โทรศัพท์เบียงก้าก็ดังขึ้นขณะกำลังคุยกับคุณปู่ “คุณปู่คะ หนูต้องรับสายนี้ค่ะ” เบียงก้าดึงแขนที่เริ่มรู้สึกเจ็บจากการที่คุณปู่จับไว้ออกมา และหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า ซูเป็นคนโทรมา เบียงก้ารับสายแล้วถามว่า “สวัสดีจ้ะ ซู มีอะไรรึเปล่า?” ซูบอกกับเธอสั้น ๆ ว่า “บี ถ้าไม่มีอะไรติดขัดนะ โครงการพัฒนาเมืองที่พวกเราทำกันอยู่จะมีระยะเวลาดำเนินงานอย่างน้อยครึ่งปีนะ ดังนั้นนะ หลังจากที่พวกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพิจารณาเรียบร้อย การฝึกอบรมภาคสนามในปีนี้จะดำเนินไปเร็วกว่าที่กำหนดไว้ พรุ่งนี้เวลาแปดโมงเช้า เธอมาที่ทางเข้าบริษัทด้วยล่ะ อย่าลืมเตรียมเอาของใช้จำเป็นสำหรับพักค้างแรมด้วย ก็ประมาณนี้นะ ถ้ามีอะไรสงสัย ก็ส่งข้อความมาหาฉันนะ ฉันจะต้องบอกอีกสองคนที่ไม่อยู่ในสำนักงานก่อน” “รับทราบจ้ะ” เบียงก้าตอบก่อนวางสายไป ตอนเธอไปเรียนต่างประเทศ เมื่อมีเวลา เธอก็ชอบออกไปหากิจกรรมภาคสนามทำเช่นกัน ดังนั้น สำหรับเรื่องนี้ เธอสามารถมองว่ามันเป็นได้ทั้งการฝึกอบรมและการพักผ่อนไปพร้อม ๆ กันได้ หลังจากรับประทานอาหารเย็นกับคุณปู่แล้ว เบียงก้าเริ่มเก็บโต๊ะอย่างรวดเร็ว “คุณเรย์นคะ คุณอย่าล้างจานเลยน
หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ จากแผนกออกแบบต่างมองไปที่อีวอนน์เป็นตาเดียว ต้องเป็นเพราะอีวอนน์นอนคุยกับท่านประธานแน่ ๆ เลย! อีวอนน์ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ! มีคู่รักคู่หนึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ผู้ชายกระซิบกับหญิงสาวว่า “เจ้านายเป็นคนเคร่งขรึมและเย็นชามาก อีกอย่าง เขายังทำตัวห่างเหินจากคนภายนอกอยู่ตลอดเลย แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก ที่พอคุยกับอีวอนน์ปุ๊บ เขามาอยู่ร่วมในกิจกรรมภาคสนามแบบนี้ปั๊บ” หญิงสาวกลอกตาไปมา "รู้ไหมว่ามันหมายความยังไง?" "อะไรล่ะ?" เขาไม่รู้จริง ๆ เขาเพียงแค่หัวเราะออกมา หญิงสาวหัวเราะเยาะอย่างเย้ยหยัน “พวกคุณไม่รู้กันจริง ๆ น่ะเหรอว่านี่หมายความว่าอย่างไร? มันก็หมายความว่าแม้แต่ผู้ชายในตำแหน่งที่สูงขนาดนี้ก็ไม่สามารถต้านทานการยั่วยวนของสาวน้อยได้ไง ถ้าเมื่อคืนนี้บรรดาสาว ๆ พวกนั้นให้เสนอตัวให้คุณบนเตียง คุณก็จะสามารถทำทุกอย่างเพื่อพวกเธอได้!” “อะไรเล่า ฉันก็แค่…” ชายคนนั้นทำหน้าบูดบึ้ง “นี่เรื่องกำลังคุยเรื่องจริงจังกันอยู่นะ ทำไมคุณถึงต้องพูดจาหาเรื่องผม?” “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันหาเรื่องคุณกันล่ะ? เจ้านายของเราเป็นพวกเผด็จการแถมจริงจังอีก
