เบียงก้าเห็นแล้วว่าชายที่ยืนอยู่หน้าประตูคือ ซาเวียร์ แทนเนอร์นี่เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าซาเวียร์คงเดินตามหาเธอจนทั่วโรงละครทั้งยังกลับไปที่ห้องโถงวีไอพีเพื่อตามหาเธออีกรอบ แต่ก็หาไม่เจอการที่เขามาปรากฏตัวต่อหน้าเธอเช่นนี้ ก็เพราะความโกรธนั่นเองเขาได้แต่มองดูภรรยาตามกฎหมายของตัวเองระเริงรักอยู่กับชายอื่นอยู่ตำตา แต่กลับพลาดโอกาสทองที่จะจับพวกเขาได้คาหนังคาเขาแม้ว่าการแต่งงานของพวกเขาจะไม่ได้เกิดจากความรักเลยแม้แต่น้อย แต่ในฐานะสามีแล้วล่ะก็ ความเจ็บปวดนี้ไม่อาจบรรยายได้เลยในความเป็นจริงแล้ว เบียงก้าไม่คิดว่าการไปเยี่ยมพ่อของลูกจะถือเป็นการนอกใจอะไร แต่ในมุมมองของซาเวียร์แล้วล่ะก็ การได้เห็นลุคจูบเธอเท่ากับการนอกใจ“บี เขาเป็นเพื่อนเธอรึเปล่า?” นีน่ายืนอยู่ที่ประตูด้วยความอึดอัดใจ จากสายตาที่ซาเวียร์มองเบียงก้า นีน่าเดาได้ว่าเบียงก้าน่าจะรู้จักชายคนนี้ไม่มากก็น้อยเบียงก้าปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบนีน่าอดคิดไม่ได้ว่าเธอน่าจะได้รู้จักเพื่อนคนอื่น ๆ ของเบียงก้าที่นี่ด้วย เพราะในฐานะของเพื่อนร่วมงานใหม่ที่เบียงก้าได้ทำความรู้จักที่บริษัท นีน่ามั่นใจว่าเธอรู้จักคนพวกนั้นดีกว่าเบีย
“ตราบเท่าที่เรายังไม่ได้หย่ากัน ผมก็จะถือว่าคุณยังเป็นเมียผมอยู่ แล้วถ้าเกิดคุณไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นขึ้นมาล่ะก็ ผู้ชายคนนั้นคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน และชื่อเสียงที่สั่งสมมาก็จะอันตรธานหายไปหมดแน่”ซาเวียร์เตือนด้วยเจตนาอันร้ายกาจของตนก่อนจากไปนีน่าพิงหลังไปกับผนังครัวเย็นเยียบ และเอ่ยถามเบียงก้าซึ่งกำลังสาละวนอยู่กับเคาน์เตอร์ครัว “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย? ผู้ชายคนนั้นบ้าสิ้นดี นอกจากบังคับเธอให้แต่งงานด้วยแล้ว เขาคิดจะทำบ้าอะไรอีก? ฉันรู้แค่ว่าเขาไม่ได้ชอบเธอเลยสักนิด แต่กลับแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอแบบไร้เหุตผลถึงขนาดนี้”นีน่ารู้ได้โดยไม่ต้องถามด้วยซ้ำว่ารองเท้านี่จะต้องเข้าคู่กันกับรองเท้าของลูกท่านประธานแน่...แต่เจ้าบ้านี่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?เขาต้องรู้อยู่แล้วแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาเตือนเบียงก้าถึงที่นี่ เขาสั่งให้เบียงก้าปฏิบัติตามคำสอนหญิง แถมยังตามมาเผารองเท้าคู่อีกด้วยเบียงก้าเผยริมฝีปากเล็กน้อย ขนตาของเธอสั่นระริก “คนที่เคยติดคุกมาก่อนแบบเขาก็คงเจอเรื่องกระทบจิตใจมาก่อนทั้งนั้นแหละ เขาถึงได้ก่อเหตุอาชญากรรมแบบ
เบียงก้าหมดหนทางแล้วถ้าชายผู้เป็นจุดสนใจออกมาข้างนอกเช่นนี้ เขาก็อาจถูกถ่ายรูปจากฝีมือพวกนักข่าวที่มีหน้าที่จับภาพชีวิตส่วนตัวของคนมีชื่อเสียงเพื่อเต้าข่าวแต่ถึงเขาจะอยากเปลี่ยนกางเกงก่อนกลับไปก็คงทำไม่ได้ เนื่องจากเจสันผู้เป็นดั่งนางสนองพระโอษฐ์ของลุคไม่อยู่ คนที่ไม่เคยทำงานพลาดอย่างเจสันกลับมาพลาดเอาวันนี้ แถมยังมีนัดบอดอีกด้วยเบียงก้ารู้ดีว่าการแยกทางกับคนรักนั้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตแต่งงาน เจสันเองก็ไม่ใช่คนอายุน้อย สำหรับเขาแล้วมันคงไม่ง่ายเลยที่จะได้พบรักครั้งใหม่ทว่าแล้วตอนนี้เธอควรทำอย่างไรดี...เบียงก้ามองเวลาแล้วก็ได้แต่คิดไม่ตก “นี่ก็ดึกมากแล้ว ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ นี่ก็คงใกล้ปิดแล้วด้วยสิ ถ้าจะให้ฉันไปซื้อกางเกงตัวใหม่ให้ ฉันเกรงว่าตัวเองคงไปไม่ทันห้างปิดแน่”“แล้วหลังจากผมฟังคุณพูดทั้งหมดนี้แล้ว คุณกำลังจะบอกผมว่า ผมสามารถนอนค้างที่นี่กับคุณได้คืนหนึ่งแล้วค่อยกลับไปตอนเช้าถูกไหม?” หลังจากเขาเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้น ลุคก็ไม่มองมาที่เธออีก เขาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าที่หม่นลงเบียงก้ายืนอยู่หน้าห้องน้ำด้วยสีหน้าอันว่างเปล่านิ้วของเธอจับเข้าที่กรอบประตู
“แล้วถ้าเกิดท้องขึ้นมา คุณคิดจะทำแท้งไหม?” สายตาจริงจังของลุคจ้องมองเธอ ขณะเดียวกัน เขาก็ถอดนาฬิกาข้อมือออกเบียงก้าคิดว่านี่ถึงเวลาที่เขาต้องพักผ่อนแล้วในตอนนั้นเอง เบียงก้ารู้สึกว่าบทสนทนาระหว่างเธอกับเขาช่างไร้สาระเหลือเกิน “ทำไมฉันต้องปล่อยให้ตัวเองท้องด้วยล่ะ?... ถ้าหากฉันจะไปมีอะไรกับใคร ฉันก็จะขอให้เขาใช้ถุงยาง เพราะงั้น... มันไม่ควรจะมีคำถามเมื่อกี้ผุดขึ้นมาด้วยซ้ำค่ะ”หลังจากพูดไปแบบนั้น เบียงก้าก็กลับห้องไปลุคยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ท่าทางสุขุมของเขาดูไม่เข้ากับห้องนั่งเล่นแคบ ๆ นี่เลยสักนิด เขาถอดนาฬิกาออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ทั้งยังถอนหายใจตอนที่เห็นเบียงก้ากลับเข้าห้องไปมันเป็นเรื่องจริงที่ซาเวียร์ใช้คุณปู่มาขู่บังคับให้เธอจดทะเบียนกับเขาสองสามวันก่อน ลุงกับป้าเป็นคนมาบอกเขาเองว่าซาเวียร์แต่งงานแล้วและหลังจากที่ซาเวียร์พาเบียงก้ามาถึงห้องส่วนตัวของโรงแรม คดีการหายตัวไปของคุณปู่เธอก็ได้รับการคลี่คลาย ซาเวียร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากจะเล่นงานเบียงก้าด้วยจุดอ่อนซึ่งก็คือปู่ของเธอซาเวียร์นั้นเป็นคนอ่อนไหวและขี้ระแวง เวลาคนประเภทนี้ทำอะไรก็จะรอบคอบเป็นอย่
