ฌองรู้ว่าเบียงก้าเองก็รักเขา และยังรู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาเท่าที่เขารักเธออีกด้วยเพื่อให้การขอแต่งงานครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด เมื่อเขาตัดสินใจที่จะขอเธอแต่งงานในตอนเที่ยงนั้น ฌองจึงขอให้พ่อและแม่ของเขาเชิญคนในครอบครัวมาด้วยกันสมาชิกในครอบครัวกว่าสิบชีวิตทั้งแก่และเด็กเบียดเสียดรวมกันอยู่ที่นี่หลังจากที่เบียงก้าเดินตามครอบครัวแลงดอนขึ้นไปที่ชั้นบน เธอยืนนิ่งไปในทันทีที่พวกเขาเปิดประตู...ในตอนนั้น นีน่าจ้องมองญาติ ๆ ของตัวเองที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ในบ้านราวกับเห็นผี“มาแล้ว เธอกลับมาแล้ว!” น้าเล็กของฌองตะโกนทันทีที่เห็นเบียงก้ายืนอยู่หน้าประตู เบียงก้าในตอนนี้คือคนเดียวกับหญิงสาวในรูปที่เธอเคยได้เห็น ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าคว้าเอาแขนแม่ของตัวเองไว้แล้วพูด “นั่นแฟนสาวของฌองค่ะ เบียงก้า เรย์น เธอยืนอยู่ตรงประตูนั่นค่ะ! ตายแล้ว ตัวจริงสวยมากเลยนะคะ มาค่ะ ไปดูกันค่ะแม่...”เบียงก้าถึงกับพูดไม่ออก“เข้ามาสิ” ฌองมองเบียงก้าด้วยแววตาอ่อนโยน เขาจูงมือเธอเบียงก้าต้องฝืนยิ้มให้กับญาติของฌองตามมารยาท คุณย่าของฌองไม่ยอมปล่อยมือจากเบียงก้าด้วยซ้ำ เธอจับมือของเบียงก้าไว้แล้วตบเบา ๆ เวลาที
“พวกเรามาที่นี่ เพราะว่า…” ลุคยังพูดไม่ทันจบประโยค เขาก็มองไปเห็นหญิงชราคนหนึ่งเดินมาทางพวกเขาหรือคุณยายท่านนี้จะเป็นแม่ของคุณบี?“สวัสดีครับ คุณยาย!” ลานี่ทักทายหญิงชราอย่างสุภาพคุณยายอย่างนั้นหรือ...?เบียงก้ามองตามลานี่ไปยังด้านหลังของเธอหญิงชราวัยห้าสิบเศษ สวมชุดวอร์มอะดิดาสสีชมพูขาว เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงพวกเขาสามคนลุครู้ดีว่าหญิงชราคนนี้ไม่ใช่แม่ของเบียงก้า เขาจึงไม่ได้พูดอะไร“คุณน้ามีอะไรรึเปล่าคะ?” เบียงก้ากังวลกับสายตาที่หญิงชรามองมาที่เธอหญิงชราขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มแนะนำบางอย่างแก่เบียงก้า “เมื่อแต่งงานแล้ว เธอต้องเรียนรู้วิธีดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัวของเธอด้วยสิ อย่าทำให้สามีและลูกของเธอโกรธ ที่ฉันจะพูดก็คือ ดูเธอสิ! นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว แต่เธอเพิ่งกลับน่ะรึ?”คำว่า “สามีของเธอ” คงจะหมายถึงชายหน้าตายที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเป็นแน่เบียงก้าทั้งอับอายและอึดอัดที่สุดเบียงก้าพยายามจะอธิบายให้หญิงชราเข้าใจ แต่หญิงชราหันไปมองลุคด้วยสายตาอันไร้ความปราณีเช่นกัน “คุณเองก็ไม่ได้เป็นสามีที่ดีนักหรอกนะ คุณไม่ควรจะโกรธภรรยาของคุณ เพียงเพราะเธอเข้มงวดกับคุณ อย่างนี้แล้วคุณจ
