหนูยุ่งมาก ๆ เลยล่ะครับ และคุณพ่อทิ้งงานมาไม่ได้ เดี๋ยวลุงดอยล์จะถามเขาให้นะว่าเขาจะว่างมารับคุณหนูกับนายน้อยที่โรงเรียนเมื่อไหร่” เจสันปิดประตูรถเบนท์ลีย์และนั่งลงบ
ไม่รู้ว่าเบียงก้าไปอยู่ที่ไหน ซาเวียร์อาจไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดเช่นไรกับเขา แต่เขาไม่อยากถูกพนักงานบริษัท ที คอร์เปอเรชั่นหัวเราะเยาะเอาเขาออกจากเมืองไปเพราะไม่อยากให้ตัวเองดูสิ้นหวังกับการไล่ตามเบียงก้า วอลเตอร์เก็บหนังสือสัญญาการหย่าร้างและปากกาเซ็นชื่อกลับเข้าไปในกระเป๋าเอกสารของตัวเอง จากนั้นเขาก็ไปที่รถและขับตาม "จำเลย" ในคดีหย่าร้างออกไปจากเมือง ขณะที่เขาขับรถ วอลเตอร์ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปีในชีวิตของเขาที่เขาต้องตามหาตัวจำเลยด้วยตัวเอง คงไม่มีใครชอบวิธีนี้ พูดก็พูดเถอะ เขาไม่สนใจพวกคดีการหย่าร้างพวกนี้หรอกถ้ามันไม่ใช่ปัญหาของพวกมหาเศรษฐี!หลังจากที่รถออกไปแล้ว เพื่อนร่วมงานชั้นบนก็เริ่มคุยกัน ประตูห้องของพวกเขาเปิดอยู่ ขณะที่โจกำลังแจกจ่ายน้ำดื่มบรรจุขวดที่ซื้อจากร้านขายของชำในหมู่เพื่อนร่วมงานหญิง เขาได้ยินคนหนึ่งในนั้นพูดว่า "เหลือเชื่อจริง ๆ แม้แต่วอลเตอร์ ลองก็ยังอยู่ที่นี่" “เขามาที่นี่ทำไมล่ะ?” เพื่อนร่วมงานอีกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “จะทำไมอีกล่ะ ฉันได้ยินมาว่าวอลเตอร์ ลองกับสามีเจ้าของรถคาเยนน์ของเบียงก้าออกจากห้องของเธอ
หลังจากที่รถของลุคออกจากลานบ้าน พนักงานก็หมดอารมณ์จะนอน เจ้านายมาถึงที่นี่อย่างฉุกละหุก แถมเขายังออกจากที่นี่ไปเร็วอย่างกับพายุ ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนกับว่าเจ้านายกำลังตรวจสอบงานของพวกเขาอยู่ พวกเขาคิดว่าความสามารถของพวกเขาไม่ได้มาตรฐาน และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในสายตาของเจ้านาย โจอดไม่ได้ที่จะสงสัยอีกครั้ง จึงถามเพื่อนร่วมงานว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกพี่ลูกน้องที่ขับรถคาเยนน์เป็นยังไงเหรอ?" เพื่อนร่วมงานของเขาต่างพากันส่ายหน้า “เราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ?” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งตอบ “เจ้านายเก็บชีวิตส่วนตัวของเขาไว้เป็นความลับเสมอ แม้แต่พวกปาปารัซซียังขุดคุ้ยอะไรจากเขาไม่เจอเลย” ทั้งหมดที่รู้กันเรื่องชีวิตส่วนตัวของเจ้านายของพวกเขาคือรูปถ่ายที่ตีพิมพ์เฉพาะในนิตยสารยอดนิยมเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้านายพาลูกชายและลูกสาวออกไปรับประทานอาหารในเช้าวันหนึ่ง พนักงานหญิงหลายคนในสำนักงานซื้อนิตยสารเล่มนั้นมาอ่านที่ทำงาน พวกเธอคิดว่าเจ้านายไม่เพียงแต่หล่อเหลาและมีความสามารถเท่านั้น แต่เขายังเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ประคบประ
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