เมื่อเบียงก้าไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ที่มาจากด้านหน้า เธอจึงเงยหน้าขึ้นทั้ง ๆ ที่อารมณ์ไม่ดีขณะที่เป็นตะคริว ในตอนนั้นเอง เธอก็เห็นผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาเธอ เขาสูงและขายาว ท่าทีดูจริงจังมาก เมื่อเขาสวมชุดสูท เขาดูราวกับเป็นพระเจ้าจำแลงกายลงมา เจ้านายก็ยังคงเป็นเจ้านายอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นตรงหน้ากระดานสนทนาบนถนนทางการเงินในนิวยอร์ก หรือห้องประชุมในสำนักงาน หรือแม้แต่ในชนบทที่บางครั้งพวกเขาจะจัดงานต่าง ๆ เขาก็ยังสามารถแสดงสีหน้าจริงจังได้ ราวกับว่าไม่มีอะไรหรือไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนท่าทีของเขาได้ ใบหน้าและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความใจร้ายเสมอ แม้ว่าเขาจะขับรถไปในชนบท แต่เขาก็ยังสวมชุดสูทที่คุ้นเคยและเลือกสรรมาอย่างมีรสนิยม เขามักจะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความซับซ้อนและความยุ่งเหยิงอย่างสุดขีดอยู่เสมอ เบียงก้าไม่เคยคาดหวังว่าลุคจะเดินมาหาเธอ ทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้? เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์อัสดง เบียงก้ามองมาที่เขา ในขณะที่ชำเลืองตา แล้วเธอก็หันกลับมามองข้างหลัง เธอแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังเธอ เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ใช่ว่า เบียงก้าไ
“บอกเราสิว่าเธอเห็นอะไร?”เพื่อนร่วมงานหญิงสองสามคนจากแผนกการเงินที่คอยดูจากด้านหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานที่กำลังถือกล้องส่องทางไกลอยู่หญิงสาวที่มีกล้องส่องทางไกลเป็นพนักงานใหม่ของแผนกการเงินและยังไร้เดียงสา เธอบอกทุกคนตามที่ตาเห็นแต่เมื่อได้ยินอย่างนั้น ทุกคนต่างก็มีสีหน้าสับสนไปพร้อม ๆ กัน“ฉันพูดจริงนะคะ” เพื่อนร่วมงานหญิงผู้ถือกล้องส่องทางไกลพูดอย่างไร้เดียงสาเพื่อนร่วมงานของเธอหันกลับมามองเธอ “นี่แม่หนู เธอนี่เขียนนิยายเก่งจริง ๆ เลยนะ ลองส่งต้นฉบับนิยายของเธอไปให้นิตยสารโรแมนติกดูสิ ถ้าเธอบอกว่าเธอเห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งตักของเจ้านาย ผู้หญิงคนนั้นจูบเขาอย่างรุนแรงตอนที่กำลังยั่วยวนเขา และดูเหมือนจะดึงเข็มขัดของเจ้านายเพื่อบังคับร่างของเขาแนบชิดกับตัวเอง ฉันก็อาจจะเชื่อเธอ”แต่เรื่องที่เจ้านายกำลังเป่าผมของผู้หญิงคนนั้นและห่อผ้าเช็ดตัวให้เธออย่างนั้นน่ะเหรอ? แถมยังนวดขาให้ด้วยเนี่ยนะ? ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันเสียจริง!เพื่อนร่วมงานอีกคนถือของไว้ให้ “ผู้หญิงคนนั้นอาจจะหน้าตาดี แต่ที่แผนกประชาสัมพันธ์มีคนที่สวยกว่านั้นนะ ฉันทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว แล้วก็ไม่เคยได้ยินข่าวลือที่