วันถัดมาเบียงก้าออกจากบ้านตอนแปดโมงเช้าเธอภูมิใจเหลือเกินที่ห้องเช่าราคาถูกนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน เพราะด้วยรถไฟใต้ดิน เธอใช้เวลาแค่เพียงยี่สิบนาทีก็เป็นอันถึง เมื่อเธอเดินพ้นตัวอาคารออกมา เบียงก้าจำต้องยกมือขึ้นป้องที่ใบหน้าของตัวเองเพื่อให้พ้นจากแสงแดดอันแรงกล้าเธอแทบไม่ได้หลับได้นอนตลอดทั้งคืน ดวงตาของเธอจึงเหนื่อยล้ามากในตอนที่ลุกจากเตียงเพียงแค่แสงแดดก็มากพอจะทำให้ตาของเธอระคายเคืองได้แล้วเมื่อคืนเบียงก้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อตอบคำถามที่ว่าทำไมท่านประธานต้องให้ของขวัญอะไรเธอมากมายขนาดนี้?เรื่องการดูแลถึงบ้าน หรือแม้แต่เรื่องสุขภาพนั่นคงจะเป็นสิ่งที่เขามอบให้แทนคำขอบคุณ เพราะเธอช่วยดูแลลูก ๆให้เขาอย่างนั้นใช่รึเปล่า?”เรื่องดอกไม้นำเข้านั่น อาจจะเป็นเพราะว่าเขาแค่อยากจะปลอบใจเธอที่ป่วยอย่างนั้นหรือ?ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดูเป็นมิตรเอาเสียเลยเธอยังงงรู้สึกมึนงงกับของขวัญสองกล่องเมื่อคืนไม่หายไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฟุ่มเฟือยของเขา หรือแม้แต่ของขวัญที่เขาส่งให้เธอเมื่อคืน ทั้งหมดนั่นสร้างความไม่สบายใจให้เบียงก้าอย่
บลองช์มองดูพ่อของเขาขับรถออกไปอย่างไม่พอใจ เด็กชายรู้ดีว่าครั้งนี้ตนทำให้พ่อต้องเจ็บปวดจากคำพูดที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอันแสนเย็นชาของเขาเรนนี่ลงมาจากบันได แล้วเดินออกมานอกตัวบ้าน เธอถามพี่พี่ชายของตัวเอง “พ่อไปไหนเหรอคะ?”“ไม่รู้สิ พี่คิดว่าพี่คงจะทำให้พ่อไม่พอใจแน่เลย” เด็กชายก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด น้ำเสียงดูไม่ดีนักในตอนที่เขาสารภาพกับน้องสาว“พี่ชายคะ หนูคิดถึงคุณบีจัง!”ถ้าจะถามว่าแล้วกับพ่อของเธอล่ะ? เขาเป็นอย่างไร? พ่อของเธอเป็นไม่ใช่คนสนุกสนานเฮฮา เขามักจะมองเธอด้วยสายตาอันแสนเย็นชา เธอชอบพ่อของตัวเองน้อยกว่าคุณครูที่ช่างคุยจนน่ารำคาญของตัวเองเสียอีก เรนนี่ ครอว์ฟอร์ดไม่เคยสนใจด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอจะมีเวลาช่วงวันหยุดให้เธอหรือไม่แต่คุณบีต่างออกไป เธอเป็นคนน่ารักแถมยังยิ้มเก่งเสียด้วย“เรนนี่อยากให้พี่พาไปหาคุณบีที่บ้านของเธอไหม? พี่รู้ว่าคุณบีอยู่ที่ไหน!” บลองช์พูดแล้วจับมือของเรนนี่เอาไว้เรนนี่พยักหน้ารับสองแฝดความต้องการตรงกันในทันทีสองพี่น้องออกจากบ้าน หาแท๊กซี่จากแอปพลิเคชั่นหลังจากที่พวกเขาบอกจุดหมายปลายทางแก่คนขับ รถยนต์คันนั้นก็มุ่งตรงไปยังระแวกบ้านของเบีย
ลุคไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่เอ่ยเตือน “อาหารเย็นชืดหมดแล้ว”เพียงเท่านั้น เขาก็หันหลังแล้วเดินไปยังระเบียงเล็กและแคบเพียงสองตารางเมตร ราวกับว่าเขารู้จักที่นี่ไม่ต่างไปจากหนังมือของตัวเองเบียงก้ายืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างเดิม ลุคทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าของบ้าน เขาล้วงเอากล่องบุหรี่ออกมาแล้วเดินไป เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่อง คีบมันใส่ปากแล้วจุดไฟสูบทุกกริยาของเขาดูนุ่มนวลและเท่เหลือทนที่นี่มันบ้านของเธอ แต่เด็กสองคนที่นั่งถือช้อนอยู่บนโต๊ะขณะที่จ้องมองชามที่ยังว่างเปล่า ทำเอาเธอรู้สึกติดค้างพวกเขาเสียอย่างนั้น แต่พวกเขาก็ยังเชื่อฟังและน่ารักอย่างยิ่งปัญหาเดียวของเธอก็คงจะเป็นผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาดูจะไม่สนใจเลยสักนิดว่าเธอเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ตามมารยาทแล้ว ควรจะมีใครสักคนอธิบายว่าเขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร…เบียงก้าตักอาหารให้เด็กทั้งสองก่อน เธอไม่ได้กินอะไรเลย แต่เลือกที่จะไปหลบในครัวแทนเธอทำเรื่องพื้นฐานทุกอย่างที่แม่ของบลองช์และเรนนี่ควรทำ โดยที่ไม่มีรับค่าตอบแทนอะไรกลับมานี่มันดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลยเบียงก้าหลงคิดไปว่าห้องครัวจะเป็นสถานที่ปลอดภัยของเธ
ริมฝีปากอันอบอุ่นและเย้ายวนของลุคลูบไล้ลงไปยังเนินอกของเบียงก้า... เสียงลมหายใจดังหวีดหวิว เธอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ประเดประดังอยู่ภายในกำลังจะปะทุออกมา น้ำตาหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่น้อยของเธอราวกับสายน้ำไหล ทันใดนั้น ความคิดของเธอพลันพลันถลำลึกลงไปยังเหตุการณ์ที่เอ่ยถึงไม่ได้คืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน เสียงใด ๆ ไม่อาจกระทบกับโสตประสาทของเธอได้นอกจากเสียงเหนื่อยหอบของชายหนุ่มตรงหน้า เบียงก้าจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นหลังจากที่เธอได้ให้กำเนิดแล้ว เธอกับนีน่าคุยกันผ่านวิดีโอในตอนที่เธอบังเอิญเห็นเศรษฐีในข่าวทางโทรทัศน์ ข้อตกลงถือเป็นสิ่งที่เด็ดขาด มันไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นผู้ชายประเภทไหน เบียงก้าไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธอยู่ดี เมื่อโดนบังคับจูบอย่างไม่เต็มใจ เบียงก้าอดไม่ได้ที่จะนึกถึงชายวัยกลางคนผู้นั้นจนอาการคลื่นไส้ซัดขึ้นมาเหนือหน้าอก จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าครองสติไม่อยู่ ลุคสัมผัสได้ว่าเธอกำลังฟุ้งซ่าน เขาจับที่คางของเธอด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นเขาก็เงยหน้าของเธอขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยตัณหาของเขาจ้องมองมาที่เธออย่างจดจ่อ "คุณกำลังคิดอะไรอยู่? คุณร้องไห้ทำไม?" เบี
ในคืนนั้น ณ คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ด ทั้งครอบครัวกำลังรับประทานอาหารเย็น และลุค ครอว์ฟอร์ดไม่ได้ร่วมมื้ออาหารนั้นด้วย อลิสัน แทนเนอร์หยิบชิ้นแตงกวาใส่ลงในชามของลานี่ จากนั้นก็หยิบใส่ลงในชามให้เรนนี่ “คุณย่าอยากให้สิ่งที่ดีกับพวกหลานนะ แม้ว่าจะไม่ชอบ แต่หลานจะต้องหัดกินบ้าง หลานกำลังเติบโตขึ้น ดังนั้นพวกหลานคงไม่อยากจะตัวเล็กไปตลอดใช่ไหมจ๊ะ?” ทุกคนที่อยู่ร่วมโต๊ะต่างก็กำลังรับประทานอาหาร บลองช์มองแตงกวาในชามแล้วตักเข้าปาก