เบียงก้ารู้สึกได้ว่าเขาหันมาแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง“ซาเวียร์น่ะ… ซาเวียร์มาเมื่อตอนบ่าย ฉันยื้อยุดฉุดกระชากกันนิดหน่อย กระดุมนั่นคงจะหล่นมาตอนนั้น”น้ำเสียงเธอดูสงบเธอไม่อยากกลายเป็นนักโทษที่ต้องถูกลุคสอบสวนทั้งที่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนบ่ายไม่ได้เป็นความผิดของเธอ“หมอนั่นทำอะไรคุณ? ทำไมต้องยื้อยุดฉุดกระชากกันอย่างนี้ด้วย?” อุณหภูมิในน้ำเสียงของเขาเย็นลง 1,000 องศา“แค่เถียงกันนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก นีน่าเพื่อนฉันก็อยู่ด้วย เธอคอยกันฉันออกจากซาเวียร์” เบียงก้าเงยหน้ามองเข้าไปในดวงตาของลุคเพื่อพยายามจะอธิบายเรื่องราวแท้ที่จริงแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะอธิบายให้เขาฟังมากมายขนาดนั้น บางทีอาจจะเพราะว่าเขาเป็นพ่อของลูกเธอก็เป็นได้หลังจากอธิบายทุกอย่างที่จะทำให้เขาโกรธเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่พักใหญ่ มีเพียงลมหายใจอุ่นที่เจือกลิ่นของความเป็นชายเป่ารดลงบนใบหน้าของเธอเบียงก้าต้องการเงยหน้าขึ้น หากแต่ริมฝีปากของเธอกลับถูกชายคนนี้จับจองไว้เสียก่อนจุมพิตนี้นุ่มนวลอย่างที่สุด แต่สัมผัสที่อ่อนโยนของชายผู้นี้กลับเร้าให้เธอรู้สึกวาบหวามไปทั้งร่
เบียงก้าก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเช้าของตัวเองต่อไป ขณะนั่งฟังบทสนทนาระหว่างพ่อลูก เธอเองอยากจะบอกเหลือเกินว่าเมืองที่พูดถึงนั่นน่าสนุกไม่น้อย...มีบางมุมที่คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมองไม่เห็นอยู่ด้วย“น้าบีครับ…”“น้าบีคะ…”เด็กทั้งสองเริ่มอ้อนวอนเบียงก้าลานี่และเรนนี่รู้ดีว่าคุณพ่อจอมงี่เง่าของเขาจะต้องยอมฟังน้าบีแน่ พวกเขาถึงอยากขอร้องให้เธอช่วยพูดกับพ่อจอมงี่เง่าของตัวเองเมื่อลุคมองไปยังเบียงก้า คิ้วที่ขมวดของเขาก็ค่อย ๆ คลายลง สีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันทีเมื่อเทียบกับคำพูดรุนแรงที่ใช้คุยกับลูก “เด็กคนอื่นเริ่มเรียนกันไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว ลานี่กับเรนนี่เริ่มช้ากว่าคนอื่นมาเดือนหนึ่งแล้วนะ”เมื่อเบียงก้าได้ยินดังนั้น สีหน้าที่เธอมองไปที่ลูกทั้งสองดูประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้น หนูสองคนก็ควรไปโรงเรียนนะ…”ลานี่และเรนนี่หน้ากิ่วลงทันทีลุคโทรไปยังคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดตอนแปดโมงเช้าเครื่องแบบและกระเป๋านักเรียนของลานี่และเรนนี่ถูกจัดเตรียมไว้แล้วจากนั้น เจสันก็ขับรถไปรับของพวกนั้นในตอนที่เขาไปถึงคฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด สมาชิกในตระกูลกำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่