เมื่อผิวของเธอถูกปกคลุมไปด้วยลมหายใจร้อนระอุของชายคนนั้น เธอเกือบจะล้มลงเพราะเข่าของเธออ่อนแรงไปหมด ใบหน้าของเธอยังแดงระเรื่ออีกด้วยเบียงก้าคิดไปเองว่าลุคกำลังจะจูบเธออีกหน เพราะมันมักเกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นเสมอ อย่างไรเสีย ผู้ชายคนนี้ก็มักคิดจะทำสิ่งนั้น แต่คราวนี้ชายตรงหน้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ริมฝีปากบางสัมผัสแก้มเรียบของเธอขณะที่เขาหลับตา เขาหอมแก้มเธอเป็นเวลานานเขาจุมพิตเนิ่นนานกว่าจะถอยห่างออกไปหลังจากที่เธอกลั้นใจ เขากล่าว “อย่าทำให้ผมเป็นห่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าเก็บทุกอย่างไว้ในใจคนเดียวสิ” เบียงก้าก้มศีรษะลง เธอไม่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร “ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราจะเข้าเมืองไปด้วยกัน” นิ้วเรียวยาวได้รูปของลุคที่เคยเชยคางของเธอไว้หดกลับไปแล้ว การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าและดูไม่เต็มใจนักหลังจากทำกิจกรรมกลางแจ้งมาทั้งวัน เบียงก้าทั้งหมดแรงและปวดเมื่อยไปทั้งตัว เธออยากจะนอนหลับฝันดี แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็สงสัยว่าเขากำลังจะไปไหน? เมื่อเห็นว่าลุคเปิดประตูออกไป เบียงก้าได้แต่สับสนอยู่ในใจ เมื่อคืนนี้ลุคหายไปทั้งคืน หลังมื้อเย็น เขาทิ้งลูกไว้กับเธอและจากไป กว
เมืองเล็ก ๆ ที่แสนเงียบสงบ ชายหนุ่มและหญิงสาวที่เปล่าเปลี่ยว... คงไม่พ้นถูกความปรารถนาแผดเผาแน่ค่ะ...”แต่ละคำที่อีวอนน์พูด ทำให้อลิสันยิ่งคิดไปไกล! เมื่อคิดเช่นนั้น อลิสันก็ตระหนักว่าเธอต้องหยุดไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น! เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าแม้กระทั่งนักรบที่เก่งกาจที่สุดก็ยังต้องพ่ายให้กับโฉมงาม ประวัติศาสตร์มีให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เกี่ยวว่าเบียงก้าจะงดงามอย่างไร้ที่ติจริงหรือไม่ แต่อุปสรรคของลุคคือการที่เธอเป็นคนสวยในสายตาของของเขา! อลิสันอาบน้ำร้อนมาก่อน เธอรู้ว่าความปรารถนาระหว่างชายหญิงลุกเป็นไฟได้ด้วยความคิดชั่ววูบ ยิ่งคิดเธอ ก็ยิ่งโมโห อลิสันยกกำปั้นขึ้นทุบประตูต่อ เสียงทุบนั้นสะท้อนความโกรธที่ทวีขึ้นในใจของอลิสัน จากเสียง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เป็น “ปัง ปัง ปัง”... “เบียงก้า ถ้าเธออยู่ที่นี่ ก็เลิกเล่นซ่อนหากับฉันเสียที!” ห้องเช่าธรรมดาเช่นนี้มีเพียงผนังบางที่ไม่ได้กันเสียงได้ดีเด่อะไร หากมีใครตะโกนมาจากข้างนอกประตูในตอนเช้าที่เงียบสงัดเช่นนี้ คนในห้องมีหรือจะได้ยิน? “แม่ผมเคยมาหาคุณเหรอ?” จากการได้ยินอลิสันเคาะประตูอย่างไม่หยุดหย่อนและน้ำเสียงของเ