เขารับประทานเข้าไปอย่างว่าง่าย หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่คุณย่าของตอน “คุณย่า ทำไมถึงไม่ทานหัวหอมบ้างล่ะครับ?” มีจานหัวหอมผัดอยู่บนโต๊ะ บลองช์และน้องสาวของเขาต่างก็ชื่นชอบเช่นเดียวกับคุณปู่ทวด คุณลุงหลุยส์และคุณย่าซูซานเองก็ชอบหัวหอมเช่นกัน มีเพียงคุณย่าเท่านั้นที่ไม่ชอบหัวหอม เธอมักจะผลักจานหัวหอมผัดออกห่างจากเธอ คุณย่ามักจะพูดเสมอว่า กลิ่นของมันเหม็นจนทำให้เธอไม่อยากอาหาร ก่อนที่อลิสันจะได้พูด ซูซาน อาร์มสตรองก็กล่าวออกมาอย่างเย้ยหยันว่า “เพราะว่าคุณย่าหลานเป็นพวกเรื่องมากยังไงล่ะ” เมื่อผู้อาวุโสคอรว์ฟอร์ดได้ยินเช่นนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและกระแอมอ
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็กชายยังคงไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำและรอให้พ่อของเขาออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จจากนั้นไม่นาน ลุคก็ออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอว หน้าอกอันกระชับของเขาเปล่งประกายไปด้วยหยดน้ำที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกที่แสนจะเย้ายวน“คุณพ่อครับ ผมเชื่อว่าคุณบีเธอเองก็มีพ่อมีแม่ แล้วทำไมพ่อถึงต้องดูแลด้วย?” บลองช์ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้ลุคนั่งลงด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายในขณะที่เขากำลังเช็ดผมที่เปียกด้วยผ้าขนหนู เขาถามกลับว่า “ลูกอายุเท่าไหร่? แล้วเธออายุเท่าไหร่?"“อืม ผมอายุ 5 ขวบ...” บลานช์ตอบ “แต่ผมไม่รู้ว่าคุณบีอายุเท่าไหร่”ลุคมองดูลูกชายแล้วตอบอย่างจริงจังว่า “ลูกอายุ 5 ขวบและเธออายุ 24 ปี ทั้งสองคนอายุห่างกันตั้ง 19 ปี ลูกจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และลูกจะเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับพ่อ เมื่อถึงตอนนั้น ลูกจะมีอาชีพและความฝันที่อยากจะไล่ตาม และพ่อก็คงจะมีอายุสัก 50 ได้และหลังจากไม่นาน พ่อก็จะแก่ชราเช่นเดียวกับคุณบีของลูก วันหนึ่งเราจะแก่เหมือนกับคุณปู่ทวดของลูก แต่กว่าจะถึงวันนั้นยังมีเวลาอีกมากมาย ผู้ชายมีไหล่ที่แข็งแรงกว่าผู้หญิงเมื่อต้องทนต่อเรื่องความเจ
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เบียงก้าจึงเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เด็ก ๆ ยังคงนอนในห้องเล็ก ๆ ขนาดสามร้อยตารางฟุตใต้แสงจันทร์ แต่ตอนนี้ผู้ใหญ่สองคนกลับกอดกันอยู่ตรงประตู เบียงก้าต้องการหันหลังกลับและมุ่งหน้าเข้าไปในห้อง แต่ชายหนุ่มก็กอดร่างอันบอบบางของเธอไว้แน่นอย่างร้ายกาจ “อย่าทำอย่างนี้สิคะ เด็ก ๆ จะเห็นเราถ้าพวกเขาตื่น…” เธอเหนื่อยหอบในอ้อมแขนของลุค ลุคเป็นสัตว์ร้ายอยู่แล้วตั้งแต่ตอนที่ยังเขาไม่ดื่ม แต่ตอนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแล้ว… เบียงก้าไม่อยากจะจินตนาการ เธอทำได้เพียงอธิษฐานว่าเขาจะไม่ดำดิ่งลงไป “ผมไม่บังคับคุณหรอกถ้าคุณไม่เต็มใจ คุณต้องบอกผมถ้าผมกำลังทำร้ายคุณอยู่ ต้องรีบบอกออกมาเลยนะ” ลุคเอาริมฝีปากบางและเย้ายวนของเขามาแนบใบหูของเธอ ก่อนจูบผิวที่ขาวเนียน เขาพยายามอย่างหนักที่จะระงับความอยากที่จะครอบงำเธอ เบียงก้าเงียบงันอยู่ในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มสัญญากับเธอ เธอคิดว่ามันน่าขันที่ลุคมักจะเป็นสัตว์ร้าย แต่เขาก็ยังเห็นอกเห็นใจมากขึ้นทั้งที่อยู่ในสภาพเมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนในตอนที่พวกเขากอดกัน เรนนี่หลับใหลและพึมพำห
เบียงก้าส่ายหน้าอย่างงุ่มง่ามเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไร เธอกังวลว่าใบหน้าที่บูดบึ้งของเขาอาจทำให้เด็กชายหวาดกลัว เธอจึงรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเขาและพยักหน้าให้เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ แขนของลุคว่างเปล่าในทันใด เขามองไปที่เบียงก้าซึ่งกำลังพาลูก ๆ ไปเล่นที่อื่นด้วยความห่วงใยและความไม่พอใจที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขา เขาไม่พอใจที่เบียงก้าตอบโต้เขาอย่างเย็นชาก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะคิดว่าเธอทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวคนอื่นจะเห็น ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะอ้างตัวเธอว่าเป็นของเขาเองนั้นก็ทำให้เขาไม่พอใจด้วย เขาอยากจะเดินไปกอดเธอในอ้อมแขนและประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเบียงก้า เรย์นเป็นผู้หญิงของลุค ครอว์ฟอร์ขนาดไหนใครจะรู้! ไม่เพียงเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังให้กำเนิดลูกของเขาด้วย! ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ถึงสอง! เบียงก้าก้มศีรษะลงที่เท้าของผู้บริหารเมืองเป็นการทักทาย แล้วก้มหน้าก้มตาวิ่งหนีไปราวกับว่าเธอกำลังหลบหนี เธอกังวลว่าผู้บริหารเมืองจะเข้าใจผิด “ช่างอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือเกินนะ ท่านประธานครอว์ฟอร์ด! เราก็ทานอาหารเย็นกันบ่อย ๆ ทำไมผมไม่เห็นด้านนั้นของคุณเลยล่ะ?” ผู้บริหารเมืองชายวัยกลางคนหัวเราะ
“น้าบี… จริงเหรอคะ?” เรนนี่มองไปที่เบียงก้าด้วยแววตาลูกสุนัขที่มีน้ำตาเอ่อคลอ เบียงก้าก้มศีรษะลงจูบที่หน้าผากของเรนนี่ และขยี้ผมของเธอ “ไม่เลย น้าไม่เคยคิดว่าหนูน่ารำคาญเลยนะ” น้ำเสียงของเบียงก้าอาจจริงจังเกินไป ไม่เพียงแต่จะโน้มน้าวใจเด็กน้อยอย่างเต็มที่ แต่คำพูดของเธอยังทำให้เจสันซึ่งกำลังขับรถอยู่ตกใจไปด้วย เจสันถือว่าตัวเองเป็นคนที่ผ่านอะไรมามาก เขาเคยเห็นคนทุกประเภทตั้งแต่ผู้สูงศักดิ์และยิ่งใหญ่ไปจนถึงคนอนาถาและน่ารังเกียจ ในช่วงหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมา เขาคิดว่าเขาเชี่ยวชาญในการอ่านนิสัยของคนอื่นและสามารถบอกความจริงจากการโกหกได้อย่างง่ายดาย ในขณะนั้น