“ดูสิ! นั่นวอลเตอร์ ลองก์ไม่ใช่เหรอ?”เพื่อนร่วมงานหญิงมองไปที่โต๊ะที่เบียงก้านั่งอยู่ขณะกำลังรับประทานซุปอยู่ที่อีกโต๊ะหนึ่ง เธอกะพริบตาและเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาพลางเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานที่อยู่ที่โต๊ะเดียวกันเพื่อนร่วมงานของเธอมองไปในทิศทางเดียวกัน จากนั้นพวกเขาก็เบิกตากว้าง “นั่นใช่วอลเตอร์ ลองก์จริง ๆ ด้วย…”ไม่เพียงแต่โต๊ะของพวกเขาจะพูดถึงเธอ แต่ที่โต๊ะอื่น ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกันในอีกโต๊ะหนึ่ง ผู้หญิงที่ชื่นชอบเขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วแอบถ่ายรูปวอลเตอร์เอาไว้ เธอกล่าวว่า “ปีที่แล้ว ชาวเน็ตกล่าวว่าเขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ชายที่ฮอตที่สุดภายในประเทศ ในที่สุดฉันก็ได้เจอเขาในวันนี้ เขาช่างหล่อเหลาอะไรเช่นนี้นะ”ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดความโกลาหลขึ้น แต่ก็ยังได้ยินเสียงของผู้หญิงพูดคุยกันภายในโรงอาหารหลังจากที่เบียงก้าได้ฟังสิ่งที่วอลเตอร์พูด เธอก็ได้รับประโยชน์มากมายจากเขาคำพูดของทนายความมีความชัดเจนและรัดกุมมาก และคำพูดของเขาก็ยังเข้าใจได้ง่ายเช่นกันวันนั้นในช่วงค่ำ เบียงก้าขึ้นรถของซาเวียร์ที่ทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินไปและถูกบังคับให้จดทะเบียนสมรส แต่เธอก็ยินยอมโด
เป็นเวลาห้าโมงเย็น หลังจากที่เลิกงานแล้วทุกคนก็เตรียมตัวกลับบ้าน ในเวลานั้น ช่อกุหลาบช่อใหญ่ถูกส่งมาที่แผนก “ขอโทษครับ ใครคือคุณอีวอนน์ กิเดียนครับ?”"ฉันเอง มีอะไรคะ?" อีวอนน์คว้ากระเป๋าชาแนลขึ้นมาและเดินไปยังทางเข้าแผนก“ดอกไม้ของคุณครับ คุณผู้ชายที่ส่งมาให้บอกว่าเขาไม่อยากเห็นคุณโกรธและเขาก็ฝากข้อความเอาไว้ว่าเขาจะแต่งงานกับคุณเมื่อคุณบรรลุนิติภาวะแล้วครับ” คนส่งดอกไม้ยื่นช่อดอกไม้ให้อีวอนน์อีวอนน์หยิบดอกไม้ขึ้นมาและมองดูการ์ดในช่อดอกไม้ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม จากนั้น ใบหน้าของเธอก็เย่อหยิ่งขึ้น เธอโยนการ์ดลงในถังขยะอย่างเขินอายก่อนเดินออกจากที่ทำงานไป “เฮ้อ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้านายที่เยือกเย็นของเราจะส่งดอกไม้เพื่อต้องการง้อผู้หญิงแบบนี้” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งพูดแล้วเดินไปหยิบการ์ดจากถังขยะขึ้นมาดู เพื่อนร่วมงานหญิงอีกหลายคนจึงเดินเข้าไปหาเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพื่อนร่วมงานหญิงอุทานด้วยความประหลาดใจ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้านายของเราจะโรแมนติกแบบนี้! เราเชื่อคำพูดในเน็ตไม่ได้จริง ๆ ดูสิ ผู้ชายมักจะชอบเด็กสาวและคนที่อ่อนหวานอยู่ตลอดนั่นแหละ!”เพื่อนร่วมงานชายคนหน
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