ด้านนอกของประตู สายตาอลิสันเคลื่อนจากหน้าจอโทรศัพท์มาที่ประตูสัญชาตญาณของความผู้หญิงบอกเธอว่าตั้งแต่เช้ามานี้มีแต่เรื่องที่ดูไม่เข้าท่า ‘เบียงก้าโทรมาแล้วไม่พูด...’ 'เธอพยายามจะทำอะไร?’ 'แถมฉันยังคิดว่าตัวเองได้ยินเสียง… ครางเบา ๆ ใช่ไหมนะ?’ 'เสียงพวกนั้นเป็นเสียงของเบียงก้าใช่รึเปล่า?' เมื่ออลิสันได้ยินดังนั้น เธอก็ชาเข้าไปถึงกระดูกดำ! "เบียงก้าเปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ! เปิดประตู!" อลิสันแทบรอดูว่าใครเป็นคนทำเรื่องอย่างว่าเช่นนี้กับเธอแทบไม่หวาดไม่ไหว ก่อนมาถึงที่นี่ อลิสันโทรไปหาพี่ชายของเธอเพื่อยืนยันว่าซาเวียร์ยังคงนอนหลับอยู่ที่ชั้นบนของบ้าน และอลิสันก็รู้ว่าคนที่อยู่ในบ้านกับเบียงก้าในตอนนี้ก็ไม่ใช่ลูกชายของเธอ เจสันบอกเองว่าลูกชายของเธอทำงานล่วงเวลามาได้สองวันแล้ว แถมหลังเลิกงานเขายังนอนที่บริษัทอีกด้วย อย่างที่เจสันบอก ลุคเลือกทำงานล่วงเวลาเพื่อที่จะไม่ต้องนำงานที่ค้างไว้ติดตัวไปทำต่อที่เมืองบ้านนอกนั่น เพื่อที่เขาจะได้มุ่งความสนใจทั้งหมดของตัวเองไปที่เบียงก้าอลิสันไม่พอใจ มันเคยมีแค่เธอ ลานี่ หรือเรนนี่เท่านั้นที่เคยได้รับการเอาใจใส่จากลุคเท่านั้นมิใช่หรือ?
ลุคจดจ่ออยู่กับเนื้อหาด้วยความประหลาดใจ คนดี ๆ ที่ไหนได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้คงจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ยาก “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ข้างในนะ เบียงก้า! จะบอกอะไรให้นะ ฉันจะรอเธออยู่หน้าประตูนี่แหละ! ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าเธอจะออกมาเปิดประตู! แล้วถ้าเธอคิดจะหนีไปล่ะก็ เธอคงต้องมีปีกสักคู่แล้วบินออกไปทางหน้าต่างเท่านั้นล่ะ!" แม่ตะโกนออกมาแบบนั้นทั้งที่เขากำลังทำรักกับเบียงก้าอยู่ ถึงขนาดนี้แล้วจะให้เขานิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร? เขาไม่ได้หยุดกิจกรรมนั้นลง เพราะคิดว่าแม่อยากจะหยุดการกระทำของลูกชายกับภรรยาของหลาน เพราะเรื่องพวกนี้มันผิดศีลธรรมสิ้นดี แต่หลังจากที่แม่ก้าวเข้ามาในบ้าน แม่กลับพูดว่า “ไม่เลวนี่ ถังข้าวสารคงเป็นถังทองล่ะสิท่า?” ลุครู้ได้ในทันทีว่าคำพูดพวกนั้นมีบางอย่างไม่ปกติ เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ไม่ชอบมาพากล แต่เขาก็รู้ว่าเหตุผลที่แม่มาที่นี่นั้นต่างที่คิดโดยสิ้นเชิง สำหรับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรมาก่อน ก็คงไม่วายที่จะไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในบทสนทนา ระหว่างอลิสันและเบียงก้า “เธอบอกว่าไม่มีผู้ชายอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? ทั้งที่เธอกำลังบำเรอชายชูลับห
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