เจสันไม่รู้สึกถึงคำโกหกใด ๆ จากปากของเบียงก้าเลย เขาอดไม่ได้ที่จะแอบมองเบียงก้าผ่านกระจกมองหลัง ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองกำลังเห็นแม่ผู้ให้กำเนิดเด็กทั้งสองคน... โรงพยาบาลในเมืองเอ เมื่อผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตื่นขึ้น เขาไม่เห็นแม้แต่หลานชายหรือเหลนทั้งสองคนของตัวเอง เขาเริ่มกังวลทันที อลิสันเข้ามาในนาทีนั้นและพยายามปลูกฝังความคิดในหัวของชายชรา “พ่อจะโทรไปถามลุคไหม?” “ฉันควรถามอะไรล่ะ?” ผู้อาวุโสครอว์ฟอร์ดตอบกลับระหว่
เบียงก้ากับแวนด้าขึ้นไปชั้นบนเพื่อคุยกันเป็นการส่วนตัว ลุคกำลังอยู่ในสายของการประชุมธุรกิจระหว่างประเทศ ขณะกำลังคุยโทรศัพท์ เขาสามารถเห็นได้จากท่าทางของคนทั้งสองว่าการสนทนาระหว่างเบียงก้าและแวนด้านั้นไม่ปกติ แต่เขาไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังพูดกันเท่าไหร่นัก เมื่อเขาวางสาย ลุคเห็นจากหางตาว่าเบียงก้าและแวนด้าหายตัวแถวหัวมุม “เธอบอกว่าเธอเป็นน้าของเบียงก้า” เจสันเข้ามารายงานสถานการณ์ตามความจริง ลุคหันไปสั่งเจสันว่า "ไปสืบประวัติของน้าคนนั้น" เจสันโค้งคำนับ ลุคมองเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสองที่เปิดทิ้งไว้ เขายังคงนิ่งเฉยไม่แสดงออก แม้ว่าความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในห้องบนชั้นสอง เบียงก้ารู้สึกเขินอาย ไม่เพียงเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับน้าที่เธอเคยได้ยินผ่านเรื่องเล่า แต่ยังเป็นเพราะเธอกลัวว่าน้าจะรับรู้ถึงฮอร์โมนเพศชายที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองทำอะไรผิด แวนด้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องและถามด้วยความสงสัย “ผู้ชายที่ลงมาข้างล่างกับเธอ…” “เขาเป็นเจ้านายของฉัน” เบียงก้าตอบก่อนที่น้าของเธอจะถามคำถามเสร็จ เบียงก้ายังเด็กและไม่ค่อยรู้จักวิธี
เบียงก้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการข่มใจที่เล็ดลอดออกมาจากร่างของชายผู้นั้น แม้ว่าเธอจะได้รับการเตือนว่าชายผู้นี้มีความรู้สึกตรงกันข้ามก็ตาม เขาน่ะหรือจะห้ามใจ มีแต่จะทำตามใจตัวเองมากกว่า หัวใจของเธอเต้นแรง และปากเริ่มมีน้ำลายสอ เมื่อนึกถึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงของชายหนุ่ม “คุณ… ออกไปรอข้างนอก… ฉันอาบน้ำเองได้ค่ะ” หลังจากระเริงไปหลายครั้งเมื่อคืน เบียงก้าอายเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา บ้านหลังเก่าที่รกร้างและมืดมิดนั้นทั้งอบอุ่นและร้อนแรงเพราะมีเขาอยู่ กลิ่นของความสกปรกและความชื้นส่งกลิ่นแรงอยู่ตรงหน้าบ้าน แม้ว่าชายผู้นั้นจะจุมพิตและหายใจแรง แต่เธอก็ได้ให้ทุกสิ่งแก่เขาไป ราวกับว่าเธอได้หลอมรวมตัวเองเข้ากับร่างกายที่เร่าร้อนของเขาไป จากนั้น ก็ร่วมรักกันในรถอีกรอบ เบียงก้าคิดว่าลุคเป็นปีศาจที่หิวกระหายเนื้อมนุษย์ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเขามักจะหิวโหยร่างกายของเธอเสมอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็พลีกายให้เขาไปหลายครั้ง! โชคดีที่ความมืดมิดในยามค่ำคืนได้บดบังใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจนักเมื่ออยู่กับเขาตามลำพัง แต่เธอไม่อาจหลบซ่อนมันจากการร่วมรักที
ชั้นล่างบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อนร่วมงานบางคนซื้อซาลาเปาสำหรับการทำงานกะเช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานหญิงกำลังเตรียมข้าวโอ๊ตอยู่ในครัว ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าข้าวโอ๊ตที่ซื้อจากร้านมีเนื้อหยาบเกินไป เป็นครั้งแรกที่ลูก ๆ ของเจ้านายลิ้มลองซาลาเปาแป้งทำมือจากเมืองเล็ก ๆ พวกเขารับประทานคนละสองชิ้น แต่เหมือนจะยังไม่พอ เรนนี่ยัดขนมปังเต็มปากแล้วกะพริบตาอย่างไร้เดียงสาใส่คุณลุงดอยล์ของเธอ ก่อนขอเพิ่มทั้งที่ยังเคี้ยวอยู่เต็มปาก “ทานช้า ๆ ก็ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะไปซื้อมาเพิ่ม” เจสันขยี้ผมของเรนนี่ เมื่อเขาลุกขึ้น เขาหันไปหาเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แล้วพูดว่า "ผมจะซื้อมาฝากทุกคนเหมือนกัน" ขนมปังไม่เพียงพอสำหรับทุกคน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเจ้านาย ผู้ช่วย และลูกสองคนของเขาทำให้เพื่อนร่วมงานต้องแบ่งอาหารให้ ในเมืองกำลังพลุกพล่าน เจสันยืนอยู่หน้ารถขายอาหารและซื้อซาลาเปาใส่ไส้ไก่มากว่าสิบห้าชิ้น เมื่อเขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและกำลังจะจ่าย เขาสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแสนเรียบร้อยเดินเข้าไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน เธอดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ "ชิ้นละ 1.80 เหรียญ ซื้อ 15 ชิ้นก็เป
รถลีมูซีนเบนท์ลีย์สีดำไม่ได้ขับรถเข้ามาในสนามหญ้าหน้าบ้านแต่กลับจอดอยู่ด้านนอกแทน ลุคไม่ได้ขับรถมาเอง หลังจากที่เจสันจอดรถแล้ว เขาก็ออกไปเปิดประตูเบาะหลัง เจ้านายและลูกน้อยสองคนก้าวออกมา เหมือนเช่นเคย ลุคแต่งตัวอย่างไร้ที่ติในชุดสูทมาดธุรกิจและรองเท้าหนัง ทว่าจากใบหน้าของเขาสามารถบอกได้ง่าย ๆ ว่าเขามีชีวิตชีวามากกว่าปกติราวกับว่าเพิ่งได้ยินข่าวดีมา เรนนี่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ เธอได้กลิ่นโคโลญจน์ของเขา ขณะที่ลานี่วิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้อยู่ “สวัสดีค่ะ พ่อหนุ่มน้อยรูปหล่อ!” เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งทักทายลูกชายของเจ้านาย 'ทริปนี้คุ้มมาก!’ 'สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะไม่ดีเท่าในเมือง แต่ได้เห็นหน้าเจ้านาย และลูกชายกับลูกสาวที่น่ารักของเขาก็พอแล้ว!’ 'ช่างมีความสุขเหลือเกิน!' ลานี่มองไปรอบ ๆ ฝูงชนแต่ไม่พบคุณน้าบีเลย แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทและทักทายกลับว่า “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณคนสวย!” เพื่อนร่วมงานหญิงที่ถูกเรียกว่า "คุณคนสวย" ยิ้มกว้าง โจพร้อมทำหน้าที่และพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาก้าวไปข้างหน้าแล
เบียงก้าระงับเสียงครางเอาไว้ ร่างกายของเธอเกร็ง ขณะกำผ้าม่านตรงหน้าแน่น... ม่านไม่ได้ยึดอย่างแน่นหนา ขณะที่ชายที่อยู่ข้างหลังเธอเคลื่อนเข้าไปหาเธออีกนิ้ว เธออ้าปากค้าง และจิตใจว่างเปล่า ผ้าม่านหลุดลง... "ใจเย็น" ลุคก้มศีรษะลงและจูบต้นคอของเธอ ผิวขาวภายใต้แสงจันทร์ดูเรียบเนียนและอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าอย่างจงใจ ปากของเขาทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้บนร่างกายของเธอ “อา… อืม…” เธอไม่สามารถต้านทานริมฝีปากและเรียวลิ้นที่บุกรุกเข้ามาได้ เบียงก้าเชยคางและทิ้งตัวบนหน้าต่าง ชายที่อยู่ข้างหลังเธอยังคงดันนิ้วเข้าไปทีละนิ้วราวกับเขาถูกปีศาจสิง เธอรู้สึกได้ว่าการหายใจของเธอเริ่มหนักขึ้น เธอหายใจถี่และลึกขึ้นเพื่อจะได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนที่เบียงก้าลืมตาขึ้น เธอมองเห็นหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้นจากลมหายใจของเธอ ความรู้สึกไม่สบายกายเกิดขึ้นเพียงห้านาทีและกลายเป็นความเลื่อนลอย... มันเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีที่แล้วที่เธอเคยชินกับการปรากฏตัวของชายคนนั้น หรือในปีนี้ที่เธอได้ติดต่อกับชายคนนั้นที่โรงแรม เธอก็รู้สึกสั่นสะท้านเช่นเดียวกัน… มื
เธอไม่อาจต้านทานจุมพิตอันเร่าร้อนของชายผู้นี้ไม่ได้ บนใบหน้าของพวกเขา กลิ่นของทั้งสองเป็นเหมือนกับสิ่งที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ อาจเป็นเพราะพวกเขาเกือบเสร็จกิจเมื่อเช้านี้เอง และตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสอีกครั้ง ลุครู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย ความปรารถนาที่ไม่ลดละของเขาบดขยี้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่ลดความรุนแรงลง เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความทรมานจากเสียงครางของเธอ เขาอยากจะกลืนกินร่างที่เขาหิวโหยไป ชายหนุ่มดูราวกับเด็กที่เพิ่งได้ลองชิมขนมเป็นครั้งแรก เขาปรารถนาร่างกายของเธอมานานแล้ว จนเมื่อเช้าที่เขาได้มีโอกาสได้ลิ้มรสความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน เมื่อได้รับขนมอร่อย ๆ เด็กที่ไหนก็เหมือนกันหมด พวกเขาจะแกะมันออกจากห่ออย่างตะกละตะกลาม แล้วเอาเข้าปาก ก่อนใช้ความอบอุ่นและน้ำลายละลายพวกมัน พวกเขาอาจจะอ่อนโยนหรือรุนแรง ก็แล้วแต่ระดับความกระหายของคนเป็นเจ้าของ... ลุคกับเบียงก้า เปรียบได้กับเด็กตะกละกับขนมอร่อย ... “อืมมม…” ร่างของเบียงก้าอ่อนยวบเมื่อลุคกอดเธอในอ้อมแขนจนแน่น ช่องปากของเขาอุ่นชื้น เธอจมดิ่งลงไปในจูบอันป่าเถื่อนของเขา… เธอกำ